“พล.อ.ประวิตร”ลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี-ชุมพร เร่งบูรณาการหน่วยงานเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี และจ.ชุมพร ที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีกล่าวต้อนรับ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ผู้แทนสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) รายงานการคาดการณ์สภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้ ผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมพบปะให้กำลังใจประชาชนที่รับผลกระทบจากน้ำท่วมพร้อมมอบถุงยังชีพ ในพื้นที่ตลาดท่าชนะ ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางต่อไปยังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดชุมพร (ส่วนหน้า) ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดย ผวจ.ชุมพร กล่าวต้อนรับและรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) รายงานการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของจังหวัดชุมพร พร้อมเยี่ยมประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและมอบถุงยังชีพ ณ ที่ว่าการอำเภอทุ่งตะโก ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ตามลำดับ
พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายแก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและเน้นย้ำในโอกาสตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ชุมพร ว่า ขณะนี้ภาคใต้ของประเทศไทยยังได้รับอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง ทำให้มีฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย จึงได้ตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่ ศอ.บต. จังหวัดยะลา เพื่อคาดการณ์และแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำได้อย่างทันท่วงที และรัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนแผนแม่บทน้ำฯ 20 ปี เพื่อให้แก้ไขปัญหาน้ำในทุกพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน
จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือดำเนินการ 3 ส่วนหลัก คือ 1.เร่งรัดบูรณาการให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย รวมทั้งเร่งสำรวจความเสียหาย ฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ 2.ให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ วางแผนการระบายน้ำพื้นที่ชุมชน ควบคู่กับการวางแผนเก็บน้ำสำรองไว้รองรับในช่วงฤดูแล้งด้วย และ 3. เร่งรัดโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับงบประมาณให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับงบกลางจากรัฐบาลไปให้สามารถช่วยเหลือ และลดผลกระทบให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด
ทั้งนี้สถานการณ์น้ำท่วมและพื้นที่ประสบภัยพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบันพบว่า ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 1 จังหวัด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อ.พุนพิน และ อ.บ้านนาเดิม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งให้การให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการเร่งระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบโดยเร็ว รวมถึงการมอบถุงยังชีพ รถผลิตน้ำดื่มเพื่อบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กอนช.ยังคงติดตามสถานการณ์ คาดการณ์พื้นที่เสี่ยง เพื่อประสาน กำกับติดตาม หน่วยงานเกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 ธันวาคม 2564