โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: สิงหาคม 2022

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัวแสดงความถึงกรณีเมื่อวาน(5ส.ค.) ธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ไปอยู่ที่ 1.75% เป็นการเพิ่มสูงสุดในรอบ 27 ปี เพื่อจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึง 9.4% และคาดว่าเดือนตุลาคมนี้ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษจะไปแตะระดับสูงสุดที่ 13.3% แล้วจะค่อยๆลดลงสู่กรอบเงินเฟ้อ 2% ในเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า

เมื่อหันกลับมาพิจารณาของไทยคงหนีไม่พ้นที่ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่ แต่จะขึ้นเท่าไร คงต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการผลิต( กนง.) ในสัปดาห์หน้า เพราะล่าสุดวันนี้(5ส.ค.) กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศอัตราเงินเฟ้อลดลงจากเดือนที่แล้วเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.61% ต่ำกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.0%

เมื่อดูตัวเลขแล้ว หลายคนถามมาว่า เศรษฐกิจโลกถดถอย เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น หลายประเทศสถานะทางการคลังย่ำแย่ ของไทยเราจะเกิดวิกฤติเหมือนปี 2540 อีกหรือไม่ ซึ่งในการบริหารความเสี่ยง เราต้องมองทั้งด้านบวกและด้านลบ

ด้านลบที่เป็นจุดเปราะบาง คือ หนี้ครัวเรือน ดอกเบี้ยขาขึ้น นำไปสู่ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นที่ฉุดรั้งกำลังซื้อในตลาด และเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสีย(NPL) ก็ได้เห็นความพยายามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือให้ความรู้และแนะนำแนวทางป้องกันหนี้เสียให้ภาคครัวเรือนในระดับหนึ่งแล้ว
หันมาดูความแตกต่างที่เป็นด้านบวก ในสถานการณ์ปัจจุบันของไทยมีปัจจัยบวกสองจุดสำคัญ ที่จะไม่ทำให้ไทยเกิดวิกฤตแบบปี 2540 คือ

1. เงินบาทตอนช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งยังใช้ระบบ peg คือ ผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแบบตายตัว แต่วันนี้ ค่าเงินบาทลอยตัวแบบมีการจัดการ (managed float) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตอนนั้นอ่อนค่ามาก แต่ปัจจุบันเงินดอลลาร์กลับแข็งค่า

2. สถาบันการเงินของไทยยังมีผลการดำเนินงานและสถานะการเงินที่เข้มแข็ง อัตราส่วนที่วัดค่าความเสี่ยงด้านต่างๆของธนาคารยังอยู่ในระดับที่ดีมาก ไม่ได้มีอาการที่จะเสี่ยงล้มเหมือนเช่นในอดีต

แต่ในครั้งนี้ สองจุดต่างที่ว่า หากรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าใจ และพิจารณา นำมากำหนดนโยบายการเงินการคลังที่เหมาะสม พร้อมกับวางนโยบายเศรษฐกิจเพื่อการฟื้นตัวในระยะยาวมากกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า เศรษฐกิจไทยคงไม่มีต้มยำกุ้ง แต่อาจจะเป็นต้มข่าไก่ ที่เศษฐกิจไทยอาจได้รับผลกระทบ

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

ที่มา: ทีมข่าว พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.นครศรีฯ มอบข้าวสารสร้างกำลังใจอสม ทำหน้าที่ดูแลชุมชน ผู้ป่วยติดเตียง

,

ส.ส.พปชร.นครศรีฯ มอบข้าวสารสร้างกำลังใจอสม.ทำหน้าที่ดูแลชุมชน -ผู้ป่วยติดเตียง ลดภาระค่าครองชีพ

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.รงค์ บุญสวยขวัญ พปชร. จ.นครศรีธรรมราช” และทีมงาน ลงพื้นที่มอบข้าวสารให้กับตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จาก 2 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) ในพื้นตำบลบางจาก จำนวน 80 คน เพื่อนำไปมอบให้ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ตำบลบางจาก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในช่วงปัญหาเศรษฐกิจเงินเฟ้อ โดยมีนายก อบต. บางจาก กำนันเล็ก และนายกเทศบาลตำบลบางจาก อาจารย์สุธัม นายก อบต. สวนหลวง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมและรับประทานอาหารร่วมกัน

โอกาสนี้ ส.ส.รงค์ ได้เดินทางไปยังสำนักสงฆ์วิสุทธิธรรม ศาลามีชัย เพื่อมอบข้าวสารให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่หมู่ที่ 10 ตำบลท่าเรือ อ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเป็นขวัญและกำลังในการรักษาตัว

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน


ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. ขึ้นหารือสภาฯ สู่แนวทางแก้ปัญหาน้ำแล้งพื้นที่การเกษตร 1.5 พันไร่ จ.ร้อยเอ็ด

,

ส.ส.พปชร. ขึ้นหารือสภาฯ สู่แนวทางแก้ปัญหาน้ำแล้งพื้นที่การเกษตร 1.5 พันไร่ จ.ร้อยเอ็ด

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.สุรพร ดนัยตั้งตระกูล พปชร. บัญชีรายชื่อ” อภิปรายถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านกุดก่วง ตำบลวังสามัคคี อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด กรณีสถานีสูบน้ำคลองส่งน้ำชำรุดใช้การไม่ได้มา15ปี ขณะนี้ทางสำนักงานชลประทานที่ 6 ได้เริ่มปรับแนวท่อสูบจากลำน้ำยังไปยังสถานีสูบน้ำ ที่จะได้เร่งบูรณะพร้อมคลองส่งน้ำและสร้างฝายกักเก็บน้ำแบบซอยซีเมนต์ ภายใต้งบประมาณ 40 ล้านบาท เสร็จแล้วจะก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตลำน้ำยัง มูลค่า 400 ล้านบาทต่อไป เพื่อให้พื้นที่ 1,500 ไร่ ของเกษตรกรมีความสมบูรณ์ตลอดปี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กินดีอยู่ดี ควบคู่กับรับฟังปัญหา นำความเดือดร้อนไปแก้ไข ยังเดินหน้าสู่เป้าหมายในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. กทม. รับฟังปัญหาความเป็นอยู่ปชช.ในพื้นที่ มอบสิ่งเครื่องอุปโภคบริโภคของแบ่งเบาภาระกลุ่มเปราะบาง

,

ส.ส.พปชร. กทม. รับฟังปัญหาความเป็นอยู่ปชช.ในพื้นที่ มอบสิ่งเครื่องอุปโภคบริโภคของแบ่งเบาภาระกลุ่มเปราะบาง

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.ชาญวิทย์ วิภูศิริ พปชร. กทม.” และทีมงานกลุ่มเพื่อชาญวิทย์ ลงพื้นชุมชนคลองโตนด และหมู่บ้านมีนบุรีการ์เด้นโฮม เพื่อเยี่ยมเยียนและดูแลความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนและกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง พร้อมมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่แก่ และผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับกลุ่มดังกล่าว

ทั้งนี้ ส.ส.ชาญวิทย์ ยังได้ร่วมพูดคคุยรับฟังปัญหาสาระทุกข์สุขดิบและความเป็นอยู่ พร้อมรับข้อเสนอแนะจากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ สอดรับกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการให้คนไทยทุกคนกินดีอยู่ดี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กินดีอยู่ดี ควบคู่กับรับฟังปัญหา นำความเดือดร้อนไปแก้ไข ยังเดินหน้าสู่เป้าหมายในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” แจ้งข่าวดี!!! ชาวบ้านป่าแดด เดินหน้าสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างเสร็จปี 69

,

“พล.อ.ประวิตร” แจ้งข่าวดี!!! ชาวบ้านป่าแดด เดินหน้าสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างเสร็จปี 69

วันที่ 4 สิงหาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ถึงผู้นำชุมชนและประชาชนต.ป่าแดด จ.เชียงราย กว่า 300 คน ที่จะได้รับอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง เพื่อการอุปโภคบริโภค และประกอบอาชีพทางการเกษตร ซึ่งส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิต

ทั้งนี้รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ให้ความสําคัญในการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม และเพื่อสร้างอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนมาโดยตลอด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างที่ประชาชนรอคอยมายาวนานถึง 30 ปีนั้น จึงได้มอบหมายให้คณะทำงานมีการติดตาม และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบบูรณาการเพื่อให้เกิดร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็ว

“วันนี้ ผมยินดีที่จะแจ้งให้ทุกคนได้ทราบว่า โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างแห่งนี้ผ่านความเห็นชอบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ทั้งจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม, กรมป่าไม้ และกรมอุทธยาน ขั้นตอนต่อไป ภายในปี 65 นี้ กรมชลประทานจะเร่งดำเนินการขออนุมัติเปิดโครงการ เร่งทำการสำรวจพื้นที่เพื่อจ่ายค่าชดเชย และในปี 66 จะสามารถเริ่มทำการก่อสร้างได้ โดยใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ในปี 69 ประชาชน จะมี “อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง” เป็นแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่ทุกคนจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน”

ทั้งนี้มั่นว่า อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จะช่วยให้คนตําบลป่าแดด และพื้นที่ใกล้เคียง มีน้ำเพียงพอเพื่อการอุปโภคบริโภค และเพื่อประกอบอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ที่มั่นคงยั่งยืนให้กับคนลุ่มน้ำลาวตอนกลาง-ตอนล่าง และคนตำบลป่าแดดอย่างแน่นอน ผมขอยืนยันว่าหากพี่น้องประชาชนยังมีปัญหา อุปสรรคอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีให้การช่วยเหลือและแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่ รัฐบาลและต้วผมเอง มุ่งหวังให้ พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสุข ดังนั้น หากทุกข์ร้อนอะไรขอให้บอกทีมงานของผมได้ทุกคนครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. กทม. จัดระเบียบทางเท้าสร้างความปลอดภัยการเดินทางให้นักเรียน

,

ส.ส.พปชร. กทม. จัดระเบียบทางเท้าสร้างความปลอดภัยการเดินทางให้นักเรียน

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.กษิดิ์เดช ชุติมันต์ พปชร. กทม.” และทีมงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยตลอดเส้นทางบริเวณซอยลาดพร้าว 69 และซอยสังคมสงเคราะห์ 7 , 9 และ 11 อำเภอวังทองหลาง กรุงเทพฯ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านและผู้ปกครอง ว่าได้รับผลกระทบจากการจราจรที่ไม่เป็นระเบียบ เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับผู้ใช้ทางเท้าโดยเฉพาะเด็กนักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา ที่ต้องใช้เส้นทางดังกล่าวเดินทางไปและกลับโรงเรียน

ทั้งนี้ จาการลงพื้นที่พบว่ามีการจอดรถไม่เป็นระเบียบ เส้นทางมืดและเปลี่ยว ซึ่ง ส.ส.กษิดิ์เดช มีความเห็นว่าควรมีการจัดระเบียบการจอดรถใหม่ และเพิ่มไฟส่องส่องสว่างในซอยดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง และความปลอดภัยให้กับผู้สัญจรไปมาโดยเฉพาะเด็กนักเรียน ทั้งนี้ จะประสานงานไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เข้ามาแก้ไขโดยเร่งด่วน

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน เพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สร้างการกินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. กทม. ประสานกฟน. แก้ไขหม้อแปลงไฟฟ้าน้ำมันรั่วซึมหวั่นเกิดอุบัติเหตุ

,

ส.ส.พปชร. กทม. ประสานกฟน. แก้ไขหม้อแปลงไฟฟ้าน้ำมันรั่วซึมหวั่นเกิดอุบัติเหตุ

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ พปชร. กทม.” ประสานการไฟฟ้านครหลวง หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประธานและคณะกรรมการหมู่บ้านสินธรและชาวบ้านในพื้น ว่าหม้อแปลงไฟฟ้าบริเวณปากซอย 9 มีน้ำมันรั่วซึมและไหลออกมา หากปล่อยทิ้งไว้เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับผู้ที่สัญจรและชาวบ้านในพื้นที่ได้

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่า มีน้ำมันรั่วซึมจากหม้อแปลงไฟฟ้าจริง ซึ่งทางการไฟฟ้านครหลวง โดยท่านเดชา วิริยะเจริญกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง
ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการแก้ไขด้วยการเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าให้ใหม่ และได้จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับชาวบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน เพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส
ร้างการกินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าปลูกป่าชายเลน 3 แสนไร่ ดึงชุมชน 23 จังหวัด ขับเคลื่อนหนุนคาร์บอนเครดิต

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าปลูกป่าชายเลน 3 แสนไร่ ดึงชุมชน 23 จังหวัด ขับเคลื่อนหนุนคาร์บอนเครดิต

วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 2/65 ได้มีการเร่งรัดขับเคลื่อน ยกระดับการแก้ปัญหาการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยพิจารณาเห็นชอบการออกกฎกระทรวง กำหนดพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ในพื้นที่ จ. ตรัง และ จ.พังงา มีสาระสำคัญ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการคุ้มครอง พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า พันธ์พืชหายาก โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการกัดเซาชายฝั่งทะเล รวมทั้งเห็นชอบการจัดทำแผนที่
ข้อมูลวิชาการของระบบกลุ่มหาดประเทศไทย ปี 65 – 67 นำร่องรวม 11 กลุ่มหาด เพื่อประกอบการตัดสินใจแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

ทั้งนี้ได้ขอให้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ความสำคัญ กับการสร้างความเข้าใจและดึงชุมชนชายฝั่งทะเล เข้ามามีส่วนร่วมปลูกป่าชายเลนร่วมกันในทุกขั้นตอน และต้องให้ชุมชนได้รับประโยชน์ไปพร้อมกันอย่างแท้จริง ทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้และการจ้างงานในพื้นที่ โดยเฉพาะให้ดึงสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ร่วมให้ความรู้กับเด็กและเยาวชน รวมท้ังชุมชนไปพร้อมกัน เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรในพื้นที่แบบมีส่วนร่วมที่มุ่งความยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร’ ยังได้ย้ำถึงการใช้ประโยชน์ทางทะเล ก็ต้องมีการคืนประโยชน์ให้ทะเลไปพร้อมกัน ซึ่งต้องเร่งอนุรักษ์และฟื้นฟูคู่ขนานกัน โดยยังมีงานสำคัญ ที่ต้องช่วยกันเร่งรัดดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในหลายเรื่อง โดยเฉพาะ การประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง การแก้ปัญหาขยะทะเลในฐานะผู้นำกลุ่มอาเซียน และการขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้ทศวรรษแห่งมหาสมุทร ที่ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นที่ตั้ง สำนักงานประสานทศวรรษแห่งมหาสมุทร ซึ่งขอให้ ทส.เร่งรัดผลักดันให้มีความชัดเจน และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงความคืบหน้าในโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ในประเด็น การแบ่งปันผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ระหว่าง ผู้พัฒนาโครงการ และ ทช. ในสัดส่วน 90 : 10 โดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จะแบ่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครึ่งหนึ่ง เพื่อนำไปให้ชุมชนใช้ในกิจกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ โดยมีระยะเวลา 10 ปี ( 66 – 74 ) ในพื้นที่ 23 จว. เนื้อที่ 300,000 ไร่ มุ่งเป้า 6 พื้นที่ โดยเป็นพื้นที่พร้อมปลูกที่ผ่าน การดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ทำนากุ้ง ทำสวนปาล์ม พื้นที่เลนงอก พื้นที่ปรับปรุงสภาพป่าชายเลน รวมท้ังพื้นที่ป่าที่ชุมชนร่วมดูแล

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565

“รมว.ตรีนุช” ร่วมมือรัฐ-เอกชนหนุนเพิ่มศักยภาพอาชีวศึกษา ดันสู่ยุทธศาสตร์ประเทศเร่งพัฒนากำลังคนป้อนตลาดแรงงาน

,

“รมว.ตรีนุช” ร่วมมือรัฐ-เอกชนหนุนเพิ่มศักยภาพอาชีวศึกษา
ดันสู่ยุทธศาสตร์ประเทศเร่งพัฒนากำลังคนป้อนตลาดแรงงาน

วันนี้ (3 สิงหาคม 2565) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพฯ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) เพื่อสนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษา และขับเคลื่อนศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (CVM) พร้อมมอบโล่ขอบคุณการสนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษาให้แก่ อ.กรอ.อศ. 39 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยมีผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ, สภาหอการค้าไทย, ผู้บริหารสถานประกอบการ และผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน เข้าร่วมประชุม

ในฐานะประธาน อ.กรอ.อศ. ชื่นชมและขอบคุณผู้ประกอบการ ทั้ง 39 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ร่วมกันนำนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญและกำหนดให้อาชีวศึกษาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อมุ่งพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะสูง ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และภาคเอกชนถือเป็นพลังหลักสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มอบนโยบายให้ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวะทั้งของรัฐและภาคเอกชนทุกแห่ง ขยายความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบทวิภาคี กับทางภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีเป้าหมายต้องการให้นักเรียนเข้าสู่ระบบการเรียนการสอนในระบบทวิภาคีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 จากปัจจุบันที่จัดอยู่ประมาณ 15 %

“ การสนับสนุนจากภาคเอกชนที่ต่อเนื่องมาหลายปี ได้ปรากฎผลเกิดสิ่งดีๆ ที่เป็นความสำเร็จต่อระบบเศรษฐกิจไทยในหลายอุตสาหกรรม จึงขอความร่วมมือจากภาคเอกชนสนับสนุนด้านอาชีวศึกษาอย่างเข้มข้น และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ดิฉันมารับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน เพื่อนำมาปรับปรุง พัฒนา และต่อยอดความร่วมมือการจัดการอาชีวศึกษาให้ก้าวล้ำทันสมัย ได้บุคลาการมืออาชีพที่ตรงกับความต้องการ ที่ปัจจุบันยังมีช่องว่างกฎ ระเบียบต่างๆอยู่ ซึ่งการหารือในวันนี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้ตรงตามเป้าหมาย และปลดล็อกในประเด็นต่างๆ ต่อไป ” นางสาวตรีนุช กล่าว

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน ในวันนี้ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัลคอนเทนต์ ได้เสนอให้มีการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีที่ยืดหยุ่น มีหลักสูตรที่ยืดหยุ่นให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาสามารถเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ภายใน 4 ปี โดยที่วิชาการและกิจกรรมไม่ลดลง ซึ่งเด็กจะมีอายุ 18 ปี สามารถทำงานในสถานประกอบการได้ ซึ่งขณะนี้เมื่อเด็กเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จะมีอายุ 17 ปี ซึ่งไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากอายุไม่ถึงติดกฎหมายแรงงาน เป็นต้น

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.จ.ชลบุรี มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้ศูนย์เด็กกำพร้าบ้านลอเรนโซ่

,

ส.ส.พปชร.จ.ชลบุรี มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้ศูนย์เด็กกำพร้าบ้านลอเรนโซ่
พรรคพลังประชารัฐ โดย “นายรณเทพ อนุวัฒน์ พปชร. จ.ชลบุรี” ลงพื้นที่ ต.หน้าพระธาตุ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พร้อมนำสิ่งของเครื่องใช้อุปโภค-บริโภคที่จำเป็น ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ไก่ น้ำดื่มสะอาด และหน้ากากอนามัย มอบให้กับสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า บ้านลอเรนโซ่ ชลบุรี โดยมีซิสเตอร์เป็นตัวแทนในการรับมอบในครั้งนี้

การลงพื้นที่มอบสิ่งของในครั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ฯ ทุกท่าน ที่เสียสละและอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลเด็กและเยาวชนด้วยดีเสมอมา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยให้กินดีอยู่ดี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนปละผู้ด้อยโอกาส เดินหน้าตามนโยบาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมเปิดการรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป นำไปสู่เป้าหมายในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ที่มา :ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.จ.พิษณุโลก ลงพื้นที่บรรเทาทุกข์มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 4 หมู่บ้าน

,

ส.ส.พปชร.จ.พิษณุโลก ลงพื้นที่บรรเทาทุกข์มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 4 หมู่บ้าน

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.อนุชา น้อยวงศ์ พปชร. จ.พิษณุโลก” พร้อมด้วยนายเกษม คำสุกดี ประธานชมรมอสม. อำเภอวังทอง (ผู้ช่วยส.ส.)
นายฉัตรชัย ตันติพลาผล และกลุ่มเพื่อนส.ส. ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียมพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลวังยาง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
เพื่อมอบสิ่งของเครื่องใช้อุปโภค-บริโภคให้กับชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 1 บ้านคลองตะเคียน หมู่ 2 บ้านไทร ดงยั้ง หมู่ 3 บ้านวังดินเหนียว และหมู่ 4 บ้านหนองชาละวัน
เพื่อแบ่งเบาภาระความเป็นอยู่ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมกันนี้ ส.ส.อนุชา ยังได้รับฟังปัญหาความทุกข์ร้อนและข้อเสนอแนะจากชาวบ้าน
เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น สอดรับกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้กินดีอยู่ดี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา
ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.กทม.ดูสุขอนามัยพ่อค้าแม่มอบหน้ากากฯ-ผ้ากันเปื้อน ลดภาระค่าครองชีพ

,

ส.ส.พปชร.กทม.ดูสุขอนามัยพ่อค้าแม่มอบหน้ากากฯ-ผ้ากันเปื้อน ลดภาระค่าครองชีพ

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ พปชร. กทม.” พร้อมด้วยทีมงาน ลงพื้นที่
ย่านเฉลิมเขตต์ เขตป้อมปราบฯ และย่านตลาดน้อย ฝั่งเจริญกรุง 22 เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เพื่อนำหน้ากากอนามัยพร้อมชุดกันเปื้อน มามอบให้กับพี่พ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมถึงผู้พักอาศัยในพื้นที่ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ส.ส.กานต์กนิษฐ์ ยังได้ร่วมพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาความทุกข์ยากและข้อเสนอแนะต่างๆ จากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไข ภายใต้นโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประชาชนให้อยู่ดีกินดี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565