โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: พฤศจิกายน 2022

“พปชร.ภูเก็ต” วอนหน่วยงานท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมหมู่บ้าน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

“พปชร.ภูเก็ต” วอนหน่วยงานท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมหมู่บ้าน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมทีมงานผู้ช่วย ส.ส. ลงพื้นที่หมู่บ้านเดอะเพ้นท์ หมู่ 8 บ้านพรุสมภาร และหมู่ 3 ชุมชนบ้านเหรียง ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมประชุมปรึกษาหารือกับคณะกรรมการหมู่บ้านและตัวแทนชาวบ้าน ในการวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหมู่บ้าน จากเหตุการณ์ลำคลองหน้าหมู่บ้านตื้นเขิน ประตูระบายน้ำแคบ ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันจนล้นท่วมหมู่บ้าน ที่เกิดขึ้นซ้ำซากเป็นประจำเกือบทุกปี

ทั้งนี้ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระดับท้องถิ่นและจังหวัด เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ส.ส.นัทธี และทีมงานผู้ช่วย ส.ส. ลงพื้นที่เยี่ยมเป็นกำลังใจครอบครัวผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมมาครั้งหนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ดูแลและบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบบ้าน หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 3 ประมาณ 7 ครัวเรือน เนื่องจากโครงการก่อสร้างบ้านจัดสรรที่กำลังดำเนินการ จะดำเนินการปิดทางเข้า-ออก ทำให้ประชาชน ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน จึงได้ฝาก ส.ส.นัทธี ช่วยดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นด้วย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #นัทธีถิ่นสาคู
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 พฤศจิกายน 2565

“พปชร.สงขลา” ร่วมหารือชุมชนแก้ปัญหาน้ำประปาขาดแคลน อ.นาหม่อม เร่งพัฒนาระบบส่งน้ำ ป้อนน้ำให้เพียงพอกับภาคครัวเรือน ยกระดับคุณภาพชีวิต

“พปชร.สงขลา” ร่วมหารือชุมชนแก้ปัญหาน้ำประปาขาดแคลน อ.นาหม่อม
เร่งพัฒนาระบบส่งน้ำ ป้อนน้ำให้เพียงพอกับภาคครัวเรือน ยกระดับคุณภาพชีวิต

นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมประชุมแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนเรื่องประชาชนในพื้นที่ ต.พิจิตร อ.นาหม่อม จ.สงขลา ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำประปา หลังจากชาวบ้านในพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภค ส่งผลให้บางหมู่บ้านขาดแคลนน้ำที่มีคุณภาพ กระทบต่อคุณภาพชีวิตของชาวบ้านกว่า 1,879 ครัวเรือน ในพื้นที่ดังกล่าว ได้รับความเดือนร้อนอย่างมาก

การประชุมครั้งนี้มีหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายกอบต.พิจิตร การประปาส่วนภูมิภาค สาขาหาดใหญ่ เข้าร่วมชี้แจงถึงแนวทางและรายละเอียดในการแก้ปัญหาระบบส่งน้ำประปา เพื่อป้อนน้ำให้กับภาคครัวเรือน โดยในที่ประชุมมีผู้นำและตัวแทนประชาชนเข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นและแนวทางการดำเนินการ พร้อมให้สนับสนุนเพื่อสร้างความมั่นคงในระบบการผลิตน้ำประปาของพื้นที่ตำบลพิจิตร เพื่อนำไปสู่การเร่งช่วยเหลือปัญหาเรื่องน้ำให้เพียงพอในการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรให้กับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ในที่ประชุมจะมีการวางแผนเพื่อเร่งแก้ไขในระยะเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องน้ำกินน้ำใช้ ส่วนในระยะยาวอยู่ระหว่างดำเนินโครงการขยายเขตท่อส่งน้ำประปา ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณประจำปี 2565 โดยได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่ ต.พิจิตร ภายใต้งบประมาณรวม 14,000,000 บาท โดยจะเริ่มดำเนินการทันที และสามารถช่วยชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 มีน้ำประปาเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #พยมพรหมเพชร
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 พฤศจิกายน 2565

พล.อ.ประวิตร’ มอบใบอนุญาตเข้าทำกินให้ประชาชน จ.กำแพงเพชร เดินหน้าคุมเข้มเร่งกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดทุกพื้นที่

,

พล.อ.ประวิตร’ มอบใบอนุญาตเข้าทำกินให้ประชาชน จ.กำแพงเพชร
เดินหน้าคุมเข้มเร่งกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดทุกพื้นที่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี . พร้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวง.ดีอีเอส รัฐมนตรีช่วยว่าการะทรวงการคลังและคณะ เดินทางลงตรวจราชการพื้นที่ จ.กำแพงเพชร เพื่อติดตามการแก้ปัญหายาเสพติด ที่ดินทำกินและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้รับรายงานสถานการณ์ด้านการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด และการจัดการที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ณ โรงเรียนปางศิลาทองศึกษา โดยมี ผู้ว่าราชการจ.กำแพงเพชร กองทัพภาค 3 ผู้บัญชาการตำรวจภาค 6 ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เลขา สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ.และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดย พล.อ.ประวิตรได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเขียว-ป่าเขาสว่าง และป่าคลองห้วยทราย เนื้อที่กว่า 12,951 ไร่ มีประชาชนเข้าอยู่อาศัย 1,077 ราย ให้กับ ผวจ.กำแพงเพชร พร้อมทั้งมอบหนังสืออนุญาตสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดที่ดินทำกินในพื้นที่ อ.ปางศิลาทอง และ อ.ขาณุวรลักษณ์บุรี เนื้อที่รวมกว่า 4,233 ไร่ ให้กับประชาชนจำนวน 334 ราย ทั้งนี้ คทช.อยู่ระหว่างเร่งจัดสรรพื้นที่ จว.กำแพงเพชร ตามเป้าหมาย 12 พื้นที่ ทั้งในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและเขตปฏิรูปที่ดิน รวม 188,000 ไร่ ให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยและทำประโยชน์ พร้อมทั้งส่งเสริมพัฒนาอาชีพ พัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นในพื้นที่เป้าหมายต่อเนื่องกันไป

พล.อ.ประวิตร’ กล่าว่าขอบคุณ คทช. ที่เดินหน้าแก้ปัญหาที่ดินทำกินมีความก้าวหน้า ต่อเนื่องมา โดยสามารถกระจายที่ดินให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินได้ใช้ประโยชน์แล้วในหลายพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำสังคมในการถือครองที่ดินระดับพื้นที่ โดยย้ำขอให้ยึดหลักความเป็นหนึ่งเดียวและอาศัยความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ ขอให้ฝ่ายปกครองในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าไปพัฒนาระบบสาธารณูปโภค น้ำและไฟ การส่งเสริมอาชีพในรูปการรวมกลุ่มของสหกรณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้’กล่าวย้ำถึงการดำเนินนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด โดยให้ฝ่ายปกครอง และตำรวจเปิดปฏิบัติการกวาดล้างใหญ่ ร่วมป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในทุกพื้นที่อย่างจริงจังต่อเนื่องกันไป โดยให้ลงลึกเชื่อมโยงถึงตัวการสำคัญ ไม่มียกเว้น โดยขอให้กลไกหลักระดับพื้นที่ทั้ง องค์การบริหารส่วงนจังหวัดและ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และตำรวจในท้องที่ รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องให้ความสำคัญจริงจัง ดึงภาคประชาชนเข้ามีส่วนร่วม เฝ้าระวังแก้ปัญหายาเสพติด ให้ครอบคลุใทุกมิมติ ทั้งการสกัดกั้น การป้องกันและปราบปราม และการบำบัดรักษาให้เป็นผล โดยให้สังคมมีส่วนร่วมประเมินผล เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนร่วมกัน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” ขอบคุณทุกหน่วยดูแลงานเอเปกมีประสิทธิภาพ ดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกผู้นำ สร้างชื่อเสียงประเทศ

,

“พล.อ.ประวิตร” ขอบคุณทุกหน่วยดูแลงานเอเปกมีประสิทธิภาพ ดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกผู้นำ สร้างชื่อเสียงประเทศ

19 พ.ย.65 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร ครั้งที่ 6/65 (กอร.รปภ.จร.) โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร./รองประธาน ผบ.ทก.สน.ปฏิบัติการภายใต้ กอร.รปภ.จร. ประจำสถานที่ประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเซียแปซิฟิก( APEC )ประจำโรงแรมที่พัก และ ทก.สน.ปฏิบัติการเฉพาะด้าน เข้าร่วมประชุม ณ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และ กอร.รปภ.จร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผ่านระบบการประชุมทางไกล ไปยัง ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) และ ที่ทำการส่วนหน้าที่ (ทก.สน.) ปฏิบัติการประจำสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุม

พลเอกประวิตร กล่าวว่าการประชุมวันนี้ เป็นการติดตามสถานการณ์ และการปฏิบัติของหน่วยได้แก่ การประชุม ของผู้นำเขตเศรษฐกิจ และการเดินทางกลับ ของผู้นำ และคู่สมรส 12 เขตเศรษฐกิจ จึงต้องให้ความสำคัญ ในเรื่องการรักษาความปลอดภัย และการจราจร ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำทุกหน่วยให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัย ในช่วงสุดท้ายของการประชุม ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และ ความประทับใจให้กับผู้นำ และ คู่สมรสที่จะเดินทางกลับประเทศตลอดห้วง ระยะเวลาที่เราได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกันมา ขอขอบคุณรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหมผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าหน่วย ผู้แทนหน่วยทุกท่าน ตลอดจนฝากขอบคุณไปยังกำลังพล และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่อันมีเกียรติ และมีความสำคัญต่อประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่งในครั้งนี้ ขอให้มีความภาคภูมิใจร่วมกัน และขอให้เดินทางกลับที่ตั้งหน่วยโดยสวัสดิภาพทุกคน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565

“อธิรัฐ”ตรวจติดตามแผนการซ่อมบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม จ.ระยอง ป้องกันเหตุเกิดซ้ำ

“อธิรัฐ”ตรวจติดตามแผนการซ่อมบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม จ.ระยอง ป้องกันเหตุเกิดซ้ำ

เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พ.ย. 2565 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ จ.ระยอง ตรวจติดตามและรับฟังแผนการจัดการซ่อมบำรุงรักษา ทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล SPM ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ณ ห้อง 501 อาคารศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกในการเดินเรือ สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง

นายอธิรัฐ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ในบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 ที่ผ่านมา กรมเจ้าท่า ได้มีการออกคำสั่งระงับใช้งานทุ่นเทียบเรือ Single Point Mooring (SPM) ของบริษัท SPRC จนกว่าจะมีการแก้ไข ตรวจสอบความแข็งแรงมั่นคง และความพร้อมของท่อขนส่งน้ำมันใต้น้ำให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ 100%

นายอธิรัฐ กล่าวว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วไหลอย่างต่อเนื่อง การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของบริษัท SPRC ในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ (กลุ่มประมง/โรงแรม/ร้านอาหาร/เรือข้ามฟาก และอาชีพอื่นๆ) ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือฯ จำนวน 11,738 ราย เป็นเงิน 321,757,845 บาท และรับฟังแผนการจัดการซ่อมบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล SPM แผนการผลักดันน้ำมันดิบค้างท่อขึ้นฝั่ง รวมถึงแผนการปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ และมาตรการเฝ้าระวังระหว่างการปฏิบัติงาน

นายอธิรัฐ กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะและข้อสังเกตต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ และดำเนินการตามแผนที่เสนอไว้อย่างเคร่งครัด ในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงานจะต้องมีหลักฐานยืนยันว่าไม่มีน้ำมันค้างอยู่ในท่อ และต้องแจ้งให้ สนง.เจ้าท่าระยอง ทราบก่อนดำเนินการทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความรอบคอบและสร้างความเชื่อมั่นต่อการดำเนินการตามแผนการบำรุงรักษาว่าจะไม่เกิดการรั่วไหลของน้ำมันดิบหรือสารเคมีขึ้นมาอีก ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติการตามที่บริษัทฯ ได้เสนอแผนงานบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงาน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” เผยผลการศึกษา”กระทรวงทรัพยากรน้ำ”คืบหน้า เตรียมพิจารณาลงลึกรายละเอียดสู่แผนบริหารจัดการน้ำยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร” เผยผลการศึกษา”กระทรวงทรัพยากรน้ำ”คืบหน้า
เตรียมพิจารณาลงลึกรายละเอียดสู่แผนบริหารจัดการน้ำยั่งยืน

(18 พฤศจิกายน 2565 )พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเบื้องต้น ถึงผลการศึกษาการจัดตั้ง”กระทรวงทรัพยากรน้ำ” เป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ได้มอบหมาย ให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) , สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกร่างพิมพ์เขียวการปรับปรุงกลไกการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และยกร่างกฎหมายการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำ และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (กนช.) เพื่อจะได้พิจารณาในรายละเอียดถึงแนวทางการจัดตั้งที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว เพื่อการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความมั่นคงในระบบโครงสร้างพื้นฐานของทรัพยากรน้ำ ของประเทศ

“ ในเป้าหมาย การบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เพียงพอ และสมารถป้องกันภัยพิบัติ ที่เกิดขึ้นจากน้ำ ซึ่งมีความสำคัญ กับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการดำรงชีวิตของเกษตรกร เพราะในแต่ละปี ประชาชนในหลายพื้นที่ต้องเผชิญปัญหากับภัยพิบัติ ทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง รัฐบาลต้องเร่งวางแผน และช่วยเหลือเฉพาะหน้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาชน จึงได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาทั้งระบบให้เกิดความยั่งยืน โดยบูรณาความร่วมมือของหน่วยงานที่ปัจจุบันมีหน่วยเกี่ยวข้องถึง 38 หน่วยงาน ที่สังกัดในกระทรวงต่างๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการบริหารไม่สมบูรณ์ และไม่เป็นเอกภาพ จึงเห็นว่า กระทรวงน้ำ จะเป็นศูนย์รวมการบริหารจัดการน้ำได้อย่างสัมฤทธิ์ผลในระยะยาว”

ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าว ได้สรุปภาพรวม แนวโน้มบริบทของน้ำในอนาคตว่ามีความต้องการน้ำสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณน้ำ ต้องเผชิญกับสภาวะการเปลี่ยนของสภาวะภูมิอากาศที่มีความแปรปรวนสูง ในขณะที่แหล่งน้ำต้นทุนต้องมีการจัดหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของทุกภาคส่วน และเป็นไปอย่างล่าช้า โครงสร้างของหน่วยงาน มีความซ้ำซ้อน ทำให้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำยังขาดเอกภาพและการบูรณาการที่เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการ ต้องเน้นความสำคัญของประชาชนเป็นที่ตั้ง และต้องสอบถามความต้องการที่แท้จริง ในด้านการวางระบบน้ำทั่วประเทศ รวมถึงการแก้ไขปัญหาน้ำเสียอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มีแหล่งน้ำที่มาใช้ประโยชน์ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ต้องดูแลในทุกมิติอย่างรอบคอบ ดังนั้นความเป็นไปได้ ในการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำ จึงเป็นแนวทางที่สำคัญ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ ของการใช้ทรัพยากรน้ำ ให้เกิดความคุ้มค่า และเกิดความยั่งยืนในระยะยาวต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565

โฆษกพปชร. ขอบคุณ “ลุงป้อม” มือประสาน ทำคนไทย ได้ดูฟุตบอลโลก

โฆษกพปชร. ขอบคุณ “ลุงป้อม” มือประสาน ทำคนไทย ได้ดูฟุตบอลโลก

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าขณะนี้ กระบวนการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ภายใต้การประสานงานของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้กำชับกับการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ให้เร่งดำเนินการ ให้คนไทยต้องได้ดูฟุตบอลโลก ครั้งนี้ รวมทั้งประสานงานกับภาคเอกชน ทำให้คนไทย สามารถดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก มหกรรมกีฬาฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้

ทั้งนี้ขอให้ประชาชนคนไทย รับชมฟุตบอลโลก อย่างมีความสุข ด้วยความบันเทิงจากเกมกีฬา หลีกเลี่ยงการพนัน ในทุกรูปแบบ

“ต้องขอขอบคุณ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ได้เห็นความสำคัญของการถ่ายทอดฟุตบอลโลกให้กับคนไทย และประสานงานจนสำเร็จลุล่วง ซึ่งมีแฟนบอล ที่รอติดตามชมกันอย่างล้นหลาม” ดร.พัชรินทร์ กล่าว


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” แจงความคืบหน้าพัฒนา”เมืองอัจฉริยะ” ยกไทยสู่”ผู้นำด้านดิจิทัลของภูมิภาค”สร้างบิ๊กดาต้าระดับ ชาติ

“พล.อ.ประวิตร” แจงความคืบหน้าพัฒนา”เมืองอัจฉริยะ”
ยกไทยสู่”ผู้นำด้านดิจิทัลของภูมิภาค”สร้างบิ๊กดาต้าระดับ ชาติ

วันนี้(15 พ.ย.65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มีการรายงานต่อที่ประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงมติของคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ให้ทราบถึงผลการประกาศเมืองอัจฉริยะ เพิ่มเติม จำนวน 15 เมือง รวมเป็นเมืองอัจฉริยะแล้ว 30 เมือง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมพัฒนา ยุวทูตเมืองอัจฉริยะ จำนวน 150 คน สำหรับการดำเนินงานเพื่อสร้างกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ต้องกำหนดระบบของแผนนโยบายและงบประมาณที่เชื่อมโยงในระดับต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพัฒน์ฯ , สำนักงาน EEC ,สำนักงาน BOI และสำนักงบประมาณ รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมโยงกับระบบแหล่งเงินนอกงบประมาณ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติงานในพื้นที่ อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น ให้จัดทำบัญชีดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อเป็นแหล่งอ้างอิง ราคากลาง และแนวทางของการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น การมีแพลตฟอร์มบริหารข้อมูลเมืองในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จังหวัด ภูมิภาค จนถึง ระดับประเทศ เพื่อให้เกิดระบบจัดการข้อมูลระดับชาติ สามารถบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันได้ และให้นำชื่อเมืองเข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน หรือ ASCN เพิ่มเติม ตามเกณฑ์ที่ทาง ASCN ได้กำหนด โดยจากเดิม มี 3 เมือง ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และชลบุรี เพิ่มเติมอีก 3 เมือง คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น และระยอง

พร้อมร่วมดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของเครือข่ายในการทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ ระหว่างกันของเมืองสมาชิก อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงสถานะและความพร้อมของไทยในการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านดิจิทัลของภูมิภาคด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 พฤศจิกายน 2565

ก.คลัง ผนึก ก.ยุติธรรม เปิดบริการวันสต๊อปเซอร์วิส ดันส่งออกพืชกระท่อมส่งออก ลดเวลา-ค่าใช้จ่าย

ก.คลัง ผนึก ก.ยุติธรรม เปิดบริการวันสต๊อปเซอร์วิส
ดันส่งออกพืชกระท่อมส่งออก ลดเวลา-ค่าใช้จ่าย

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างกรมศุลกากรกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตส่งออกพืชกระท่อม ดำเนินการผ่านอิเล็กทรอนิกส์เพียงจุดเดียว ซึ่งจะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่าย และ เตรียมพร้อมการส่งออกผลิตภัณฑ์พืชกระท่อม ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิต อาคาร 2 ชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ส. กรุงเทพฯ


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 พฤศจิกายน 2565

‘พล.อ.ประวิตร’ เดินหน้าขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลักพปชร. ดึงทีมส.ส. – นักวิชาการ ร่วม 3 คณะทำนโยบายช่วยปชช.

‘พล.อ.ประวิตร’ เดินหน้าขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลักพปชร.
ดึงทีมส.ส. – นักวิชาการ ร่วม 3 คณะทำนโยบายช่วยปชช.

วันที่ 14 พ.ย. 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐได้มีการวางนโยบายขับเคลื่อนและสานต่อ 3 พันธกิจหลัก ที่ประกอบด้วย สวัสดิการประชารัฐ :ขจัดความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจประชารัฐ :สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และสังคมประชารัฐ : สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน ซึ่งเป็นนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำนโยบายที่สอดรับกับความต้องการประชาชน และการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอนาคต เป็นการมุ่งเน้นในการยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนให้กินดี อยู่ดี ล่าสุดพรรคได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 3 พันธกิจ ที่ประกอบไปด้วย 1.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ 2.นายสุรสิทธิ นิธิวุฒิวรรักษ์ 3.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล4. นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ 5.นายชวน ชูจันทร์ 6. นายนัทธี ถิ่นสาคู 7.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร 8.น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 9.นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ 10.ดร.สุรดา จุนทะสุตธนกุล11. ดร.ปรมะ บุญเขื่อง

ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการแยกตาม พันธกิจหลักของพรรคประกอบด้วย
1. คณะกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการประชารัฐ ประกอบด้วย นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล นายนัทธี ถิ่นสาคูน.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ และ ดร.สุรดา จุนทะสุตธนกุล
2. คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประชารัฐ ประกอบด้วย นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ นายชวน ชูจันทร์ นายวีระกร คำประกอบ และนายภาคิน สมมิตรธนกุล
3. คณะกรรมการขับเคลื่อนสังคมประชารัฐ ประกอบด้วย นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ นายชวน ชูจันทร์ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง นายอรรถกร ศิริลัทธยากร พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา นายกองตรี อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ นายกานต์ กิตติอำพน ดร.ปรมะ บุญเขื่อง นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นายแสนหล้า พันธุ์ราดล และ นายนิธิวุฒิ โรจน์ประสิทธิ์พร

พล.อ.ประวิตร กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคพลังประชารัฐได้เปิดให้ ส.ส.ของพรรคทุกคน ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนคนไทยในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ เข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลัก เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค โดยพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายสำคัญ คือต้องการให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรามุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้หมดไป ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า พลังประชารัฐจะเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและอำนวยประโยชน์ให้ทุกท่านอย่างเต็มที่ ซึ่งเราได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องการหาแหล่งที่ทำกิน นโยบายผลักดันให้เกิดบัตรสวัสดิการแห่งรับ การจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ การดูแลราคาสินค้าเกษตร ตลอดจนการดูแลด้านความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตของประชาชน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และพรรค พร้อมจะเดินหน้าทำให้ดีขึ้นต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 พฤศจิกายน 2565

คึกคักต่อเนื่อง! พปชร. จัดอบรมเชื่อมสัมพันธ์ ส.ส.- ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั่วประเทศ ด้าน “วิรัช” ยืนยันส่งผู้สมัครครบทุกเขต

คึกคักต่อเนื่อง! พปชร. จัดอบรมเชื่อมสัมพันธ์ ส.ส.- ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั่วประเทศ ด้าน “วิรัช” ยืนยันส่งผู้สมัครครบทุกเขต

12 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ มีการจัดอบรมสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้ชื่องาน “พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ” “เพราะมีคุณ จึงมีพรรค” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยมีผู้บริหารและแกนนำพรรค เช่น นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สมาชิกส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ของพรรค เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียงกัน โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก
.
นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงรายละเอียดกิจกรรมในวันที่ 2 ว่า จะเป็นการอบรมให้ความรู้กับส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส. เกี่ยวกับแนวทางการใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพ เพื่อรับรองการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ รวมทั้งจะมีการประชาสัมพันธ์ถึงนโยบายต่าง ๆ ของพรรคที่ผลักดันออกมาเป็นรูปธรรม เช่น นโยบายคนละครึ่ง, นโยบายประชารัฐที่ต้องขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ทั้ง สวัสดิการประชารัฐขจัดความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และ สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน

.
ส่วนเมื่อวานนี้เป็นการอบรมให้ความรู้เรื่องการรณรงค์หาเสียงและแนวทางการหาเสียงเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งนายวิรัช คาดว่า การเลือกตั้งจะมาถึงอย่างเร็วที่สุดปลายปีนี้หรือช้าสุดคือปีหน้า โดยพรรรคพลังประชารัฐหวังเตรียมความพร้อมให้ผู้สมัครให้มากที่สุด
.
นาย วิรัช ระบุเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฝากตัวเองให้มาส่งกำลังใจให้ผู้สมัครเพิ่มเติม หลังเมื่อวานนี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาให้กำลังใจก่อนแล้ว พร้อมระบุว่า พรรคจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งให้ครบทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ และมุ่งหวังรักษาฐานเสียงทุกพื้นที่ให้มากที่สุด โดยพรรคได้ยึดหลักการคัดกรองผู้สมัครว่าต้องเป็นบุคคลที่มีคุณภาพและสามารถทำงานเพื่อประชาชนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
.
สำหรับอนาคต พรรคพลังประชารัฐจะมีการจัดสัมมนาแบ่งเป็นรายภาคและรายจังหวัด ทั้งลงลึกถึงรายละเอียดในแต่ละพื้นที่มากขึ้น เพราะแต่ละพื้นที่มีความแตกต่าง โดยมุ่งหวังให้ได้ซึ่งผลลัพธ์ในการช่วยประชาชนอย่างมีคุณภาพ
.
สำหรับกิจกรรมการอบรมสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ “พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ” ในวันที่ 2 นี้ นอกจากจะมีการอบรมถึงแนวทางการใช้สื่อสังคมออนไลน์แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ให้มีความแน่นแฟ้นกันมากขึ้น ก่อนที่ในช่วงเย็นจะเป็นการสรุปปิดกิจกรรมด้วยการระดมความคิดเห็นเพื่อวางแนวทางในการจัดทำนโยบาย โดยใช้ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วันที่ผ่านมาเป็นแนวทางเพื่อวางแนวทางในการจัดทำนโยบายต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 พฤศจิกายน 2565

คึกคักต่อเนื่อง! พปชร. จัดอบรมเชื่อมสัมพันธ์ ส.ส.- ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั่วประเทศ ด้าน “วิรัช” ยืนยันส่งผู้สมัครครบทุกเขต

คึกคักต่อเนื่อง! พปชร. จัดอบรมเชื่อมสัมพันธ์ ส.ส.- ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั่วประเทศ ด้าน “วิรัช” ยืนยันส่งผู้สมัครครบทุกเขต

12 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ มีการจัดอบรมสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้ชื่องาน “พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ” “เพราะมีคุณ จึงมีพรรค” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยมีผู้บริหารและแกนนำพรรค เช่น นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สมาชิกส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ของพรรค เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียงกัน โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก
.
นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงรายละเอียดกิจกรรมในวันที่ 2 ว่า จะเป็นการอบรมให้ความรู้กับส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส. เกี่ยวกับแนวทางการใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพ เพื่อรับรองการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ รวมทั้งจะมีการประชาสัมพันธ์ถึงนโยบายต่าง ๆ ของพรรคที่ผลักดันออกมาเป็นรูปธรรม เช่น นโยบายคนละครึ่ง, นโยบายประชารัฐที่ต้องขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ทั้ง สวัสดิการประชารัฐขจัดความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และ สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน

.
ส่วนเมื่อวานนี้เป็นการอบรมให้ความรู้เรื่องการรณรงค์หาเสียงและแนวทางการหาเสียงเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งนายวิรัช คาดว่า การเลือกตั้งจะมาถึงอย่างเร็วที่สุดปลายปีนี้หรือช้าสุดคือปีหน้า โดยพรรรคพลังประชารัฐหวังเตรียมความพร้อมให้ผู้สมัครให้มากที่สุด
.
นาย วิรัช ระบุเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฝากตัวเองให้มาส่งกำลังใจให้ผู้สมัครเพิ่มเติม หลังเมื่อวานนี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาให้กำลังใจก่อนแล้ว พร้อมระบุว่า พรรคจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งให้ครบทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ และมุ่งหวังรักษาฐานเสียงทุกพื้นที่ให้มากที่สุด โดยพรรคได้ยึดหลักการคัดกรองผู้สมัครว่าต้องเป็นบุคคลที่มีคุณภาพและสามารถทำงานเพื่อประชาชนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
.
สำหรับอนาคต พรรคพลังประชารัฐจะมีการจัดสัมมนาแบ่งเป็นรายภาคและรายจังหวัด ทั้งลงลึกถึงรายละเอียดในแต่ละพื้นที่มากขึ้น เพราะแต่ละพื้นที่มีความแตกต่าง โดยมุ่งหวังให้ได้ซึ่งผลลัพธ์ในการช่วยประชาชนอย่างมีคุณภาพ
.
สำหรับกิจกรรมการอบรมสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ “พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ” ในวันที่ 2 นี้ นอกจากจะมีการอบรมถึงแนวทางการใช้สื่อสังคมออนไลน์แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ให้มีความแน่นแฟ้นกันมากขึ้น ก่อนที่ในช่วงเย็นจะเป็นการสรุปปิดกิจกรรมด้วยการระดมความคิดเห็นเพื่อวางแนวทางในการจัดทำนโยบาย โดยใช้ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วันที่ผ่านมาเป็นแนวทางเพื่อวางแนวทางในการจัดทำนโยบายต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 พฤศจิกายน 2565