รมว.สุชาติ เผยทิศทางแรงงานพร้อมขับเคลื่อนระบบศก.
เปิด4 ภารกิจหนุนจ้างงานพัฒนาทักษะรับการเปลี่ยนแปลง
วันนี้ (23 ตุลาคม 2565) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทและนโยบายที่สำคัญของกระทรวงแรงงานในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับผู้ใช้แรงงาน” ในงานสัมมนากรรมการบริหารและสมาชิกสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย โดยมี นายมานิตย์ พรหมการีย์กุล ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์ฯ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมที่สวนนงนุช พัทยา จ.ชลบุรี
นายสุชาติกล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ สังคม สร้างการเคลื่อนย้ายของภาคแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กระทั่งถึงวันนี้ ประเทศได้ประกาศโควิด-19 อยู่ในระดับเฝ้าระวัง ซึ่งการดำเนินการดูแลภาคแรงงานในช่วงดังกล่าว ถือว่าอยู่ในระดับดีมาก ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มองเห็นความสำคัญของภาคธุรกิจและภาคแรงงาน ซึ่งทรัพยากรมนุษย์ เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงได้ให้การสนับสนุนผ่านมาตรการต่างๆ จนสามารถนำพาประเทศก้าวข้ามวิกฤต จนหลายอย่างของประเทศในวันนี้เริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น แรงงานสามารถทำงานได้ ธุรกิจไม่ต้องปิดตัว ทำให้ประเทศมีสินค้าสำหรับการส่งออก เป็นการช่วยพยุงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้
นายสุชาติกล่าวว่า ขณะเดียวกัน สถานการณ์ด้านแรงงานมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีจำนวนผู้ว่างงานเดือนสิงหาคม 2565 ลดลงมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จ คือ พี่น้องผู้ใช้แรงงานเป็นเสมือนคนในครอบครัว ประกอบกับไตรภาคีของกระทรวงแรงงาน ทั้งภาครัฐ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง คอยสนับสนุนให้การดำเนินงานของกระทรวงแรงงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี” นายสุชาติกล่าว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ว่า ยกตัวอย่างมาตรการที่สำคัญๆ อาทิ มาตรการให้ความช่วยเหลือนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากโครงการแฟคทอรี แซนด์บ็อกซ์ (Factory Sandbox) สามารถสนับสนุนการผลิตสินค้า รักษาการส่งออกของประเทศได้ในขณะที่บางประเทศทำไม่ได้ ทำให้การส่งออกเติบโตสูงสุดในรอบ 11 ปี การช่วยเหลือเยียวยาลดเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน โครงการเยียวยาภายใต้ พ.ร.ก.เงินกู้ฯ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การส่งเสริมการมีงานทำ การส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว การช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการที่กู้เงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานช่วงโควิด-19 การช่วยเหลือการยกระดับทักษะฝีมือให้มีอาชีพ การใช้มาตรา 75 เพื่อรักษาการจ้างงาน โครงการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง การจ่ายเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ การประกาศการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้น
นายสุชาติ กล่าวถึงภารกิจที่กระทรวงแรงงานจะดำเนินการในอนาคต ว่า ในโลกปัจจุบันเป็นโลกยุคดิจิทัล โครงสร้างการประกอบธุรกิจและการทำงานมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การส่งเสริมการจ้างงานและพัฒนาทักษะต้องเป็นไปอย่างมีระบบปรับเปลี่ยนให้ทันต่อรูปแบบการทำงานและอาชีพใหม่ๆ
“การทำงานในระยะต่อไป ผมยังมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือดูแลพี่น้องแรงงานและผู้ประกอบการ โดยมีนโยบาย 1.ส่งเสริมการมีงานทำและการจ้างงาน โดยผลักดันการขยายตลาดแรงงานไปต่างประเทศ กระตุ้น ส่งเสริม รักษาการจ้างงาน รวมถึงบริการจัดหางานออนไลน์ สนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่งเสริมการใช้ระบบประกันสังคมเป็นแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันสำนักงานประกันสังคม (สปส.) อยู่ระหว่างดำเนินการให้มีสถาบันทางการแพทย์เพื่อผู้ประกันตน และการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกันตน รวมถึงบ้านพักคนชราตามมาตรา 33 2.ยกระดับฝีมือและพัฒนาทักษะแรงงาน ให้ความสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อรองรับเศรษฐกิจใหม่ เร่งรัดมาตรการยกระดับผลิตภาพแรงงาน เร่งสนับสนุนการพัฒนาแรงงานที่มีสมรรถนะสูง ยกระดับและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานเศรษฐกิจระดับชุมชน 3.เร่งรัดการดูแลแรงงานนอกระบบ แรงงานสูงอายุ และแรงงานคนพิการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น 4.เร่งรัดการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน” นายสุชาติกล่า
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 ตุลาคม 2565