โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 15 กันยายน 2022

“พล.อ.ประวิตร” ถกความมั่นคงขับเคลื่อนนโยบายทางทะเล รักษาผลประโยชน์ท้องทะเลไทยในทุกมิติ

“พล.อ.ประวิตร” ถกความมั่นคงขับเคลื่อนนโยบายทางทะเล รักษาผลประโยชน์ท้องทะเลไทยในทุกมิติ

,

พล.อ.ประวิตร์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมสภาความมั่นคงขับเคลื่อนรักษาผลประโยชน์ทางทะเลไทยของไทย โดยที่ประชุมได้รายงานผลการประเมินและจัดทำท่าทีของไทยต่อการขยายอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจในอ่าวไทย รวมถึงผลการศึกษาความคืบหน้าของประเทศไทยในการปรับปรุงกฎหมายตามพันธกรณีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 และแนวทางการขับเคลื่อนในระดับนโยบาย ในการขับเคลื่อนแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล พ.ศ. 2558-2565ในงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2565

นอกจากนี้ยังได้การรายงาน ความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาและจัดการความรู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของคณะอนุกรรมการจัดการความรู้เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล (อจชล.). ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และ การดำเนินงานที่สำคัญของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

“พล.อ.ประวิตร” ถกความมั่นคงขับเคลื่อนนโยบายทางทะเล รักษาผลประโยชน์ท้องทะเลไทยในทุกมิติ “พล.อ.ประวิตร” ถกความมั่นคงขับเคลื่อนนโยบายทางทะเล รักษาผลประโยชน์ท้องทะเลไทยในทุกมิติ “พล.อ.ประวิตร” ถกความมั่นคงขับเคลื่อนนโยบายทางทะเล รักษาผลประโยชน์ท้องทะเลไทยในทุกมิติ “พล.อ.ประวิตร” ถกความมั่นคงขับเคลื่อนนโยบายทางทะเล รักษาผลประโยชน์ท้องทะเลไทยในทุกมิติ “พล.อ.ประวิตร” ถกความมั่นคงขับเคลื่อนนโยบายทางทะเล รักษาผลประโยชน์ท้องทะเลไทยในทุกมิติ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่:
 15 กันยายน 2565

“พัชรินทร์” ตอบ “เพื่อไทย” อย่าโยนความผิดน้ำท่วม 54 ให้รัฐบาลอื่น ยัน “ลุงป้อม” แก้น้ำท่วมจริงจัง กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ออก 13 มาตรการ รับมือฤดูฝน 65 ก่อนน้ำมา

,

“พัชรินทร์” ตอบ “เพื่อไทย” อย่าโยนความผิดน้ำท่วม 54 ให้รัฐบาลอื่น ยัน “ลุงป้อม” แก้น้ำท่วมจริงจัง กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ออก 13 มาตรการ รับมือฤดูฝน 65 ก่อนน้ำมา

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาน้ำท่วม ที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาตอบกระทู้ ซึ่ง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 ว่า “น้ำท่วมสูงเหมือนสั่งได้ เหมือนรับน้อง รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์” ทั้งนี้ ตนมองว่าเหตุการณ์ น้ำท่วมใหญ่ ในครั้งนั้น เป็นผลที่เกิดจากการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเอง ขออย่าเบี่ยงเบน โยนความผิดให้รัฐบาลอื่น และใช้พื้นที่ของสภาฯ ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช้วาทะกรรม เพื่อบิดเบือนข้อมูล ต่อการรับรู้ของประชาชน

ส่วนที่ตั้งคำถามถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ว่ารัฐบาลมองปัญหาการบริหารจัดการน้ำ สำคัญแค่ไหน และการบริหารจัดการน้ำ ขอยืนยันว่า รัฐบาล ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ มาอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งได้ตั้งศูนย์อำนวยการแก้น้ำท่วมส่วนหน้า เพื่อรับมือก่อนน้ำมา และสั่งการให้มีการฟื้นฟูเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน อย่างที่ถูกกล่าวอ้าง

ส่วนข้อคำถามที่ว่า รัฐบาลเคยนำผลศึกษาที่ผ่านมาในอดีต มาดำเนินการต่อหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำ ด้วยตนเองทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ ตั้งแต่รับหน้าที่ และได้บูรณาการ ร่วมกับส่วนราชการ นักวิชาการ เพื่อศึกษา และประเมินสถานการณ์น้ำ เพื่อรับมือในระยะเร่งด่วน และวางแผนในระยะยาวจนส่งผลให้ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา เราไม่เจอกับปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากการบริหารน้ำต้นทุน ที่มีประสิทธิผล และได้นำการศึกษาในอดีตมาปรับใช้ ออกแบบแนวทางรับมือ จนออกเป็น 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565
เช่น การจัดทำแผนการใช้พื้นที่ลุ่มต่ำ/แก้มลิงเพื่อรองรับน้ำหลาก และเป็นพื้นที่หน่วงน้ำ 1ในช่วงฤดูน้ำหลาก จัดทำแผนเก็บกักน้ำไว้ใช้ก่อนสิ้นฤดูฝน ติดตามสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ – กลาง เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำหรือเกณฑ์ควบคุม จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำแหล่งน้ำขนาดใหญ่ – กลาง ในช่วงภาวะวิกฤต ตรวจความมั่นคงและปลอดภัยคัน/ทำนบ/พนังกั้นน้ำ (ก่อนฤดูฝน-ตลอดช่วงฤดูฝน) ตรวจสอบความมั่นคง แข็งแรงของคันกั้นน้ำ ทำนบ และพนังกั้นน้ำ และซ่อมแซม ปรับปรุงให้มีสภาพดี ทั้งนี้เชื่อว่ารัฐบาลพร้อมเรียนรู้ข้อบกพร่องในอดีต มาปรับใช้กับปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 กันยายน 2565

สส.กทม.พปชร. วอนกรุงเทพจัดระเบียบแผงลอยบนทางเท้าถนนข้าวสาร เร่งออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจสร้างรายได้เพิ่มให้ปชช.

, ,

สส.กทม.พปชร. วอนกรุงเทพจัดระเบียบแผงลอยบนทางเท้าถนนข้าวสาร
เร่งออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจสร้างรายได้เพิ่มให้ปชช.

“ส.ส.กานต์กนิษฐ์” ขอกทม.จัดระเบียบรถเข็น-ร้านค้าแผงลอยริมฟุตบาทถนนข้างสารเป็นการด่วน เพื่อความสะอาด และป้องกันบางหน่วยงานเรียกเก็บส่วยค่าแผง พร้อมเสนอ ก.ท่องเที่ยวและกทม.กระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองกรุง หลังนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแห่เข้าไทยเพิ่มขึ้น

นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กทม.เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้หารือต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ได้เสนอให้ทางกรุงเทพมหานครและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยว ออกมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้การท่องเที่ยวฟื้นฟูให้รวดเร็วยิ่งขึ้น หลังจากที่รัฐบาลเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบแล้ว โดยพื้นที่ กทม.เขต 1 เป็นเขตท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯและของประเทศ เห็นได้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ดั้งนั้นควรมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆเพื่อรองรับ เช่น ถนนคนเดิน งานแสงสีเสียง ในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น บางลำพู ตลาดน้อย ถนนข้าวสาร เป็นต้น

ขณะเดียวกัน มีผู้ประกอบการร้านค้าย่านถนนข้าวสาร ได้มีการร้องเรียน เพื่อขอความเป็นธรรมไปยังกรุงเทพมหานครและสำนักงานเขต เนื่องจากมีรถเข็นและร้านค้าแผงลอยจำนวนหนาแน่น ถือโอกาสมาตั้งวางขายของปิดบังหน้าร้าน จนลูกค้าไม่สามารถเดินหรือใช้ทางสัญจรเข้าออกร้านได้ ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้าเหล่านี้ เพิ่งมีโอกาสได้ฟื้นฟูและเปิดกิจการจากช่วงสถานการณ์โควิดมาได้ไม่นาน แต่พบว่า มีรถเข็นและร้านแผงลอยมาตั้งปิดบัง ตลอดแนวหน้าร้านและเส้นทางสัญจรจนเกิดความแออัดแบบ ไร้ระเบียบ ลดคุณค่าความเป็นถนนข้าวสาร แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง สะอาด และน่าเดินเที่ยวชมเมืองเก่าของไทยไปโดยปริยาย

นางสาวกานต์กนิษฐ์ กล่าวว่า ได้เสนอแนวทางแก้ไข ให้เจ้าของอาคาร เป็นผู้ตัดสิน ใจว่าจะตกแต่งหน้าบ้านอย่างไร และให้การยอมรับให้ผู้ค้ารายย่อย สามารถตั้งขายของบริเวณหน้าร้านของตัวเองได้หรือไม่ เพื่อการจัดสรรพื้นที่ให้เกิดความเหมาะสม สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ให้มีการตั้งรถเข็นแผงลอยที่ผิดกฏหมาย รวมถึงเป็นการป้องปราม ป้องกันข้าราชการเทศกิจในแต่ละสำนักงานเขตอาจมีการเรียกรับเงินจากผู้ค้ารถเข็นแผงลอยเหล่านี้ไปอีกทางหนึ่งด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 กันยายน 2565