โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: พฤศจิกายน 2021

“ธรรมนัส-นฤมล” นำทีมพปชร.ขึ้นเหนือ ร่วมพบปะตัวแทนพรรคฯ

,

“ธรรมนัส-นฤมล” นำทีม พปชร.ขึ้นเหนือ ร่วมพบปะตัวแทนพรรคฯประจำจังหวัดเขตเลือกตั้ง จ.น่าน โดยมี สมาชิกพรรคฯและ ส.ส.พื้นที่ใกล้เคียงให้การต้อนรับคึกคัก

ที่ 18 พฤศจิกายน 2564 เวลา 16.30 น. ที่บริเวณห้องประชุม น่านกรีนเลควิว รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา เขต 3 และนายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 ร่วมประชุมและพบปะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จังหวัดน่าน เพื่อคัดเลือกตัวแทนพรรคฯประจำจังหวัดเขตเลือกตั้งใน เขต 1 เขต 2 และเขต 3 โดยมีคณะกรรมการกกต.จังหวัดน่าน ร่วมสังเกตการณ์ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอให้ผู้รับคัดเลือกตัวแทนพรรคฯประจำจังหวัดเขตเลือกตั้ง และสมาชิกพรรคฯจังหวัดน่านเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคฯ ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคฯที่มีเป้าหมายและจุดยืนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพรรคพลังประชารัฐ มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนผ่านกลไกในหน่วยงานภาครัฐ ในฐานะแกนนำของรัฐบาลจนประสบผลสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายที่เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด

“วันนี้ผมขอแสดงความยินดีกับผู้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรคฯ ซึ่งทุกท่านล้วนมาจากตัวแทนพี่น้องในพื้นที่ ซึ่งรับทราบปัญหาและความเดือดร้อนของชาวบ้านอยู่แล้ว ทั้งเรื่องที่ดินทำกินในเขตป่าสงวน ปัญหาการใช้น้ำ และพื้นที่กักเก็บน้ำ รวมทั้งปัญหาเตาเผาขยะของหมู่บ้านสะปัน ที่พรรคฯเชื่อว่าเป็นเรื่องที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยทีม ส.ส.ในพื้นที่ที่มีการทำงานด้วยความตั้งใจ สอดคล้องกับการทำงานเป็นทีมร่วมกับทางพรรค ที่จะทำให้เห็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองน่านให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ พัฒนาเจริญก้าวหน้าเพื่อชาวเมืองน่านในอนาคต” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

ขณะที่ ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้มาพบปะพี่น้องชาวเมืองน่านอีกครั้ง และเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาเมืองน่านไปพร้อมกันกับประชาชนในพื้นที่ โดยพรรคฯพร้อมเปิดโอกาส ส.ส.พรรคฯได้โชว์ฝีมือ และศักยภาพในการทำงานได้ตรงตามความสามารถ ตามเป้าหมายสำคัญ เพื่อลดความยากจนให้กับประชาชนในระยะยาว รวมทั้งต่อยอดนโยบายของพรรค เช่นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ดูแลประชาชนอย่างเหมาะสมและเป็นระบบ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการสนับสนุนจากประชาชน โดยมี ส.ส.ของพรรคร่วมขับเคลื่อนผลักดันกับรัฐบาลเพื่อให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 19 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.ไพลิน” เสนอสภาฯ แก้ปัญหาประมงชายฝั่ง อ.พระสมุทรเจดีย์

, ,

“ส.ส.ไพลิน” เสนอสภาฯแก้ปัญหาประมงชายฝั่งอ.พระสมุทรเจดีย์ รับผลกระทบจากมวลน้ำเหนือ หนุนเป็นเขตภัยพิบัติขอรัฐเยียวยา

“ส.ส.ไพลิน” หารือ สภาฯ ช่วยเหลือเกษตรกรประมงชายฝั่ง อ.พระสมุทรเจดีย์ รับผลกระทบมวลน้ำเหนือ ปริมาณฝนเพิ่ม ส่งผลน้ำทะเลจืด กระทบการเลี้ยงสัตว์น้ำ สูญเสียรายได้ เตรียมส่งเรื่องพิจารณา เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เฉพาะเขต เพื่อเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือ และเยียวยา ผ่านกลไกช่วยเหลือของภาครัฐ

นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ เขต7 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวประมงชายฝั่ง และกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ในพื้นที่อ.พระสมุทรเจดีย์ กำลังเผชิญปัญหาความเสียหายจากภัยพิบัติ ส่งผลสัตว์ที่เลี้ยงและเพาะพันธ์เสียหายเป็นจำนวนมาก กระทบต่อการประกอบอาชีพ ซึ่งตนในฐานะที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าว ได้นำเรื่องเสนอเพื่อหารือกับสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องไปยังรัฐบาลและหน่วยที่เกี่ยวข้องในการเข้าช่วยเหลือ และเยียวยาชดเชยความเสียหายอย่างเร่งด่วน พร้อมให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการประกาศในการเป็นพื้นที่ ภัยพิบัติเฉพาะ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ เนื่องจาก เป็นพื้นที่รับน้ำจากภาคเหนือไหลผ่านกรุงเทพฯ และไหลลงสู่อ่าวไทยบริเวณ จ.สมุทรปราการ ประกอบกับมีปริมาณฝนจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณความเค็มของน้ำทะเลลดลง “ที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ ไม่ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ จึงไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือและเงินเยียวยาจากภาครัฐได้ จำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการนำหัวแร่ธาตุทดแทนน้ำทะเล เพื่อเพิ่มปริมาณความเค็มในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น”

จากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ที่ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาน้ำทะเลเจือจาง (น้ำทะเลจืด) ทำให้เกษตรกรผู้
เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อาทิ กุ้ง และหอย ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 14,680,000 บาท ปัจุบันที่มีผู้เพาะเลี้ยงทั้งสิ้น 1,754 ราย หรือกว่า 38,926 ไร่ แบ่งเป็นประมงชายฝั่ง 1,086 ราย คิดเป็นพื้นที่เพาะเลี้ยง 22,495 ไร่ และประมงน้ำจืด 668 ราย คิดเป็นพื้นที่เพาะเลี้ยง 16,431 ไร่

นอกจากนี้ยังได้เตรียมนำปัญหาดังกล่าวยื่นเสนอต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณามาตรการการเยียวยาชดเชยความเสียหาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ดังกล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 18 พฤศจิกายน 2564

‘บิ๊กป้อม’ ห่วงประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ นำ ‘ธรรมนัส-นฤมล’ ลงพื้นที่

,

‘บิ๊กป้อม’ ห่วงประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ นำ ‘ธรรมนัส-นฤมล’ ลงพื้นที่ชุมพร-สุราษฎร์ธานี มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย พร้อมเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อบูรณาการข้อมูลสารสนเทศแจ้งเตือนภัยพิบัติให้ประชาชนรับมือได้ทันท่วงที

‘บิ๊กป้อม’ กระชับแผนป้องกันอุทุกภัยภาคใต้ ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
ร่วมกับ เลขาฯ ธรรมนัส – ดร.นฤมลฯ บูรณาการหน่วยงานวางแผนป้องกัน ผลกระทบระยะยาว พร้อมเปิด ‘ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าภาคใต้’ เชื่อมโยงข้อมูล ประเมินสถานการณ์ลดความเสี่ยง ภัยพิบัติ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนรับมือได้ทันท่วงที พร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในพื้นที่

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมศาลากลาง จังหวัดชุมพร พล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และคณะส.ส.พปชร. ลงพื้นที่ตรวจราชการและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วม พร้อมทั้งติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ โดยมีนายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด คอยให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง และ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวรายงานโครงสร้างอำนาจหน้าที่คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ และ ดร.สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กล่าวรายงานคาดการณ์สภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้บริหารสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และเลขาธิการกรมป้องกันและกรมบรรเทาสาธารณภัย บรรยายสรุปสถานการณ์อุทุกภัย และแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหา โดยขณะนี้ ชุมพร มีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหลังสวน อำเภอสวี และอำเภอท่าแซะ รวม 15 ตำบล 66 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,876 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย ระดับน้ำลดลง

พลเอก ประวิตรฯ มอบนโยบายว่า ขณะนี้ภาคใต้ของประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมา อิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้มีสถานการณ์ฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่หลายจังหวัด ซึ่ง จ.ชุมพร เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบกับสถานการณ์อุทกภัย โดยเฉพาะบริเวณ อ.หลังสวน อ.สวี อ.ท่าแซะ อ.ทุ่งตะโก และ อ.เมือง โดยรัฐบาลมีความห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย ในวันนี้จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดบูรณาการความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย รวมทั้งเร่งสำรวจความเสียหาย ฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบตามเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจาก กอนช. ได้คาดการณ์ว่า ยังคงมีพื้นที่เสี่ยงในบริเวณภาคใต้ซึ่งจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจุบันมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลายแห่ง เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสูงสุดในการรับมือกับสถานการณ์น้ำ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ และจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตาม ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำและอำนวยการหน่วยงานในพื้นที่ ในการบริหารจัดการมวลน้ำช่วงฤดูฝนภาคใต้ปี 2564 ให้เกิดความเป็นเอกภาพและสามารถคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว พร้อมมอบหมายให้ทุกหน่วยงานใช้ข้อมูลจากศูนย์บริหารจัดการน้ำฯ ในการวางแผนบริหารจัดการน้ำหลาก เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป

เวลา 15.30 น. พลเอก ประวิตรฯ พร้อมคณะเดินทางไปมอบถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด ให้กับผู้ประสบภัย ที่โรงเรียนอนุบาลสวี จ.ชุมพร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วม ทั้งนี้ พลเอก ประวิตรฯ ยังได้พบประชาชนและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนเพื่อนำไปพิจารณาประสานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที

เวลาประมาณ 16.30 น. พลเอก ประวิตรฯ พร้อมคณะได้เดินต่อไปยังห้องประชุมตาปี ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 ตำบลหนองไทร อ.พุนพิน จ. สุราษฎร์ธานี โดยมีนาย นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและแผนเผชิญเหตุให้การช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัย ตลอด 24 โดยมีเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สรุปแนวทางการบริหารจัดการน้ำของจ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่ ปภ.รายงานว่า สุราษฎร์ธานี มีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอนสัก อำเภอท่าชนะ อำเภอเกาะสมุย และอำเภอกาญจนดิษฐ์ รวม 7 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 373 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

จากนั้น พลเอกประวิตรฯ ได้เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศจากทุกหน่วยงานใช้คาดการณ์และวิเคราะห์สภาพอากาศปริมาณลำน้ำ แหล่งเก็บกักน้ำ พื้นที่น้ำหลาก และแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในภาคใต้ รวมทั้งอำนวยการร่วมกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (บกปก.ก.) เพื่อแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และเพื่อแจ้งเตือนประชาชนรับมือได้ทันท่วงที

สำหรับศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ดังกล่าว มีรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สนทช.) ทำหน้าที่ผู้อำนวยการ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 17 พฤศจิกายน 2564

ส.ส.อาญาสิทธิ์ มอบถุงยังชีพผู้สูงอายุ-มอบหน้ากากอนามัย N95

,

ส.ส.อาญาสิทธิ์ เขต 3 พปชร. ลงพื้นที่ 5 อำเภอ มอบถุงยังชีพผู้สูงอายุ-มอบหน้ากากอนามัยN 95 ส่งต่อกำลังใจให้ รพ.สต.

ส.ส.อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ จ.นครศรีธรรมราช เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ในเขต อำเภอพระพรหม เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุพร้อมทั้งพบปะพ่อแม่พี่น้อง รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องความเป็นอยู่ของพี่น้องและต้องขอขอบคุณหน่วยงานหลายองค์กรและจิตอาสาที่ได้ให้การสนับสนุนสิ่งของมาในครั้งนี้

ทั้งนี้ตนและทีมงาน ได้มีการลงพื้นที่ อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอชะอวด อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอพระพรหม เพื่อมอบแมส N 95 ให้ กับ เจ้าหน้าที่และบุคลากร สาธารณสุขอำเภอและโรงพยาบาลรวมไปถึง รพ.สต.ของทุกตำบล ด้วยความห่วงใย และต้องขอขอบพระคุณหน่วยงานหลายองค์กรและผู้มีจิตศรัทธาที่ได้ร่วมสนับสนุนในครั้งนี้

ด้วยความห่วงใยจาก
ส.ส.อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
พรรคพลังประชารัฐ

#มุ่งมั่น
#ตั้งใจ
#แก้ไขทุกปัญหาประชาชน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 17 พฤศจิกายน 2564

ส.ส.รงค์ พปชร. ลุกอภิปรายญัตติด่วนสนับสนุนรัฐบาลเปิดประเทศ

,

มั่นใจหน่วยงานรัฐบูรณาการควบคุมโควิด-19 ประชาชนได้ประโยชน์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

รองศาสตราจารย์ ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมอภิปรายญัตติด่วน เกี่ยวกับผลกระทบของการเปิดประเทศในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาว่า ได้สนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการในการเปิดประเทศ (Reopening Thailand) ซึ่งนับว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่มีการวางเป้าหมายไว้ 4 ประการ และ 5 กลยุทธ์ และประสบความสำเร็จไว้หลายประการ ในการบูรณาการในการบริหารจัดการความความเสี่ยงของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเป้าหมายการสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในการเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ครบตามจำนวนเป้าหมาย ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราชมีเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศลงพื้นที่ในการวางเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ครบ 100% ภายใน 2 เดือน

“ผมพร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศ (Reopening Thailand) ที่รัฐบาลดำเนินการแล้วนั้นว่า เหมาะสมอย่างยิ่งที่รัฐบาลวางไว้ ทั้งเป้าหมาย 4 ประการ และกลยุทธ์ 5 ประการ ภายใต้การบริการจัดการที่มีภาวะผู้นำสูง ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นต่อการเปิดประเทศในครั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการบริหารความเสี่ยง โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันทำงานแบบบูรณาการ ในระดับจังหวัด และพื้นที่ที่ต้องการนักบูรณาการที่เข้มแข็ง เหมือนนายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวอย่างนักบริหารแบบบูณาการที่มีภาวะผู้นำสูงในระดับชาติ และมั่นใจว่าจะฝ่าวิกฤตินี้ไปได้” รศ. ดร.รงค์ กล่าว

ติดตามรับฟังรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://youtu.be/NaLn-voHLdQ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564

ชาวบางซื่อ-ดุสิต ต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นรูปธรรม-เข้าถึง-ทันที

,

ชาวบางซื่อ-ดุสิต ต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นรูปธรรม-เข้าถึง-ทันที

พร้อม ขับเคลื่อนดูแล ชาวบางซื่อ-ดุสิต ที่เดือดร้อน ต้องกักตัว ไปทำงานไม่ได้ โดนให้ออกจากงาน ไม่มีกิน ตั้งครรภ์ มีภาระดูแลลูกและพ่อแม่

ชุมชนวัดสร้อยทอง ขอบคุณคณะกรรมการชุมชน #วัดสร้อยทอง ที่ประสานทีมงานและช่วยจัดทำคิวสำหรับผู้ลงทะเบียนแจ้งขอรับกล่องกำลังใจ ผู้เดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภคบริโภค

ติดต่อได้ที่
FB page อุ๋ม ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ หรือ
Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้าด้วยค่ะ)

อุ๋มและทีมงานยินดีเป็นกระบอกเสียงและผลักดันแทนพี่น้องในเขตบางซื่อ-ดุสิตให้ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564

อธิรัฐ ติดตามมาตรการนักท่องเที่ยว “ทะเลตรัง” สร้างเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวไทย-เทศ

,

อธิรัฐ ติดตามมาตรการดูแลนักท่องเที่ยว “ทะเลตรัง” สร้างเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวไทย-เทศ

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดตรัง ณ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามมาตรการความปลอดภัยทางน้ำในการดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละปีจังหวัดตรังมีนักท่องเดินทางมาใช้บริการท่าเทียบเรือโดยสารเป็นจำนวนมาก จากสถิติผู้ใช้บริการ 4 ปี ย้อนหลัง ปี61 จำนวน 225,523 คน ปี62 282,128 คน ปี63 167,636 คน และปี64 192,496 คน เมื่อเปิดประเทศคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานเจ้าท่าฯ กำหนดเพิ่มเติมมาตรการความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้นใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ท่าเทียบเรือปลอดภัย 2.เรือปลอดภัย 3.คนปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้กำชับให้เร่งสำรวจ ตรวจสอบ การปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับอนุญาตแต่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

และวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 เป็นประธานการประชุม ณ สำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 3 เพื่อติดตามความคืบหน้าการบำรุงรักษาร่องน้ำในพื้นที่ภาคใต้ 6 จังหวัดได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวม 166 ร่องน้ำ โดยเฉพาะการดูแลรักษาร่องน้ำเศรษฐกิจ สรุปผลการดำเนินการดังนี้

  • ปี 64 : ขุดลอกแล้ว จำนวน 9 ร่องน้ำ ได้แก่ จังหวัดกระบี่ 5 ร่องน้ำ และ จังหวัดภูเก็ต 4 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุดรวม 807,122 ลบ.ม.
  • ปี 65 : ดำเนินการขุดลอก 10 ร่องน้ำ ได้แก่ จังหวัดพังงา 7 ร่องน้ำ จังหวัดสตูล 2 ร่องน้ำ และจังหวัดตรัง 1 ร่องน้ำ
  • ปี 66 มีแผนการขุดลอกอีก 19 ร่องน้ำในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสตูล ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และระนอง
  • ขุดลอกต่างตอบแทนที่จังหวัดพังงา ดำเนินการแล้วจำนวน 2 จุด ที่คลองบางม่วงและคลองดอกแดง เนื้อดินรวม 90,344 ลบ.ม.

ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้สำนักงานพัฒนาฯ ดำเนินการขุดลอกให้เป็นไปตามแผนเพื่อให้เรือสามารถสัญจรเข้า–ออก ได้ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการทำประมง เพิ่มศักยภาพการแข่งขันและการท่องเที่ยว รวมทั้งให้เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ จำนวน 9 นาย รถยนต์ 4 คัน เรือ 2 ลำ ถุงยังชีพ และน้ำดื่ม สามารถออกให้ความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ช.ม.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564

“ดร.นฤมล” ชูนโยบายสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถึงมือประชาชน

,

“ดร.นฤมล” ชูนโยบายสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถึงมือประชาชน ย้ำลดขั้นตอนภาครัฐซ้ำซ้อนมุ่งแก้ปัญหาเชิงรุกเข้าถึงความช่วยเหลือ

“ศ.ดร.นฤมล เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ” ยืนยันพร้อมสานต่อนโยบาย “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ด้วยการทำงานเชิงรุกลดปัญหาซ้ำซ้อนทุกขั้นตอน ประชาชนต้องเข้าถึงสวัสดิการอย่างเหมาะสม ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวดูแลตลอดชีวิต เพื่อขจัดความยากจนเข้าถึงปัญหาความเดือดร้อนได้ตรงจุด เตรียมเปิดคนรุ่นใหม่ร่วมอุดมการณ์ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พปชร. ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคพปชร. มีความพร้อมในการเดินหน้า เพื่อเตรียมการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่ง พรรค ได้มีการการประชุม ส.ส. เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการทำงานต่อ ในรูปแบบของการรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ที่จะเป็นยุทธศาสตร์ในการวางบทบาทการทำงานให้ ส.ส.แต่ละคนได้อย่างเหมาะสม พร้อมเปิดโอกาส ส.ส.หน้าใหม่กว่า 70 %ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในพรรคฯ ได้โชว์ฝีมือ และศักยภาพในการทำงานได้ตรงตามความสามารถที่มีอยู่บนพื้นที่ของการแก้ปัญหา โดย พปชร. มีเป้าหมายสำคัญ เพื่อลดความยากจนให้กับประชาชนในระยะยาว รวมทั้งการลงพื้นที่รับฟังปัญหาเพื่อต่อยอดแนวทางที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมกับนโยบายของพรรค

ทั้งนี้พรรค ยังมีแนวทางในการดำเนินการในเรื่องทำนโยบายสานต่อ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หากได้รับเลือกตั้งจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง ซึ่งได้มีการวางแนวทางการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของประชาชนด้วยเพียงบัตรประชาชนใบเดียว ที่มีข้อมูลอายุ อาชีพ การศึกษา พื้นฐานความเป็นอยู่ เพื่อเป็นข้อมูลวิเคราะห์ความช่วยเหลือว่าควรจะได้รับสวัสดิการอะไร หรือที่เรียกได้ว่าเป็นถังข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ “บิ๊กดาต้า” เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการเข้าถึงของประชาชน ที่จะทำให้การทำงานสานต่อได้อย่างรวดเร็วในการดูแลประชาชนอย่างเหมาะสมและเป็นระบบ ซึ่งแนวทางจะดูแลนับตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน แต่ไม่ใช่เพียงแค่การแจกเงินเพียงอย่างเดียว

“นโยบายนี้นับเป็นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐ มีความพร้อมในการผลักดันให้เกิดความสำเร็จได้ไม่ยาก หากการเลือกตั้งครั้งหน้าได้เป็นแกนนำรัฐบาล สิ่งแรกที่จะทำคือการเปลี่ยนและรื้อระบบใหม่ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่กระจัดกระจายไปอยู่แต่ละกระทรวงที่ส่งผลให้การเข้าช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะมีขั้นตอนหลายอย่าง รวมถึงข้อมูลประชาชนที่มีความซ้ำซ้อน ก็จะต้องนำมาไว้รวมเป็นจุดเดียวกันเพื่อในการดูแลและเข้าถึงให้ครอบคลุมลดการตกหล่น ซึ่งถือเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการสนับสนุนจากประชาชนให้เกิดรัฐบาลที่มีความพร้อมในการผลักดัน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้คือคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ที่เป็นแรงพลังให้พรรคฯ ต่อสู้เคียงข้างไปพร้อมกับประชาชนที่ให้ความไว้วางใจในการเลือกพรรคพลังประชารัฐกลับมาอีกครั้ง”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.สัมฤทธิ์” ออกโรงขอบคุณมาตรการรัฐแทนเกษตรกร ดันราคาข้าวโพด

, ,

“ส.ส.สัมฤทธิ์” ออกโรงขอบคุณมาตรการรัฐแทนเกษตรกร ดันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พุ่ง 10 บ./กก.-
จี้ตรวจสอบเพิ่ม

“ส.ส.สัมฤทธิ์” ส.ส.ชัยภูมิ เขต 3พปชร. ขอบคุณรัฐบาลแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ออกมาตรการคุมนำเข้าข้าวโพดสาลีจนทำให้เกษตรกรจำหน่ายได้ราคา 10 บาทต่อกิโลกรัม พร้อมเสนอ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เร่งตรวจสอบโรงงานอาหารสัตว์ที่เล่นแร่แปรธาตุนำเข้ามาว่าผิดกฏหมายหรือไม่และหาแนวทางป้องกันเพื่อแก้ไขแบบยั่งยืน

นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ชัยภูมิ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาได้ขอเป็นตัวแทนเกษตรกรขอบคุณรัฐบาลในการควบคุมการนำเข้าข้าวโพดสาลีในสัดส่วน1ต่อ3 หมายความว่าโรงงานเลี้ยงสัตว์จะนำข้าวโพดสาลีมาใช้ทดแทนข้าวโพดได้หนึ่งส่วนจะต้องซื้อข้าวโพดภายในประเทศก่อนสามส่วนและจะต้องห้ามนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิตภายในประเทศซึ่งจะเริ่มผลิตตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ทำให้เกษตรกรขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีนี้ได้ในราคาสูงถึง 10 บาทต่อกิโลกรัม

อย่างไรก็ตามยังโรงงานอาหารสัตว์หลายแห่งเล่นแร่ แปรธาตุได้มีการนำเครื่องโม่ข้าวโพดไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วไปซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศนั้นๆ โม่เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำเข้ามาใช้ภายในประเทศไทยเพื่อเลี่ยงบาลี จึงได้เสนอไปยังกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปตรวจสอบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายหรือไม่ พร้อมกับหาแนวทางเพื่อป้องกันจะแก้ไขให้ยั่งยืน

“ในชีวิตหนึ่งของเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็เพิ่งจะขายได้ในราคา 10 บาทต่อกิโลกรัม จึงขอวิงวอนให้ทุกส่วนและทุกฝ่าย อย่าไปแสวงหาเล่ห์กลมารังแก หรือเอาเปรียบพี่น้องเกษตรกรเหล่านี้เลยนะครับ ดังนั้นจึงได้ขอหารือผ่านไปยังกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ให้เร่งตรวจสอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านด้วย” นายสัมฤทธิ์กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.สุชาติ” น้อมนำโครงการพระราชดำริทูลกระหม่อมหญิงฯ มอบถุงยังชีพ

,

“ส.ส.สุชาติ” น้อมนำโครงการพระราชดำริทูลกระหม่อมหญิงฯ มอบถุงยังชีพ 1,000 ชุดให้ผู้ประสบภัยพิบัติ ต.บางลายจ.พิจิตร

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 นายสุชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมกับ ดร.มนัส โนนุช กรรมการผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์, นายพงศ์สวัสดิ์ หินแก้ว ผู้จัดการ (ทีโอที) พิจิตร และคณะทำงาน น้อมนำโครงการตามพระราชดำริทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา ภายใต้โครงการ “หนึ่งใจ…ช่วยเหลือผู้ประสบภัย” โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.บางลาย ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ณ หอประชุมเอนกประสงค์ โรงเรียนบางลายพิทยาคม ต.บางลาย อ.บึงนาราง จ.พิจิตร

“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีในช่วงประสบภัยพิบัติท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส. พลังประชารัฐ” นายสุชาติกล่าว

ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ รอง ผวจ.พิจิตร, นางชุลี อัศวพิชยนต์ รองนายกเหล่ากาชาด จ.พิจิตร, นายแพทย์ วิศิษฐ์ อภิสิทธิ์วิทยา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร, นายชินนาอาชว์ รสิอัครศักดิ์ นายอำเภอบึงนาราง, พ.ต.อ.กิตติกร ปานผล ผกก.สภ.บึงนาราง, นายจักรัตน์ จันทโรทัย สจ.เขต 2 อ.บึงนาราง, นายธรรมนูญ เทศน์อินทร์ กำนัน ต.บางลาย, นางนงนุช ชูยุทธ ปลัด อบต.บางลาย รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน พร้อมใจกันเข้าร่วมกิจกรรม ภายใต้มาตรการความปลอดภัยของสาธารณุข สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่างตลอดระยะเวลาการจัดงาน

#สุชาติศรีบุศกร
#ส.ส.พิจิตร
#พลังประชารัฐ
#พปชร.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.เกษม” ลงพื้นที่ 6 ชุมชน มอบถุงยังชีพเติมกำลังใจผู้ป่วยติดเตียง

,

ไม่ได้ทอดทิ้งกัน “ส.ส.เกษม” ลงพื้นที่ 6 ชุมชน ทน.นครราชสีมา มอบถุงยังชีพเติมกำลังใจผู้ป่วยติดเตียง

นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงานลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครอบครัวกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองตามชุมชนต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ประกอบด้วย ชุมชนรุ่งเรือง-บุญเรือง , ชุมชนสืบศิริพัฒนา , ชุมชนประสพสุข , ชุมชนอัมพวัน , ชุมชนมหาชัย-อุดมพร และ ชุมชนตะคองเก่า พร้อมมอบถุงยังชีพที่บรรจุด้วยผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และของใช้ที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง เพื่อให้กำลังใจในการดำรงค์ชีวิตและบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น

“ขอบคุณทีมงาน ประธานชุมชน กรรมการชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทุกชุมชน ที่ทำงานกันเข้มแข็งมากครับ” นายเกษม

#ด้วยความปรารถนาดี
#และความห่วงใยจาก
*ท่าน ส.ส.เกษม ศุภรนนท์ *

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564

“พล.อ.ประวิตร” ระดมทีม ส.ส.พปชร.ลุยพื้นที่สกลนคร เร่งแผนพัฒนาหนองหาร

, ,

“พล.อ.ประวิตร” ระดมทีม ส.ส.พปชร.ลุยพื้นที่สกลนคร เร่งแผนพัฒนาหนองหารบริหารจัดการน้ำดูแลประชาชน

“พล.อ.ประวิตร” นำทัพ”ดร.นฤมล” พร้อมทีมส.ส.พปชร. ลงพื้นที่ติดตามภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ จ.สกลนคร พร้อมเร่งขับเคลื่อนแผนพัฒนาหนองหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำให้ประชาชนในพื้นทั้งป้องกันน้ำท่วมช่วงฤดูฝนที่มีน้ำไหลหลาก และแก้ไขปัญหาการมีน้ำอุปโภคและบริโภคช่วงฤดูแล้งแบบยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)พร้อมแกนนำพรรคพลังประชารัฐ อาทิ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคฯ , นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหารพรรคฯ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 2 ,นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ,นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา เขต 8 พปชร.,นางทัศนียา รัตนเศรษฐ เขต7 จังหวัดนครราชสีมา พรรค พปชร., น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร., นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พปชร., นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พปชร.และ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส. พปชร เขต 7 จังหวัดขอนแก่น พปชร.ได้ลงพื้นที่ไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยมี นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมภูมิทัตโต โรงพยาบาลสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร

จากนั้นพล.อ.ประวิตรได้รับฟังเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่นำเสนอสถานการณ์น้ำและแผนหลักการพัฒนาหนองหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานแผนหลักฯ หนองหาร อาทิ กรมประมง กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมที่ดิน และจังหวัดสกลนคร ก่อนลงพื้นที่ดูสภาพโดยรอบหนองหาร บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 ปี

“ พรรคพลังประชารัฐมีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะในด้านน้ำ ที่มีส่วนสำคัญในการทำเกษตรกรรมที่จะเลี้ยงชีพให้กับเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงได้มอบให้ส.ส.พปชร.ทุกพื้นที่ติดตามเรื่องน้ำใกล้ชิดในทุกช่วงฤดูเพื่อให้มีนำใช้ตลอดปี พร้อมกับแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆในท้องที่เพื่อทำงานใกล้ชิดในการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ”พล.อ.ประวิตรกล่าว

ทั้งนี้การลงพื้นที่ติดตามภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของ จ.สกลนคร และติดตามความก้าวหน้าแผนหลักการพัฒนาหนองหารในครั้งนี้ พบว่าสามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนช่วยชะลอน้ำหลากในพื้นที่ได้เต็มศักยภาพ ปัจจุบันหนองหารมีปริมาณน้ำเก็บกักรวม 262 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 98% และเพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านน้ำในพื้นที่หนองหารอย่างเป็นระบบ และใช้น้ำที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ได้มอบหมายให้ สทนช. กำกับและเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนหลักการพัฒนาหนองหาร พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานร่วมขับเคลื่อนแผนงานการปรับปรุง ฟื้นฟู และอนุรักษ์หนองหารอย่างเคร่งครัด เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมตรงตามแผนหลักที่ได้กำหนดไว้ รวมทั้งให้จังหวัดสกลนคร กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดแผนงานแก้ปัญหาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากโดยเร็ว เพื่อบรรเทาปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชน เป็นไปตามเป้าหมายแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี พร้อมกำชับทุกหน่วยงานบูรณาการแผนงานที่ต้องเร่งดำเนินการได้ในพื้นที่หนองหาร อาทิ เร่งกำจัดวัชพืชให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เร่งศึกษาความเหมาะสมเพื่อออกแบบการวางผังการขุดลอกตะกอนดิน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่รับน้ำ เพื่อให้แก้ปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วมในพื้นที่ รวมทั้งเร่งตรวจสอบรายละเอียดของแผนงาน/โครงการให้มีความชัดเจน และเตรียมความพร้อมให้สามารถดำเนินการได้ทันตามกระบวนการของบประมาณปี 2566 ด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564