โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: กันยายน 2023

“สส.จำลอง”ลุยมอบถุงยังชีพช่วยประชาชนบรรเทาความเดือดร้อน จากเหตุอุทกภัยในพื้นที่เป็นวงกว้าง

,

“สส.จำลอง”ลุยมอบถุงยังชีพช่วยประชาชนบรรเทาความเดือดร้อน จากเหตุอุทกภัยในพื้นที่เป็นวงกว้าง

นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้ส่งทีมงานกระจายลงพื้นที่มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม 2 อำเภอ 4 หมู่บ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม ส่งผลให้ในพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง จนเกิดภาวะน้ำท่วมไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน กินพื้นที่เป็นวงกว้าง

นายจำลอง กล่าวต่อว่า ทีมงานของตนได้ไปพบปะพี่น้องประชาชนอาทิ บ้านคำศรี หมู่13 ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรี และมอบถุงยังชีพให้จำนวน 30 ครัวเรือน, บ้านทับปลา ตำบลหนองสรวง อำเภอหนองกุงศรี มอบถุงยังชีพให้จำนวน 32 ครัวเรือน,บ้านนาตาล ตำบลนาตาล อำเภอท่าคันโท จำนวน 40 ครัวเรือน และบ้านคำบอน หมู่5 ตำบลยางอู้ม อำเภอท่าคันโท จำนวน 30 ครัวเรือน ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งเพื่อช่วยเหลือฃบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกคน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 กันยายน 2566

“รมว.เกษตรฯ” พร้อมแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัด ชายฝั่งทะเล ทั้งเรื่องกฎระเบียบและราคากุ้งตกต่ำ พร้อมปล่อยสัตว์น้ำเพิ่มความสมบูรณ์ระบบนิเวศน์ คลองใหญ่ จ.ตราด สร้างความั่นคงประกอบอาชีพให้พี่น้อง

,

“รมว.เกษตรฯ” พร้อมแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัด ชายฝั่งทะเล ทั้งเรื่องกฎระเบียบและราคากุ้งตกต่ำ พร้อมปล่อยสัตว์น้ำเพิ่มความสมบูรณ์ระบบนิเวศน์ คลองใหญ่ จ.ตราด สร้างความั่นคงประกอบอาชีพให้พี่น้อง

ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบปะเกษตรกรรับฟังปัญหา และติดตามสถานการณ์ พร้อมแก้ไขปัญหาด้านการเกษตกร ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

ทั้งนี้ จังหวัดตราด เป็นจังหวัดชายแดนสุดฝั่งทะเลตะวันออก มีอาณาเขตด้านชายแดนติดกับประเทศกัมพูชาทั้งทางบกและทางทะเล มีความยาว 330 กิโลเมตร โดยทางบกติดกับทางจังหวัดของประเทศกัมพูชา ได้แก่ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดโพธิสัต และจังหวัดเกาะกง ซึ่งมีแนวชายแดนธรรมชาติติดทิวเขาบรรทัด เป็นเส้นแบ่งเขตแดนตลอดแนวมีความยาว 165 กิโลเมตร และมีแนวอาณาเขตทางทะเลมีความยาว 185 กิโลเมตร โดยจังหวัดตราดเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งทำการประมงที่สำคัญ ทั้งประมงพื้นบ้าน และประมงพาณิชย์ รวมทั้งพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งชายฝั่งและน้ำจืด ผลผลิตสัตว์น้ำของจังหวัดตราด มีมากกว่า 82,779 ตัน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 5,599.80 ล้านบาท ผลผลิตจากการทำการประมง 55,643 ตัน มูลค่า 2,344.21 ล้านบาท ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยง 27,136 ตัน มูลค่า 3,255.59 ล้านบาท

สำหรับทะเบียนเกษตรกร มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ.1) 1,317 ราย แบ่งเป็น กุ้งทะเล 476 ราย หอยทะเล 346 ราย ปลาน้ำจืด 317 ราย ปลาทะเล 125 ราย จระเข้ 14ราย สัตว์น้ำสวยงาม 3 ราย และสัตว์อื่น ๆ 36 ราย ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยง 27,136 ตัน มูลค่า 3,255.59 ล้านบาท ทะเบียนผู้ประกอบการด้านการประมง (ทบ.2) 539 ราย ทะเบียนผู้ทำอาชีพทำการประมง (ทบ.2) 3,334 ราย เรือประมงพื้นบ้านที่มีทะเบียนเรือไทย จำนวน 3,379 ลำ ได้แก่ อวนติดตา อวนครอบหมึก อวนลอยปลากระบอก อวนจมปูม้า อวนลอยปลาทู และเรือประมงพาณิชย์ที่มีทะเบียนเรือไทย จำนวน 588 ลำ ได้แก่ อวนครอบปลากะตัก อวนลากแผ่นตะเฆ่ อวนลากคานถ่าง

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับปากจะช่วยแก้ไขปัญหาพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีความเข้มงวดและเป็นอุปสรรคต่อการทำประมงในปัจจุบัน โดยชาวประมงเสนอให้มีแนวทางบรรเทาผลกระทบในช่วงการเปลี่ยนผ่านของกฎหมาย และจะช่วยดูราคากุ้งตกต่ำ ทั้งกุ้งแวนนาไม กุ้งกุลาดำ และกุ้งก้ามกราม ซึ่งมีปัจจัยมาจากโรคระบาดและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขอให้มั่นใจว่าจะร่วมแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัด ที่มีพื้นที่ติดทะเล

“รมว.ธรรมนัส” ปล่อยสัตว์น้ำเพิ่มความสมบูรณ์ระบบนิเวศน์ คลองใหญ่ จ.ตราด สร้างความั่นคงประกอบอาชีพให้พี่น้อ

นอกจากนี้ ร.อ. ธรรมนัส ได้ร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำทะเล ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี จำนวน 300,000 ตัว ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ทั้ง กุ้งกุลาดำ และปลากะพงขาว เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ในระบบนิเวศน์ พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรณ์ให้มีความอุดมสมบูรณ์ยั่งยืน ในการประกอบอาชีพที่มั่นคง เพื่อส่งต่อไปยังรุ่นลูกหลานกับพี่น้องประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กันยายน 2566

“สส.ไผ่ ลิกค์”ร่วม”กันจอมพลัง”ติดตามคดีพ่อฆ่าโบกปูนลูกสาว วอน ทุกฝ่ายหาทางป้องกันเหตุรุนแรงในสถาบันครอบครัว

,

“สส.ไผ่ ลิกค์”ร่วม”กันจอมพลัง”ติดตามคดีพ่อฆ่าโบกปูนลูกสาว วอน ทุกฝ่ายหาทางป้องกันเหตุรุนแรงในสถาบันครอบครัว

นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้รับการประสานงานจากนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ให้เข้าร่วมติดตามติดตามคดี กรณีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว จากคดีฆ่าโบกปูนเด็กหญิง อายุ 2 ขวบ ที่อำเภอ ขาณุวรลักษบุรี ซึ่งสร้างความสะเทือนให้กับประชาชนในสังคมทั้ง จ.กำแพงเพชร และทั่วประเทศ ตนจึงได้มอบหมายให้ น.ส.ณัฐกฤกฤตา เขียวฤทธิ์ เป็นตัวแทนติดตามคดีพร้อมทีมงานคุณกัน จอมพลัง อย่างต่อเนื่อง โดยมีพล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่

“ความรุนแรงภายในครอบครัวในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้น เนื่องหลายปัจจัยทั้งเกิดจากสภาวะทาวเศรษฐกิจของครอบครัว การมีบุตรในช่วงอายุที่ไม่พร้อม สภาวะความผิดปกติทางจิต ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน ดังนั้น หน่วยงานต่างๆ ร่วมถึงสถาบันครอบครัว จะต้องเฝ้าสังเกตก่อนนำไปสู่ความรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ คงจะต้องกลับมาหาออกร่วมกัน เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในต่างประเทศ“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กันยายน 2566

สส.เพชรบูรณ์ พปชร.ขอบคุณทุกภาคส่วนที่สร้างรอยยิ้มให้คนไทย หลัง “เมืองโบราณศรีเทพ” จ. เพชรบูรณ์ เป็น “มรดกโลก”เชื่อจะสร้างรายได้ ความเจริญให้ท้องถิ่น

,

สส.เพชรบูรณ์ พปชร.ขอบคุณทุกภาคส่วนที่สร้างรอยยิ้มให้คนไทย หลัง “เมืองโบราณศรีเทพ” จ. เพชรบูรณ์ เป็น “มรดกโลก”เชื่อจะสร้างรายได้ ความเจริญให้ท้องถิ่น

นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียน เมืองศรีเทพ อ.ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นมรดกโลก World Heritage ว่า ตนในฐานะผู้แทนของชาวศรีเทพ ชาววิเชียรบุรี และชาวเพชรบูรณ์ ต้องขอแสดงความยินดีกับมรดกโลกแห่งที่ 7 ของประเทศไทยที่เราต่างรอคอยมานานกว่า 30 ปี ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาลและคณะกรรมการมรดกโลก ที่มาช่วยขับเคลื่อนงานภายใต้อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกที่ทำให้ประเทศไทย มีแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่ในรอบ 7 ปี ซึ่งตนเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้คนไทยยิ้มกว้างได้

นายอัคร กล่าวต่อว่า การขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้ เป็นความภาคภูมิใจของไทยและถือเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในระดับสากลต่อคุณค่า และความสำคัญของแหล่งเมืองโบราณศรีเทพในฐานะมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมืองโบราณศรีเทพเป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี ที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ถือเป็นแหล่งอารยธรรมสำคัญแห่งหนึ่งของไทย สะท้อนการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

“ผมหวังว่าการขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้จะสร้างรายได้ ความเจริญให้กับท้องถิ่น คนในชุมชน และประเทศของเราต่อไป โดยจะยังคงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่สวยงามของคนบ้านเราและไม่กระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ จากนี้ไปถือเป็นจุดเริ่มต้นของการผสานความร่วมมือในการดำเนินงานร่วมกันของภาคส่วนต่างๆ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู คุ้มครอง และป้องกันเมืองโบราณศรีเทพให้เป็นแหล่งเรียนรู้และสมบัติของคนรุ่นใหม่และคนทั้งโลกต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กันยายน 2566

ปลื้มวอลเลย์บอลหญิงชนะโปแลนด์ รอบคัดเลือก !!!พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและประธานโอลิมปิคไทยแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โชว์ทำผัดซีอิ้ว เตรียมทำเลี้ยงต้อนรับทีมชาติทั้งทีม

,

ปลื้มวอลเลย์บอลหญิงชนะโปแลนด์ รอบคัดเลือก !!!พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและประธานโอลิมปิคไทยแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โชว์ทำผัดซีอิ้วเตรียมทำเลี้ยงต้อนรับทีมชาติทั้งทีม

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและประธานโอลิมปิคไทยแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อารมณ์ดี หลัง วอลเลย์บอลทีมสาวไทย ตบชนะ ทีมวอลเลย์บอลหญิงโปแลนด์ 3 ต่อ 2 เซต ในการแข่งขันวอลเลย์บอลรอบคัดเลือกโอลิมปิค 2023 ที่ประเทศโปแลนด์ โดย พลเอกประวิตร ได้เฝ้าติดตามเชียร์ทีมชาติไทยในทุกแมตช์การแข่งขัน โดยในวันนี้ พลเอกประวิตรได้ใช้เวลาว่าง ตอนเที่ยงผัดซีอิ้วเลี้ยงลูกน้อง คนใกล้ชิดที่มูลนิธิป่ารอยต่อในยามว่างจากภารกิจงาน โดย พลเอกประวิตรลงมือปรุงผัดซีอิ้ว รสเลิศบรรจงผัดด้วยเครื่องปรุง ตามสูตร มีหมูหมักรสชาติดี ทำเป็นอาหารกลางวันให้คนใกล้ชิดและลูกน้อง โดยกล่าวกับคนใกล้ชิดว่า วันนี้จะติดตามเชียร์ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยในการแข่งขันกับทีมชาติ สโลวิเนียในช่วงค่ำให้ได้รับชัยชนะ และหากทีมวอลเลย์บอลทีมสาวไทยเดินทางกลับมาจะทำผัดซีอิ้วเลี้ยงทั้งทีม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กันยายน 2566

“รมช.สันติ” เชิญชวนปชช.ใช้แอปฯ “ร้านยาของฉัน” ค้นหาร้านยาใกล้บ้าน ขอคำปรึกษาเภสัชกร ในงานสัปดาห์เภสัชกรรม ครั้งที่ 27

,

“รมช.สันติ” เชิญชวนปชช.ใช้แอปฯ “ร้านยาของฉัน” ค้นหาร้านยาใกล้บ้าน ขอคำปรึกษาเภสัชกร ในงานสัปดาห์เภสัชกรรม ครั้งที่ 27

วันนี้ (22 กันยายน 2566) ที่โซน Craft Studio ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานสัปดาห์เภสัชกรรม ครั้งที่ 27 ภายใต้ธีมงาน “เภสัชกรทั่วไทย ห่วงใยทุกคน” (We Care for Everyone) โดยมี นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนระบบบริการปฐมภูมิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รศ.พิเศษ ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม นายกสมาคมเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม เข้าร่วมงาน

นายสันติกล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายยกระดับบริการสุขภาพ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นธรรม สะดวก และรวดเร็ว ซึ่งสภาเภสัชกรรมมีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบาย โดยร่วมกับ สปสช.และ กทม. พัฒนาแอปพลิเคชัน “ร้านยาของฉัน” เป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถค้นหาร้านยาคุณภาพใกล้บ้าน และเข้ารับคำปรึกษาเรื่องยากับเภสัชกรได้อย่างสะดวก ช่วยแบ่งเบาภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนทดลองใช้งานและให้ข้อเสนอแนะต่อแอปพลิเคชัน “ร้านยาของฉัน” เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ สปสช.ยังสนับสนุนให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการ สามารถรับยาที่ร้านยาคุณภาพที่เข้าร่วมโครงการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายยาเข้าร่วมโครงการแล้ว 1,691 ร้าน และกำลังพิจารณาร้านขายยาที่สมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มอีก 135 ร้าน เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้ทั่วถึงมากขึ้น

ด้านรศ.พิเศษ ภก.กิตติ กล่าวว่า สภาเภสัชกรรม เป็นองค์กรวิชาชีพเภสัชกร มีสมาชิกกว่า 50,000 ราย ร่วมกันดูแลระบบยาของประเทศ มีเป้าหมายให้ประชาชนใช้ยาอย่างมีคุณภาพและสมเหตุผล จึงมีการจัดงานสัปดาห์เภสัชกรรมขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 27 โดยมีการจัดกิจกรรมให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ยาให้เกิดประโยชน์สูงสุด การคัดกรองความเสี่ยงในการเกิดโรค การให้คำแนะนำการเลิกบุหรี่ และการดูแลการใช้ยาของประชาชนอย่างถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งการให้บริการเหล่านี้ สภาเภสัชกรรมได้นำแอปพลิเคชันร้านยาของฉันมาใช้เพื่อให้ทันยุคสมัย ประชาชนเข้าถึงร้านยาต่างๆ ได้สะดวกขึ้น รวมถึงมีแพลตฟอร์มการให้บริการเภสัชกรรมทางไกล (TELEPHARMACY) เพื่อให้การบริการเภสัชกรรมแก่ประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีคุณภาพที่ดี และครอบคลุมทุกพื้นที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กันยายน 2566

“รมว.ธรรมนัส“ รับฟังปัญหาและเรื่องร้องทุกข์กลุ่มสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) สมาชิกกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) และสภาประชาชน 4 ภาค

,

“รมว.ธรรมนัส“ รับฟังปัญหาและเรื่องร้องทุกข์กลุ่มสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) สมาชิกกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) และสภาประชาชน 4 ภาค

วันที่ 22 กันยายน 2566 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบปะ รับฟังปัญหา และรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้แทนกลุ่มสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) สมาชิกกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) สภาประชาชน 4 ภาค นำโดย นายประพาส โงกสูงเนิน พร้อมด้วยมวลชนประมาณ 250 คน ซึ่งเดินทางมาชุมนุมที่บริเวณเกาะกลางหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และบริเวณหน้าสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน เมื่อเช้าวันพุธที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา โดย กลุ่ม สอส. มีข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ได้แก่
1. ขอให้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาให้กลุ่ม เนื่องจากคำสั่งเดิมหมดอำนาจจากการยุบสภา
2. ขอให้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน หนี้สิน และผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมาย นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ให้ดูแลอาหาร น้ำดื่มให้ผู้ชุมนุม และอำนวยความสะดวกความเป็นอยู่ด้านสุขอนามัยของกลุ่ม สอส. ผรท. และสภาประชาชน 4 ภาค แล้ว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กันยายน 2566

“รมว.ธรรมนัส” ตรวจภัยแล้งจ.ราชบุรี เตรียมแผนจัดหาน้ำให้เพียงพอ หนุนมะพร้าวน้ำหอมเป็นพืชเศรษฐกิจประจำจังหวัด พร้อมมอบสิทธิที่ทำกินให้ชาวสวนผึ้ง

,

“รมว.ธรรมนัส” ตรวจภัยแล้งจ.ราชบุรี เตรียมแผนจัดหาน้ำให้เพียงพอ หนุนมะพร้าวน้ำหอมเป็นพืชเศรษฐกิจประจำจังหวัด
พร้อมมอบสิทธิที่ทำกินให้ชาวสวนผึ้ง

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และด้านการเกษตร พร้อมรับฟังปัญหาจากเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอม ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งซ้าย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งจังหวัดราชบุรี มีการเพาะปลูกมะพร้าวน้ำหอม ประมาณ 88,000 ไร่ โดยอำเภอดำเนินสะดวกมีพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด คิดเป็น 47,250 ไร่ ซึ่งอยู่เขตโครงการส่งน้ำและบํารุงรักษาราชบุรีฝั่งซ้าย ประมาณ 30,125 ไร่ ร้อยละ 64 ของพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวน้ำหอมในอําเภอดําเนินสะดวก เกษตรกรมีความต้องการน้ำประมาณ 86,069 ลบ.ม./วัน หรือ 31.4 ล้านลบ.ม. ต่อปี โดยมีมูลค่าผลผลิตเฉลี่ย ปีละประมาณ 3,900 ล้านบาท มีกําไรเฉลี่ย ประมาณ 2,600 ล้านบาท ปัจจุบันปริมาณน้ำที่ส่งเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรที่เพาะปลูกมะพร้าวน้ำหอม หากในอนาคตมีการเพาะปลูกมะพร้าวน้ำหอมเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลกระทบในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งไม่สามารถส่งปริมาณน้ำได้ตามความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ จึงได้มีการวางแผนปรับปรุงระบบส่งน้ําเพื่อสนับสนุนพื้นที่อําเภอดําเนินสะดวก เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งน้ำ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้อย แต่ยังสามารถบริหารจัดการได้ โดยประมาณกลางเดือนตุลาคม ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานว่าจะมีพายุเข้ามาอีกหลายลูก จึงเชื่อว่าจะทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำแต่ละที่จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในพื้นที่จังหวัดราชบุรีน่าจะสามารถบริหารจัดการได้จนถึงฤดูฝนปีหน้า แต่สิ่งสำคัญคือเกษตรกรในอำเภอโพธารามและอำเภอใกล้เคียง ที่กระทรวงเกษตรฯ จะต้องบริหารจัดการในเรื่องการส่งน้ำไปสู่แปลงเกษตร จึงได้มอบหมายให้มีการปรับปรุงคลองส่งน้ำ อีกทั้งยังมอบหมายกรมฝนหลวงและการบินเกษตรในการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ ในเรื่องของปัญหาที่ดินทำกิน และปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร กระทรวงเกษตรฯ จึงได้เดินทางมารับฟังปัญหาจากพี่น้องเกษตรกรโดยตรง และพร้อมทำงานอย่างเข้มข้น เพื่อนำไปจัดทำแผนการดำเนินงาน ในเบื้องต้น ได้มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) รวมทั้งได้มอบหมายรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้ง Mr.สินค้า ขับเคลื่อนสินค้ามะพร้าวน้ำหอม ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดราชบุรี และมอบหมายให้กรมชลประทานดำเนินการศึกษาแนวทางการดำเนินงานการพัฒนาแหล่งน้ำ และนำเสนอผลให้พิจารณาโดยด่วน

จากนั้น รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบงานกำจัดวัชพืช ณ ประตูระบายน้ำคลองบางสองร้อย ตำบลบางโตนด และหมู่ที่ 9 ตำบลธรรมเสน อำเภอโพธาราม ซึ่งในปัจจุบันคลองบางสองร้อยมีสภาพตื้นเขิน ส่งผลให้วัชพืชและผักตบชวาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วม ในส่วนฤดูแล้งเกิดสภาวะขาดแคลนน้ำ จึงมีความจำเป็นต้องบูรณาการร่วมกันหลายภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืชในคลองทั้ง 13 จุด สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ได้มีการวางแผนกำจัดวัชพืชในอนาคตโดยใช้เครื่องจักรกำจัดวัชพืช และใช้แรงคน ร่วมกันในการเก็บวัชพืชไม่ให้เกิดการสะสมจำนวนมาก ทั้งนี้ จากการดำเนินงานปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรและการบริหารจัดการน้ำ มีเกษตรกรผู้ได้รับผลประโยชน์ 6,350 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับผลประโยชน์ 17,500 ไร่ กำจัดผักตบชวาได้ 819.9 ไร่ คิดเป็นจำนวน 65,592 ตัน ความยาว 147 กิโลเมตร

นอกจากนี้ รมว.เกษตรฯ ได้พบปะพี่น้องประชาชนในที่ว่าการอำเภอสวนผึ้ง เพื่อรับฟังปัญหาการจัดการน้ำ ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ได้ดำเนินโครงการอาคารทดนํ้าบ้านสวนผึ้ง ตําบลสวนผึ้ง อําเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ดินถล่ม และบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ําสำหรับการอุปโภคและบริโภค จํานวน 1,200 ครัวเรือน ในฤดูแล้ง พร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 4,000 ไร่ในพื้นที่ 4 ตำบล (สวนผึ้ง ป่าหวาน ท่าเคย และตะนาวศรี) ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) แก่เกษตรในที่ดินสวนผึ้ง จำนวน 10 ราย และมอบพื้นที่โครงการจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่ลุ่ม-ดอน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสม Zoning by Agri Map โดยสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี กรมพัฒนาที่ดิน จำนวน 2,500 ไร่ และให้การสนับสนุนปุ๋ยหมักสูตรพระราชทาน จำนวน 100 ตัน ให้กับกลุ่มเกษตรอินทรีย์ PGS จำนวน 10 กลุ่ม 50 ตัน และศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศูนย์ ศพก.) จำนวน 50 ตัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กันยายน 2566

สส.อัครแสนคีรี อภิปรายญัตติ ผลกระทบเอลนีโญ จี้รัฐเร่งรับมือภัยแล้ง-บริหารจัดการน้ำ ขอหลายกระทรวง แก้น้ำท่วม-น้ำแล้ง จ.ชัยภูมิ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อย่าให้ประชาชนว้าวุ่น

,

สส.อัครแสนคีรี อภิปรายญัตติ ผลกระทบเอลนีโญ จี้รัฐเร่งรับมือภัยแล้ง-บริหารจัดการน้ำ ขอหลายกระทรวง แก้น้ำท่วม-น้ำแล้ง จ.ชัยภูมิ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อย่าให้ประชาชนว้าวุ่น

นายอัครแสนคีรี โลห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายญัตติผลกระทบเอลนีโญ โดยมีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมฟังการอภิปรายด้วยตัวเอง เพื่อนำสิ่งที่สมาชิกสะท้อน ไปเป็นนโยบายและแผนแก้ไขปัญหากับพี่น้องเกษตรกร ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และพายุรุนแรง ส่งผลให้เกิด สภาวะการขาดแคนอาหารและน้ำ ความมั่นคงด้านอาหาร การเกษตร ซึ่งส่งกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม

นายอัครแสนคีรี เสนอแนวทางบริหารจัดการ ด้านภัยแล้ง และผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน จากงบประมาณปี 2567 มีแนวโน้มจะล่าช้า ขอนายกรัฐมนตรีใช้งบกลาง เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน ระดมสรรพกำลัง ของทุกหน่วยงานเข้าไปแก้ปัญหาภัยแล้ง และมีระบบติดตามตรวจสอบ กระทรวงมหาดไทย ควรส่งเสริมอนุมัติให้ท้องถิ่น มีเครื่องมือที่เพียงพอ เพราะหากรองบอุดหนุนจากรัฐบาลจะไม่ทันการ ขณะเดียวกัน กรมชลประทานควรเร่งศึกษาการบริหารจัดการน้ำ อย่างเป็นระบบ
แก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตามที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีแนวคิดดังกล่าวแล้ว รวมถึงด้านน้ำบาดาล เป็นเรื่องที่ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สามารถนำน้ำบาดาลขึ้นมาผ่านโครงการต่าง ๆ ทั้ง น้ำดื่มริมทาง น้ำดื่มชุมชน และกระจายน้ำระยะไกล นอกจากนี้เรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ควรให้เอกชนมีส่วนร่วม ทางในการขุด ผลิต และจำหน่ายน้ำประปา เพื่อลดงบประมาณการลงทุนจากภาครัฐ

ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม นายอัครแสนคีรี เสนอว่า ผลกระทบที่เกิดจากไฟป่า รัฐควรจัดหาเครื่องกรองฝุ่น ให้กับสถานที่ต่าง ๆ ทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาล อย่างเร่งด่วน และจัดตั้งศูนย์ฉุกเฉินเพื่อดับไฟป่าร่วมกับท้องถิ่น อย่าปล่อยให้เป็นภาระท้องถิ่นฝ่ายเดียวเพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ควรจัดสรรเครื่องมือให้เพียงพอ ควรออกกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด การจัดเก็บภาษี การปลดปล่อยคาร์บอนที่เป็นธรรม รวมถึงยกระดับตลาดคาร์บอนเครดิตให้มีมาตรฐานที่สูงครึ่ง ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเช่นโซล่าเซลล์ ระดับครัวเรือน ผ่านมาตรการภาษีและเงินอุดหนุน และควร ส่งเสริมเอกชนลงทุนในนวัตกรรมการจัดเก็บพลังงาน เช่นดักจับกักเก็บคาร์บอน

นายอัครแสนคีรี ยังได้ฝากถึง การแก้ปัญหาจังหวัดชัยภูมิ ที่เจอแต่ พบเจอแต่สภาวะน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซาก ในช่วงน้ำหลากไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ส่วนฤดูแล้งต้องวิ่งขนน้ำจนประชาชนว้าวุ่นกันหมด จึงฝากผ่านไปยังรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ที่จังหวัดชัยภูมิ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 กันยายน 2566

“ฉกาจ สส.พังงา”ฝาก กรมทางหลวงตรวจสอบ ถ.หมายเลข 4 เพชรเกษม หลังสร้างตอนบริบทเมืองเปลี่ยนไปจากตอนสำรวจ ทำให้ตอนฝนตกน้ำท่วมมาแล้ว 3 รอบ

,

“ฉกาจ สส.พังงา”ฝาก กรมทางหลวงตรวจสอบ ถ.หมายเลข 4 เพชรเกษม หลังสร้างตอนบริบทเมืองเปลี่ยนไปจากตอนสำรวจ ทำให้ตอนฝนตกน้ำท่วมมาแล้ว 3 รอบ

นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ถนนหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ตอนบางสัก อำเภอท้ายเหมือง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พื้นที่ถนนเพชรเกษมเรามีความยาวจากกรุงเทพมหานครมาถึงภาคใต้ ระยะทาง 1,000 กว่ากิโลเมตร เเละงบประมาณมาจัดสร้างช่องทางจราจร 4 ช่องทาง จราจรก็ยังไม่ครบสมบูรณ์ มีหลายช่วงที่ยังเป็นถนน 2 เลนอยู่

“ผมอยากนำเรียนว่า กว่าจะได้งบประมาณมา ลำบากมาก ต้องใช้เวลาหลายปี ซึ่งการสำรวจออกแบบบางครั้งไม่เป็นปัจจุบัน เพราะแบบออกไว้นานกว่าจะได้งบประมาณ พอมาก่อสร้างจริงบริบท ของเมืองมันเปลี่ยนไปจากพื้นที่ชนบทเป็นเมือง พอสร้างแล้วแบบมันไม่เป็นปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าเมื่อฝนตกลงมา ปีนี้ผ่านมาปีเศษๆ น้ำท่วมไปแล้ว 3 รอบ กลายเป็นว่า แหล่งการท่องเที่ยวหลักของพังงา ท่องเที่ยวมาบ้านเราก็เพราะมีความเป็นอะเมซิ่ง แต่วันนี้มาพังงาอะเมซิ่งไปอีก ตอนมาเป็นถนนอยู่ดี ๆ พอฝนตกมาครั้งเดียว เช้าขึ้นมากลายเป็นคลองแล้ว”นายฉกาจ กล่าว

นายฉกาจ กล่าวต่อว่า ตนขอฝากไปยังกรมทางหลวงให้ดำเนินการติดไฟสว่างส่องสว่างระหว่างเส้นทาง เพราะตอนสำรวจยังเป็นชนบท แต่ตอนนี้กลายเป็นเมืองไปแล้ว เทศบาลก็แก้ปัญหาโดยการเอาหลอดไฟไปปักให้กลางเกาะถนน เพื่อเป็นแสงสว่าง แสงสว่างก็ไม่พอเพียง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 กันยายน 2566

“ปริญญา สส.กำแพงเพชร”ขอ กรมทางหลวงอนุมัติงบประมาณขยายสะพานทางหลวง พร้อมติดไฟส่องสว่างเพิ่มบนถนนสายหลัก พร้อมวอน กรมชลประทาน เร่ง ซ่อมฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง

,

“ปริญญา สส.กำแพงเพชร”ขอ กรมทางหลวงอนุมัติงบประมาณขยายสะพานทางหลวง พร้อมติดไฟส่องสว่างเพิ่มบนถนนสายหลัก พร้อมวอน กรมชลประทาน เร่ง ซ่อมฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง

นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า การก่อสร้างขยายสะพานทางหลวง หมายเลข 1074 ช่วงระหว่างไปบ้านขนุน ความยาวสะพาน 0.375 กิโลเมตร ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเป็นเขตชุมชน มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และเป็นเส้นทางหลักในการสัญจรไปมาของพี่น้องประชาชน ในการเดินทางไปหลายแห่ง เช่น อำเภอ โรงพยาบาล รวมถึงโรงเรียนตนจึงอยากจะขอให้กรมทางหลวง ได้จัดสรรงบประมาณในการขยายสะพานแห่งนี้ด้วย

นายปริญญา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ไฟส่องสว่างตามถนนหมายเลข 1112 ตำบลบ่อถ้ำไปยังสี่แยกวังตาห้าว ตำบลปางมะค่า ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 18 บ้านใหม่สามัคคี และหลักกิโลเมตรที่ 34 บ้านหนองแสง ซึ่งเป็น เขตชุมชนพี่น้องประชาชนได้ร้องเรียนผ่านตนมาว่า ในช่วงกลางคืนจะมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ขอฝากให้กรมทางหลวง ไปติดตั้งไฟแสงส่องสว่างให้กับพี่น้องประชาชน

“ผมก็อยากจะเรียนไปยังกรมชลประทาน ถึงปัญหาเรื่องน้ำทางการเกษตร ที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในเรื่องของการเกษตร โดยสมาชิกหลายท่านก็ได้หารือไปหลายครั้งแล้วว่า ขอให้กรมชลประทานได้จัดสรรงบประมาณในการซ่อมแซมฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง การส่งน้ำและบำรุงรักษาไว้ เพราะลุ่มน้ำแห่งนี้เป็นฝายสำคัญของเรื่องการเกษตรของจังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดพิจิตร”นายปริญญา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 กันยายน 2566

“สันติ” รมช.สธ. ร่วมประชุมผู้บริหารระดับสูง เสนอแพทย์-พยาบาลเกษียณ เสริมงานด้านสาธารณสุข เพิ่มประสิทธิภาพดูแลประชาชน

,

“สันติ” รมช.สธ. ร่วมประชุมผู้บริหารระดับสูง เสนอแพทย์-พยาบาลเกษียณ เสริมงานด้านสาธารณสุขเพิ่มประสิทธิภาพดูแลประชาชน

วันที่ 20 กันยายน 2566 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 9/2566 ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 2 อาคาร 1 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. ตลอดจนผู้บริหารของกระทรวงเข้าร่วม พร้อมร่วมมอบโล่ที่ระลึกให้กับผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566

นายสันติ กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่ประสบปัญหามากมายซึ่งได้เคยเรียนไปแล้วว่า ตนเป็นผู้แทนราษฎรตั้งแต่ ปี 2538 เห็นสิ่งเหล่านี้บ่อยมากจนเกินไป จึงอยากฝากผู้บริหารว่า จะทำอย่างไรในการสร้างแพทย์เพิ่มขึ้น กรมไหนที่มีศักยภาพจะช่วยกันผลักดัน ซึ่งการสร้างบุคลากรทางการแพทย์จะต้องใช้เวลา กว่า 10 ปี ที่จะได้แพทย์เฉพาะทางในแต่ละสาขาที่จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงอยากฝากหน่วยงาน หรือกรม ที่ดูแลเรื่องนี้มาพูดคุย เพราะตนมีความต้องการที่จะแก้ปัญหา ถ้าติดเรื่องงบประมาณก็จะช่วยกันผลักดัน หรือติดที่แพทยสภาที่มีข้อจำกัดต่างๆ ก็จะพุดคุยทำความเข้าใจให้ปัญหาเหล่านี้แก้ไขไปได้ เพื่อเป็นการวางแนวทางในอนาคตรองรับประชากรของประเทศ

“ได้แสดงความยินดีกับผู้ที่ครบอายุเกษียณของ สธ. อยากเรียนว่า แพทย์ พยาบาลในชนบทที่เกษียณอายุมีจำนวนมาก ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถพวกเขาได้ส่งสัญญาณมาว่า เมื่อเกษียณอายุแล้ว แต่ร่างกายยังแข็งแรงและอยากทำงานช่วยเหลือประชาชนต่อ จึงอยากฝากไว้ว่า เป็นไปได้ไหมถ้าจะให้สมัครเข้ามาทำงานต่อเป็นลูกจ้าง หรือเข้ามาช่วยเหลืองานในโรงพยาบาลของ สธ.”

สำหรับประเด็นเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นแพทย์ และพยาบาลทำงานหลายปียังไม่สามารถบรรจุเป็นข้าราชการแพทย์ได้ อยากให้ สธ.ของบประมาณและบรรจุแพทย์เหล่านี้เป็นของรัฐ ซึ่งจากที่ดูแล้ว สธ.มีแพทย์อัตราจ้างจำนวนมาก เพื่อให้ขวัญและกำลังใจแพทย์และพยาบาลที่เป็นผู้เสียสละในการดูแลรักษาประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 กันยายน 2566