โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 12 กันยายน 2023

“อัครแสนคีรี” หนุนรัฐบาลเร่งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนพร้อมเสนอให้เร่งรัดการออกสินเชื่อเพื่อพลังงานสะอาดในครัวเรือน

,

“อัครแสนคีรี” หนุนรัฐบาลเร่งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนพร้อมเสนอให้เร่งรัดการออกสินเชื่อเพื่อพลังงานสะอาดในครัวเรือน ส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อประหยัดรายจ่าย ลดต้นทุนภาคเกษตรและปศุสัตว์ ดันตลาดคาร์บอนเครดิตให้เป็นรูปธรรม

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 ว่า ตนขอให้รัฐบาลเร่งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชนเพราะได้เผชิญกับสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจมากว่า 3 ปี สืบเนื่องจากโควิด 19 และ 2 ปีที่ผ่านมา ค่าไฟได้ถูกปรับขึ้นกว่า 30% จาก3.71 เป็น 4.45 บาทต่อหน่วยในงวดก.ย.-ธ.ค.66 ซึ่งปัจจัยหนึ่งมาจากไทยต้องสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG )ซึ่งมีราคาสูงอย่างมากมาทดแทนก๊าซในอ่าวไทยที่ผลิตลดต่ำลงจากแหล่งเอราวัณในช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทานที่ผู้รับสัมปทานรายใหม่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการผลิตได้ตามเวลา

ทั้งนี้ตนมีข้อสังเกตว่าปัจจุบันราคาก๊าซ LNG และราคา Pool Gas (ราคาก๊าซรวมทุกแหล่ง) ที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าประมาณ 35% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ ได้ดิ่งลงกลับสู่จุดเดิมเทียบเท่าปลายปี 2564 และทางรัฐบาลได้ออกมาประกาศว่า จะปรับลดค่าไฟ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ตนขอชื่นชมและขอสนับสนุนรัฐบาลในนโยบายการลดค่าไฟฟ้า ที่สอดคล้องกับนโยบายที่พปชร. โดยหัวหน้าพรรค พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคร่วมรัฐบาล ได้หาเสียงเอาไว้ ซึ่งการปรับลดค่าไฟลงจะทำให้พี่น้องพอลืมตาอ้าปากได้ และที่สำคัญทำให้ต้นทุนการผลิตของประเทศไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยได้

“นโยบายที่สำคัญถัดมาคืออการสนับสนุนพลังงานสะอาดในระดับครัวเรือน ประเทศไทยมีแสงแดดดี แต่การใช้แผงโซลาร์เซลล์ในภาคครัวเรือนลดค่าไฟได้ถึง 30% กลับไม่เยอะ เท่าที่ควร ซึ่งที่ชัยภูมิ มีการใช้ไปสูบน้ำในภาคเกษตรรวมอุปโภคบริโภคได้อีกด้วย ประหยัดค่าใช้จ่ายมหาศาล ตอนผมไปหาเสียงพี่น้องประชาชนต่างก็อยากติดตั้งระบบโซลาร์ แต่ที่พี่น้องไม่มีก็เพราะว่าเงินในกระเป๋าไม่พอ เกษตรกรตาดำๆ เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนสินเชื่อ ยิ่งถ้าอาศัยอยู่บนเขา มีแต่ที่ดิน ส.ป.ก.ที่ดินป่าไม้ ก็ไม่มีบริษัทสินเชื่อรายไหนเข้าไปคุยด้วย”นายอัครแสนคีรีกล่าว

ทั้งนี้จึงอยากฝากรัฐบาลให้เร่งรัดในการออกสินเชื่อเพื่อพลังงานสะอาดในระดับครัวเรือนโดยเฉพาะที่สนใจซื้อแผงโซลาร์ฯ โดยให้คำนึงถึงกลุ่มประชาชนที่ไม่มีหลักประกัน เช่นผู้อาศัยอยู่ในที่ดิน ส.ป.ก. การใช้ไฟเพื่อสูบน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกและปศุสัตว์ ซึ่งจะทำให้สินค้าเกษตรและปศุสัตว์ไทย มีต้นทุนที่ถูกลง และถ้าหากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาของการผลิต เช่น เรื่องปุ๋ยราคาแพง เละเรื่องปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้ ประเทศไทยจะไม่ใช่เสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่จะกลายเป็นเสือติดปีกทันที

นายอัครแสนคีรี ยังกล่าวต่อถึงเรื่องคาร์บอนเครติต การขายและได้รับประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต อย่างยุติธรรม จึงอยากฝากท่านนายกฯ ให้สนับสนุนการทำงานของกระทรวงทรัพยากรฯ ภายใต้การกำกับดูแลของพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในเรื่องของคาร์บอนเครดิต ที่ถือว่าเป็นวาระเร่งด่วน เพราะตอนนี้ต่างประเทศมีมาตรการ CBAM หรือ Carbon Boarder Adjustment Mechanism ซึ่งจะเก็บภาษีจากการนำเข้าสินค้าเป้าหมายที่มีการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตและมาตรการ CORSA หรือ carbon offsetting and reduction ที่จะเก็บภาษีจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอากาศยาน ภาษีดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงมีการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีดังกล่าว

“ไทยต้องเร่งส่งเสริมให้ตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตของเราเป็นที่ยอมรับในสากล และควรมีกระบวนการตรวจสอบ และยืนยันที่โปร่งใสได้มาตราฐานโลก เพื่อให้คาร์บอนเครดิตของไทย เป็นที่ยอมรับ มิเช่นนั้นประเทศไทยจะเสียเปรียบทางด้านการค้าส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ”นายอัครแสนคีรีกล่าว

นอกจากเรื่องคาร์บอนเครดิตแล้ว เราสามารถฉวยโอกาสจากมาตราการ CORSIA และ CBAM ในการสนับสนุนการดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อนำสินค้าเกษตร เช่น อ้อยและมันสำปะหลัง มาผลิตเป็นน้ำมันเครื่องบิน และการต่อรองให้องค์กรการบินระหว่างประเทศ ให้สามารถนำน้ำมันปาล์มดิบ มาผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ที่มีความต้องการมหาศาล จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแห่งหนึ่งของโลก และยกระดับราคาสินค้าเกษตรและที่สำคัญ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ภายใต้การขับเคลื่อนกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ของพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้กำกับดูแล

ทั้งนี้ ผมขอให้กำลังใจท่านนายก ท่านรองนายก และคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ผมเชื่อว่าภายใต้การทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ เครื่องยนต์ประเทศไทยจะสตาร์ตติดและวิ่งได้ไกลแน่นอน”นายอัครแสนคีรี กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 กันยายน 2566

“สุธรรม สส.นครฯ”ฝาก รบ.เร่งดำเนินการให้ ปชช.มีสิทธิ์ในที่ดิน เปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01ให้เป็นโฉนดเพื่อเกษตรกรนำไปต่อยอด เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น

,

“สุธรรม สส.นครฯ”ฝาก รบ.เร่งดำเนินการให้ ปชช.มีสิทธิ์ในที่ดิน เปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01ให้เป็นโฉนดเพื่อเกษตรกรนำไปต่อยอด เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น

นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 ว่า จากการที่ตนได้ศึกษานโยบายของรัฐบาลเป็นที่ยินดีอย่างยิ่งว่า รัฐบาลชุดนี้ได้เร่งดำเนินการให้ประชาชนมีสิทธิ์ในที่ดิน ที่พิจารณาเอกสารสิทธิ์ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นโฉนด เพื่อนำไปต่อยอดและเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น

“ผมต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญในสิทธิทำกินของพี่น้องประชาชน ถึงแม้ตัวนโยบายของรัฐบาล จะไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า จะพิจารณาเอกสารสิทธิ์ให้ใช้ ประโยชน์ในที่ดินประเภทใด ให้เป็นโฉนด ก่อน-หลัง หรืออย่างไร แต่ความต้องการของพี่น้องประชาชนคือ ต้องการให้เปลี่ยน สปก.ให้เป็นโฉนดโดยเร่งด่วน ผมขออภิปรายเพื่อให้เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็น ตามที่พรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้ใช้เป็นนโยบายหาเสียงในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา”นายสุธรรม กล่าว

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ตามกฎหมายแล้วการเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ดิน หรือ ส.ป.ก. 4-01 ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายหรือโอนสิทธิ์ได้ เว้นแต่ตกทอดมรดก หรือโอนสิทธิ์ให้กับทายาทชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ผู้ถือครอง ส.ป.ก. 4-01 จึงมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุนเป็นอย่างมาก เพราะว่ามีเพียงธนาคารเดียวที่ให้สินเชื่อแก่ ส.ป.ก. 4-01 คือธนาคาร ธกส. ส่วนธนาคารอื่นๆไม่สามารถใช้ส.ป.ก.4-01 ค้ำประกันได้เลย และ ธกส. จะให้สินเชื่อเพียง 50% ของราคาประเมินเท่านั้น ทำให้พี่น้องเกษตรกร ผู้ยากไร้ที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 เข้าถึงแหล่งทุนยาก ขาดเงินหมุนเวียน เมื่อต้องการนำเงินทุนไปปรับปรุงพื้นที่ในการทำการเกษตร ก็ต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาหมุนเวียน ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูง บางครั้งโดนเจ้าหนี้บีบมากๆ ก็ต้องขายที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ให้นายทุนในราคาที่ถูก

นายสุธรรม กล่าวต่อด้วยว่า เมื่อปีพ.ศ. 2541 ตนได้มีโอกาสรับราชการที่ส.ป.ก.จังหวัดกระบี่ ในตำแหน่งนิติกร ในช่วงนั้นที่ตนได้เห็นปัญหาเกี่ยวกับที่ดินส.ป.ก. 4-01 จำนวนมาก แต่ทุกวันนี้ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ตนกลับพบว่าปัญหาของที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ไม่ได้ลดหย่อนลง แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เนื่องจากว่าสภาพสังคมในหลาย ๆ ด้านได้เปลี่ยนไป บางพื้นที่ที่ดินได้มีความเจริญรุ่งเรือง ไม่เหมาะที่จะทำการเกษตร เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์มากกว่าดังนั้น ตนคิดว่า ส.ป.ก. 4-01 ควรที่จะได้รับการเปลี่ยนสิทธิ์ให้เป็นโฉนดที่ดิน

“ผมเข้าใจดีในเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน ความจำเป็นก็เปลี่ยน กฎหมายบางอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม และความจำเป็นของสังคม ทั้งนี้เพื่อความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชนให้ทั่วถึง ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องหันมาดูแลและใส่ใจพี่น้องประชาชนที่ทำมาหากินในเขต ส.ป.ก. 4-01 โดยการเร่งดำเนินการเปลี่ยนสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นโฉนดที่ดินโดยเร็ววัน ให้มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่ากับโฉนดที่ดินทั่วไป ตามกฎหมายที่ดิน”

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นรัฐบาลอาจจะกำจัดสิทธิ์บางอย่างเช่น ห้ามโอนภายใน 10 ปี หรือให้สิทธิ์บุคคลที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ส.ป.ก. อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการตอบแทนพวกเขาที่ไม่ได้โอนสิทธิ์ให้นายทุน ในปัจจุบันนี้มีพี่น้องประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ ส.ป.ก. ทั่วประเทศ ประมาณ 2,300,000 กว่าราย หากเป็นไปได้ถ้าเรานำร่องไปก่อนเฉพาะพื้นที่ ที่ไม่มีปัญหา , เฉพาะพื้นที่ที่มีความพร้อม เนื่องจาก ส.ป.ก. 4-01 ได้มีการตรวจสอบสิทธิ์กันมาแล้ว ถ้าดำเนินการประมาณ 500,000 รายหรือ 1,000,000 ราย ได้ก็จะเป็นของขวัญชิ้นงามให้กับพี่น้องเกษตรกร ผู้ถือครอง ส.ป.ก. 4-01 ทั้งนี้ ตนขอให้รัฐบาลบริหารประเทศด้วยความสำเร็จรุ่งเรือง เพื่อความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 กันยายน 2566

ก้าวข้ามความขัดแย้ง เปิดรับข้อมูลทุกฝ่าย ! “รมว.ธรรมนัส”ขอบคุณข้อมูลปัญหาของเกษตรกรจากสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ สส.พรรคก้าวไกล เชื่อ เป็นประโยชน์ต่อ ก.เกษตรฯและพี่น้องทั่วประเทศ

,

ก้าวข้ามความขัดแย้ง เปิดรับข้อมูลทุกฝ่าย ! “รมว.ธรรมนัส”ขอบคุณข้อมูลปัญหาของเกษตรกรจากสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ สส.พรรคก้าวไกล เชื่อ เป็นประโยชน์ต่อ ก.เกษตรฯและพี่น้องทั่วประเทศ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 ว่า ตนต้องขอขอบคุณเพื่อสมาชิกรัฐสภาที่ให้ความสนใจพี่น้องเกษตรกร ตนได้รับฟังการอภิปรายของเพื่อนสมาชิกมาตั้งแต่ช่วงเช้าจนค่ำ ซึ่งหลาย ๆ พรรคการเมืองได้ให้ความสนใจกับปัญหาของพี่น้องเกษตรกร ถามว่าข้อมูลที่ท่านสงสัย นโยบายที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อสภาในวันนี้ ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ ตนในฐานะที่อยู่กระทรวงนี้มาตั้งแต่ปี 62 ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งถือว่านานพอสมควร ปัญหาภาคการเกษตรถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นปัญหาของพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่

“ข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกที่เสนอมา ผมถือว่าเป็นประโยชน์กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกท่านณรงค์เดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ จากพรรคก้าวไกล ผมขอขอบคุณข้อมูลทุก ๆ อย่างที่ท่านนำเสนอในวันนี้ ในฐานะที่ผมกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมกับรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 ท่าน ได้ฟังการนำเสนอข้อมูลจากพวกท่าน เราจะนำข้อมูลเหล่านี้ มาเป็นแนวทางในการบริหารและกำหนดนโยบาย ซึ่งเราจะนำนโยบายของรัฐบาลไปมอบให้กับข้าราชการทุกกรมในกระทรวงเกษตรฯ หลังจากที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวทิ้งท้ายถึงสมาชิกรัฐสภาว่า สิ่งที่ท่านนำเสนอในวันนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรไทย และเชื่อว่าข้อมูลใหม่ๆ ในเรื่องนวัตกรรมใหม่ที่นำเสนอ จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรต่อไป ตนในนามของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านจากใจจริง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 กันยายน 2566