โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

“อัครแสนคีรี” หนุนรัฐบาลเร่งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนพร้อมเสนอให้เร่งรัดการออกสินเชื่อเพื่อพลังงานสะอาดในครัวเรือน

“อัครแสนคีรี” หนุนรัฐบาลเร่งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนพร้อมเสนอให้เร่งรัดการออกสินเชื่อเพื่อพลังงานสะอาดในครัวเรือน ส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อประหยัดรายจ่าย ลดต้นทุนภาคเกษตรและปศุสัตว์ ดันตลาดคาร์บอนเครดิตให้เป็นรูปธรรม

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 ว่า ตนขอให้รัฐบาลเร่งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชนเพราะได้เผชิญกับสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจมากว่า 3 ปี สืบเนื่องจากโควิด 19 และ 2 ปีที่ผ่านมา ค่าไฟได้ถูกปรับขึ้นกว่า 30% จาก3.71 เป็น 4.45 บาทต่อหน่วยในงวดก.ย.-ธ.ค.66 ซึ่งปัจจัยหนึ่งมาจากไทยต้องสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG )ซึ่งมีราคาสูงอย่างมากมาทดแทนก๊าซในอ่าวไทยที่ผลิตลดต่ำลงจากแหล่งเอราวัณในช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทานที่ผู้รับสัมปทานรายใหม่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการผลิตได้ตามเวลา

ทั้งนี้ตนมีข้อสังเกตว่าปัจจุบันราคาก๊าซ LNG และราคา Pool Gas (ราคาก๊าซรวมทุกแหล่ง) ที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าประมาณ 35% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ ได้ดิ่งลงกลับสู่จุดเดิมเทียบเท่าปลายปี 2564 และทางรัฐบาลได้ออกมาประกาศว่า จะปรับลดค่าไฟ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ตนขอชื่นชมและขอสนับสนุนรัฐบาลในนโยบายการลดค่าไฟฟ้า ที่สอดคล้องกับนโยบายที่พปชร. โดยหัวหน้าพรรค พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคร่วมรัฐบาล ได้หาเสียงเอาไว้ ซึ่งการปรับลดค่าไฟลงจะทำให้พี่น้องพอลืมตาอ้าปากได้ และที่สำคัญทำให้ต้นทุนการผลิตของประเทศไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยได้

“นโยบายที่สำคัญถัดมาคืออการสนับสนุนพลังงานสะอาดในระดับครัวเรือน ประเทศไทยมีแสงแดดดี แต่การใช้แผงโซลาร์เซลล์ในภาคครัวเรือนลดค่าไฟได้ถึง 30% กลับไม่เยอะ เท่าที่ควร ซึ่งที่ชัยภูมิ มีการใช้ไปสูบน้ำในภาคเกษตรรวมอุปโภคบริโภคได้อีกด้วย ประหยัดค่าใช้จ่ายมหาศาล ตอนผมไปหาเสียงพี่น้องประชาชนต่างก็อยากติดตั้งระบบโซลาร์ แต่ที่พี่น้องไม่มีก็เพราะว่าเงินในกระเป๋าไม่พอ เกษตรกรตาดำๆ เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนสินเชื่อ ยิ่งถ้าอาศัยอยู่บนเขา มีแต่ที่ดิน ส.ป.ก.ที่ดินป่าไม้ ก็ไม่มีบริษัทสินเชื่อรายไหนเข้าไปคุยด้วย”นายอัครแสนคีรีกล่าว

ทั้งนี้จึงอยากฝากรัฐบาลให้เร่งรัดในการออกสินเชื่อเพื่อพลังงานสะอาดในระดับครัวเรือนโดยเฉพาะที่สนใจซื้อแผงโซลาร์ฯ โดยให้คำนึงถึงกลุ่มประชาชนที่ไม่มีหลักประกัน เช่นผู้อาศัยอยู่ในที่ดิน ส.ป.ก. การใช้ไฟเพื่อสูบน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกและปศุสัตว์ ซึ่งจะทำให้สินค้าเกษตรและปศุสัตว์ไทย มีต้นทุนที่ถูกลง และถ้าหากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาของการผลิต เช่น เรื่องปุ๋ยราคาแพง เละเรื่องปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้ ประเทศไทยจะไม่ใช่เสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่จะกลายเป็นเสือติดปีกทันที

นายอัครแสนคีรี ยังกล่าวต่อถึงเรื่องคาร์บอนเครติต การขายและได้รับประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต อย่างยุติธรรม จึงอยากฝากท่านนายกฯ ให้สนับสนุนการทำงานของกระทรวงทรัพยากรฯ ภายใต้การกำกับดูแลของพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในเรื่องของคาร์บอนเครดิต ที่ถือว่าเป็นวาระเร่งด่วน เพราะตอนนี้ต่างประเทศมีมาตรการ CBAM หรือ Carbon Boarder Adjustment Mechanism ซึ่งจะเก็บภาษีจากการนำเข้าสินค้าเป้าหมายที่มีการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตและมาตรการ CORSA หรือ carbon offsetting and reduction ที่จะเก็บภาษีจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอากาศยาน ภาษีดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงมีการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีดังกล่าว

“ไทยต้องเร่งส่งเสริมให้ตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตของเราเป็นที่ยอมรับในสากล และควรมีกระบวนการตรวจสอบ และยืนยันที่โปร่งใสได้มาตราฐานโลก เพื่อให้คาร์บอนเครดิตของไทย เป็นที่ยอมรับ มิเช่นนั้นประเทศไทยจะเสียเปรียบทางด้านการค้าส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ”นายอัครแสนคีรีกล่าว

นอกจากเรื่องคาร์บอนเครดิตแล้ว เราสามารถฉวยโอกาสจากมาตราการ CORSIA และ CBAM ในการสนับสนุนการดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อนำสินค้าเกษตร เช่น อ้อยและมันสำปะหลัง มาผลิตเป็นน้ำมันเครื่องบิน และการต่อรองให้องค์กรการบินระหว่างประเทศ ให้สามารถนำน้ำมันปาล์มดิบ มาผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ที่มีความต้องการมหาศาล จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแห่งหนึ่งของโลก และยกระดับราคาสินค้าเกษตรและที่สำคัญ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ภายใต้การขับเคลื่อนกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ของพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้กำกับดูแล

ทั้งนี้ ผมขอให้กำลังใจท่านนายก ท่านรองนายก และคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ผมเชื่อว่าภายใต้การทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ เครื่องยนต์ประเทศไทยจะสตาร์ตติดและวิ่งได้ไกลแน่นอน”นายอัครแสนคีรี กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 กันยายน 2566

" ,