โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: มีนาคม 2023

ศ.ดร.นฤมลรวมคนพปชร. ”พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” วันสตรีสากล

,

ศ.ดร.นฤมลรวมคนพปชร. ”พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” วันสตรีสากล

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ความสำคัญการลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำ ทางสังคมให้กับกลุ่มสตรี และเยาวชน ได้รับสิทธิเท่าเทียมในทุกมิติ เท่ากับเพศชาย ที่นำมาสู่การระดมความคิดเห็นของกลุ่มสตรีพรรคพลังประชารัฐ ในกลุ่ม “พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” โดยมีนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านสิทธิสตรี และว่าที่ผู้สมัครพปชร. ประกอบด้วย น.ส.ชญาภา ปรีภาพาก นางนฤมล รัตนาภิบาล นายกานต์ กิตติอำพน น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง นายศันสนะ สุริยะโยธิน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และ ดร.ภญ. สุชาดา เวสารัชตระกูล มาร่วมระดมความคิดเห็นครั้งนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลพิจารณาข้อเสนอของเครือข่ายองค์กรสตรี

“ การเพิ่มพื้นที่และโอกาสการทำงานของผู้หญิง ความเท่าเทียมทางเพศทุกช่วงวัย ทุกสาขาอาชีพ และทุกศาสนา รวมถึงสิทธิและสวัสดิการที่ผู้หญิงควรจะได้รับ มีความสำคัญต่อเป้าหมายการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งพปชร.เรามีคนรุ่นใหม่ และผู้มีประสบการณ์ที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แสวงหาแนวทางในการดูแลคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย พปชร.เปิดกว้างรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายสู่การผลักดันโยบายด้านสตรีให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเท่าเทียม ” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ทั้งนี้ นอกเหนือจากข้อเสนอของเครือข่ายองค์กรสตรี กลุ่ม “พลังประชารัฐ เพิ่มพลังหญิงไทย” ได้มีการนำเสนอแนวทางเพิ่มเติมให้ครอบคลุมการดูแลสตรี และเยาวชนให้มากยิ่งขึ้น อาทิเช่น การจัดสวัสดิการเพื่อการดูแลคุณภาพชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว และยกระดับศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในชุมชน เป็นต้น

นอกจากนี้ น.ส. ชญาภา เสนอให้มีมาตรการแก้ไขปัญหาความรุนแรงทุกรูปแบบทุกพื้นที่ น.ส.ณิรินทร์ เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์สุขภาพจิตในชุมชนเพื่อคนทุกช่วงวัย ดร.ภญ.สุชาดา เสนอให้มีแนวทางเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสิทธิการรักษาและป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม

ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นจากการเก็บข้อมูลของว่าที่ผู้สมัคร พปชร. ที่ได้ลงพื้นที่จริง และพบปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ดังนั้นจำเป็นต้องเร่งการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน เพื่อให้สอดรับกับบริบทการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล” ยกทีมผู้สมัครร่วมระดมสมองเจาะปัญหากทม. เปิดเวที”พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” 9 มี.ค.นี้สู่นโยบายพปชร.

,

“ศ.ดร.นฤมล” ยกทีมผู้สมัครร่วมระดมสมองเจาะปัญหากทม.
เปิดเวที”พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” 9 มี.ค.นี้สู่นโยบายพปชร.

6 มีนาคม 2566 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันที่ 9 มี.ค.นี้พปชร.จะเปิดเวทีเสวนา “พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะเป็นการระดมความคิดเห็นเป็นครั้งแรก และยังมีการจัดต่อเนื่อง ในประเด็นที่จะนำไปสู่นโยบายการแก้ไขปัญหาให้คนกทม.ในทุกมิติ จากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พปชร. เครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการ และประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งกทม. เพื่อร่วมหารือถึง ประเด็นปัญหาและวิธีการขจัดปัญหา แก้ไขปรับปรุง สู่การผลักดัน เพื่อออกนโยบาย นำไปสู่การพัฒนากทม.ให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับสังคม เพิ่มคุณภาพชีวิต ขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตามนโยบายของพปชร.

“ เวทีครั้งนี้จะเป็นการ นำแนวคิด และนโยบายของ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กรุงเทพฯพรรคพลังประชารัฐ ที่ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาสังคม นักกิจกรรม นักวิชาการและประชาชนคนกทม. เพื่อมาร่วมเสนอแนวคิด มุมมอง และวิธีการแก้ปัญหา ที่นำไปสู่การออกแบบการพัฒนาหรือนโยบายในการพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่แต่ละเขต ที่มีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันไป”ศ.ดร.นฤมลกล่าว

โดยเริ่มต้นจาก เป้าหมายการพัฒนากทม. ให้มีที่อยู่อยู่อาศัย และชุมชน ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านสวัสดิการ การประกอบอาชีพ ภายใต้แนวคิด Eco living society เพื่อเพิ่มพื้นที่ความสุขให้คนกทม. โดยจะเป็นในรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมกับชุมชน สะท้อนให้เห็นว่าในบางพื้นที่ เช่นพื้นที่ “บางคอแหลม” มีข้อเสนอนโยบายด้านที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในเมือง ตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

“เรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน เป็นพื้นฐานการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สำคัญ ตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน และเมือง ซึ่งควรจะมีพื้นที่สีเขียว ลานกีฬา สถานพยาบาล โรงเรียนที่ดี ซึ่งเป็นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่มีคุณภาพและเป็นแบบอย่างการขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ “

สำหรับพื้นที่ ที่เป็นชุมชนแออัด อย่าง “บางขุนเทียน” มีข้อเสนอนโยบายเพิ่มคุณภาพชีวิต โดยการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด เพื่อให้ชุมชนมีคุณภาพ โดยเฉพาะปัญหาขยะที่ต้องมีการบริหารจัดการเพื่อพลิกโฉมให้เป็นชุมชนน่าอยู่ ส่วนปัญหาเด็กในชุมชนแออัด ใน”พื้นที่ราษฎร์บูรณะ” มีแนวคิดที่จะสร้างโอกาสการเรียนรู้ ให้เยาวชน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้หลุดพ้นจากความยากจน

อย่างไรก็ตามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทุกพื้นที่ มีความตั้งใจและพร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากความคิดเห็นของหลายกลุ่มคน เพื่อที่จะเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ และแก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการของประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 มีนาคม 2566

“ผู้กองมาร์ค” พลังประชารัฐ นำร่องแก้ปัญหาน้ำเสียในชุมชน คืนสุขภาพที่ดีสู่ประชาชน

,

“ผู้กองมาร์ค” พลังประชารัฐ นำร่องแก้ปัญหาน้ำเสียในชุมชน คืนสุขภาพที่ดีสู่ประชาชน

5 มี.ค. 2566 / ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช (ผู้กองมาร์ค) ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางซื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกได้เสียชีวิต ณ ชุมชมวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ กทม. ซึ่งได้สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เพราะไข้เลือดออกมีสาเหตุมาจากยุงลาย และเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ สาเหตุสืบเนื่องมาจากในน้ำมีขยะสะสมเป็นจำนวนมากซึ่งเกิดจากการปล่อยน้ำเสีย และทิ้งสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ลงสู่แหล่งน้ำในชุมชน ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย และปัญหานี้เกิดขึ้นสะสมมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้รับการแก้ไข ตนจึงได้ติดต่อและประสานงานไปที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านของการบำบัดน้ำเสียจากก๊าซชีวภาพ โรงงานเคมี ปิโตรเคมี และน้ำเสียจากฟาร์มสุกร จึงได้ก่อเกิดการจัดทำโครงการนำร่องบำบัดน้ำเสีย กำจัดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ และแก้ไขปัญหายุงลาย ณ ชุมชนวัดสร้อยทอง โดยทางสำนักงานเขตบางซื่อ ได้ร่วมสังเกตการณ์ โครงการบำบัดน้ำเสียที่ใช้จุลินทรีย์ ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ของประชาชนในชุมชนในการแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโครงการบำบัดน้ำเสียนั้น ก็เพื่อลดกลิ่นเหม็นและลดการเกิดยุงลาย เพราะในส่วนของคลองที่มีน้ำนิ่ง นั้นจะเป็นจุดกำเนิดยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก และการที่จะลดปริมาณการวางไข่ของยุงลาย คือการทำให้น้ำไม่นิ่ง โดยการติดตั้งกังหันตีน้ำ เพื่อเป็นการเติมอากาศบริสุทธิ์ให้น้ำ ทำให้จุลินทรีย์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประโยชน์ที่ได้จากน้ำที่บำบัดเพิ่มเติมคือสามารถนำไปใช้รดต้นไม้ และสามารถที่จะปล่อยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างปลอดภัย ในส่วนของพลังงานที่เราใช้ในการบำบัดน้ำเสียนี้เราได้ใช้พลังงานทั้งหมดจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) และเพื่อลดปัญหาโลกร้อน จึงต้องรบกวนขอความร่วมมือจากประชาชน ว่าอย่าทิ้งขยะ พลาสติก และเศษอาหารลงในน้ำใต้บ้านเรือนและในคูคลองต่าง ๆและทั้งนี้ทางโครงการได้เพิ่มประสิทธิภาพให้โครงการแบบยั่งยืน โดยอบรมให้คนในชุมชนสามารถสร้างถังดักไขมัน (Grease Trap) และถังบำบัดน้ำเสีย (SEPTIC) ด้วยตนเอง (Do it yourself: DIY) เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมัน และน้ำสกปรกจากครัวเรือนไหลลงใต้ถุนบ้านและทางน้ำในชุมชน ซึ่งหลังจากการบำบัดนั้นน้ำจะใสขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง และทำให้กลิ่นเหม็นลดลงแบบสัมผัสได้อย่างชัดเจน ซึ่งทางโครงการเชื่อว่าคุณภาพน้ำจะดีขึ้นตามลำดับ และที่สำคัญที่สุดคือการคืนน้ำสะอาด และสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อสุขภาพและจิตใจที่ดีของประชาชนให้กับชุมชนและประเทศ


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”อวยพรวันนักข่าว ขอให้สื่อทุกคนมีความสุข วอน ช่วยกันนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่สังคมสงบสุข

,

“พล.อ.ประวิตร”อวยพรวันนักข่าว ขอให้สื่อทุกคนมีความสุข วอน ช่วยกันนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่สังคมสงบสุข

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม ขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัว ขอให้ทำหน้าที่อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าว

ทั้งนี้ สื่อมวลชนถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ การสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ดี และถูกต้องให้กับประชาชนจะทำให้สังคมสามารถก้าวข้ามความขัดแย้ง คืนความสงบสุข ปลอดภัยและยั่งยืนให้กับคนไทยทั้งประเทศได้


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“ชัยวุฒิ”ปัดบิ๊กป้อม เเก้เคล็ด ไหว้พระ เป็นมงคลชีวิต มั่นใจนครศรีฯเสียงดี พปชร. ดาวกระจาย ช่วยกันหาเสียง

,

“ชัยวุฒิ”ปัดบิ๊กป้อม เเก้เคล็ด ไหว้พระ เป็นมงคลชีวิต มั่นใจนครศรีฯเสียงดี พปชร. ดาวกระจาย ช่วยกันหาเสียง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเเบ่งพื้นที่กันลงวันนี้เป็นยุทธศาสตร์ดาวกระจายว่า แบ่งกันทํางานเป็นดาวกระจาย ก็คือจะรับเฉพาะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานแต่ละภาคอยู่แล้วตอนนี้ก็เป็นทีมของภาคกลาง และก็ท่านเลขาธิการพรรคออกมาหาเสียง แล้วก็จะไปตามกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่ต้องรอท่านหัวหน้าพรรคไป เรามีเป็นทีมงานที่มีคุณภาพจะช่วยกันลงไปหาเสียงมาพบพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร ลงใต้ มั่นใจจะรักษาฐานที่มั่นได้จ.นครศรีธรรมราชได้หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า จริงๆลุงป้อมนี่ก็มีความผูกพันกับภาคใต้อยู่แล้ว เพราะเรามี ส.ส.ใต้ อย่างที่นครศรีธรรมราชก็มี ส.ส. ของพรรคอยู่ 4 คน แล้วท่านเองก็ลงไปช่วยเหลือพี่น้องในเรื่องการพัฒนา หรือแม้แต่เรื่องช่วยสังคมอย่างโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มีการสร้างตึก ท่านก็ไปช่วยสนับสนุนในการก่อสร้าง ท่านเคยตั้งใจจะเดินทางไปวางศิลาฤกษ์ ก็จะไปไม่ได้เพราะติดภารกิจบางอย่างสําคัญ ถ้าเราอยากไปอยากไปที่นครศรีธรรมราช เพราะว่าท่านมีความผูกพันกับพี่น้องประชาชน
ส่วนการลงพื้นที่ ของพลเอกประวิตร ไปห่มผ้าพระธาตุ เป็นการ เเก้ เคล็ด หรือเสริมดวงหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวไทยพุทธ วันเทศกาลสําคัญมาฆบูชา เราก็ต้องไปทําบุญกันอยู่แล้ว ท่านพลเอกประวิตรก็เป็นคนที่ทําบุญไหว้พระ เป็นปกติอยู่แล้ว ไปที่ไหนก็ต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นมงคลกับชีวิตของท่านแล้วก็ของบริวารของท่านเป็นปกติ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

‘เลขา สันติ’มั่นใจ ปมไม่นับต่างด้าวรวมเขตเลือกตั้ง ไม่กระทบ พปชร. ลั่นนโบายทำได้จริง เสริมโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประชานิยม

,

‘เลขา สันติ’มั่นใจ ปมไม่นับต่างด้าวรวมเขตเลือกตั้ง
ไม่กระทบ พปชร.
ลั่นนโบายทำได้จริง เสริมโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประชานิยม

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค เปิดเผยถึง การแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่า มีความกระทบน้อยมาก เพราะมีเพียงแค่ 8 จังหวัดที่มีจำนวน ส.ส.พึงมี เพิ่ม และลด ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐมองว่าไม่ได้เป็นปัญหาเพราะมั่นใจในนโยบายที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อให้ประชาชนได้มีความรักใคร่สามัคคี และมีพลังในการเดินหน้าต่อสู้กับวิกฤตอื่นๆ ได้

เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส. ในจังหวัดที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. พึงมี เมื่อไหร่นั้น นายสันติ ระบุว่า ต้องรอหลังจากที่มีการยุบสภา พรรคพลังประชารัฐถึงจะพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งคณะผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐสามัคคีกัน และมองว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ไม่ได้มีปัญหา

ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูเป็นประชานิยมนั้น นายสันติ กล่าวว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นนโยบายสร้างเสริมโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แต่ว่านโยบายหลายอย่างที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ต้องมีแรงจูงใจบ้างแต่ไม่ได้ใช้เงินจนเลยเถิดโครงสร้างทางการเงินของรัฐบาล และตนก็อยู่กระทรวงการคลังย่อมรู้ว่า ต้องใช้เงินขนาดไหนระบบเศรษฐกิจของประเทศจึงจะรับได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“เลขาสันติ- รองชัยวุฒิ”นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี 7 เขต ขอโอกาสชาวปทุมฯเลือก พปชร.ยกจังหวัด สร้างปรากฎการณ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ทิ้งอดีต จับมือเดินหน้าร่วมพัฒนาประเทศ

,

“เลขาสันติ- รองชัยวุฒิ”นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี 7 เขต ขอโอกาสชาวปทุมฯเลือก พปชร.ยกจังหวัด สร้างปรากฎการณ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ทิ้งอดีต จับมือเดินหน้าร่วมพัฒนาประเทศ

เมื่อเวลา 19.00 น.ที่เวทีปราศรัย ณ สวนบริษัท เคเอสเอส อินเตอร์เทคกรุ๊ป ย่านคลองสาม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำว่าที่ผู้สมัครจังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 เขต ได้แก่ เขต 1 นายเสวก ประเสริฐสุข, เขต 2 นายนพดล ลัดดาแย้ม,เขต 3 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล,เขต 4 นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า,เขต 5 นายวิรัช พยุงวงษ์,เขต 6 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง,และ เขต 7 น.ส.กฤษณา วงศ์คำ ขึ้นเวทีปราศรัยพบประชาชน โดยมี ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัคร เขตบางเขต และ ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตดุสิต และนายทศพล เพ็งส้ม ว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดนนทบุรี พรรคพลังประชารัฐร่วมกิจกรรมเวทีปราศรัย

นายสันติ กล่าวว่า ตนดีใจที่วันนี้ชาวปทุมธานีให้การต้อนรับผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐอย่างอบอุ่น ซึ่งทั้ง 7 คน มีความตั้งใจที่จะเข้ามาพัฒนา และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างแท้จริง ถ้าปทุมธานีให้โอกาสกับตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐทั้งจังหวัด ก็จะเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน

นายสันติ กล่าวต่อว่า ปัญหาต่างๆที่ชาวปทุมธานีเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด หรือน้ำท่วม น้ำแล้งรวมไปถึงราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยแพง หรือแม้กระทั่งการพัฒนาลูกหลานของเรา จะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรมผ่านว่าที่ ส.ส.ทั้ง 7 คนนี้ ที่จะเข้าไปเป็นกระบอกเสียงชั้นเยี่ยมให้กับท่าน และจะเป็นปรากฎการณ์ที่ชาวปทุมธานีสร้างพลังอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เสียงของท่านก็จะดังมากขึ้นอย่างแน่นอน

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ตนขอโอกาสมาพูดคุยกับทุกคน เพื่อเล่าถึงนโยบายดี ๆ ของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องยอมรับว่า จังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม และศักยภาพที่จะพัฒนาไปได้อีกไกล ตนดีใจแทนชาวปทุมทุกคน ที่มีทีมงานที่เข้มแข็งทั้ง 7 คน ตนคงไม่ต้องอธิบาย ว่าทุกคนเข้มแข็งอย่างไร เพราะชาวปทุมธานีน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ มาจากหลายหลายอาชีพที่จะมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อพี่น้องทุกคน แต่วันนี้ยังขาดอยู่อย่างเดียวก็คือ โอกาสจากทุกคน ผมจึงขอให้ชาวปทุมให้โอกาสกับทั้ง 7 คนได้เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องด้วย

“นโยบายที่เป็นสโลแกนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐก็คือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่ได้อยากพูดถึงอดีต แต่ต้องยอมรับว่า 8 ปีที่ผ่านมาคนไทยไม่มีความสุข จนวันนี้เห็นภาพที่ชัดเจนแล้วว่า เราสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว พิสูจน์ได้จากผู้สมัครปทุมธานีของพรรคเรา อย่าง นายกใหญ่ ก็คือแกนนำคนเสื้อแดงมาก่อน ส่วนพี่เกียรติศักดิ์ ก็เคยขึ้นเวที กปปส.มาแล้ว คอการเมืองรู้จักทั้ง 2 คนดี แต่วันนี้ทั้งคู่จับมือกันภายใต้บ้านพลังประชารัฐ ร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง อดีตจะเป็นอย่างไร มันจบไปแล้ว ใครที่ยังไม่ยอมก้าวข้ามจากอดีตก็ปล่อยให้จมอยู่กับแบบนั้น วันนี้เราจะจับมือกันเดินไปข้างหน้า เพื่อพัฒนาประเทศและจังหวัดปทุมธานีไปด้วยกัน

ด้านนายเสวก ประเสริฐสุข หรือ นายกใหญ่ อดีตรอง นายก อบจ.ปทุมธานี ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 กล่าวปราศรัยว่า ปัญหาของชาวจังหวัดปทุมธานีที่เรื้อรังมาโดยตลอดคือเรื่องการคมนาคม ถนน หนทางที่ยังมีปัญหา วันนี้ผมขอโอกาสเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัครปทุมธานีในนามของพรรคพลังประชารัฐ ผมขอเวลาแค่ 4 ปี เพื่อเข้ามาพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของชาวปทุมธานีให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้ ในช่วงที่นายสันติกล่าวถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน หรือ นโยบาย”ดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” เพื่อดูแลสตรีของประเทศ โดยจะดูแลขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 4 ไปจนถึงคลอดบุตร สนับสนุนเงินเดือนละ 10,000 บาท เป็นจำนวน 5 เดือน และให้การช่วยเหลือเงินเลี้ยงบุตรจำนวนเงิน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 ปี เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผู้หญิงที่เป็นเพศแม่นั้น ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างคับคั่ง ซึ่งนายสันติ ได้กล่าวว่า พรรคของเราจะสร้างความมั่นคงให้กับคนไทยทุกคน ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนเลือกตัวแทนของท่านที่มาจากพรรคพลังประชารัฐเข้าไปในสภา เพื่อยกมือให้กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเราได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เราจะทำทันทีที่ได้โอกาส

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

“รมว.ชัยวุฒิ”ยกขบวนว่าที่ผู้สมัครปทุมฯชูนโยบายพรรคเข้าถึงปชช. โต้ “ปิยะบุตร” อย่าจมอดีต หมดเวลาขัดแย้งมุ่งทำงานเพื่อประเทศ

,

“รมว.ชัยวุฒิ”ยกขบวนว่าที่ผู้สมัครปทุมฯชูนโยบายพรรคเข้าถึงปชช. โต้ “ปิยะบุตร” อย่าจมอดีต หมดเวลาขัดแย้งมุ่งทำงานเพื่อประเทศ

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมว่าผู้สมัครจังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย เขต 1 นายเสวก ประเสริฐสุข, เขต 2 นายนพดล ลัดดาแย้ม, เขต 3 นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า, เขต 4 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง, เขต 5 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล, เขต 6 นายวิรัช พยุงวงษ์ และ เขต 7 น.ส.กฤษณา วงศ์คำ เข้าร่วมสักการะบูชา เซียนแปะโรงสี เพื่อความเป็นสิริมงคล และได้มีการพบปะประชาชน ณ ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง ปทุมธานี ประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจผู้สมัครส.ส. ปทุมธานีทั้ง 7 เขต

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การลงพื้นที่ปทุมธานีในวันนี้เป็นการพาผู้สมัครทุกเขต แนะนําตัว และนำนโยบายของพรรคมานำเสนอกับพี่น้องประชาชนที่ตลาดวัดศาลเจ้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจ และความจริงใจของพรรคในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวปทุมธานี ถึงความตั้งใจของทีมงานพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและประสบการณ์ทั้งการเมืองท้องถิ่น เข้าใจความต้องการของพี่น้อง โดย สจ.ตุ้ย ว่าที่ผู้สมัครในเขตนี้เป็นคนที่พี่น้องประชาชนรู้จักเป็นอย่างดีที่เป็น ส.จ. แล้วก็ลาออกมาลง สส ให้พรรคพลังประชารัฐ

“ว่าที่ผู้สมัครปทุมฯยังมีหัวหน้าทีม ที่เป็นพี่ใหญ่และเป็นรองนายก อบจ. ที่มีประสบการณ์ มีความพร้อมที่จะทํางาน ซึ่งทีมงานทุกคนพร้อมและอยากเข้ามาช่วยกันพัฒนาปทุมธานี รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆที่ยังไม่รับการแก้ไข ที่พปชร.พร้อมเร่งดําเนินการ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการจราจร ปัญหาเรื่องน้ําท่วม ปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อพัฒนาจังหวัดปทุมธานีให้ดียิ่งขึ้นให้ได้แน่นอน ก็เชื่อว่าสามารถยกจังหวัดได้ ถ้าเราทําการรณรงค์หาเสียงแล้วก็มีนโยบายต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน สื่อไปถึงประชาชนให้เข้าใจให้ได้ทุกพื้นที่ ก็มีโอกาสที่จะชนะทุกเขตเพราะผู้สมัครของเราก็มีความพร้อมทุกคนที่จะทํางานเพื่อประชาชน โดยจะชูนโยบายเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาเมือง เรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้การค้าขายดีขึ้น การท่องเที่ยวดีขึ้น” นายชัยวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้การนำเสนอนโยบายพรรค ผ่าน ผู้สมัครที่จะลงพื้นด้วยตัวเอง และผ่านเครือข่ายทีมงาน เพื่อให้นโยบายถึงประชาชนทุกบ้าน เพื่อให้เข้าใจนโยบายของพรรคมากขึ้น ซึ่งตอนนี้อาจจะเป็นจุดอ่อนในรอบที่แล้ว ที่เราอาจจะลงพื้นที่น้อยไป หรือตัวผู้สมัครเราก็ไม่ได้มีพื้นฐานจากการเมืองท้องถิ่นก็ทําให้ลงพื้นที่ได้ไม่ทั่วถึง รอบนี้ทางพรรคพลังประชารัฐผู้สมัครส่วนใหญ่ก็จะมาจากการเมืองท้องถิ่น เป็นอดีต ส.ส. เป็นอดีตรองนายก อบจ. เป็นอดีต ส.จ. เพราะฉะนั้นทุกคนก็จะมีพื้นฐานท้องถิ่น จะเข้าถึงชาวบ้าน ใกล้ชิด เข้าใจชาวบ้านได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม วันนี้ เวลา 18.30-21.00 น. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค จะควงคู่ นาย สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พร้อม ผู้สมัครส.ส. ปทุมธานีทั้ง 7 เขต ขึ้นเวทีปราศรัย ณ สวนบริษัท เคเอสเอส อินเตอร์เทคกรุ๊ป คลองสาม ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา เพื่อย้ำ ความมั่นใจว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมเดินหน้าพัฒนาปทุมธานีอย่างเเท้จริงจากคนรุ่นใหม่

นายชัยวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่ นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล เเกนนำ ก้าวไกล ปราศรัยพาดพิงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จังหวัดขอนแก่น ว่า ในสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ว่าพลเอกประวิตรกลับเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง ตั้งแต่การสลายการชุมนุม การทํารัฐประหาร ซึ่งประเด็นดังกล่าว อยากให้ทุกฝ่าย รวมถึง คุณปิยะบุตร หรือบางคนที่จะยัง จมอยู่กับอดีต กับเรื่องรัฐประหารหรือความขัดแย้งต่างๆ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา เกิน8ปีแล้ว บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เป็น 10 ปีแล้ว วันนี้ไม่ใช่เวลาพูดถึงอดีต แต่ควรพูดถึงอนาคตที่เราจะต้องก้าวข้ามมันไป เพื่อมาทํางานร่วมกัน สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆไม่ควรนำเอาเรื่องการเมืองความขัดแย้งมาเป็นตัวตั้ง

“อะไรที่ถือเป็นเรื่องที่ดีแต่อยู่ฝ่ายตรงข้าม คุณก็จะคัดค้าน มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ผมอยากให้เรามองที่ประชาชน เป็นศูนย์กลาง เรามาช่วยกันแก้ปัญหาให้ประชาชน เพื่อการก้าวข้ามความขัดแย้ง เราจะไม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ไร้เหตุผล ทุกเรื่องสามารปรองดองกันได้ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะอยากจะอยู่กับใคร อยากจะทํางานร่วมกับใคร แต่ไม่ใช่หวังว่าคนอื่นเขาทํางานร่วมกันได้ แล้วคุณมองว่าคนที่เขาอยู่ร่วมกัน เป็นคนไม่ดี ถ้าคนอื่นเขาอยู่ร่วมกันได้เป็นเสียงข้างมาก เขาปรองดองกันได้ ทํางานให้ประชาชนได้ ประเทศก็เดินไปข้างหน้า ถ้าไม่เห็นด้วย แต่เป็นเสียงข้างน้อย ก็ต้องยอมรับกติกาตามประชาธิปไตย โดยให้การเลือกตั้งเป็นคําตอบ ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”ล่องใต้ร่วมบุญประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเนื่องในวันมาฆบูชา เข้าถึง – สัมผัสวิถีชีวิตชาวนครศรีธรรมราช ก่อนนำมาสู่วางนโยบายดูแลปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”ล่องใต้ร่วมบุญประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเนื่องในวันมาฆบูชา เข้าถึง – สัมผัสวิถีชีวิตชาวนครศรีธรรมราช ก่อนนำมาสู่วางนโยบายดูแลปชช.

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการส่วนตัว สวมเสื้อผ้าลายปาเต๊ะ สีสดใส สไตล์ชาวใต้ ด้วยสีหน้าสดใส และยิ้มแย้มพูดคุยและร่วมถ่ายรูปกับแฟนคลับที่มาทักทายและให้กำลังใจ โดยในช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร มีกิจกรรม ทานน้ำชา “ริมถนน” (จิบชา กินตี แลนก) สี่แยกท่าซัก อ.เมือง และได้เดินทางถึงพระธาตุ พร้อมคณะร่วมประเพณีทำบุญประจำปีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ของจ.นครศรีธรรมราช เนื่องในวันมาฆบูชา พร้อมเยี่ยมชมสวนส้มโอทับทิมสยามของดี ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ชิมอาหารเด็ดผัดหมี่ปากพนัง (ผัดหมี่กะทิ) แกงเขียวหวานเนื้อ น้ำพริกกะปิ ปลาทอด คั่วหมู ต้มส้มปลากระบอก โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ.นครศรีธรรมราช ของพรรคพลังงานประชารัฐ ร่วมต้อนรับ ประกอบด้วย ร.ศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมืองและ นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ

ทั้งนี้โดย พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีสมโภชผ้าพระบฎพระราชทาน ณ โรงเรียนปากพนัง ต่อด้วยเดินทาง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดนางพระยา อ.เมือง พร้อมทั้งได้ทักทายประชาชนที่มาต้อนรับและเป็นกันเอง มีแฟนคลับจำนวนมาก มาขอถ่ายเซลฟี่ และหอมแก้ม พล.อประวิตรตลอดเส้นทาง ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้สัมผัสวิถีชาวบ้านอย่างแท้จริง พร้อมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปสู่แนวทางการวางนโยบายช่วยเหลือต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

“ดร.สฤษดิ์” ลุยพื้นที่จริง สร้างความเข้าใจให้ปชช. ต่อนโยบายพรรคในเขตดุสิต พบปัญหาท้องไม่พร้อม ก่อนดันเรื่องสู่พรรคเพื่อสร้างนโยบายแก้

,

“ดร.สฤษดิ์” ลุยพื้นที่จริง สร้างความเข้าใจให้ปชช. ต่อนโยบายพรรคในเขตดุสิต พบปัญหาท้องไม่พร้อม ก่อนดันเรื่องสู่พรรคเพื่อสร้างนโยบายแก้

ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตดุสิต พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ในเขตดุสิต เพื่อนำนโยบายของพรรคสร้างการรับรู้และเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยได้นำเสนอนโยบายเพิ่มเงินช่วยเหลือในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อไว้ใช้จ่ายในครัวเรือน เพิ่มสิทธิประโยชน์สวัดิการ เช่น ค่ารถเมล์ รถไฟ ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า น้ำประปา ฯลฯ รวมถึงนำเสนอนโยบายการดูแลผู้สูงวัย คือเพิ่มเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน
รวมถึงสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในนโยบายล่าสุด คือ นโยบาย “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” เป็นการสนับสนุนเงินคนท้องเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด เริ่มตั้งแต่อายุครรภ์ 4 เดือน จนถึง 9 เดือน และเงินช่วยดูแลลูกอีกเดือนละ 3,000 บาท จนถึง 6 ขวบ เพื่อใช้ในการเลี้ยงดูบุตรและธิดา

โดย ดร.สฤษดิ์ กล่าวว่า จากปัญหาในการลงพื้นที่ ได้พบปัญหาในเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ในวัยรุ่นทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ เช่น การขาดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร นี่ทำให้เห็นว่าเราควรมีสวัสดิการในการช่วยเหลือกรณีท้องไม่พร้อม ให้มีระบบและหน่วยงานเข้าไปดูแล นอกจากนี้ยังได้มุ่งรับฟังปัญหาต่าง ๆ จากประชาชน เพื่อนำปัญหามาสู่การทำนโยบาย ที่สามารถแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

พปชร.พอใจผลโพลย้ำยังมีเวลาทำคะแนนเสียงเพิ่ม “มั่นใจนโยบายโดนใจ-ปฏิบัติได้เข้าถึงปชช.ทุกกลุ่ม”

,

พปชร.พอใจผลโพลย้ำยังมีเวลาทำคะแนนเสียงเพิ่ม
“มั่นใจนโยบายโดนใจ-ปฏิบัติได้เข้าถึงปชช.ทุกกลุ่ม”

4 มีนาคม 2566 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่แอพพลิเคชั่น Line Today ทำกิจกรรมแบบสอบถาม ในห้วข้อ ” ใกล้เลือกตั้งปี 2566 คุณจะเลือกลงคะแนนให้ “พรรคการเมือง” ใด ? เพื่อให้ผู้ทำแบบสอบถามโหวตโดยเปิดทำการสำรวจตั้งแต่วันที่ 10.-28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผลการสำรวจพบว่า พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้คะแนน 45,436 คะแนนมาเป็นอันดับ 2 หรือคิดเป็น 27.38 % นับว่าเป็นผลโหวตที่น่าพอใจ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนยังนิยมในพปชร.และมั่นใจว่าในระยะเวลาที่เหลือก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงพ.ค.นี้พปชร.ยังสามารถที่จะเดินหน้าลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและนำเสนอนโยบายต่างๆ ของพรรคให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการตัดสินใจเลือกพปชร.เพิ่มขึ้น
“ ด้วยสโลแกนของพรรค พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง แก้ไขปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ซึ่งสะท้อนผ่านนโยบายต่างๆ ของพรรคที่ออกมาในการดูแลประชาชนทั้งนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท (ป้อม 700) นโยบายดูแลทุกช่วงวัย “เบี้ยผู้สูงอายุ” 3 4 5 และ 6 7 8” นโยบายดูแลทุกช่วงวัย “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” นโยบายแก้ปัญหาที่ดินทำกิน “มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” นโยบายแก้ปัญหาน้ำ “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน” ซึ่งหลายนโยบายเราได้ดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมและพร้อมสานต่อควบคู่ไปกับการต่อยอดนโยบายใหม่ๆ ให้ครอบคลุมถึงความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น” นายอรรถกร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

“ว่าที่ผู้สมัคร กทม.พปชร.”ยื่นหนังสือเสนอนโยบายสตรีและกลุ่ม LGBTQ+ผ่าน”ศ.ดร.นฤมล” หนุนลดความเหลื่อมล้ำเพิ่มความเท่าเทียมเพศชาย-เพศทางเลือกสังคมไทย

,

“ว่าที่ผู้สมัคร กทม.พปชร.”ยื่นหนังสือเสนอนโยบายสตรีและกลุ่ม LGBTQ+ผ่าน”ศ.ดร.นฤมล”
หนุนลดความเหลื่อมล้ำเพิ่มความเท่าเทียมเพศชาย-เพศทางเลือกสังคมไทย

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือเสนอนโยบายเกี่ยวกับผู้หญิงและความหลากหลายทางเพศ จากตัวแทนกลุ่มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคพลังประชารัฐ เนื่องวันสตรีสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคที่พร้อมเปิดกว้าง และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกคน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในทุกมิติ สอดรับกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญในการก้าวข้ามความขัดแย้ง แก้ไขปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ เพื่อให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งรวมไปถึงการให้ความสำคัญสตรี ในฐานะแม่ ที่ต้องเลี้ยงดูบุตร ธิดา เพื่อให้มีพัฒนาการที่ดีและเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ

โดยในวันนี้ ทาง น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ว่าที่ผู้สมัครกทม(เขตบึงกุ่ม คันนายาว) ได้นำหนังสือข้อเรียกร้องขององค์กรสตรี ผ่านตัวแทนพรรคการเมืองที่เข้าร่วมเวทีเสวนาในวันสตรีสากลเข้ามามอบให้กับพรรค เพื่อนำข้อเรียกร้องมาสู่การพิจารณา เพื่อจัดทำนโยบายด้านสตรีและเด็ก ซึ่งพรรคพร้อมให้การสนับสนุน เพราะมีข้อมูลหลายด้านมาสู่การประกาศเป็นนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับ แม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ประสบปัญหาจากการหย่าร้าง รวมไปถึงการลดภาระ ให้เพศหญิงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเราต้องการให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญสิทธิสตรี และความหลากหลายทางเพศมากขึ้น

“ทางกลุ่มผู้สมัคร ส.ส. กทม.ได้มีแนวทางเดียวกันในการให้ความสำคัญสตรีและเด็ก และเพศทางเลือก จึงนำข้อเสนอดังกล่าว มายื่นต่อคณะผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ผ่าน ศ.ดร.นฤมล เพื่อนำไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายขับเคลื่อนของพรรค เพื่อร่วมศึกษาเพิ่มเติม และวางนโยบายร่วมกันอีกครั้งต่อไป “

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 มีนาคม 2566