โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 24 มีนาคม 2023

“สกลธี-สนธิรัตน์” นำทีมผู้สมัคร กทม.โซนเหนือ พบ ปชช.ประกาศพร้อมพัฒนา กทม.ด้วยกองทุนพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ขอแค่ให้โอกาส พปชร.

,

“สกลธี-สนธิรัตน์” นำทีมผู้สมัคร กทม.โซนเหนือ พบ ปชช.ประกาศพร้อมพัฒนา กทม.ด้วยกองทุนพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ขอแค่ให้โอกาส พปชร.

พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ เหนือ”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ที่ศูนย์เยาวชนหลักสี่ การเคหะท่าทราย โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 6 เขต ประกอบด้วย ภญ.สุชาดา เบล เวสารัชตระกูล เขตดอนเมือง,น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน),นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ์ เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน),ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขตสายไหม (เฉพาะแขวงออเงิน) เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง) เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจรเข้บัว),นายรังสรรค์ กียปัจจ์ เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน) เขตจตุจักร(ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม),ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เขตบางซื่อ เขตดุสิต (เฉพาะแขวงถนนนครไชยศรี)

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นมิตรกับทุกฝั่ง ไม่ใช่เลือกฝั่งนี้ ทำให้อีกฝั่งชนะ เพราะไม่ว่าใครชนะ แต่ประเทศไทย แพ้เสมอ ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐขอแสดงจุดยืนว่า ไม่ว่าพรรคใดจะชนะ เราพร้อมร่วมสร้างสมานฉันท์ เพราะเราคือคนไทย เราต้องไม่มาต่อสู้กัน ให้เกิดความขัดแย้งเหมือนในอดีต

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเคยบอกกับผมว่า อยากเห็นคนไทยรักกันไม่อยากให้มีความขัดแย้ง การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะต้องเลือกพรรคที่สามารถนำพาประเทศรอดได้ ตนเป็นตัวแทนเศรษฐกิจ ท่านจะต้องเลือกคนและทีมที่สามารถมาแก้ปัญหาปากท้องให้ท่านได้”

ด้านนายสกลธี กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า ขอขอบคุณชาวกรุงเทพโซนเหนือทุกคนที่มาร่วมให้กำลังใจวันนี้ รวมถึงชาวหลักสี่ที่เคยให้โอกาสตนได้มาเป็น ส.ส.สมัยแรกในวัย 29 ปี และตอนที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯ ก็ได้ดูแลพื้นที่นี้เป็นหลัก จึงมีความผูกพันในการทำงานกับพี่น้องโซนกรุงเทพเหนือ วันนี้จึงเหมือนได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง

“สกลธีคนเดิมขออาสาพาพลังใหม่ พลังกรุงเทพฯ ของพลังประชารัฐ ที่จะเข้ามาพัฒนากรุงเทพฯของเรา เพราะเรารู้ปัญหาของชาว กทม.เป็นอย่างดี และพรรคพลังประชารัฐ มี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน”

ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร กทม.ของ พรรคพลังประชารัฐ ได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์
กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า เราต้องการมอบอากาศสะอาด น้ำบริสุทธิ์ เศรษฐกิจดี ต้องควบคู่กับสุขภาพที่ดีให้กับชาว กทม.โดย สิ่งที่เราต้องการแก้ไขคือ ปัญหาฝุ่น PM2.5 และปัญหาโลกร้อน เพื่อลดปัญหาสุขภาพคนในปัจจุบันและอนาคตถ้าประเทศไทยของเราทำการเปลี่ยนเมืองให้เป็นป่า นำสายไฟฟ้าลงดิน,ต้นไม้ฟรี 69 ล้านต้น,รถ EV ลดภาษีทำแล้ว เพิ่มจุดชาร์ต โดยภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน รวมถึงการเปลี่ยนรถเมล์เป็น EV ทั้งหมดภายใน 5 ปี เพื่อให้ชาว กทม.มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้าน ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น กล่าวปราศรัยว่าประเทศไทยของเราได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบแล้ว พรรคพลังประชารัฐจึงทำนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงวัย ไม่เพียงแค่นั้นเรายังทำให้กับคนทุกวัย ทุกบ้าน เพราะทุกบ้านมีผู้สูงวัย ผู้สูงวัยต้องไม่ใช่ภาระ แต่คือคนที่เราต้องดูแล

“จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเราได้บทเรียนหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการรักษาที่ล่าช้า จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อ้อแอ้จึงขอผลักดันเรื่องการรักษาพยาบาลที่จำเป็นจริงๆ ให้ประชาชนได้เข้าถึงง่าย สะดวก ไม่ต้องรอคิวตั้งแต่เช้าได้ตรวจเที่ยง ตรวจบ่ายหรือบางคนต้องมาวันอื่น โรงพยาบาลดี คลินิกดี และทันสมัยต้องมีทุกเขตในพื้นที่ กทม.” ภญ.นพวรรณ กล่าว

ทั้งนี้ บรรยากาศเวทีปราศรัยมีประชาชนมาร่วมรับฟังกว่า 2000 คน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เร่งเชื่อมระบบฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ยากไร้ลดปัญหาซับซ้อนข้อมูล

,

“พล.อ.ประวิตร” เร่งเชื่อมระบบฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ
เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ยากไร้ลดปัญหาซับซ้อนข้อมูล

เมื่อ 24 มี.ค.66 ,10.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ด้านสวัสดิการของรัฐ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบ การดำเนินการออกแบบ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐ และการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และข้อมูลบุคคลด้านอื่นๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อาศัย เป็นต้นได้ดำเนินการเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการจัดทำAPI เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลสวัสดิการที่ได้มีการเชื่อมโยงที่สามารถค้นหาด้วยหมายเลขบัตรประชาชน ที่สามารถแสดงผลบน Dashboard ในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการแสดงความซ้ำซ้อนของสวัสดิการ จำนวน 13 สวัสดิการ ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับสิทธิ ถึง 19,348,391 ราย (27,923,508 สิทธิ) อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กองทุนคุ้มครองเด็ก เบี้ยความพิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น

นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป เป็น 22 สวัสดิการ (เดิม 13 สวัสดิการ) และยังเห็นชอบการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐ โดยมีหน่วยงานหลักที่สำคัญ ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ,สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ และ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ก.ดีอีเอส ,กระทรวงการาคลัง หรือ กค.,กระทรวงมหาดไทย หรือมท.และ กระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.ให้เร่งรัดการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการฯ เพื่อให้ฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ เป็นระบบเดียวกัน ครอบคลุมประชากรที่จะได้รับการช่วยเหลือทุกกลุ่มเป้าหมาย และตอบสนองความต้องการ การให้บริการประชาชนได้ อย่างสะดวกรวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ ตามนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาส และความเสมอภาค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มีนาคม 2566