โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 31 มีนาคม 2023

สันติ-ชัยวุฒิ เยือนกรุงเก่าพบปชช.ต่อเนื่องย้ำนโยบายพปชร.เข้าถึงทุกกลุ่ม เลือก”พล.อ.ประวิตร”เป็นนายกฯผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจทุกระดับเข้มแข็ง

,

สันติ-ชัยวุฒิ เยือนกรุงเก่าพบปชช.ต่อเนื่องย้ำนโยบายพปชร.เข้าถึงทุกกลุ่ม เลือก”พล.อ.ประวิตร”เป็นนายกฯผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจทุกระดับเข้มแข็ง

วันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 17.30 น.นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมเวทีปราศรัย วัดลาดทราย อ.วังน้อย จ.พระนครอยุธยา โดยมีนายพิตติพรรธน์ พรรณธนะ เขต 4 นายภูมินทร์ มงคลกาย เขต 5 นายชณทัต ปัทะมะภูวดล เขต 3 แนะนำตัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเสนอนโยบายที่มุ่งช่วยปากท้องชาวอยุธยา

นายสันติ กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขต มีความตั้งใจที่จะเสนอตัวในการรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง และขอให้มั่นใจได้ว่า ทุกคนเป็นพลังของพรรคพลังประชารัฐ เป็นพื้นที่ความหวัง และความตั้งใจของพรรค ที่ทุกคนจะสามารถได้รับการตอบรับจากประชาชน เลือกมาเป็นตัวแทนที่สามารถผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน พร้อมกับนำความเจริญและเดินหน้าพัฒนาจังหวัด ทั้งในด้านการส่งเสริมอาชีพ สร้างความก้าวหน้าในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของพรรค และรัฐบาล

นายสันติ กล่าวต่อว่า นอกจากนโบายบัตรสวัสดิการประชารัฐ ที่จะเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน เรายังมีนโยบายบุตร ธิดา ประชารัฐ เพื่อส่งเสริมด้านสุขอนามัย และลดภาระการเลี้ยงดูบุตร ให้กับสตรีผู้เป็นเพศแม่ ซึ่งถือเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ในการเพิ่มจำนวนประชากร เพราะมีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป แต่ต้องยอมรับประเทศประสบปัญหา ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้พรรค ออกนโยบายดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มเงินเบี้ยสวัสดิการประชารัฐ 345 678 ที่พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปได้ 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท

“ส่วนเป้าหมายที่จะสร้างแหล่งเงินให้เข้าถึงประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ผ่านนโยบายการเงินการคลัง ซึ่งจะดำเนินการให้เป็นจริง แต่ต้องอาศัยเสียงพี่น้องประชาชน มอบความไว้วางใจให้กับ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีและว่าที่ผู้สมัครพปชร.เป็นรัฐบาล เพื่อนำนโยบายต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือ รวมถึงการแก้ไขระเบียบการปล่อยกู้ของสถาบันการเงิน โดยให้นำเงินฝากที่อยู่ในระบบ 19-20 ล้านล้านบาท ต้องกำหนดให้แบ่งสัดส่วนการปล่อยกู้อย่างทั่วถึง แบ่งเป็นการจัดสรรเงินฝากในสัดส่วน 50% เพื่อนำมาปล่อยกู้ให้กับประชาชนทั้งคนชั้นกลาง ผู้มีรายได้น้อย โดยให้พี่น้องประชาชน ที่มีความต้องการวงเงินไม่เกิน ระดับ 100,000-500,000 บาท นำไปพัฒนาอาชีพ ไม่ใช่กระจุกไว้ปล่อยสินเชื่อเพียงระดับบนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้”

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนดีใจที่เห็นพี่น้องชาวอยุธยามารับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์จาก พปชร. เนื่องจากพรรคมี นโยบายเพื่อประชาชนออกมาจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ได้สื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ โดยเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ และรับรู้นโยบายดีๆ ทั้งนโยบายบัตรสวัสดิการประชารัฐ เพิ่มเป็น 700 บาท นโยบายดูแลผู้สูงอายุ และนโยบายมารดาประชารัฐ ซึ่งพรรคดูแลได้ทุกกลุ่ม และทำได้ทันที

“ที่ผ่านมา พปชร.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ประสานทุกฝ่าย และมีส่วนสำคัญทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ บริหารประเทศได้ 4 ปีเต็ม ซึ่งพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ถือว่ามีเศรษฐกิจที่ดี ค้าขายขยายตัวเจริญรุ่งเรือง ลูกหลานมีอาชีพ และเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอาชีพ สำคัญอย่างยิ่ง คือความสงบสุข ที่จะนำมาซึ่งความเชื่อมั่น ให้กับทั้งคนไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุน ในอยุธยาเพิ่มขึ้น นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อไป เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ประชาชนบางส่วนยังประสบปัญหาความยากจน พปชร. ไม่เคยมองข้าม โดยที่ผ่านมาได้ร่วมผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่อ. บางบาน ที่มีปัญหามาก ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ผลักดันให้มีการขุดคลองระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 สายเพื่อเร่งระบายน้ำไม่ให้เกิดการท่วมขัง
การที่พรรคฝ่ายตรงข้ามพูดสิ่งไม่ดี บอกว่า 8 ปี ไม่มีอะไรเลยนั้น ผมยอมรับว่า หลายคนยังมีความลำบาก แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไป ในฐานะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดีอี ได้มีการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ต และสามารถทำการค้าผ่าน ระบบสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ การนำระบบอินเตอร์เนตเพื่อสนับสนุนการค้าระบบใหม่ เพราะวันนี้เมืองไทยพัฒนาไปไกลมากแล้ว เพียงแค่ทุกคนสามารถใช้เครื่องมือสื่อสารผ่านระบบสมาร์ทโฟน ก็เข้าไปขายสินค้าสร้างรายได้รูปแบบใหม่ได้ และยังมีอีกหลายโครงการที่จะทำให้ พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

“หากพล.อ.ประวิตรได้เป็นนายก เพิ่มเงินเป็น 700 บาทแน่นอน ต้องบอกว่า วันนี้มีสีเสื้อไม่มีอีกแล้ว หาก บ้านเมืองยังมีปัญหา ทำให้ประชาชนเดือดร้อน นักการเมือง ประชาชน ทะเลาะกัน หากเลือกเรา พปชร. ก็จะได้พรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ที่ได้เข้าไปจัดตั้งรัฐบาล พร้อมทำงานให้ประชาชน เพราะเราก้าวข้ามความขัดแย้ง เราทำทุกนโยบายได้ทันที การจัดตั้งรัฐบาลได้ ความขัดแย้งไม่เกิด เราต้องจับมือ เลือกตั้งพรรคที่ดี ไม่ได้เลือกตั้งเพราะเปลี่ยนประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร เรายึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องปกป้องรักษา ดังนั้นวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้พี่น้อง ประชาชน เลือกทั้งคนและพรรค เพื่อให้ พปชร.ได้เป็นรัฐบาล พร้อมดูแลพี่น้องประชาชน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ตรวจพื้นที่รับน้ำเสีย แหล่งเพาะพันธ์สัตว์น้ำทะเล บางตะบูน เพชรบุรี หวั่นสร้างผลกระทบอาชีพประมงพื้นบ้าน เร่งพัฒนาแหล่งน้ำให้สมบูรณ์ รับท่องเที่ยวขยายตัว ฟื้นศก.ท้องถิ่น

,

“พล.อ.ประวิตร” ตรวจพื้นที่รับน้ำเสีย แหล่งเพาะพันธ์สัตว์น้ำทะเล บางตะบูน เพชรบุรี
หวั่นสร้างผลกระทบอาชีพประมงพื้นบ้าน เร่งพัฒนาแหล่งน้ำให้สมบูรณ์ รับท่องเที่ยวขยายตัว ฟื้นศก.ท้องถิ่น

เมื่อ 31 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผอ.กอนช. ได้ลงพื้นที่ไปยัง เทศบาล ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี และร่วมหารือกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมของจังหวัดเพชรบุรี จาก ผวจ.และสภาพปัญหา ผลกระทบของน้ำเน่าเสีย ในพื้นที่ ต.บางตะบูน จากนายกเทศมนตรี รวมทั้ง รับทราบรายงานแผนงานและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญ และแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย ใน 3 จังหวัด (ราชบุรี สมุทรสงคราม และเพชรบุรี) จากเลขาฯ สทนช.

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบาย การปฎิบัติงานที่สำคัญ เนื่องจากปัจจุบัน จ.เพชรบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวและมีกิจกรรมหลากหลายด้าน จึงมีความต้องการใช้น้ำในปริมาณที่สูงมาก และในบางพื้นที่ยังมีปัญหา สภาพน้ำเน่าเสีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ของพี่น้องประชาชน โดยได้กำชับ สทนช.ให้เร่งบูรณาการทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ ในพื้นที่รอยต่อ 3จังหวัด (ราชบุรี-สมุทรสงคราม-ประจวบคีรีขันธ์) และปฏิบัติตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง โดยเคร่งครัด รวมทั้งเร่งรัดแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย ในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำ เทศบาล ต.บางตะบูน ต้องดูแลการใช้น้ำในพื้นที่ให้มีคุณภาพ และเพียงพอต่ออนาคต และลดการสูญเสียของน้ำในระบบ ด้วย

พล.อ.ประวิตร ยังได้พบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับ เป็นจำนวนมากอย่างใกล้ชิด เป็นกันเอง พร้อมทั้งได้สะท้อนความห่วงใยจากรัฐบาล ที่มีต่อประชาชนทุกคน ทุกครัวเรือน ในความจำเป็นที่ต้องการใช้น้ำมากขึ้นในอนาคตและจะพยายามให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ จากปัญหาน้ำเสีย ทำให้หอยแครงพื้นบ้านมีปริมาณลดลง โดยคำนึงถึงความผาสุขในวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน เป็นสำคัญ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 มีนาคม 2566

เครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) สภาประชาชน ๔ ภาค อ.สูงเนิน ต้อนรับ”พล.อ.ธรรมรักษ์”อบอุ่น พร้อมสนับสนุน พปชร.เผย ดีใจ ที่นายพลลูกอีสานกลับมาช่วยชาติ

,

เครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) สภาประชาชน ๔ ภาค อ.สูงเนิน ต้อนรับ”พล.อ.ธรรมรักษ์”อบอุ่น พร้อมสนับสนุน พปชร.เผย ดีใจ ที่นายพลลูกอีสานกลับมาช่วยชาติ

พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคอีสาน เดินทางลงพื้นที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทางสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) สภาประชาชน 4 ภาค โดยมีนายประพาส โงกสูงเนิน ประธานสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน พร้อมประชาชน มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นายประพาส กล่าวว่า เครือข่ายประชาชนอีสานขอสนันสนุน พล.อ.ธรรมรักษ์ ที่มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยวันนี้ พี่น้องชาวอีสานต้องการมาแสดงความยินดีและดีใจที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ ได้กลับมาช่วยเหลือประเทศชาติอีกครั้ง รวมถึงต้องการให้กำลังใจนายพลลูกอีสานในการช่วยงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้

ทั้งนี้ ประชาชนที่มาต้อนรับได้สอบถาม พล.อ.ธรรมรักษ์ถึงปัญหาต่าง เช่น การระบาดของยาเสพติดจำนวนมากว่าจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมไปถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง ที่ปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้น และการปรองดองของคนไทยในสังคม

โดย พล.อ.ธรรมรักษ์ ได้กล่าวว่ากับประชาชนว่า ทุกปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ทราบและตระหนักดี จึงมีนโยบายในการแก้ปัญหาทุกเรื่องให้กับประชาชนแล้ว ซึ่งหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล จะเกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมทันที

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ’ ติดตามพัฒนาแหล่งน้ำเมืองท่องเที่ยว หัวหิน คาดความต้องการใช้น้ำสูงขึ้นปชช.ปลื้ม แก้ปัญหาเร็ว-ได้ผล

,

“พล.อ.ประวิตร” ’ ติดตามพัฒนาแหล่งน้ำเมืองท่องเที่ยว หัวหิน คาดความต้องการใช้น้ำสูงขึ้นปชช.ปลื้ม แก้ปัญหาเร็ว-ได้ผล

เมื่อ 31 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางไปปฏิบัติราชการพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.เพชรบุรี เพื่อติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำ และการผลิตน้ำประปาคุณภาพโดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก ประจำรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช.ร่วมลงพื้นที่ พร้อมสักการะ องค์หลวงปู่ทวด และถวายสังฆทาน แด่เจ้าอาวาส เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยมงคลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ และสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 14 เพื่อประชุมหารือร่วมกับ จังหวัด ,สทนช. ,กรมชลประทาน และผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค โดยรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของจังหวัด ซึ่งมี ลำน้ำทั้งหมด 6 ลุ่มสาขา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ รวม 220 ล้าน ลบ.ม.ได้รับการสนับสนุนงป. จากรัฐบาล ปี 61-65 จำนวน 781 โครงการ, ปี65 จำนวน 13 โครงการ,ปี66 จำนวน 21 โครงการ, และโครงการสำคัญอีก 5 โครงการ สำหรับ อ่างเก็บน้ำห้วยมงคลฯ ก่อสร้างเพื่อเก็บกักน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย ช่วงฤดูน้ำหลาก มีความจุอ่างฯ 5.85 ล้าน ลบ.ม.

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายที่สำคัญ โดยกำชับ สทนช. ให้เร่งรัดการดำเนินงานตาม 10มาตรการรองรับฤดูแล้ง พร้อมย้ำให้ กรมชลประทาน เร่งบริหารจัดการแหล่งเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการใช้น้ำ ให้เพียงพอทุกพื้นที่ รวมทั้ง เพิ่มประสิทธิภาพระบบประปา ต้องผลิตน้ำที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ สำหรับบริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้พบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับ อย่างอบอุ่นและรับฟังข้อเรียกร้อง/ข้อคิดเห็น อย่างเป็นกันเอง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาให้สอดคล้อง ตรงตามความต้องการของประชาชน ต่อไป ซึ่งได้มีชาวบ้านสะท้อนความรู้สึก และกล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร กับ รัฐบาล ที่มีความจริงใจ ทุ่มเทแก้ปัญหาน้ำ และอื่นๆ อย่างได้ผล และรวดเร็ว สามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ทำให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมากในปัจจุบัน พร้อมยังได้กล่าวสนับสนุนลุงป้อม อยากให้เป็นนายกฯ คนต่อไปด้วย จากนั้น พล.ประวิตร และคณะได้เดินทางไปตรวจราชการต่อในพื้นที่ จ.เพชรบุรี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 มีนาคม 2566