โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 16 มีนาคม 2023

“พล.อ.ประวิตร”นำทีมเศรษฐกิจ พปชร.เยือน หอการค้าไทย-จีน ร่วมหารือรับฟังข้อเสนอ พัฒนาเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

,

“พล.อ.ประวิตร”นำทีมเศรษฐกิจ พปชร.เยือน หอการค้าไทย-จีน ร่วมหารือรับฟังข้อเสนอ พัฒนาเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

16 มีนาคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจพรรคฯ นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก ,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง, นายอุตตม สาวนายน ,นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์,นายอภิชัย เตชะอุบล,นายวราเทพ รัตนากร,นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ร่วมพบปะคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน เพื่อร่วมหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนการท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ระหว่างสองประเทศ

โดยมีนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีนให้การต้อนรับ โดยกล่าวว่า ขอขอบคุณคณะของพลเอกประวิตร ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนหอการค้าไทยจีนในวันนี้ หน่วยงานของเรามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน และส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีนกับไทย และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆให้แก่นักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยและสานต่อภารกิจส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในทุกมิติ

หอการค้าไทย-จีน มีหน้าที่สร้างเวทีใหม่เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกหลังยุคโควิด ร่วมกันค้นหาโอกาสใหม่ ๆ ภายใต้วิกฤต และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือแบบพหุภาคีและหลากหลายรูปแบบของความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อเปิดยุคใหม่ในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในโลกในยุคใหม่ ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และยังมีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาของนักธุรกิจชาวจีน

โดยหอการค้าไทยจีน จะมีการจัดงานใหญ่ การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention-WCEC) ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยคาดว่าจะมีนักธุรกิจชาวจีนกว่า 2,000 คน และผู้ติดตามรวม ๆ 4,000 คน เดินทางมาเยือนประเทศไทย
เพื่อเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอขอบคุณทางหอการค้าไทยจีนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ที่มาในวันนี้ก็ถือโอกาสมาเยี่ยมในวาระครบรอบ 113 ปี ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง รวมถึงยินดีกับคุณณรงค์ศักดิ์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน คนที่ 20 ด้วย

“วันนี้ผมพาทีมเศรษฐกิจ มาพบเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทางท่านว่า ถ้าเราได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลต่อไป ท่านต้องการให้เราทำอะไรเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตขึ้นในอนาคต นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากจะมารับฟังความคิดเห็นว่าจะให้รัฐบาลดำเนินการอย่างไร อย่างเช่น การแก้ปัญหาการอำนวยความสะดวกการเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวต่างชาติ ซึ่งผมจะนำเอาข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ ของท่านไปดำเนินการเพื่อที่จะแก้ไขต่อไปในอนาคต”พล.อ.ประวิตร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มีนาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล”ชี้ผลแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม.ใหม่ กระทบบางพื้นที่พปชร.เตรียมรับมือจัดสรรผู้สมัครลงทุกเขต

,

“ศ.ดร.นฤมล”ชี้ผลแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม.ใหม่ กระทบบางพื้นที่พปชร.เตรียมรับมือจัดสรรผู้สมัครลงทุกเขต

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผย ถึงการเตรียมประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)ว่า ทางพรรคพลังประชารัฐได้รับแจ้งมาอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งทาง กกต.ได้มีการประชุมการกำหนดเขตในพื้นที่ กทม.แล้วในวันนี้ ซึ่งก็น่าจะมีผลกระทบบ้างในบางพื้นที่ ที่อาจจะมีการขยับขึ้นลง ของจำนวน ส.ส. แต่ก็เป็นแค่ในบางพื้นที่ ไม่ใช่ทุกเขต โดยช่วงที่ผ่านมาเราก็เตรียมรับมือกับสถานการณ์เอาไว้อยู่แล้ว และผู้สมัครของเรามีความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ได้พูดคุยกับคุณสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.กันอยู่ว่าจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งก็น่าจะทราบความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ในส่วนการเปิดเวทีปราศรัยในวันเสาร์ที่ 18 มี.ค.นี้ ก็จะมีการแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 ท่าน และทางผู้บริหารของพรรคฃหลายคนก็จะขึ้นปราศรัยพูดคุยทำความเข้าใจกับชาว กทม. และในอนาคตก็จะมีการเปิดเวทีย่อยให้กับว่าที่ผู้สมัครของเราได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อไป

“เราตั้งเป้าอยากได้ ส.ส.กทม.มากกว่าเดิม ก็คือ 12 ที่นั่งขึ้นไป แต่ก็เชื่อว่าทุกเขตมีการแข่งขันสูงอทุกพรรคการเมืองก็มีการทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ ไม่มีพรรคการเมืองใดหย่อนมือแน่นอน เพราถถ้าได้ลงแล้วก็ต้องสู้ทุกเขต”

เมื่อถามถึงกำหนดการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ก็คงจะต้องมีการจัดตารางกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะในแต่ละพื้นที่ก็มีความต้องการให้ท่านหัวหน้าพรรคลงไปช่วยหาเสียงและเป็นกำลังใจให้ หลายพื้นที่มาก ๆ อย่างเช่นในช่วงสัปดาห์นี้ตารางการลงพื้นที่ของท่านก็เต็มแน่น

เมื่อถามถึงนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรคพลังประขารัฐ หมายถึง พร้อมจับมือกับทุกพรรคการเมืองงหลังการเลือกตั้งหรือไม่ ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐของเราทำการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เราเคารพเสียงส่วนใหญ่ในสภา และการจับมือเพื่อร่วมทำงานด้วยกัน ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องอุดมการณ์ที่ต้องตรงกันด้วย

ด้าน น.ส.สุชาดา เวสารัชตระกูล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง กล่าวว่า เขตดอนเมือง ถือเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีความชัดเจนในเรื่องการแบ่งเขตแล้ว ซึ่งจากที่ตนลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับนำนโยบายการก้าวข้ามความขัดแย้งไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะประชาชนก็ไม่มีใครอยากจะทะเลาะกันแล้ว อยากจะจับมือกันเดินหน้าเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มีนาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล” เปิดเวทีประชาชนระดมความคิดผ่าปัญหาทุกมิติ ผนึกว่าที่ผู้สมัครพปชร. ร่วมปลดล็อก ทลายเจนสะท้อนปัญหาขับเคลื่อนประเทศ

,

“ศ.ดร.นฤมล” เปิดเวทีประชาชนระดมความคิดผ่าปัญหาทุกมิติ
ผนึกว่าที่ผู้สมัครพปชร. ร่วมปลดล็อก ทลายเจนสะท้อนปัญหาขับเคลื่อนประเทศ

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (16 มีนาคม 2566) พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ประกอบด้วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ นายนิธิ บุญยรัตกลิน และนายกานต์ กิตติอำพน ตัวแทนประชาชนจากคนทุกช่วงวัยและคนรุ่นใหม่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่าน เวที Workshop “ปลดล็อก ทลายGen ร่วมคิด ระดมทำ” เพื่อขยายผลและนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน และมองภาพอนาคตของประเทศไทยนับจากนี้ไป โดยให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นร่วมกันที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งไปอย่างไร ที่นำพาประเทศไปข้างหน้า สู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ถือเป็นนโยบายหลักของพรรค ซึ่งครั้งนี้เป็นการรับฟังจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ผ่านทุกเจนเนอเรชั่นรวมเป็นพลังใหม่ ที่สะท้อนเสียงผ่านว่าที่ผู้สมัครของพรรค ไปสู่การรวบรวมข้อเสนอไปสู่การจัดทำนโยบาย เพื่อให้เกิดการแก้ไข และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ในทุกมิติ ซึ่งพรรคจะมีเวทีให้กับประชาชนร่วมกับว่าที่ผู้สมัครร่วมหาแนวทางในประเด็นต่าง ๆ โดยในครั้งหน้าจะเป็นเรื่องแนวทางการยกระดับเศรษฐกิจชุมชน เพื่อจะนำไปสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ในการระดมความคิดเห็นครั้งนี้ พรรคได้เห็นความสำคัญใน 4 มิติ 1.มิติทางการเมือง ทุกฝ่ายมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ โดยพร้อมเปิดให้ทุกฝ่ายและคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การหาข้อสรุประบบประชาธิปไตย 2. มิติทางด้านวัฒนธรรมจะต้องมีความหลากหลายทางด้านศาสนา และวัฒนธรรม ที่จำเป็นต้องรับฟังและนำมาสู่แนวทางการทำนโยบายให้ตอบโจทย์กับทุกช่วงวัย 3.มิติทางด้านเศรษฐกิจ จะต้องมีนโยบายให้เข้าถึงตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน และ สังคม ให้สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง 4.มิติทางสิ่งแวดล้อม พรรคพร้อมที่จะประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าเรื่องมลพิษที่เกิดขึ้น

“ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อสำรวจปัญหาต่าง ๆ และความต้องการของประชาชน ของว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งข้อสรุปในครั้งนี้จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายของพรรคที่มาจากเสียงสะท้อนภาคประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งพรรคฯ พร้อมจะเดินหน้าเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงการช่วยเหลือและนำไปสู่การกำหนดนโยบายในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้อย่างแท้จริงและให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ศ.ดร.นฤมลกล่าว

ด้านนายนิธิ กล่าวว่า สิ่งที่ได้จากการทำกิจกรรมในวันนี้ก็คงจะเป็นการตอกย้ำว่า สังคมไทยยังมีเรื่องของความคิดเห็นที่แตกต่างในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง รวมถึงความคิดเห็นที่แตกต่าง ในช่วงวัยต่าง ๆ สำหรับคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า จริงอยู่ว่าภาพของความขัดแย้งอาจจะไม่ได้รุนแรง หรือแบ่งสีแบ่งขั้วเหมือนในอดีต แต่ปัญหาทุกวันนี้ซึมลึกและซ้ำซ้อนกระจายออกไปในวงกว้างในสังคม ลึกลงไปจนถึงระดับครอบครัว

“ความต้องการของประชาชนในตอนนี้ คือ ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว อยากเห็นอนาคตของลูกหลานได้โตมาในประเทศที่ชื่อว่า เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะเราย่ำอยู่กับประเทศที่กำลังพัฒนามานานแล้ว ด้านคนรุ่นใหม่ก็อยากเห็นความเป็นอยู่ที่ดี ความยุติธรรมในสังคมระบบราชการที่เป็นที่พึ่ง ที่หวังให้กับสังคมได้ เราต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างซึ่งกันและกัน คนรุ่นใหม่นำประสบการณ์จากคนรุ่นเก่า มาร่วมกันพัฒนาประเทศ”นายนิธิ กล่าว

ด้าน ดร.บุณณดา กล่าวว่า ประเทศไทยมีความแตกต่างหลากหลายของวัฒนธรรม ในเรื่องที่เราจะก้าวความขัดแย้งด้วยกัน เราจะก้าวข้ามอย่างไร เราจะก้าวข้ามไปสู่การพัฒนาที่มีส่วนร่วมร่วมกันได้อย่างไร วันนี้มีภาคประชาชน ผู้นำของชุมชน รวมถึงน้อง ๆ ในชุมชน และผู้สูงอายุ เรียกได้ว่ามีความแตกต่างกันในช่วงวัย ความเชื่อ และความไม่เข้าใจกันในหลายหลายเรื่อง สิ่งที่เรา หาทางออกร่วมกัน และอยากจะนำเสนอเป็นนโยบายก็คือ เราจำเป็นแล้วหรือไม่ ที่เราจำเป็นต้องมีหลักสูตรการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ที่อาจจะต้องบรรจุเข้าไปการเรียนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการเลยหรือไม่ โดยมีเป้าหมายนำพาประเทศไปสู่สันติสุข

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในหลายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝุ่น เรื่องน้ำ เรื่องพันธุ์พืช และสัตว์น้ำ ที่กลายเป็นเรื่องเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ ปัญหาอย่างหนักในตอนนี้คือ ปัญหาเรื่องฝุ่น ที่คนไทยเกือบครึ่งประเทศกำลังประสบปัญหาเรื่องนี้อยู่ สิ่งที่เราต้องทำ คือการสร้างความตระหนักต่อสาธารณะ เราจำเป็นต้องปลูกฝังคนไทยตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก เหมือนเช่นหลาย ๆ ประเทศ จนทุกคนมีสำนึกในการรักษ์โลก เริ่มต้นจาก การคัดแยกขยะ ที่สามารถเริ่มต้นได้กับทุกคน ทุกวัย ทุกเพศ เราก็จะได้สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นได้ รวมไปถึงขยะเหล่านี้ก็ยังกลายเป็นรายได้ให้กับคนในชุมชนได้ด้วย

ด้านนายกานต์ กล่าวว่า สตรีทฟู้ด ถือเป็นจุดเด่น และจุดขายให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งอาหารสตรีทฟู้ดมีกระจายอยู่หลายพื้นที่ใน กทม.ดังนั้น หากเราดึงร้านเหล่านี้ออกมารวมกันเป็นดาต้าฮับเพื่อเป็นฐานข้อมูลให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และในประเทศให้สามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ง่าย ก็จะเป็นการเพิ่มและกระจายรายได้ไปในพื้นที่ต่างๆได้กว้างขวางมากขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มีนาคม 2566