“ลุงป้อม” ห่วงคนกรุง ลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ตรวจความพร้อมรับมือน้ำทะเลหนุนสูง สั่งการวางแผนช่วงเวลาระบายน้ำ ลดผลกระทบไม่ให้เกิดน้ำท่วมขัง พร้อมลงเรือ ตรวจเยี่ยมการปรับปรุงภูมิทัศน์ รอบคลองผดุงกรุงเกษม ชูเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ของเมืองกรุง
ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมด้วยนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ณ คลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร รายงานการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง และ นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. เขต 1 ให้การต้อนรับ พร้อมพบปะประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง ในห้วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ยังได้ลงเรือตรวจเยี่ยมการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร
พลเอกประวิตร ระบุว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และได้สั่งการให้เร่งระบายน้ำเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ตนโดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการวางแผนช่วงเวลาในการระบายน้ำ ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูง เพื่อลดผลกระทบไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง และให้สามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้โดยเร็ว
ทั้งนี้นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่ากอนช. ได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง โดยข้อมูลจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ พบว่า ช่วงวันที่ 28-31 ต.ค.65 จะเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดของเดือน ส่วนช่วงเวลาที่จะเกิด น้ำทะเลหนุนสูงจะเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเช้า เวลา 06.00-10.00 น. และช่วงเย็นถึงค่ำ เวลา 16.00-20.00 น. โดยสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงจะยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงวันที่ 9 พ.ย.65 ทั้งนี้ สทนช. ได้ประสานกรุงเทพมหานคร ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ที่อาจส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายกตัวขึ้นสูงได้ ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนต่างๆ ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อาจได้รับผลกระทบในช่วงน้ำหนุนในบางช่วงเวลาได้ จึงขอให้ประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ ให้ติดตามและเฝ้าระวังการขึ้น-ลงของระดับน้ำทะเลอย่างใกล้ชิด
สำหรับชุมชนนอกคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง มี 16 ชุมชน ในพื้นที่ 7 เขต ได้แก่ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตสัมพันธวงศ์ เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เขตบางกอกน้อย และเขตคลองสาน ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้มีมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือในการตรวจสอบความแข็งแรงและจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วม และเสริมกระสอบทรายจุดเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบความพร้อมของเครื่องสูบน้ำตามแนวริมแม่น้ำให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำเหนือและการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานเป็นประจำทุกวันด้วย
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 ตุลาคม 2565