โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 18 ตุลาคม 2022

“รมว.สุชาติ” เตรียมจับมือ 15 สถานประกอบการ หนุนจ้างงานคนพิการ ปี’66 เพิ่ม 20%

,

“รมว.สุชาติ” เตรียมจับมือ 15 สถานประกอบการ หนุนจ้างงานคนพิการ ปี’66 เพิ่ม 20%

วันนี้ (18 ตุลาคม 2565) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับนโยบายของกระทรวงแรงงานด้านการมุ่งเน้นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ เพื่อให้มีหลักประกันทางสังคม ยกระดับให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งกระทรวงฯ ได้มีการจัดทำโครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม โดยประชาสัมพันธ์ เพื่อเชิญชวนนายจ้าง สถานประกอบการที่เคยใช้สิทธิตามมาตรา 34 ในการส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้เปลี่ยนมาให้สิทธิตามมาตรา 35 ประเภทการจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการ โดยจ้างงานคนพิการเข้าไปปฏิบัติงานสนับสนุนหน่วยงานสาธารณะประโยชน์ในท้องถิ่น เช่น โรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็ก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ เป็นต้น ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับคนพิการโดยตรง ช่วยให้คนพิการในพื้นที่ห่างไกลได้รับโอกาสมีอาชีพ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน

“ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นอย่างดี ขอบคุณที่มีส่วนร่วมในการสร้างโอกาส และขับเคลื่อนให้คนพิการมีงานทำ มีรายได้ นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 กระทรวงฯ มีการขยายเป้าหมายการมีงานทำให้คนพิการเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จำนวน 1,800 คน ซึ่งผมได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานเชิญชวนนายจ้าง/สถานประกอบการ เข้าร่วมโครงการฯเพิ่ม” นายสุชาติ กล่าว

ทั้งนี้กระทรวงแรงงาน ได้ เชิญชวนสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม สอดรับกับการเพิ่มเป้าหมายให้คนพิการมีงานทำ โดยได้เชิญเอกชนเข้าร่วมโครงการ อาทิ บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โรงงานสำโรง (สำนักงานใหญ่) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแนวทางร่วมกัน จากเดิมที่ส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 34 ให้เปลี่ยนมาใช้สิทธิมาตรา 35 ซึ่งทางบริษัทฯให้ความสนใจโครงการฯ ดังกล่าวอย่างมาก

นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน. มีเป้าหมายเข้าพบหารือสถานประกอบการเอกชน โดยมีผู้ตรวจราชการกรมลงพื้นที่ เพื่อแนะนำและเชิญชวนเข้าร่วมโครงการ 15 แห่ง เช่น ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเตม จำกัด เป็นต้น

“โครงการนี้ฯ ก่อให้เกิดรายได้กับผู้พิการโดยตรง นอกเหนือไปจากเบี้ยยังชีพคนพิการ โดยสามารถทำงานได้ที่หน่วยงานใกล้บ้าน เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการและครอบครัวให้ดีขึ้น มีอาชีพ มีรายได้ โดยทางกรมฯ อำนวยความสะดวกสถานประกอบการให้สามารถลงทะเบียนใช้สิทธิผ่านระบบ E-service นอกจากนี้ยังมีทีมงานในการติดตามประเมินผลเพื่อดูแลคนพิการแทนสถานประกอบการด้วย”
สำหรับสถานประกอบการที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ สามารถสอบถามติดต่อขอรับบริการได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 สามารถลงทะเบียนใช้สิทธิผ่านระบบ E-service กรมการจัดหางาน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ตุลาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ผนึกหน่วยงานส่งเสริมองค์ความรู้จัดการน้ำอย่างยั่งยืน เสริมศักยภาพชุมชนร่วมคิด วางแผน พัฒนาใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

,

“พล.อ.ประวิตร”ผนึกหน่วยงานส่งเสริมองค์ความรู้จัดการน้ำอย่างยั่งยืน
เสริมศักยภาพชุมชนร่วมคิด วางแผน พัฒนาใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“พลเอก ประวิตร” เป็นประธานลงนามบันทึกความเข้าใจ “พัฒนาองค์ความรู้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชุมชน”ยกระดับความเข้มแข็งของการดำเนินงานร่วมกัน จัดการทรัพยากรน้ำตั้งแต่ต้นทาง – ปลายทาง

วันนี้ (18 ตุลาคม 65) เวลา 14.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการพัฒนาองค์ความรู้ด้านบริหารทรัพยากรน้ำ เพื่อบูรณาการสร้างการเรียนรู้ของชุมชน โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ กล่าวถึงการพัฒนาองค์ความรู้ด้านบริหารทรัพยากรน้ำ เพื่อบูรณาการสร้างการเรียนรู้ของชุมชน และผู้บริหารจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และนายโชติ โสภณพนิช ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะไทย กล่าวถึงแผนการดำเนินงาน และลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ณ ห้องราชวัลลภ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ด้านบริหารทรัพยากรน้ำในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และมูลนิธินโยบายสาธารณะไทย ที่มุ่งมั่นในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีความมั่นคง และเกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน นับว่าเป็นการยกระดับความเข้มแข็งของการดำเนินงานร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่สนับสนุนแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนจากการร่วมลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังในครั้งนี้ และในโอกาสนี้ ขอเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เนื่องจากน้ำเป็นทรัพยากรพื้นฐานที่สำคัญของชาติ โดยปัจจุบันมี “คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)” ทำหน้าที่ในการบูรณาการและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีเอกภาพ อย่างไรก็ตาม จะต้องสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจะต้องพัฒนาศักยภาพของชุมชนในการที่จะร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมพัฒนาและใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืน

โดยที่ผ่านมาสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้ดำเนินงานตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ประกอบกับพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พุทธศักราช 2561 มีเจตนารมณ์ที่จะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีความประสานสอดคล้องกันในทุกมิติอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การลงนามบันทึกความเข้าใจของทั้ง 3 หน่วยงานในการที่จะร่วมกันบูรณาการความร่วมมือในครั้งนี้ จึงสอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชุมชนและสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อให้การบริหารทรัพยากรน้ำมีความเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และคาดหวังว่าจะเกิดผลสัมฤทธิ์คือประโยชน์สุขของประชาชน อันเกิดจากการบริหารจัดการน้ำของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ตุลาคม 2565