“พล.ต.อ.พัชรวาท” ดันตั้งคณะกรรมการแห่งชาติ แก้ปัญหา PM2.5 -ไฟป่า เร่งกวดขันส่งหน่วยลาดตระเวณคุมพื้นที่ ตรวจจับใช้กม.เข้ม พร้อมแก้ที่ทำกินสปก.ชงคทช.เพื่อปชช.
วันที่ 16 กันยายน 2566 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการประชุมรับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ที่ด่านศุลกากรแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ อยากให้มีการยกระดับคณะกรรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5 รวมถึงปัญหาหมอกควันไฟป่า เป็น คณะกรรมการแห่งชาติ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เห็นผลอย่างรวดเร็วนั้น ตนได้สั่งการอย่างเร่งด่วน ให้ยกระดับคณะกรรมการแห่งชาติ ในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต
“พร้อมให้มีแผนการดำเนินงาน ทั้งมาตรการระยะยาว และมาตรการเร่งด่วน เช่น ปิดป่าในส่วนที่มีสถานการณ์ไฟป่าอยู่ในระดับวิกฤต หรือ เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในขั้นรุนแรง รวมถึงสั่งระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า เครือข่ายอาสาสมัครดับไฟป่า อุปกรณ์ เครื่องมือ และอากาศยาน ในการลาดตระเวนเฝ้าระวัง และปฏิบัติการดับไฟอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ ยังห้ามเผาในที่โล่งในช่วงนี้ และให้บรูณาการหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมกันลาดตระเวนเฝ้าระวังการเผา ป้องกันไม่ให้มีการเผาอย่างเข้มข้น ให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผา หรือ ผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด พร้อมให้ทุกหน่วยงานเน้นการสื่อสารผลการดำเนินงานของภาครัฐในการป้องกันแก้ไขปัญหา หมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องด้วย” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ของตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำแม่คำ ป่าน้ำแม่สลอง และป่าน้ำแม่สลวงฝั่งซ้าย นั้น พบว่า พื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่กฤษฎีกำหนดเขตในเป็นเขตปฎิรูปที่ดิน แต่ไม่สามารถออกเอกสารแสดงการครอบครองที่ดิน สปก.ให้กับประชาชนได้ เนื่องจากพบว่า พื้นที่นี้ มีภาระผูกพันการใช้ประโยชน์ของกองทัพบกอยู่ รวมถึงมีความลาดชันสูงกว่าร้อยละ 35 ตนจึงสั่งการให้ กรมป่าไม้ และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ประสานกับ อบต.แม่สลองนอก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลงพื้นที่สำรวจแปลงที่พบปัญหา เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเจ้าของพื้นที่ เพื่อกันคืนจาก สปก. ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยแนวทางการปฏิบัติในการคืนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ กลับคืนกรมป่าไม้ พ.ศ.2538 เพื่อที่กรมป่าไม้ จะได้นำพื้นที่ดังกล่าวมาดำเนินการแก้ไขปัญหาประชาชน ด้วยการเข้าโครงการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชน หรือ คทช.ต่อไป
“ผมจะสนับสนุนคุณภาพในการดำรงชีวิต ให้สามารถอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ลุ่มน้ำ 1 และ 2 พร้อมกับอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการอนุญาต เพื่อให้มีการพัฒนาสาธารณูปโภค และใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือ คทช. ซึ่งเป็นหลักการและแนวทางปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ในพื้นที่ลุ่มน้ำ 1 และ 2 ทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หรือไม่ก็ตาม เพราะผมเข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าว
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 กันยายน 2566