โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 8 มีนาคม 2023

“พล.อ.ประวิตร”ลุยตรวจโครงการน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอยุธยา-สระบุรี การันตีปีนี้ทำนาได้ ลั่นลุยแก้ไขปัญหาให้ปชช.ปลื้มกองเชียร์ยกเป็นนายกคนที่30

,

“พล.อ.ประวิตร”ลุยตรวจโครงการน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอยุธยา-สระบุรี
การันตีปีนี้ทำนาได้ ลั่นลุยแก้ไขปัญหาให้ปชช.ปลื้มกองเชียร์ยกเป็นนายกคนที่30

วันที่ 8 มีนาคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม และติดตามความคืบหน้า แผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ณ วัดสะตือพุทธไสยาสน์ ค.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

โดย พล.อ.ประวิตร ได้ตรวจแผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง และแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ รวมถึงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ฝั่งตะวันออก และการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในเขตอำเภอท่าเรือ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนพระราม 6 ด้วย พร้อมมอบนโยบาย และพูดคุยกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มาให้การต้อนรับ และได้นำเสนอแผนงานภาพรวมของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ตนเดินทางมาเพื่อเร่งรัด และติดตามการดำเนินการด้านน้ำที่อยุธยาอยู่หลายครั้ง เนื่องจากสภาพพื้นที่จังหวัดเป็นที่ราบลุ่มและอยู่ติดฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จึงประสบปัญหาน้ำหลากน้ำท่วม บ้านเรือนประชาชน รวมไปถึงพืชผลทางการเกษตรด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีความห่วงใย ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเร่งรัดให้เกิดการดำเนินการพร้อมวางแผนให้เกิดการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และยั่งยืนที่สำคัญต้องเกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลโดยเร็วที่สุด จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ปฎิบัติดังนี้
1.ให้ สำนักงาน ทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ เร่งรัด การดำเนินการตามแผนการ บรรเทาอุทกภัยพื้นที่เจ้าพระยา ตอนล่าง 9 แผน โดยเฉพาะ โครงการ คลองระบายน้ำชัยนาท – ป่าสัก, ป่าสัก – อ่าวไทย และ บูรณาการ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องร่วมกัน แก้ไข ปัญหาอุทกภัยพื้นที่ อำเภอท่าเรือ ซึ่งได้รับผลกระทบ จากการระบายน้ำ จากเขื่อนพระราม 6
2.ให้ กรมชลประทาน เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการ ระบายน้ำหลาก บางบาล – บางไทร ให้แล้วเสร็จ ตามแผนที่วางไว้ รวมถึง ซ่อมแซม อาคารชลประทาน
ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน เพื่อเตรียมรับฤดูน้ำหลาก ที่จะมาถึง
3.ให้กรมโยธาธิการ และ ผังเมือง เร่งก่อสร้าง กำแพง ป้องกันน้ำท่วมบริเวณเขตโบราณสถานเพื่อป้องกัน ความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้น
4.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง เพื่อลดผลกระทบต่อ พี่น้อง ประชาชน
ให้ได้มากที่สุด และสุดท้ายของให้ทางจังหวัดสร้างการรับรู้ และ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ทราบถึง สถานการณ์ต่างๆ และ แผนการดำเนินการ ด้านทรัพยากรน้ำของหน่วยงานรัฐ

“ผมขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลมีความจริงใจ และมีเป้าหมายในการทำงาน เพื่อความผาสุกของประชาชนและแน่นอน โครงการขนาดใหญ่ที่รัฐดำเนินการ ต้องใช้ระยะเวลาและงบประมาณ ที่สำคัญ ต้องได้รับ การสนับสนุนความร่วมมือจาก พี่น้อง ประชาชน ในพื้นที่เป็นอย่างมาก ที่จะทำให้โครงการต่างๆ สำเร็จได้ ตามเป้าหมาย ซึ่งในปีนี้น้ำมีเพียงพแปละสามารถที่จะทำนาปีได้ ในโอกาสนี้ผมขออวยพร ให้ข้าราชการและ พี่น้องชาวพระนครศรีอยุธยาทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยต่างๆ มีความสุข ความเจริญ คิดประสงค์สิ่งใด ขอให้สมความปรารถนา ทุกประการ”

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้ถามกรมทรัพยากรน้ำในพื้นที่ถึงการทำนาของประชาชนในปีนี้ ซึ่งได้คำตอบว่า สามารถทำได้ พล.อ.ประวิตร จึงได้กล่าวกับชาวอยุธยาว่า “ปีนี้ทุกคนสามารถทำนาได้นะครับ ไม่มีน้ำท่วมมาทำลายนาของทุกคนอย่างแน่นอนครับ”

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการลงพื้นที่ตรวจราชการในวันนี้ มีประชาชนมาให้การต้อนรับ และมอบดอกกุหลาบเพื่อให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งกล่าวว่า เรารักลุงป้อม ลุงป้อมสู้ ๆ และลุงป้อมน่ารัก อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พลเอกประวิตร ก็ได้ทักทายกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง

พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะได้เดินทางไปยัง รร.วัดขอนชะโงก (เขียววิมลราษฎร์อุปถัมภ์) อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำของ จ.สระบุรี ณ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสระบุรี อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยมี นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี ,นายองอาจ และนายอรรถพล วงษ์ประยูร อดีต ส.ส.สระบุรีและว่าที่ผู้สมัคร รวมถึง ผึ้ง น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ ว่าที่ผู้สมัคร สส. สระบุรี เขต 3 และทีมโฆษกพรรค พปชร.ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบาย และพูดคุยกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า ผมมีความยินดี เป็นอย่างยิ่งที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี อีกครั้งหนึ่ง จากที่เคยมาตรวจเยี่ยม และมอบหมายหน่วยงานไปดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วม เมื่อกลางปี 65 ซึ่งวันนี้ตนได้มาติดตาม และ รับทราบความก้าวหน้า แผนการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่พร้อมพบปะพี่น้อง และประชาชนเพื่อรับทราบปัญหา และความเดือดร้อนจากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเห็นว่า ได้มีการดำเนินการตามแผนงานโครงการเร่งด่วน ไปแล้วหลายโครงการ ทั้งงานปรับปรุง ซ่อมแซม งานเพิ่มประสิทธิภาพ การระบายน้ำ และยังคงมีแผนงานที่ต้องขับเคลื่อนเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหา ด้านทรัพยากรน้ำ ได้อย่างครอบคลุมทั้งระบบ จึงขอมอบหมาย ให้หน่วยงานได้เร่งรัด ดำเนินการ

“รัฐบาลมีความมุ่งมั่น และมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ให้กับพี่น้องประชาชน และปรารถนาให้ทุกคนดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ภายใต้การดูแลเอาใจใส่ จากรัฐบาลที่จะช่วยเหลือ ขับเคลื่อน การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในทุกมิติ ผมขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดูแลทุกข์ สุข ของทุกท่านอย่างเต็มที่ เราจะสร้างรากฐาน ที่แข็งแรง ให้กับสังคม เพื่อความมั่นคง ของประเทศ”

ทั้งนี้ พลเอกประวิตรได้ร่วมผัดไส้และชิมขนมกะหรี่ปั๊บ ซึ่งเป็นของฝากชื่อดังชาวสระบุรี นอกจากนี้ยังมีนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 2 คน ของโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม มอบภาพวาดเหมือนด้วยฝีมือตัวเองให้กับพลเอกประวิตร พร้อมกับอวยพรขอให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพราะพวกตนเป็นเอฟซีติดตามผลงานของท่าน ซึ่งพลเอกประวิตร กล่าวว่า วาดดีมาก สวยเหมือนเปี๊ยบเลย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

พปชร.เปิดตารางเวทีปราศรัยใหญ่ 4 ภาค พบกันเชียงใหม่ 12 มี.ค.นี้ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคเหนือทุกเขต

,

พปชร.เปิดตารางเวทีปราศรัยใหญ่ 4 ภาค พบกันเชียงใหม่ 12 มี.ค.นี้ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคเหนือทุกเขต

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐได้เตรียมเดินสายจัดเวทีปราศรัยก่อนการยุบสภา ในพื้นที่ 4 ภาค โดยเริ่มที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 12 มี.ค.นี้

โดยจะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคเหนือทั้งหมด รับผิดชอบโดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่าและนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ , กทม. 18 มี.ค. 66 , จากนั้นจะเป็นเวที จ.สงขลา ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจจะเป็นที่ จ.อุดรธานี หรือขอนแก่น

ส่วนที่ จ.นครราชสีมา ได้วางกำหนดการไว้ 26 มี.ค. 66 ซึ่ง นายวิรัช ระบุว่า ทุกเวทีจะมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมปราศรัยทุกเวทีด้วย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

“รัฐภูมิ”แท็กทีม”บูรฮันธ์”ว่าที่ผู้สมัครพปชร.จ.ปัตตานี รับฟังปัญหาปชช.ดันลดเหลื่อมล้ำการศึกษาในพื้นที่

,

“รัฐภูมิ”แท็กทีม”บูรฮันธ์”ว่าที่ผู้สมัครพปชร.จ.ปัตตานี รับฟังปัญหาปชช.ดันลดเหลื่อมล้ำการศึกษาในพื้นที่

นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษก พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่ปราศรัย กับประชาชนในพื้นที่ อ.ยะรัง อ.มายอ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ร่วมกับ นาย บูรฮันธ์ สะเม๊าะ ว่าที่ผู้สมัคร สส พลังประชารัฐ เขต4 เพื่อรับฟังปัญหาของพื้นที่ ซึ่งมีหลากหลายปัญหา โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้การบรรจุครูเข้าสอนในพื้นที่ขาดแคลน มีโรงเรียนที่เปิดทำการเรียนการสอนได้เพียง 1-2 โรงเรียนต่อจังหวัด ประชาชนแก้ไขเบื้องต้นด้วยการตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยผู้ใหญ่เป็นผู้เข้าทำการเรียนการสอน ให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเรียน การอ่าน และเขียน ซึ่งจะเห็นว่าเยาวชนเสียโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ทั้งที่เยาวชนในพื้นที่ มีศักยภาพด้านภาษา ที่สามารถพูดได้ถึง 3 ภาษา ทั้งไทย มาลายูและอาราบิค จำเป็นต้องเข้าไปส่งเสริมด้านการศึกษาเพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการโดย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมให้การสนับสนุน และส่งเสริมการศึกษาอย่างเต็มที่

นายรัฐภูมิ กล่าวต่อว่า ตนกับท่านบูรฮันธ์จะนำประเด็นปัญหาดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรค เพื่อเป็นหนึ่งในนโยบายการทำงานของพรรค ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการเปิดปราศรัยครั้งนี้ มีประชาชนที่ศรัทธาในตัวนายบูรฮันธ์ เข้ามาร่วมฟังนโยบายของพรรค ที่จะช่วยเหลือ พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ กว่า 5,000 คน ซึ่งยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนในพื้นที่ได้รับการช่วยเหลือจากนายบูรฮันธ์ มาอย่างต่อเนื่อง ในการประสานงานช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างในต่างประเทศในช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 สามารถช่วยเหลือได้ประมาณ 40,000 คน ทำให้เป็นที่รัก และเข้าใจปัญหาของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี

“ยังมีปัญหาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทุกระบบ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิต ของคนในพื้นที่ในการประกอบอาชีพ ความปลอดภัยในพื้นที่ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเสนอต่อพรรค ที่จะนำไปพัฒนาเป็นนโยบาย เพื่อช่วยเหลือ ลดความเหลื่อมล้ำของคนในพื้นที่ได้”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติดแก้ปัญหาน้ำเพื่อปชช. ตามติดโครงการสำคัญ เดินหน้า โครงการฯ รองรับแผนฟื้นฟู”คลองแสนแสบ” บรรเทาน้ำท่วม กทม.ฝั่งตะวันออก

,

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติดแก้ปัญหาน้ำเพื่อปชช. ตามติดโครงการสำคัญ เดินหน้า โครงการฯ รองรับแผนฟื้นฟู”คลองแสนแสบ” บรรเทาน้ำท่วม กทม.ฝั่งตะวันออก

เมื่อ 8 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. กล่าวว่าที่ประชุมได้รับทราบ ความก้าวหน้าการดำเนินโครงการ อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำของลุ่มน้ำคลองวังโตนด เพื่อบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ตอนล่าง และเพื่อพัฒนาส่งเสริมเกษตรกรรม ด้านผลไม้ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของ จ.จันทบุรี มีระยะเวลาโครงการ 6 ปี (ปี68-73) งบประมาณ 6,400 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ จากกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กรมชลประทาน ให้เร่งรัดดำเนินโครงการตามมติทึ่ประชุมโดยเร็ว เพื่อเตรียมรองรับความต้องการใช้น้ำของประชาชน ,เกษตรกร และพื้นที่EEC ให้เพียงพอในอนาคต ต่อไป

จากนั้น คณะอนุกรรมการฯได้เห็นชอบ การปรับปรุงเป้าหมายโครงการสำคัญด้านทรัพยากรน้ำปี66-70 โดยกำหนดนิยาม”โครงการสำคัญ” คือโครงการที่แก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี ที่มีผลสัมฤทธิ์ อย่างมีนัยยะสำคัญ หรือเกิดผลประโยชน์ในวงกว้าง และผ่านการเห็นชอบของ กนช. โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนงานโครงการตามนิยามและประเภทโครงการสำคัญที่กำหนดเพื่อเสนอเป็นโครงการสำคัญ ผ่านระบบ Thai Water Plan ตามขั้นตอน จากนั้นที่ประชุมยังได้อนุมัติหลักการ และทบทวนให้มีความเหมาะสม ในโครงการปรับปรุงคลองบางขนาก จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แผนหลักการพัฒนาฟื้นฟูสภาพแวดล้อม คลองแสนแสบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก เพื่อช่วยระบายน้ำเสีย รักษาคุณภาพน้ำ และให้คลองแสนแสบกลับมามีระบบนิเวศ อยู่ในเกณฑ์ดี อีกครั้งหนึ่ง

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช. ,กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องให้ความสำคัญเร่งด่วนต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องน้ำ ของประชาชนทั้งระยะเร่งด่วน และระยะยาว อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมีการจัดลำดับความเร่งด่วนของโครงการอย่างเหมาะสม สอดรับตามแผนแม่บท 20 ปี ที่มีการปรับปรุงเป้าหมายใหม่แล้วด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

ศ.ดร.นฤมลรวมคนพปชร. ”พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” วันสตรีสากล

,

ศ.ดร.นฤมลรวมคนพปชร. ”พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” วันสตรีสากล

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ความสำคัญการลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำ ทางสังคมให้กับกลุ่มสตรี และเยาวชน ได้รับสิทธิเท่าเทียมในทุกมิติ เท่ากับเพศชาย ที่นำมาสู่การระดมความคิดเห็นของกลุ่มสตรีพรรคพลังประชารัฐ ในกลุ่ม “พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” โดยมีนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านสิทธิสตรี และว่าที่ผู้สมัครพปชร. ประกอบด้วย น.ส.ชญาภา ปรีภาพาก นางนฤมล รัตนาภิบาล นายกานต์ กิตติอำพน น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง นายศันสนะ สุริยะโยธิน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และ ดร.ภญ. สุชาดา เวสารัชตระกูล มาร่วมระดมความคิดเห็นครั้งนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลพิจารณาข้อเสนอของเครือข่ายองค์กรสตรี

“ การเพิ่มพื้นที่และโอกาสการทำงานของผู้หญิง ความเท่าเทียมทางเพศทุกช่วงวัย ทุกสาขาอาชีพ และทุกศาสนา รวมถึงสิทธิและสวัสดิการที่ผู้หญิงควรจะได้รับ มีความสำคัญต่อเป้าหมายการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งพปชร.เรามีคนรุ่นใหม่ และผู้มีประสบการณ์ที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แสวงหาแนวทางในการดูแลคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย พปชร.เปิดกว้างรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายสู่การผลักดันโยบายด้านสตรีให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเท่าเทียม ” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ทั้งนี้ นอกเหนือจากข้อเสนอของเครือข่ายองค์กรสตรี กลุ่ม “พลังประชารัฐ เพิ่มพลังหญิงไทย” ได้มีการนำเสนอแนวทางเพิ่มเติมให้ครอบคลุมการดูแลสตรี และเยาวชนให้มากยิ่งขึ้น อาทิเช่น การจัดสวัสดิการเพื่อการดูแลคุณภาพชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว และยกระดับศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในชุมชน เป็นต้น

นอกจากนี้ น.ส. ชญาภา เสนอให้มีมาตรการแก้ไขปัญหาความรุนแรงทุกรูปแบบทุกพื้นที่ น.ส.ณิรินทร์ เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์สุขภาพจิตในชุมชนเพื่อคนทุกช่วงวัย ดร.ภญ.สุชาดา เสนอให้มีแนวทางเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสิทธิการรักษาและป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม

ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นจากการเก็บข้อมูลของว่าที่ผู้สมัคร พปชร. ที่ได้ลงพื้นที่จริง และพบปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ดังนั้นจำเป็นต้องเร่งการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน เพื่อให้สอดรับกับบริบทการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566