โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: ธันวาคม 2022

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่3 จ.ภาคใต้หนุนพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ย้ำเดินหน้าสร้างสันติสุขเพื่อสร้างความมั่นคง กินดีอยู่ดี ให้ประชาชน

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่3 จ.ภาคใต้หนุนพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ย้ำเดินหน้าสร้างสันติสุขเพื่อสร้างความมั่นคง กินดีอยู่ดี ให้ประชาชน

วันนี้ 19 ธันวาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ได้เดินทางลงภาคใต้ เพื่อตรวจติดตามราชการในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.ภูเก็ต โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ ที่ สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนเดินทางต่อไปยัง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีๆ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อติดความคืบหน้าการขับเคลื่อน เมืองปูทะเลโลก”ตามมติของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.)

ทั้งนี้ ได้ติดความคืบหน้าการขับเคลื่อน” เมืองปูทะเลโลก”ตามมติของ กพต. โดยได้ทำพิธีเปิดโรงเพาะเลี้ยงปูบริเวณคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พร้อมทั้งได้ชมนิทรรศการการขับเคลื่อน Soft Power ด้านอาหาร ร่วมกับเชฟชุมพล ภายใต้แนวคิด “มหานครแห่งอาหารและบริการฮาลาล สู่ตลาดโลก

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนา จ.ชายแดนภาคใต้ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการตามการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ( เป็นการส่วนพระองค์ ) กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในการส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ และรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การพัฒนาทักษะแรงงาน และการสอนภาษานานาชาติ การขับเคลื่อนโครงการแก้ปัญหาความยากจน ตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือน โดยปัจจุบันได้มีการขยายการช่วยเหลือเพิ่ม 1,200 ครอบครัวในปี 2566 โครงการเมืองปศุสัตว์ตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล ซึ่งมีเกษตรกรนำร่อง 5 จว. 171 กลุ่ม ความก้าวหน้าการจัดทำแผนพัฒนา จ.นราธิวาสและปัตตานี

ขณะเดียวกันได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบในหลักการโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากระดับชุมชนหมู่บ้าน ปี 66-70 รวมทั้ง โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้นำทุกศาสนาในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี2566- 2570 และ (ร่าง) แผนส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2566- 2570 ซึ่งมีองค์กรกว่า 200 องค์กรเข้าร่วมโครงการ เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร’ แสดงความพอใจที่โครงการต่างๆที่มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องพร้อมกำชับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแก้ปัญหาแบบมีส่วนร่วมไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะระดับพื้นที่หมู่บ้าน มีกำนันผู้ใหญ่เป็นแกนกลาง เน้นการมีส่วนร่วมของผู้นำทุกศาสนาและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยต้องเพิ่มศักยภาพภาคประชาสังคมและดึงทุกภาคส่วนเข้ามาร่วม ทั้งการร่วมคิด ร่วมทำและรับประโยชน์ไปด้วยกันอย่างทั่วถึง เป็นนโยบายหลักรัฐบาลในการสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนและให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ และต้องรับฟังปัญหาและความต้องการจากภาคประชาสังคมอย่างรอบด้านไปพร้อมๆกัน สำหรับแผนงานโครงการที่เห็นชอบร่วมกัน ขอให้เร่งขับเคลื่อนการบริหารจัดการให้เป็นไปตามแผนงาน โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน ใช้งบประมาณอย่างเต็มประสิทธิภาพ และโปร่งใส

พล.อ.ประวิตร ได้พบปะกับประชาชน โดยเฉพาะผู้นำชุมชนกว่า 300 คน พร้อมระบุว่าจากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ เพื่อมารับฟังปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชน สิ่งที่สำคัญที่สุดในเป้าหมายของรัฐ ให้พื้นที่จ.ชายแดนภาคใต้ มีสันติสุข ซึ่งทุกฝ่ายเห็นในทิศทางเดียวกัน ย้ำให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อใจและร่วมมือกัน โดยต้องมีการพูดคุยนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ไม่มีการแบ่งแยก ทุกคนจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ซึ่งประชาชนในพื้นที่ 3 จ. ภาคใต้ มีถึง 2ล้านคน หากพื้นที่ดังกล่าวมีความสันติสุข มั่นใจว่าจะส่งเสริมให้เกิดการเข้ามาในพื้นที่ได้มากขึ้น จะเห็นได้ว่า ประเทศไทย ในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด 19 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ถึง 30 ล้านคน ซึ่งต่างประเทศ มองว่าไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ หากเกิดสันติสุขในพื้นที่ดังกล่าว ก็จะส่งผลดีต่อไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้นอีก เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นหากมีการส่งตัวแทนเข้ามาพูดคุย รัฐบาลก็พร้อมจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหา และเกิดสันติสุขในพื้นที่ได้อย่างมั่นคง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ธันวาคม 2565

“ผู้กองมาร์ค” ซบอก”พปชร.”เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง นโยบายตอบโจทย์ลด เหลื่อมล้ำปชช.-แก้ไขสิ่งแวดล้อม

,

“ผู้กองมาร์ค” ซบอก”พปชร.”เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง นโยบายตอบโจทย์ลด เหลื่อมล้ำปชช.-แก้ไขสิ่งแวดล้อม

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร เขต 7 บางซื่อ-ดุสิต พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้ตัดสินใจลาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่ผ่านมาได้รับคำเชิญจากผู้ใหญ่ในพรรคพปชร.และได้ศึกษานโยบายและแนวทางในการทำงานของพรรคซึ่งเห็นว่าตอบโจทย์แนวทางในการทำงานที่เหมือนกันและพร้อมพิสูจน์ว่าเป็นพรรคที่ตั้งใจทำงานให้กับประชาชนอย่างแท้จริง โดยทางพรรคมีการพัฒนาการและปรับตัวเองให้เข้าได้กับคนทุกรุ่น เน้นเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

“ ผมยืนยันว่าไม่เคยคิดจะเผาบ้านเก่า เพราะทุกการตัดสินใจทางการเมืองขึ้นอยู่กับอุดมการณ์ทางความคิดของสมาชิกและพรรคที่มีนโยบายแนวทางในการทำงานที่ตรงกันว่าอะไรดีที่สุดสำหรับประเทศ ซึ่งในส่วนของการย้ายพรรคก่อนเลือกตั้งใหม่นั้นเป็นเรื่องปกติของนักการเมืองที่ต้องหาบ้านที่เหมาะสม เพื่อที่จะทำงานให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด ประชาชนก็มีโอกาสได้พิจารณาใหม่ มีสิทธิเลือกผู้แทนที่สามารถทำงานให้กับพวกเค้าได้ตรงตามระบอบของประชาธิปไตย”ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าว
ทั้งนี้แม้ว่าหลายคนมีคำถามว่ามาสังกัดพรรคพลังประชารัฐแล้วจะทำอะไร ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของตนคือจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดิม บางซื่อ-ดุสิต เพราะผลการเลือกตั้งในปี 2562 นั้นตนแพ้คะแนนไปเพียงหลักร้อย และตลอดเวลาที่ผ่านมายังได้ลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยมีเสียงตอบรับที่ดีมาก และผลจากการสำรวจในการทำโพลทุกครั้ง ก็ชนะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตมาโดยตลอด และจากการที่ตนได้เสนอนโยบายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับทางพปชร. ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมถนัด และทำผลงานด้านนี้มาตลอดทั้งชีวิต โดยได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลกมามากมายหลายครั้ง ก็ได้รับการสนับสนุนจากทางพรรค
อย่างไรก็ตามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะเน้นย้ำว่าไม่ใช่เพียงแค่ผมคนเดียวที่จะทำ แต่จะเป็นสมาชิกของพรรคที่จะร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืนและถาวร ซึ่งตนเชื่อว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกครั้งและได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้าจะสามารถ “ทำน้ำให้สะอาด คืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับคนไทยได้อย่างแน่นอน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ธันวาคม 2565

“รมช.อธิรัฐ” ติดตามการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำในฤดูแล้ง พร้อมรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ภาคเหนือ

,

“รมช.อธิรัฐ” ติดตามการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำในฤดูแล้ง พร้อมรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ภาคเหนือ

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี นายภูเมศ สุขม่วง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 นายพงษ์ธร ชำนิกูล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ นายชัยโรจน์ คงบรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ ณ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 จ.เชียงใหม่

นายอธิรัฐ กล่าวว่า กรมเจ้าท่า ได้ดำเนินการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำในฤดูแล้ง พร้อมรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี และนครสวรรค์ แม่น้ำหลัก 13 สายที่สำคัญ คือ แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม แม่น้ำน่าน แม่น้ำกก แม่น้ำอิง แม่น้ำโขง แม่น้ำยวม แม่น้ำปาย แม่น้ำเมย แม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสาละวิน สรุปผลการดำเนินการดังนี้

  • ปี 64 : ขุดลอกแล้ว จำนวน 63 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุด 1,565,686.34 ลบ.ม.
  • ปี 65 : ขุดลอกแล้ว 124 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุด 3,610,859.92 ลบ.ม.
  • ปี 66 ดำเนินการขุดลอก 18 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุด 900,000 ลบ.ม.
  • ขุดลอกต่างตอบแทน ปี 65 : ปริมาณวัสดุที่ได้จากการขุดลอกรวม 1,713,561.18 ลบ.ม. สามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้ถึง 68,542,447.2 บาท

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการวิจัยเพื่อออกแบบระบบป้องกันตลิ่งพังโดยประยุกต์ใช้พืชพรรณเพื่อรักษาระบบน้ำอย่างยั่งยืน โดยสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 ร่วมกับ ภาควิชาครุศาสตร์โยธา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ดำเนินการบริเวณแม่น้ำแม่แตง ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการวิจัย หากโครงการฯ แล้วเสร็จ จะสามารถใช้เป็นแนวทางและรูปแบบมาตรฐานเบื้องต้นในการขุดลอกรักษาร่องน้ำ ป้องกันการกัดเซาะพังทลายของตลิ่งโดยใช้พืชพรรณที่เหมาะสมสอดคล้องกับพื้นที่ รักษาระบบทางน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อให้กรมเจ้าท่าหรือหน่วยงานราชการใช้ในการปฏิบัติตามภารกิจได้ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ธันวาคม 2565

‘พล.ประวิตร’สนับสนุน’ซอฟต์ เพาเวอร์’นำมวยไทย เผยแพร่สู่ต่างแดน

,

‘พล.ประวิตร’สนับสนุน’ซอฟต์ เพาเวอร์’นำมวยไทย เผยแพร่สู่ต่างแดน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนฯ และประธานกรรมการคณะกรรมการ กกท.สนับสนุนให้มีการนำ “มวยไทย” ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติที่เป็น “ซอฟต์ เพาเวอร์” ของประเทศไทยไปเผยแพร่ในต่างแดน

โดย ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนกีฬา ( NSDF) เปิดเผยถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า ต้องขอขอบคุณการสนับสนุน จากพล.อ.ประวิตร ที่ทำให้งานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว World Travel Market 2022 (WTM) ที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าเอ็กเซล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้มีการนำ บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง ร่วมแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย และได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก และยังได้เข้าถึงสำนักงานกีฬามวยไทยที่อยู่ใต้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) อีกด้วย ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่นานาชาติให้รับรู้ และเข้าใจ เรื่องมาตรฐานมวยไทยที่ถูกต้องตรงภายใต้สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ หรือ IFMA

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2565

พล.อ.ประวิตร นำทีมคณะผู้บริหาร-ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

,

พล.อ.ประวิตร นำทีมคณะผู้บริหาร-ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
ลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ – เมื่อเวลา 14.30 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

พลเอกประวิตร กล่าวว่า ในวันนี้ได้ตนได้นำคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมถวายพระพร และถวายกำลังใจ แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พร้อมขอให้ประชาชนคนไทย ร่วมกันสวดมนต์ เพื่อถวายพระพร แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เพื่อให้พระองค์ทรงพระพลานามัยแข็งแรง และทรงหายจากพระอาการประชวรสมบูรณ์โดยเร็ววัน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 ธันวาคม 2565

พล.อ.ประวิตร เคาะโครงการแก้ปัญหาน้ำตามแผนจัดการน้ำ 20ปี เตรียมชงคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณา 29 ธ.ค.นี้

,

พล.อ.ประวิตร เคาะโครงการแก้ปัญหาน้ำตามแผนจัดการน้ำ 20ปี
เตรียมชงคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณา 29 ธ.ค.นี้

วันนี้ (15 ธ.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อห้าจังหวัด โดยที่ประชุมรับทราบผลการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำที่สำคัญ ปี 65 และการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ( 61-65 ) รวมถึงความก้าวหน้าโครงการแก้มลิงทุ่งหิน จ.สมุทรสงคราม

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ความเห็นชอบ โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ตั้งแต่ จ.พระนครศรีอยุธยา – สมุทรปราการ และฝั่งตะวันตก ตั้งแต่ จ.พระนครศรีอยุธยา – สมุทรสาคร เพื่อระบายน้ำเหนือ – ใต้ ออกสู่ทะเลทั้งสองฝั่ง โดยปรับปรุงโครงข่ายชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำนำไปใช้ประโยชน์ และสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยลดพื้นที่น้ำท่วม

รวมทั้งโครงการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของ กทม. ด้วยการปรับปรุงสถานนีสูบน้ำพระโขนง การก่อสร้างเขื่อนคลองหนองบอน เขื่อนคลองมะขามเทศ ลดผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. พร้อมทั้งเห็นชอบการขยายระยะเวลาและกรอบวงเงิน โครงการคลองระบายน้ำหลาก บางบาล – บางไทร และโครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค สาขาพังงา – ภูเก็ต เพื่อเพิ่มศักยภาพระบบประปา รองรับการขยายตัวของชุมชนเมือง

อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำปี 67 จำนวน 63,589 รายการ วงเงิน 337,736 ล้านบาท โดยให้ความเร่งด่วน 26,421 โครงการ วงเงิน 184,530 ล้านบาท ในพื้นที่ทั่วประเทศ ในด้านต่างๆ ประกอบด้วย การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย การอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ และด้านบริหารจัดการ ซึ่งผลสัมฤทธิ์ สามารถเพิ่มความจุเก็บกักน้ำกว่า 1,400 ล้าน ลบ.ม.พื้นที่รับประโยชน์ 6.23 ล้านไร่ ประชาชนได้ประโยชน์ 5.64 ล้านครอบครัว และพื้นที่ได้รับการป้องกัน 5.37 ล้านไร่ เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 29 ธ.ค. นี้ต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าได้มอบหมายให้กรมชลประทานและหน่วยเกี่ยวข้อง เพิ่มน้ำหนักการพิจารณาปัจจัยเสี่ยงของโครงการให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อมิให้มีปัญหาการขยายระยะเวลาและกรอบวงเงิน พร้อมทั้งขอให้คณะกรรมการร่วมกันพิจารณากลั่นกรองโครงการอย่างรอบคอบ โดยหลายโครงการมีความสำคัญต่อการลดปัญหาการขาดแคลนน้ำและอุทกภัยอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่บ้าง จึงขอให้พิจารณาดำเนินการให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“ส.ส.รงค์” วอนปรับสีผังเมืองถนนทางหลวงจ.นครศรีธรรมราช จากเขียวเป็นเหลือง เพื่อองค์กรปกครองท้องถิ่นมีส่วนรับภาษี

,

“ส.ส.รงค์” วอนปรับสีผังเมืองถนนทางหลวงจ.นครศรีธรรมราช
จากเขียวเป็นเหลือง เพื่อองค์กรปกครองท้องถิ่นมีส่วนรับภาษี

นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงกรณี การเปลี่ยนสีผังเมืองจากสีเขียวเป็นสีเหลืองว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่บริเวณหลายตำบล ระยะทางกว่า 32 กม.ซึ่งเป็นถนนทางหลวงแผ่นดิน ที่มีสภาพถาวรดีมาก โดยประชาชนต้องการให้เปลี่ยนสีผังเมืองจากสีเขียวเป็นสีเหลือง เพื่อที่จะได้ใช้พื้นที่ให้สมกับพื้นที่ๆ มีความเจริญอย่างมาก ซึ่งจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับภาษีจากการโอน จากการซื้อขาย หรือนิติกรรมอื่น ๆ

นอกจากนี้ ตนยังได้รับการร้องเรียนให้สร้างสะพานใหม่ ทดแทนสะพานเก่าที่ตำบาลชัยมนตรี อำเภอเมือง จ.นครศรีธรรมราช เพราะสะพานบริเวณวัดหนองบัวแคบมาก ไม่สามารถสวนกันได้ ที่สำคัญถูกสร้างมามากกว่า 40 ปี วันนี้ชำรุดอย่างหนัก จึงอยากให้กรมทางหลวงชนบทเข้าไปดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ตั้งงบประมาณก่อสร้างให้ประชาชนด้วย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #รงค์บุญสวยขวัญ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“ส.ส.ภูเก็ต” วอนมท.ทบทวนเก็บภาษีที่ดินสปก. หลังพบประชาชนจ่ายภาษีมากกว่าภาษีที่ดินประเภทอื่น

,

“ส.ส.ภูเก็ต” วอนมท.ทบทวนเก็บภาษีที่ดินสปก.
หลังพบประชาชนจ่ายภาษีมากกว่าภาษีที่ดินประเภทอื่น

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงกรณี การจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ซึ่งการจัดเก็บภาษีลักษณะนี้ส่งผลให้ผู้ประกอบการและเจ้าของที่ดินมีภาระเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ได้มีประชาชนร้องเรียนเรื่องนี้เพื่อส่งต่อไปยังกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาปรับปรุงในประเด็นที่สามารถดำเนินการได้อยู่ 2-3 ประเด็น คือ
1.เจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นที่มีหน้าที่ตรวจสอบขาดทั้งจำนวนและประสบการณ์
2.วิธีการประเมินและสำรวจยังไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่
3. การกำหนดราคาประเมินที่ดินที่ไม่เป็นธรรม และไม่สอดคล้องต่อเจตนารมย์ของกฎหมาย

นายนัทธี กล่าวว่า ที่ดินของ สปก.ที่ระบุให้ใช้เพื่อการเกษตรเท่านั้น ราคาประเมินที่ดินก็ควรที่จะเท่ากันทั่วประเทศ เพราะข้อจำกัดในการใช้งานเหมือนกัน แต่การจัดเก็บในปัจจุบันไม่ได้แยกประเภทให้ อย่างเช่น สปก.ที่อยู่เมืองท่องเที่ยว หรือโซนธุรกิจ ก็ต้องจ่ายภาษีแพงกว่า กระทรวงมหาดไทยต้องคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ สปก.ด้วย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #นัทธีถิ่นสาคู
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“รองหน.วิรัช” ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.แม่นกติกาเลือกตั้ง เสริมศักยภาพเลือดใหม่ลุยทำงานในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน

,

“รองหน.วิรัช” ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.แม่นกติกาเลือกตั้ง เสริมศักยภาพเลือดใหม่ลุยทำงานในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน

วันที่ 15 ธันวาคม 3565 เวลา 10.30 น.นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคได้จัดอบรมว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐรุ่นที่ 1 ในด้านการเตรียมตัว การวางแผนการเลือกตั้ง กลยุทธ์การต่อสู้ การเลือกตั้ง และเน้นย้ำกฎหมายสำคัญ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเป็นการอบรมภายในของพรรค ได้เชิญนายนิพิฎธิ์ อินทรสมบัติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมบรรยาย ถ่ายทอดประสบการณ์การทำพื้นที่ เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัครดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และนำไปปรับใช้ในการลงพื้นที่ เพื่อการแข่งขันการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปี 2566 โดยการอบรมรุ่นที่ 1 มีว่าที่ผู้สมัครกว่า 30 การอบรมจะแบ่งเป็นชุด โดยจะมีชุดละ 30 คน

สาระสำคัญของการอบรมครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองของการทำพื้นที่ของว่าที่ผู้สมัคร ที่ต้องมีใจเกินร้อย เพื่อเป็นความหวังของของคนในพื้นที่ ที่จะนำนโยบายของพรรคไปนำเสนอ พร้อมสานต่อนโยบายให้สอดรับกับความต้องการของคนในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำเรื่องการหาเสียงต้องศึกษาข้อกฎหมายที่ชัดเจน ให้เป็นไปตามกติกา ไม่ให้ทำในสิ่งที่สุ่มเสี่ยงต่อการร้องเรียนของคู่แข่ง เพราะเป็นกลยุทธ์ของการแข่งขันในพื้นที่ ดังนั้นทุกคนต้องเตรียมความพร้อม และหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ โดยการทำตัวเองให้ปลอดจากเงื่อนไข ของกฎหมาย และสร้างความมั่นใจในการลงพื้นที่ เพื่อเสนอตัวเองเป็นตัวแทนของประชาชน อย่างไรก็ตามห้ามประมาท โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อาจยังมีช่องว่าง ในเรื่องของความมั่นใจเกินไป อาจจะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้

ในการอบรมครั้งนี้ ได้ให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคน แนะนำตัว แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากทำพื้นที่ ที่มีความแตกต่างของบริบททางสังคม ได้นำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมประสบการณ์ให้ว่าที่ผู้สมัครมีมุมมองและวางกลยุทธ์ในการทำพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการสานความสัมพันธ์ของผู้สมัครให้มีความรักและเป็นหนึ่งเดียว

ส่วนการแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้ง ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ในการแบ่งพื้นที่เขต แต่พรรคมีความพร้อม เรามีว่าที่ผู้สมัครแล้ว 75% และยังมีบางพื้นที่ที่ทับซ้อนกันพรรคก็ดำเนินการทำโพล ซึ่งขณะนี้ จากการติดตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ เช่นใน จ.ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ ใน 2 จังหวัด คะแนนเสียงพรรคยังไม่ดีพอ และอาจทำให้การทำพื้นที่ของว่าผู้ที่สมัครมีความยากลำบาก แต่เมื่อสัมผัสพื้นที่จริง กลับมองเห็นโอกาสที่พรรคจะได้รับชัยชนะ มั่นใจว่าพรรคมีหวังได้หลายเขตซึ่งหลักใหญ่ของพรรค ก็คือให้พื้นที่กับคนเก่า 95% ในส่วนที่เหลือต้องมีการพิจารณาต่อไป เพราะบางท่านเป็น ส.ส.เขต แต่วันนี้ขอขึ้นเป็นบัญชีรายชื่อ ก็ต้องดูแลและวางระบบการบริหารให้สอดคล้องในการส่งว่าที่ผู้สมัครลงสนามเลือกตั้ง ขณะนี้พรรค วางตัวผู้สมัครได้ แล้ว 75% แต่มีบางพื้นที่มีความทับซ้อนของตัวผู้สมัคร ต้องตัดสินด้วยทำโพล โดยเฟ้นหาส.ส.ใหม่ที่มีศักยภาพ เข้ามาทำหน้าที่ เพราะประสบการณ์การเลือกตั้งที่ผ่านมา ส.ส.เก่า จะเข้าสู่สภาได้ 65% อีก 35% เป็น ส.ส.ใหม่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ลุยกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด แก้ปัญหาน้ำ-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน ป้องกันที่ดินหลุดจำนองมือิเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำสร้างอาชีพมั่นคง

,

“พล.อ.ประวิตร”ลุยกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด แก้ปัญหาน้ำ-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน
ป้องกันที่ดินหลุดจำนองมือิเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำสร้างอาชีพมั่นคง

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 ที่ศ่ลากลางจ.กาฬสินธุ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คมนาคม และคณะ ลงพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและการฟื้นฟูแหล่งน้ำ และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ มีตัวแทนหน่วยงานเกี่ยวข้องรอต้อนรับ

โดยรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวม พบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำต้นทุนการเกษตร การบริโภคจากการขยายตัวของชุมชนเมือง โดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน ซึ่งในปี 61-64 มีแผนงานพัฒนาพื้นที่แล้ว 1,152 โครงการ วงเงินกว่า 3,100 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 107,582 ไร่ ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 48,000 ครอบครัว และอยู่ระหว่างดำเนินการ 165 โครงการ โดยงบกลางกว่า 280 ล้าน ทั้งการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ระบบกระจายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม สำหรับปี 66-67 มี 3 โครงการ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 912 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อีก 3,100 ครอบครัว พื้นที่กว่า 5,800 ไร่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอย้ำให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง โดยเร่งพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่ให้เสร็จทันตามกำหนด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และให้ลงไปดูแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ป้องกันการเสียสิทธิ์ในที่ดินทำกินจากการจำนองและขายฝากของเกษตรกร อย่าให้หลุดมือเกษตรกร และเร่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ โดยให้บูรณาการความร่วมมือภาคีการพัฒนาต่างๆ และบริหารจัดการข้อมูลแบบชี้เป้าให้เป็นผล ทั้งนี้ให้กระจายรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน เพื่อบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมไปด้วยกัน

จากนั้นพล.อ.ประวิตร มอบหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินของรัฐเป็นการชั่วคราว ตามนโยบายแก้ปัญหาความยากจนและพบปะประชาชน ในพื้นที่หนองผัวเมียสาธารณประโยชน์ ต.ดอนสมบูรณ์ และแปลงโสกหมูสาธารณประโยชน์ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด โดยกล่าวขอบคุณทางจ.กาฬสินธุ์ ที่แก้ปัญหาการบริหารจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์อย่างถูกต้องใน 7 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 2,938 แปลง เพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกับพบปะเยี่ยมเยียนและรับทราบปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร จะเดินทางพบปะประชาชน และติดตามการแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2565

“กรุงศรีวิไล” ขอหน่วยงาน เร่งซ่อม “สะพานข้ามถนนสุขุมวิท-สะพานไม้” เพิ่มความสะดวกการสัญจรให้ประชาชน ลดอันตราย

,

“กรุงศรีวิไล” ขอหน่วยงาน เร่งซ่อม “สะพานข้ามถนนสุขุมวิท-สะพานไม้”
เพิ่มความสะดวกการสัญจรให้ประชาชน ลดอันตราย

นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงความเดือดร้อนของประชาชน จากการที่สะพานข้ามถนนสุขุมวิท ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการของกรมทางหลวง ถนนสายนี้เป็นเส้นยุทธศาสตร์ในการคมนาคม แต่ปรากฏว่าสะพานเส้นนี้เกิดการชำรุด ทรุดโทรมบ่อยครั้ง เมื่อได้ทำการซ่อมแซมแล้วแต่ก็ยังชำรุดอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยตนได้ทราบมาว่ามีงบประมาณในการซ่อมแซมอยู่แล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุง ซ่อมแซมให้ได้มาตรฐานอย่างเร่วด่วน

นอกจากนี้ยังมีปัญหาในบริเวณสะพานไม้เลียบมอเตอร์เวย์ อำเภอบางบ่อ ที่มีการชำรุด จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการปรับปรุงแก้ไข เพื่อการสัญจรของประชาชน และการคมนาคมที่สะดวกสบาย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #กรุงศรีวิไลสุทินเผือก
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2565

“ทวิรัฐ” วอนรัฐบาล เพิ่มเงินให้ “อสม.-กลุ่มเปราะบาง-อปพร.” เพื่อสร้างขวัญ-กำลังใจในการทำหน้าที่ดูแลปชช.เข้มแข็ง

,

“ทวิรัฐ” วอนรัฐบาล เพิ่มเงินให้ “อสม.-กลุ่มเปราะบาง-อปพร.”
เพื่อสร้างขวัญ-กำลังใจในการทำหน้าที่ดูแลปชช.เข้มแข็ง

นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาว่า ในช่วงที่ผ่านมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้เหล่อาสาสมัคร หรือ อสม.ต้องทำหน้าที่อย่างหนัก เป็นด่านหน้าในการตรวจคัดกรอง ป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชน จนทำให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นของโลกในการจัดการบริหารโควิดที่มีประสิทธิภาพ โดยหน้าที่ อสม.ที่ได้รับมอบหมายต้องดูแลประชาชนที่เจ็บป่วยจำนวนมากมาตลอด

“ผมเสนอให้รัฐบาลปรับเพิ่มเงินค่าป่วยการของพี่น้อง อสม.เป็น 3,000 บาทตลอดชีพ รวมถึงกลุ่มผู้เปราะบาง อย่าง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 6 ปี ก็อยากให้มีการปรับเงินสวัสดิการให้สองคล้องกับภาวะปัจจุบัน เป็น 1,500 บาทต่อเดือน”

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนอย่าง อปพร. อสตร. อกม. เป็นกลุ่มที่ทำงานหนัก ขอพิจารณาให้รัฐบาลมอบเงินเดือนๆ ละ 1,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่ต่อไป

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ทวิรัฐรัตนเศรษฐ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2565