โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ผู้เขียน: pprpadmin

“ส.ส.รงค์” วอนปรับสีผังเมืองถนนทางหลวงจ.นครศรีธรรมราช จากเขียวเป็นเหลือง เพื่อองค์กรปกครองท้องถิ่นมีส่วนรับภาษี

,

“ส.ส.รงค์” วอนปรับสีผังเมืองถนนทางหลวงจ.นครศรีธรรมราช
จากเขียวเป็นเหลือง เพื่อองค์กรปกครองท้องถิ่นมีส่วนรับภาษี

นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงกรณี การเปลี่ยนสีผังเมืองจากสีเขียวเป็นสีเหลืองว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่บริเวณหลายตำบล ระยะทางกว่า 32 กม.ซึ่งเป็นถนนทางหลวงแผ่นดิน ที่มีสภาพถาวรดีมาก โดยประชาชนต้องการให้เปลี่ยนสีผังเมืองจากสีเขียวเป็นสีเหลือง เพื่อที่จะได้ใช้พื้นที่ให้สมกับพื้นที่ๆ มีความเจริญอย่างมาก ซึ่งจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับภาษีจากการโอน จากการซื้อขาย หรือนิติกรรมอื่น ๆ

นอกจากนี้ ตนยังได้รับการร้องเรียนให้สร้างสะพานใหม่ ทดแทนสะพานเก่าที่ตำบาลชัยมนตรี อำเภอเมือง จ.นครศรีธรรมราช เพราะสะพานบริเวณวัดหนองบัวแคบมาก ไม่สามารถสวนกันได้ ที่สำคัญถูกสร้างมามากกว่า 40 ปี วันนี้ชำรุดอย่างหนัก จึงอยากให้กรมทางหลวงชนบทเข้าไปดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ตั้งงบประมาณก่อสร้างให้ประชาชนด้วย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #รงค์บุญสวยขวัญ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“ส.ส.ภูเก็ต” วอนมท.ทบทวนเก็บภาษีที่ดินสปก. หลังพบประชาชนจ่ายภาษีมากกว่าภาษีที่ดินประเภทอื่น

,

“ส.ส.ภูเก็ต” วอนมท.ทบทวนเก็บภาษีที่ดินสปก.
หลังพบประชาชนจ่ายภาษีมากกว่าภาษีที่ดินประเภทอื่น

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงกรณี การจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ซึ่งการจัดเก็บภาษีลักษณะนี้ส่งผลให้ผู้ประกอบการและเจ้าของที่ดินมีภาระเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ได้มีประชาชนร้องเรียนเรื่องนี้เพื่อส่งต่อไปยังกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาปรับปรุงในประเด็นที่สามารถดำเนินการได้อยู่ 2-3 ประเด็น คือ
1.เจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นที่มีหน้าที่ตรวจสอบขาดทั้งจำนวนและประสบการณ์
2.วิธีการประเมินและสำรวจยังไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่
3. การกำหนดราคาประเมินที่ดินที่ไม่เป็นธรรม และไม่สอดคล้องต่อเจตนารมย์ของกฎหมาย

นายนัทธี กล่าวว่า ที่ดินของ สปก.ที่ระบุให้ใช้เพื่อการเกษตรเท่านั้น ราคาประเมินที่ดินก็ควรที่จะเท่ากันทั่วประเทศ เพราะข้อจำกัดในการใช้งานเหมือนกัน แต่การจัดเก็บในปัจจุบันไม่ได้แยกประเภทให้ อย่างเช่น สปก.ที่อยู่เมืองท่องเที่ยว หรือโซนธุรกิจ ก็ต้องจ่ายภาษีแพงกว่า กระทรวงมหาดไทยต้องคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ สปก.ด้วย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #นัทธีถิ่นสาคู
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“รองหน.วิรัช” ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.แม่นกติกาเลือกตั้ง เสริมศักยภาพเลือดใหม่ลุยทำงานในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน

,

“รองหน.วิรัช” ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.แม่นกติกาเลือกตั้ง เสริมศักยภาพเลือดใหม่ลุยทำงานในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน

วันที่ 15 ธันวาคม 3565 เวลา 10.30 น.นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคได้จัดอบรมว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐรุ่นที่ 1 ในด้านการเตรียมตัว การวางแผนการเลือกตั้ง กลยุทธ์การต่อสู้ การเลือกตั้ง และเน้นย้ำกฎหมายสำคัญ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเป็นการอบรมภายในของพรรค ได้เชิญนายนิพิฎธิ์ อินทรสมบัติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมบรรยาย ถ่ายทอดประสบการณ์การทำพื้นที่ เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัครดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และนำไปปรับใช้ในการลงพื้นที่ เพื่อการแข่งขันการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปี 2566 โดยการอบรมรุ่นที่ 1 มีว่าที่ผู้สมัครกว่า 30 การอบรมจะแบ่งเป็นชุด โดยจะมีชุดละ 30 คน

สาระสำคัญของการอบรมครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองของการทำพื้นที่ของว่าที่ผู้สมัคร ที่ต้องมีใจเกินร้อย เพื่อเป็นความหวังของของคนในพื้นที่ ที่จะนำนโยบายของพรรคไปนำเสนอ พร้อมสานต่อนโยบายให้สอดรับกับความต้องการของคนในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำเรื่องการหาเสียงต้องศึกษาข้อกฎหมายที่ชัดเจน ให้เป็นไปตามกติกา ไม่ให้ทำในสิ่งที่สุ่มเสี่ยงต่อการร้องเรียนของคู่แข่ง เพราะเป็นกลยุทธ์ของการแข่งขันในพื้นที่ ดังนั้นทุกคนต้องเตรียมความพร้อม และหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ โดยการทำตัวเองให้ปลอดจากเงื่อนไข ของกฎหมาย และสร้างความมั่นใจในการลงพื้นที่ เพื่อเสนอตัวเองเป็นตัวแทนของประชาชน อย่างไรก็ตามห้ามประมาท โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อาจยังมีช่องว่าง ในเรื่องของความมั่นใจเกินไป อาจจะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้

ในการอบรมครั้งนี้ ได้ให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคน แนะนำตัว แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากทำพื้นที่ ที่มีความแตกต่างของบริบททางสังคม ได้นำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมประสบการณ์ให้ว่าที่ผู้สมัครมีมุมมองและวางกลยุทธ์ในการทำพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการสานความสัมพันธ์ของผู้สมัครให้มีความรักและเป็นหนึ่งเดียว

ส่วนการแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้ง ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ในการแบ่งพื้นที่เขต แต่พรรคมีความพร้อม เรามีว่าที่ผู้สมัครแล้ว 75% และยังมีบางพื้นที่ที่ทับซ้อนกันพรรคก็ดำเนินการทำโพล ซึ่งขณะนี้ จากการติดตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ เช่นใน จ.ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ ใน 2 จังหวัด คะแนนเสียงพรรคยังไม่ดีพอ และอาจทำให้การทำพื้นที่ของว่าผู้ที่สมัครมีความยากลำบาก แต่เมื่อสัมผัสพื้นที่จริง กลับมองเห็นโอกาสที่พรรคจะได้รับชัยชนะ มั่นใจว่าพรรคมีหวังได้หลายเขตซึ่งหลักใหญ่ของพรรค ก็คือให้พื้นที่กับคนเก่า 95% ในส่วนที่เหลือต้องมีการพิจารณาต่อไป เพราะบางท่านเป็น ส.ส.เขต แต่วันนี้ขอขึ้นเป็นบัญชีรายชื่อ ก็ต้องดูแลและวางระบบการบริหารให้สอดคล้องในการส่งว่าที่ผู้สมัครลงสนามเลือกตั้ง ขณะนี้พรรค วางตัวผู้สมัครได้ แล้ว 75% แต่มีบางพื้นที่มีความทับซ้อนของตัวผู้สมัคร ต้องตัดสินด้วยทำโพล โดยเฟ้นหาส.ส.ใหม่ที่มีศักยภาพ เข้ามาทำหน้าที่ เพราะประสบการณ์การเลือกตั้งที่ผ่านมา ส.ส.เก่า จะเข้าสู่สภาได้ 65% อีก 35% เป็น ส.ส.ใหม่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ลุยกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด แก้ปัญหาน้ำ-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน ป้องกันที่ดินหลุดจำนองมือิเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำสร้างอาชีพมั่นคง

,

“พล.อ.ประวิตร”ลุยกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด แก้ปัญหาน้ำ-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน
ป้องกันที่ดินหลุดจำนองมือิเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำสร้างอาชีพมั่นคง

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 ที่ศ่ลากลางจ.กาฬสินธุ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คมนาคม และคณะ ลงพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและการฟื้นฟูแหล่งน้ำ และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ มีตัวแทนหน่วยงานเกี่ยวข้องรอต้อนรับ

โดยรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวม พบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำต้นทุนการเกษตร การบริโภคจากการขยายตัวของชุมชนเมือง โดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน ซึ่งในปี 61-64 มีแผนงานพัฒนาพื้นที่แล้ว 1,152 โครงการ วงเงินกว่า 3,100 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 107,582 ไร่ ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 48,000 ครอบครัว และอยู่ระหว่างดำเนินการ 165 โครงการ โดยงบกลางกว่า 280 ล้าน ทั้งการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ระบบกระจายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม สำหรับปี 66-67 มี 3 โครงการ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 912 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อีก 3,100 ครอบครัว พื้นที่กว่า 5,800 ไร่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอย้ำให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง โดยเร่งพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่ให้เสร็จทันตามกำหนด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และให้ลงไปดูแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ป้องกันการเสียสิทธิ์ในที่ดินทำกินจากการจำนองและขายฝากของเกษตรกร อย่าให้หลุดมือเกษตรกร และเร่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ โดยให้บูรณาการความร่วมมือภาคีการพัฒนาต่างๆ และบริหารจัดการข้อมูลแบบชี้เป้าให้เป็นผล ทั้งนี้ให้กระจายรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน เพื่อบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมไปด้วยกัน

จากนั้นพล.อ.ประวิตร มอบหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินของรัฐเป็นการชั่วคราว ตามนโยบายแก้ปัญหาความยากจนและพบปะประชาชน ในพื้นที่หนองผัวเมียสาธารณประโยชน์ ต.ดอนสมบูรณ์ และแปลงโสกหมูสาธารณประโยชน์ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด โดยกล่าวขอบคุณทางจ.กาฬสินธุ์ ที่แก้ปัญหาการบริหารจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์อย่างถูกต้องใน 7 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 2,938 แปลง เพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกับพบปะเยี่ยมเยียนและรับทราบปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร จะเดินทางพบปะประชาชน และติดตามการแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2565

“กรุงศรีวิไล” ขอหน่วยงาน เร่งซ่อม “สะพานข้ามถนนสุขุมวิท-สะพานไม้” เพิ่มความสะดวกการสัญจรให้ประชาชน ลดอันตราย

,

“กรุงศรีวิไล” ขอหน่วยงาน เร่งซ่อม “สะพานข้ามถนนสุขุมวิท-สะพานไม้”
เพิ่มความสะดวกการสัญจรให้ประชาชน ลดอันตราย

นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงความเดือดร้อนของประชาชน จากการที่สะพานข้ามถนนสุขุมวิท ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการของกรมทางหลวง ถนนสายนี้เป็นเส้นยุทธศาสตร์ในการคมนาคม แต่ปรากฏว่าสะพานเส้นนี้เกิดการชำรุด ทรุดโทรมบ่อยครั้ง เมื่อได้ทำการซ่อมแซมแล้วแต่ก็ยังชำรุดอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยตนได้ทราบมาว่ามีงบประมาณในการซ่อมแซมอยู่แล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุง ซ่อมแซมให้ได้มาตรฐานอย่างเร่วด่วน

นอกจากนี้ยังมีปัญหาในบริเวณสะพานไม้เลียบมอเตอร์เวย์ อำเภอบางบ่อ ที่มีการชำรุด จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการปรับปรุงแก้ไข เพื่อการสัญจรของประชาชน และการคมนาคมที่สะดวกสบาย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #กรุงศรีวิไลสุทินเผือก
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2565

“ทวิรัฐ” วอนรัฐบาล เพิ่มเงินให้ “อสม.-กลุ่มเปราะบาง-อปพร.” เพื่อสร้างขวัญ-กำลังใจในการทำหน้าที่ดูแลปชช.เข้มแข็ง

,

“ทวิรัฐ” วอนรัฐบาล เพิ่มเงินให้ “อสม.-กลุ่มเปราะบาง-อปพร.”
เพื่อสร้างขวัญ-กำลังใจในการทำหน้าที่ดูแลปชช.เข้มแข็ง

นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาว่า ในช่วงที่ผ่านมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้เหล่อาสาสมัคร หรือ อสม.ต้องทำหน้าที่อย่างหนัก เป็นด่านหน้าในการตรวจคัดกรอง ป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชน จนทำให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นของโลกในการจัดการบริหารโควิดที่มีประสิทธิภาพ โดยหน้าที่ อสม.ที่ได้รับมอบหมายต้องดูแลประชาชนที่เจ็บป่วยจำนวนมากมาตลอด

“ผมเสนอให้รัฐบาลปรับเพิ่มเงินค่าป่วยการของพี่น้อง อสม.เป็น 3,000 บาทตลอดชีพ รวมถึงกลุ่มผู้เปราะบาง อย่าง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 6 ปี ก็อยากให้มีการปรับเงินสวัสดิการให้สองคล้องกับภาวะปัจจุบัน เป็น 1,500 บาทต่อเดือน”

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนอย่าง อปพร. อสตร. อกม. เป็นกลุ่มที่ทำงานหนัก ขอพิจารณาให้รัฐบาลมอบเงินเดือนๆ ละ 1,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่ต่อไป

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ทวิรัฐรัตนเศรษฐ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านเข้าประชุมสภาฯ ทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนมีความต่อเนื่อง

,

“พล.อ.ประวิตร”ขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านเข้าประชุมสภาฯ
ทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนมีความต่อเนื่อง

เมื่อ13 ธ.ค.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะรัฐมนตรี เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางไปปฏิบัติราชการประชุมสุดยอด อาเซี่ยน -สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ระหว่าง 12-15 ธ.ค.65 โดยก่อนเริ่มวาระการประชุม

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความห่วงใย ต่อการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมักเกิดปัญหา สภาฯไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ไม่สามารถดำเนินการพิจารณาเรื่องต่างๆได้ จึงขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าร่วมประชุม ผ่านไปยัง สส.ของพรรคทุกท่าน ให้เข้าร่วมประชุมสภาฯ โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนประชาชน อย่างมีเกียรติในการร่วมกันพิจารณา หารือ และผ่าน ก.ม.ที่สำคัญ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติโดยรวม ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 ธันวาคม 2565

เลขาฯ สันติ พปชร. เปิดตัว 12 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสาน- ใต้ มั่นใจคัดคนดี แก้ปัญหาปากท้องปชช.หนุน”นิพิฎฐ์”นำธงพัฒนาพื้นที่ใต้

,

เลขาฯ สันติ พปชร. เปิดตัว 12 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสาน- ใต้ มั่นใจคัดคนดี แก้ปัญหาปากท้องปชช.หนุน”นิพิฎฐ์”นำธงพัฒนาพื้นที่ใต้

วันที่ 13 ธ.ค. 65 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. )นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พื้นที่ภาคอีสานและภาคใต้ โดยมีแกนนำคนสำคัญอย่าง นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ ส.ส.พัทลุง 8 สมัย ร่วมเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐด้วย

โดยการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ในครั้งนี้ แบ่งเป็น แบบบัญชีรายชื่อ พื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สงขลา ได้แก่ นายณรงค์พร ณ พัทลุง อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ซึ่งได้ลำดับที่ 2 ในครั้งที่ผ่านมา จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่ นางสุภาพ ขุนศรี และนายสุธรรม จริตงาม

พื้นที่ภาคอีสาน ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ได้แก่ ดร.ประพิศ นวมโคกสูง, นางอรทัย พลวิเศษ, นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ, ดร.อรัชมน รัตนเศรษฐ, นายวิรัตน์ วาริชอลังการ, นายพจน์ เจริญสันเทียะ ในส่วน จ.ชัยภูมิ ได้แก่ นางสาวจิตราภรณ์ กล้าแท้, นางสาวกาญจนา จังหวะ, นายสนั่น พัชรเตชโสภณ
ด้านนายสันติ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคน ขอขอบคุณท่านนิพิฎฐ์ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะจังหวัดทำภาคใต้ ที่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นด้ามขวานทองของประเทศไทย ที่จะต้องมีตัวแทนของประชาชนชาวใต้ในการดูแลพัฒนาจังหวัดที่มีทรัพยากรต่าง ๆ มากมาย และยังรอที่จะพัฒนาจากนโยบายของพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน หรือการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะไปดูแลพืชผลสินค้าทางการเกษตรเช่นยางพารา ปาล์ม ก็กำลังรอผู้ที่มีความรู้ความสามารถ

“ท่านนิพิฎฐ์เป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริง ผมต้องขอขอบคุณท่านเป็นกรณีพิเศษ เพราะท่านห่วงใยพี่น้องชาวใต้ เฉกเช่นเดียวกันกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เรามีความตั้งใจที่จะพัฒนาภาคใต้ของเราให้มีความเข้มแข็ง และเพิ่มศักยภาพให้กับเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ๆ ที่จะขึ้นมาดูแลจังหวัดต่อไป”

ทั้งนี้ พรรคมั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัครฯ ดังกล่าว ล้วนเป็นบุคลากรที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี และมีทีมงานที่มีฐานเสียงเข้มแข็ง และกว้างขวางในพื้นที่ภาคใต้ ที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นปากเสียงแทนในการเข้าไปเป็นตัวแทนให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า การตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ขอให้อย่าคิดว่า ตนมาในฐานะขุนพล เพราะตนตั้งใจมาทำงานร่วมกันกับสมาชิกพรรคคนอื่น ๆ ไม่ได้มาเป็นผู้นำใดๆ ทั้งสิ้น ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้รับมอบหมายจากท่านหัวหน้าพรรค ต้องการให้เข้ามาช่วยดูแลภาคใต้ โดยยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในพรรคอย่างเช่น นายอภิชัย เตชะอุบล มาช่วยงานด้วย รวมไปถึงนายอนุมัติ อาหมัด อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่ยังปิดเงื่อนไขทางกฏหมายการเว้นวรรคทางการเมืองจาก ส.ว.อยู่ ก็จะมาให้คำปรึกษาในส่วนที่ไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สิ่งใดที่ผมสามารถทำได้เพื่อชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ ผมพร้อมที่จะทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้พื้นที่ภาคใต้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ และกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ให้เกียรติผมมาร่วมงานกันในวันนี้”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 ธันวาคม 2565

โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมพิธี “วันธรรมนูญ” ประจำปี’ 65 วางพานพุ่มน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณร.7เพื่อปวงชนชาวไทย

,

โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมพิธี “วันธรรมนูญ” ประจำปี’ 65 วางพานพุ่มน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ร.7เพื่อปวงชนชาวไทย

วันที่ 10 ธันวาคม 2565 ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย วางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ ในนามพรรคฯ เบื้องหน้าพระรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าได้เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎร ,ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, เลขาธิการผู้แทนราษฎร, เลขาธิการวุฒิสภา,ข้าราชการ และตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมพิธี และวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ

วันรัฐธรรมนูญ ถือเป็นวันสำคัญที่รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไทย และเป็นกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน สู่การกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน โดยกฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ โดยในปีนี้ครบรอบ 90 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติด “ปราบปรามค้ามนุษย์” ต่อเนื่อง สั่งเข้มประสานข้อมูลระดับชาติ ดูแลเหยื่อ สร้างความเชื่อมั่นให้ไทย

,

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติด “ปราบปรามค้ามนุษย์” ต่อเนื่อง
สั่งเข้มประสานข้อมูลระดับชาติ ดูแลเหยื่อ สร้างความเชื่อมั่นให้ไทย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 3/2565 และ คณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ครั้งที่ 5/2565 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ ประชุม ปคม.ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานความก้าวหน้า การจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย (ดอนเมือง) โดย สตช. ซึ่งประกอบด้วย การปรับปรุงอาคารศูนย์ฝึกอบรมฯ และการพัฒนาระบบศูนย์คัดแยกฯ ซึ่ง สหรัฐให้ความสนใจ และพล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และรับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism :NRM) ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ย้ำให้ทุกหน่วยงานทำความเข้าใจและดำเนินการให้เป็นไปตาม NRM อย่างเคร่งครัด รวมทั้งรับทราบ FBI ได้สนับสนุนการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ของไทย หัวข้อ “การสืบสวนสอบสวนกรณีการค้ามนุษย์” ห้วง 10-21ต.ค.65 ในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่ไทย จำนวน 32 คน

จากนั้นที่ประชุม ได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทย ประจำปี2565 และกรอบเวลาการจัดทำรายงาน ซึ่งมีผลการดำเนินงานคืบหน้าที่สำคัญ ทั้งด้านการดำเนินคดีและการบังคับใช้กฎหมาย ด้านช่วยเหลือคุ้มครอง และด้านการป้องกัน รวมทั้งได้เห็นชอบแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชารยะ ให้เป็นประธานอนุกรรมการร่วม ว่าด้วยการขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (ฝ่ายไทย) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมาย ตามข้อตกลงร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย

ต่อจากนั้น ได้มีการประชุม ปกค.โดยมีการพิจารณาเห็นชอบ ให้ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญระดับชาติ และคณะกรรมการผู้ชำนาญการระดับภาคหรือระดับหน่วยงาน และการขยายระยะเวลาการดำเนินงานจาก60วัน เป็น90วัน รวมทั้งเห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจกำกับและติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามหลักมนุษยธรรม

พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ อย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ควบคู่การให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้เสียหาย เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และให้สหรัฐฯ เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจของไทยต่อการแก้ไขปัญหา อย่างจริงจัง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อชาวโลก รวมถึงการที่ไทยมีความพยายาม ยกระดับขึ้นเป็น เทียร์1 ในปี66 ต่อไปด้วย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” พลิกโฉมปาล์ม ชูพืชเศรษฐกิจยั่งยืน ดันรายได้ทะลุ 1.5 แสนล. 2 ปีซ้อน ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร

,

“พล.อ.ประวิตร” พลิกโฉมปาล์ม ชูพืชเศรษฐกิจยั่งยืน
ดันรายได้ทะลุ 1.5 แสนล. 2 ปีซ้อน ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ห่วงใยเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ส่วนใหญ่มีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ใน 5 จังหวัดภาคใต้ โดยมีข้อวิตกกังวลว่า การนำน้ำมันปาล์มผ่านแดนจากประเทศมาเลเซียไปยัง สปป. ลาว ซึ่งรัฐบาลต้องดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ อาจจะเกิดการตกหล่น รั่วไหล รวมทั้ง หวั่นเกรงว่า อาจมีผู้ฉวยโอกาสลักลอบนำเอาน้ำมันปาล์มเถื่อน และส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มในประเทศตกต่ำนั้น จึงได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการกำกับ ดูแล และตรวจสอบการนำน้ำมันปาล์มผ่านแดนจากมาเลเซียไปยัง สปป.ลาว โดยมี พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นประธานอนุกรรมการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้แทนเกษตรกร ตามมติ กนป. ที่เห็นชอบให้ รัฐบาล สปป.ลาว นำน้ำมันปาล์มดิบจากมาเลเซียผ่านประเทศไทยปีละไม่เกิน 5,000 ตัน โดยใช้เส้นทางทางบกผ่านทางด่านสะเดา จ.สงขลา ไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 จ.หนองคาย

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 มีมติเห็นชอบมาตรการการนำน้ำมันปาล์มผ่านแดน โดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำหนดให้ผู้ขอนำผ่านต้องแจ้งกระทรวงพาณิชย์ทราบก่อนการนำผ่านอย่างน้อย 1 เดือน และสำหรับรถขนน้ำมัน ต้องจัดให้มีการแสดงข้อความ “นำผ่านน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ไปยัง สปป.ลาว (ด่านสะเดา – ด่านหนองคาย)” วันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดการนำผ่าน เลขที่หนังสือรับรอง พร้อมหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานที่ออกหนังสือรับรอง

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมอบหมายให้ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรมศุลกากร เป็นหน่วยงานปฏิบัติหลักทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในภารกิจนี้ ร่วมกันจัดทำ คู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operation Procedure : SOP) พร้อมด้วย Work Flow ขั้นตอนปฏิบัติของผู้ปฏิบัติงานผู้รับผิดชอบแต่ละหน่วยงานในการนำผ่านแดน โดยมีแผนที่จะลงพื้นที่ซักซ้อมการปฏิบัติจริง

นอกจากนี้ ในวันที่มีการนำน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ผ่านแดนคณะอนุกรรมการฯ คณะอนุกรรมการจะจัดให้มีประชาสัมพันธ์ข้อมูลการนำผ่านให้สาธารณชนรับทราบ ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้และพร้อมรับการตรวจสอบตลอดระยะเวลาที่นำผ่าน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรและผู้ที่ประสงค์เข้าสังเกตการณ์สามารถติดตามคณะเดินทางเพื่อร่วมตรวจสอบการปฏิบัติงานได้ตลอดเส้นทาง “ขอให้เกษตรกรมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน โดยยึดหลักความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ลดความหวาดระแวงของทุกฝ่าย ป้องกันมิให้มีการฉวยโอกาสลักลอบค้าน้ำมันปาล์มเถื่อนอย่างเข้มงวดตลอดเส้นทางขนส่งผ่านแดน” ถือเป็นนโยบายสำคัญภายใต้กำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ยึดมั่นประโยชน์ของเกษตรกรชาวสวนปาล์มเป็นสำคัญลำดับแรก

“ช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา ได้จัดระบบการบริหารจัดการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จนประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ ทำให้เศรษฐกิจปาล์มน้ำมันทะยานขึ้นนับแสนล้านบาทต่อปีเป็นปีที่ 2 เป็น พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคตที่ยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้ากับต่างประเทศ ส่งเสริมการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ธันวาคม 2565

“ส.ส.ภูเก็ต” ขอรัฐบาลออกมาตรการผ่อนคลาย ขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการออกไปอีกวันละ 3 ชั่วโมง เป็นของขวัญให้ผู้ประกอบการ

,

“ส.ส.ภูเก็ต” ขอรัฐบาลออกมาตรการผ่อนคลาย ขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการออกไปอีกวันละ 3 ชั่วโมง เป็นของขวัญให้ผู้ประกอบการ

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงกรณีมาตรการการผ่อนปรน การขยายเวลาเปิดปิดของสถานบริการในแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเขตของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น ภูเก็ต สมุย พัทยา เป็นต้น เนื่องจากเรื่องนี้ผู้ประกอบการรายเล็กได้เคยร้องขอมาแล้วในหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ผ่านทางรัฐมนตรีท่องเที่ยว ผ่านทางกระทรวงการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งทุกหน่วยงานเห็นด้วยในการผ่อนปรนขยายเวลาการเปิดปิดสถานบริการออกไป อีกอย่างน้อยวันละ2 ถึง 3 ชั่วโมง

“แต่จนถึงขณะนี้ปรากฏว่ามาตรการดังกล่าว ยังไม่มีการผ่อนปรนแต่อย่างใด ผมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยว กระทรวงมหาดไทยหรือแม้แต่กระทรวงสาธารณสุข ถึงข้อกังวลของท่านเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย ด้านอุบัติเหตุ หรืออาการแพ้เชื้อโรค ขอเรียนว่าสิ่งที่ท่านกังวลและอ้างถึงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นและมีอยู่จริง สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยว แล้วก็สถานการณ์เหล่านั้นได้ผ่อนคลายไปพอสมควรแล้ว แต่มาตรการการควบคุมท่านไม่ได้ผ่อนคลายให้เอื้อและสอดรับกับความเป็นจริงเลย แล้วผู้ประกอบการจะมีโอกาสฟื้นตัวได้อย่างไร

ทั้งนี้ ตนขอให้กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการ เพื่อออกมาตรการผ่อนคลายการเปิดปิดสถานบริการออกไปอีกอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง ขอเป็นของขวัญให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศ

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #นัทธีถิ่นสาคู
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ธันวาคม 2565