โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ผู้เขียน: pprpadmin

ส.ส.อาญาสิทธิ์ มอบถุงยังชีพผู้สูงอายุ-มอบหน้ากากอนามัย N95

,

ส.ส.อาญาสิทธิ์ เขต 3 พปชร. ลงพื้นที่ 5 อำเภอ มอบถุงยังชีพผู้สูงอายุ-มอบหน้ากากอนามัยN 95 ส่งต่อกำลังใจให้ รพ.สต.

ส.ส.อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ จ.นครศรีธรรมราช เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ในเขต อำเภอพระพรหม เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุพร้อมทั้งพบปะพ่อแม่พี่น้อง รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องความเป็นอยู่ของพี่น้องและต้องขอขอบคุณหน่วยงานหลายองค์กรและจิตอาสาที่ได้ให้การสนับสนุนสิ่งของมาในครั้งนี้

ทั้งนี้ตนและทีมงาน ได้มีการลงพื้นที่ อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอชะอวด อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอพระพรหม เพื่อมอบแมส N 95 ให้ กับ เจ้าหน้าที่และบุคลากร สาธารณสุขอำเภอและโรงพยาบาลรวมไปถึง รพ.สต.ของทุกตำบล ด้วยความห่วงใย และต้องขอขอบพระคุณหน่วยงานหลายองค์กรและผู้มีจิตศรัทธาที่ได้ร่วมสนับสนุนในครั้งนี้

ด้วยความห่วงใยจาก
ส.ส.อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
พรรคพลังประชารัฐ

#มุ่งมั่น
#ตั้งใจ
#แก้ไขทุกปัญหาประชาชน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 17 พฤศจิกายน 2564

ส.ส.รงค์ พปชร. ลุกอภิปรายญัตติด่วนสนับสนุนรัฐบาลเปิดประเทศ

,

มั่นใจหน่วยงานรัฐบูรณาการควบคุมโควิด-19 ประชาชนได้ประโยชน์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

รองศาสตราจารย์ ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมอภิปรายญัตติด่วน เกี่ยวกับผลกระทบของการเปิดประเทศในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาว่า ได้สนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการในการเปิดประเทศ (Reopening Thailand) ซึ่งนับว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่มีการวางเป้าหมายไว้ 4 ประการ และ 5 กลยุทธ์ และประสบความสำเร็จไว้หลายประการ ในการบูรณาการในการบริหารจัดการความความเสี่ยงของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเป้าหมายการสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในการเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ครบตามจำนวนเป้าหมาย ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราชมีเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศลงพื้นที่ในการวางเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ครบ 100% ภายใน 2 เดือน

“ผมพร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศ (Reopening Thailand) ที่รัฐบาลดำเนินการแล้วนั้นว่า เหมาะสมอย่างยิ่งที่รัฐบาลวางไว้ ทั้งเป้าหมาย 4 ประการ และกลยุทธ์ 5 ประการ ภายใต้การบริการจัดการที่มีภาวะผู้นำสูง ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นต่อการเปิดประเทศในครั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการบริหารความเสี่ยง โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันทำงานแบบบูรณาการ ในระดับจังหวัด และพื้นที่ที่ต้องการนักบูรณาการที่เข้มแข็ง เหมือนนายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวอย่างนักบริหารแบบบูณาการที่มีภาวะผู้นำสูงในระดับชาติ และมั่นใจว่าจะฝ่าวิกฤตินี้ไปได้” รศ. ดร.รงค์ กล่าว

ติดตามรับฟังรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://youtu.be/NaLn-voHLdQ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564

ชาวบางซื่อ-ดุสิต ต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นรูปธรรม-เข้าถึง-ทันที

,

ชาวบางซื่อ-ดุสิต ต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นรูปธรรม-เข้าถึง-ทันที

พร้อม ขับเคลื่อนดูแล ชาวบางซื่อ-ดุสิต ที่เดือดร้อน ต้องกักตัว ไปทำงานไม่ได้ โดนให้ออกจากงาน ไม่มีกิน ตั้งครรภ์ มีภาระดูแลลูกและพ่อแม่

ชุมชนวัดสร้อยทอง ขอบคุณคณะกรรมการชุมชน #วัดสร้อยทอง ที่ประสานทีมงานและช่วยจัดทำคิวสำหรับผู้ลงทะเบียนแจ้งขอรับกล่องกำลังใจ ผู้เดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภคบริโภค

ติดต่อได้ที่
FB page อุ๋ม ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ หรือ
Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้าด้วยค่ะ)

อุ๋มและทีมงานยินดีเป็นกระบอกเสียงและผลักดันแทนพี่น้องในเขตบางซื่อ-ดุสิตให้ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564

อธิรัฐ ติดตามมาตรการนักท่องเที่ยว “ทะเลตรัง” สร้างเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวไทย-เทศ

,

อธิรัฐ ติดตามมาตรการดูแลนักท่องเที่ยว “ทะเลตรัง” สร้างเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวไทย-เทศ

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดตรัง ณ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามมาตรการความปลอดภัยทางน้ำในการดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละปีจังหวัดตรังมีนักท่องเดินทางมาใช้บริการท่าเทียบเรือโดยสารเป็นจำนวนมาก จากสถิติผู้ใช้บริการ 4 ปี ย้อนหลัง ปี61 จำนวน 225,523 คน ปี62 282,128 คน ปี63 167,636 คน และปี64 192,496 คน เมื่อเปิดประเทศคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานเจ้าท่าฯ กำหนดเพิ่มเติมมาตรการความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้นใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ท่าเทียบเรือปลอดภัย 2.เรือปลอดภัย 3.คนปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้กำชับให้เร่งสำรวจ ตรวจสอบ การปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับอนุญาตแต่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

และวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 เป็นประธานการประชุม ณ สำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 3 เพื่อติดตามความคืบหน้าการบำรุงรักษาร่องน้ำในพื้นที่ภาคใต้ 6 จังหวัดได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวม 166 ร่องน้ำ โดยเฉพาะการดูแลรักษาร่องน้ำเศรษฐกิจ สรุปผลการดำเนินการดังนี้

  • ปี 64 : ขุดลอกแล้ว จำนวน 9 ร่องน้ำ ได้แก่ จังหวัดกระบี่ 5 ร่องน้ำ และ จังหวัดภูเก็ต 4 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุดรวม 807,122 ลบ.ม.
  • ปี 65 : ดำเนินการขุดลอก 10 ร่องน้ำ ได้แก่ จังหวัดพังงา 7 ร่องน้ำ จังหวัดสตูล 2 ร่องน้ำ และจังหวัดตรัง 1 ร่องน้ำ
  • ปี 66 มีแผนการขุดลอกอีก 19 ร่องน้ำในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสตูล ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และระนอง
  • ขุดลอกต่างตอบแทนที่จังหวัดพังงา ดำเนินการแล้วจำนวน 2 จุด ที่คลองบางม่วงและคลองดอกแดง เนื้อดินรวม 90,344 ลบ.ม.

ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้สำนักงานพัฒนาฯ ดำเนินการขุดลอกให้เป็นไปตามแผนเพื่อให้เรือสามารถสัญจรเข้า–ออก ได้ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการทำประมง เพิ่มศักยภาพการแข่งขันและการท่องเที่ยว รวมทั้งให้เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ จำนวน 9 นาย รถยนต์ 4 คัน เรือ 2 ลำ ถุงยังชีพ และน้ำดื่ม สามารถออกให้ความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ช.ม.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564

“ดร.นฤมล” ชูนโยบายสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถึงมือประชาชน

,

“ดร.นฤมล” ชูนโยบายสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถึงมือประชาชน ย้ำลดขั้นตอนภาครัฐซ้ำซ้อนมุ่งแก้ปัญหาเชิงรุกเข้าถึงความช่วยเหลือ

“ศ.ดร.นฤมล เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ” ยืนยันพร้อมสานต่อนโยบาย “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ด้วยการทำงานเชิงรุกลดปัญหาซ้ำซ้อนทุกขั้นตอน ประชาชนต้องเข้าถึงสวัสดิการอย่างเหมาะสม ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวดูแลตลอดชีวิต เพื่อขจัดความยากจนเข้าถึงปัญหาความเดือดร้อนได้ตรงจุด เตรียมเปิดคนรุ่นใหม่ร่วมอุดมการณ์ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พปชร. ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคพปชร. มีความพร้อมในการเดินหน้า เพื่อเตรียมการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่ง พรรค ได้มีการการประชุม ส.ส. เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการทำงานต่อ ในรูปแบบของการรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ที่จะเป็นยุทธศาสตร์ในการวางบทบาทการทำงานให้ ส.ส.แต่ละคนได้อย่างเหมาะสม พร้อมเปิดโอกาส ส.ส.หน้าใหม่กว่า 70 %ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในพรรคฯ ได้โชว์ฝีมือ และศักยภาพในการทำงานได้ตรงตามความสามารถที่มีอยู่บนพื้นที่ของการแก้ปัญหา โดย พปชร. มีเป้าหมายสำคัญ เพื่อลดความยากจนให้กับประชาชนในระยะยาว รวมทั้งการลงพื้นที่รับฟังปัญหาเพื่อต่อยอดแนวทางที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมกับนโยบายของพรรค

ทั้งนี้พรรค ยังมีแนวทางในการดำเนินการในเรื่องทำนโยบายสานต่อ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หากได้รับเลือกตั้งจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง ซึ่งได้มีการวางแนวทางการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของประชาชนด้วยเพียงบัตรประชาชนใบเดียว ที่มีข้อมูลอายุ อาชีพ การศึกษา พื้นฐานความเป็นอยู่ เพื่อเป็นข้อมูลวิเคราะห์ความช่วยเหลือว่าควรจะได้รับสวัสดิการอะไร หรือที่เรียกได้ว่าเป็นถังข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ “บิ๊กดาต้า” เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการเข้าถึงของประชาชน ที่จะทำให้การทำงานสานต่อได้อย่างรวดเร็วในการดูแลประชาชนอย่างเหมาะสมและเป็นระบบ ซึ่งแนวทางจะดูแลนับตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน แต่ไม่ใช่เพียงแค่การแจกเงินเพียงอย่างเดียว

“นโยบายนี้นับเป็นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐ มีความพร้อมในการผลักดันให้เกิดความสำเร็จได้ไม่ยาก หากการเลือกตั้งครั้งหน้าได้เป็นแกนนำรัฐบาล สิ่งแรกที่จะทำคือการเปลี่ยนและรื้อระบบใหม่ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่กระจัดกระจายไปอยู่แต่ละกระทรวงที่ส่งผลให้การเข้าช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะมีขั้นตอนหลายอย่าง รวมถึงข้อมูลประชาชนที่มีความซ้ำซ้อน ก็จะต้องนำมาไว้รวมเป็นจุดเดียวกันเพื่อในการดูแลและเข้าถึงให้ครอบคลุมลดการตกหล่น ซึ่งถือเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการสนับสนุนจากประชาชนให้เกิดรัฐบาลที่มีความพร้อมในการผลักดัน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้คือคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ที่เป็นแรงพลังให้พรรคฯ ต่อสู้เคียงข้างไปพร้อมกับประชาชนที่ให้ความไว้วางใจในการเลือกพรรคพลังประชารัฐกลับมาอีกครั้ง”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.สัมฤทธิ์” ออกโรงขอบคุณมาตรการรัฐแทนเกษตรกร ดันราคาข้าวโพด

, ,

“ส.ส.สัมฤทธิ์” ออกโรงขอบคุณมาตรการรัฐแทนเกษตรกร ดันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พุ่ง 10 บ./กก.-
จี้ตรวจสอบเพิ่ม

“ส.ส.สัมฤทธิ์” ส.ส.ชัยภูมิ เขต 3พปชร. ขอบคุณรัฐบาลแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ออกมาตรการคุมนำเข้าข้าวโพดสาลีจนทำให้เกษตรกรจำหน่ายได้ราคา 10 บาทต่อกิโลกรัม พร้อมเสนอ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เร่งตรวจสอบโรงงานอาหารสัตว์ที่เล่นแร่แปรธาตุนำเข้ามาว่าผิดกฏหมายหรือไม่และหาแนวทางป้องกันเพื่อแก้ไขแบบยั่งยืน

นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ชัยภูมิ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาได้ขอเป็นตัวแทนเกษตรกรขอบคุณรัฐบาลในการควบคุมการนำเข้าข้าวโพดสาลีในสัดส่วน1ต่อ3 หมายความว่าโรงงานเลี้ยงสัตว์จะนำข้าวโพดสาลีมาใช้ทดแทนข้าวโพดได้หนึ่งส่วนจะต้องซื้อข้าวโพดภายในประเทศก่อนสามส่วนและจะต้องห้ามนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิตภายในประเทศซึ่งจะเริ่มผลิตตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ทำให้เกษตรกรขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีนี้ได้ในราคาสูงถึง 10 บาทต่อกิโลกรัม

อย่างไรก็ตามยังโรงงานอาหารสัตว์หลายแห่งเล่นแร่ แปรธาตุได้มีการนำเครื่องโม่ข้าวโพดไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วไปซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศนั้นๆ โม่เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำเข้ามาใช้ภายในประเทศไทยเพื่อเลี่ยงบาลี จึงได้เสนอไปยังกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปตรวจสอบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายหรือไม่ พร้อมกับหาแนวทางเพื่อป้องกันจะแก้ไขให้ยั่งยืน

“ในชีวิตหนึ่งของเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็เพิ่งจะขายได้ในราคา 10 บาทต่อกิโลกรัม จึงขอวิงวอนให้ทุกส่วนและทุกฝ่าย อย่าไปแสวงหาเล่ห์กลมารังแก หรือเอาเปรียบพี่น้องเกษตรกรเหล่านี้เลยนะครับ ดังนั้นจึงได้ขอหารือผ่านไปยังกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ให้เร่งตรวจสอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านด้วย” นายสัมฤทธิ์กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.สุชาติ” น้อมนำโครงการพระราชดำริทูลกระหม่อมหญิงฯ มอบถุงยังชีพ

,

“ส.ส.สุชาติ” น้อมนำโครงการพระราชดำริทูลกระหม่อมหญิงฯ มอบถุงยังชีพ 1,000 ชุดให้ผู้ประสบภัยพิบัติ ต.บางลายจ.พิจิตร

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 นายสุชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมกับ ดร.มนัส โนนุช กรรมการผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์, นายพงศ์สวัสดิ์ หินแก้ว ผู้จัดการ (ทีโอที) พิจิตร และคณะทำงาน น้อมนำโครงการตามพระราชดำริทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา ภายใต้โครงการ “หนึ่งใจ…ช่วยเหลือผู้ประสบภัย” โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.บางลาย ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ณ หอประชุมเอนกประสงค์ โรงเรียนบางลายพิทยาคม ต.บางลาย อ.บึงนาราง จ.พิจิตร

“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีในช่วงประสบภัยพิบัติท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส. พลังประชารัฐ” นายสุชาติกล่าว

ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ รอง ผวจ.พิจิตร, นางชุลี อัศวพิชยนต์ รองนายกเหล่ากาชาด จ.พิจิตร, นายแพทย์ วิศิษฐ์ อภิสิทธิ์วิทยา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร, นายชินนาอาชว์ รสิอัครศักดิ์ นายอำเภอบึงนาราง, พ.ต.อ.กิตติกร ปานผล ผกก.สภ.บึงนาราง, นายจักรัตน์ จันทโรทัย สจ.เขต 2 อ.บึงนาราง, นายธรรมนูญ เทศน์อินทร์ กำนัน ต.บางลาย, นางนงนุช ชูยุทธ ปลัด อบต.บางลาย รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน พร้อมใจกันเข้าร่วมกิจกรรม ภายใต้มาตรการความปลอดภัยของสาธารณุข สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่างตลอดระยะเวลาการจัดงาน

#สุชาติศรีบุศกร
#ส.ส.พิจิตร
#พลังประชารัฐ
#พปชร.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.เกษม” ลงพื้นที่ 6 ชุมชน มอบถุงยังชีพเติมกำลังใจผู้ป่วยติดเตียง

,

ไม่ได้ทอดทิ้งกัน “ส.ส.เกษม” ลงพื้นที่ 6 ชุมชน ทน.นครราชสีมา มอบถุงยังชีพเติมกำลังใจผู้ป่วยติดเตียง

นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงานลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครอบครัวกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองตามชุมชนต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ประกอบด้วย ชุมชนรุ่งเรือง-บุญเรือง , ชุมชนสืบศิริพัฒนา , ชุมชนประสพสุข , ชุมชนอัมพวัน , ชุมชนมหาชัย-อุดมพร และ ชุมชนตะคองเก่า พร้อมมอบถุงยังชีพที่บรรจุด้วยผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และของใช้ที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง เพื่อให้กำลังใจในการดำรงค์ชีวิตและบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น

“ขอบคุณทีมงาน ประธานชุมชน กรรมการชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทุกชุมชน ที่ทำงานกันเข้มแข็งมากครับ” นายเกษม

#ด้วยความปรารถนาดี
#และความห่วงใยจาก
*ท่าน ส.ส.เกษม ศุภรนนท์ *

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564

“พล.อ.ประวิตร” ระดมทีม ส.ส.พปชร.ลุยพื้นที่สกลนคร เร่งแผนพัฒนาหนองหาร

, ,

“พล.อ.ประวิตร” ระดมทีม ส.ส.พปชร.ลุยพื้นที่สกลนคร เร่งแผนพัฒนาหนองหารบริหารจัดการน้ำดูแลประชาชน

“พล.อ.ประวิตร” นำทัพ”ดร.นฤมล” พร้อมทีมส.ส.พปชร. ลงพื้นที่ติดตามภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ จ.สกลนคร พร้อมเร่งขับเคลื่อนแผนพัฒนาหนองหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำให้ประชาชนในพื้นทั้งป้องกันน้ำท่วมช่วงฤดูฝนที่มีน้ำไหลหลาก และแก้ไขปัญหาการมีน้ำอุปโภคและบริโภคช่วงฤดูแล้งแบบยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)พร้อมแกนนำพรรคพลังประชารัฐ อาทิ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคฯ , นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหารพรรคฯ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 2 ,นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ,นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา เขต 8 พปชร.,นางทัศนียา รัตนเศรษฐ เขต7 จังหวัดนครราชสีมา พรรค พปชร., น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร., นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พปชร., นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พปชร.และ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส. พปชร เขต 7 จังหวัดขอนแก่น พปชร.ได้ลงพื้นที่ไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยมี นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมภูมิทัตโต โรงพยาบาลสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร

จากนั้นพล.อ.ประวิตรได้รับฟังเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่นำเสนอสถานการณ์น้ำและแผนหลักการพัฒนาหนองหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานแผนหลักฯ หนองหาร อาทิ กรมประมง กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมที่ดิน และจังหวัดสกลนคร ก่อนลงพื้นที่ดูสภาพโดยรอบหนองหาร บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 ปี

“ พรรคพลังประชารัฐมีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะในด้านน้ำ ที่มีส่วนสำคัญในการทำเกษตรกรรมที่จะเลี้ยงชีพให้กับเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงได้มอบให้ส.ส.พปชร.ทุกพื้นที่ติดตามเรื่องน้ำใกล้ชิดในทุกช่วงฤดูเพื่อให้มีนำใช้ตลอดปี พร้อมกับแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆในท้องที่เพื่อทำงานใกล้ชิดในการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ”พล.อ.ประวิตรกล่าว

ทั้งนี้การลงพื้นที่ติดตามภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของ จ.สกลนคร และติดตามความก้าวหน้าแผนหลักการพัฒนาหนองหารในครั้งนี้ พบว่าสามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนช่วยชะลอน้ำหลากในพื้นที่ได้เต็มศักยภาพ ปัจจุบันหนองหารมีปริมาณน้ำเก็บกักรวม 262 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 98% และเพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านน้ำในพื้นที่หนองหารอย่างเป็นระบบ และใช้น้ำที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ได้มอบหมายให้ สทนช. กำกับและเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนหลักการพัฒนาหนองหาร พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานร่วมขับเคลื่อนแผนงานการปรับปรุง ฟื้นฟู และอนุรักษ์หนองหารอย่างเคร่งครัด เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมตรงตามแผนหลักที่ได้กำหนดไว้ รวมทั้งให้จังหวัดสกลนคร กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดแผนงานแก้ปัญหาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากโดยเร็ว เพื่อบรรเทาปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชน เป็นไปตามเป้าหมายแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี พร้อมกำชับทุกหน่วยงานบูรณาการแผนงานที่ต้องเร่งดำเนินการได้ในพื้นที่หนองหาร อาทิ เร่งกำจัดวัชพืชให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เร่งศึกษาความเหมาะสมเพื่อออกแบบการวางผังการขุดลอกตะกอนดิน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่รับน้ำ เพื่อให้แก้ปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วมในพื้นที่ รวมทั้งเร่งตรวจสอบรายละเอียดของแผนงาน/โครงการให้มีความชัดเจน และเตรียมความพร้อมให้สามารถดำเนินการได้ทันตามกระบวนการของบประมาณปี 2566 ด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564

งานประเพณีการทอดกฐินสามัคคีซึ่งเป็นงานบุญประจำทุกปี ณ วัดวังหอนพุธาราม

,

ด้วยความห่วงใยจึงมีน้ำใจร่วมเดินทางไปด้วยกันทุกที่

วันนี้ 13 พ.ย. 2564 ส.ส.นายอำเภออาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยคณะทำงาน ลงพื้นที่ ร่วมงานประเพณีการทอดกฐินสามัคคีซึ่งเป็นงานบุญประจำทุกปี ณ.วัดวังหอนพุธาราม ตำบลวังอ่าง และวัดโคกทราง ตำบลนางหลง ซึ่งได้ร่วมเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งได้รณณรงค์เรื่องโควิด-19 และมอบแมสให้กับผู้มาร่วมงาน และเจ้าหน้าที่ อ.ส.ม., หน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น เสร็จจากงานทอดกฐิน ได้เดินทางเยี่ยมชาวบ้าน ม.6 ตำบลท่าประจะ สำรวจเรื่องน้ำและระหว่างทางได้มอบแมสเพื่อรณรงค์เรื่องโรคโควิด-19 ทั้งนี้ต้องขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาและผู้สนับสนุนสิ่งของต่างๆ มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

ด้วยความห่วงใยจากใจ ส.ส.อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ

#มุ่งมั่น
#ตั้งใจ
#แก้ไขทุกปัญหาประชาชน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” ห่วงใย เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่ได้รับผลกระทบของโรคโควิด-19

,

“บิ๊กป้อม” ห่วงใย เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำขณะที่ต้นทุนสูงขึ้น สั่งด่วน ‘ธรรมนัส’ ลงพื้นที่เชียงราย เพื่อนำข้อเรียกร้องขอเยียวยา
ไร่ละ 2,000 บาท เสนอรัฐบาลทันที

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.30 น. ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมผู้นำเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด โดยมี นายมานพ จินะนา ประธานสภาอาชีพเกษตรกร (สอก.) กล่าวรายงาน และนำคณะ รวมถึงตัวแทนเกษตรกรชาวสวนลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก

โดย ร้อยเอก ธรรมนัสฯ กล่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความห่วงใยพี่น้องชาวสวนลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำ ขาดแคลนแรงงาน การส่งออกลำไยมีปัญหา ปุ๋ยยามีราคาแพง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จึงมอบหมายให้ตนเอง มาพบปะพี่น้องเกษตรกรชาวสวน ซึ่งเปรียบเสมือน พี่น้องร่วมสายเลือด ‘คนเมืองลูกข้าวนึ่ง’ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งลำไย คือ ‘เส้นเลือดใหญ่’ ของชาวภาคเหนือ มายาวนาน ดังนั้นเส้นเลือดใหญ่นี้ จะต้องได้รับการดูแล ฟูมฟักและพัฒนาลำไยให้เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคเหนือ เราต้องทำให้ได้

โดยวันนี้ ยังได้รับหลักฐานประจักษ์ชัด คือการลงลายมือชื่อของสมาชิกสภาอาชีพเกษตรกร(สอก.) ภาคเหนือทั้ง 8 จังหวัด มากถึง 111,000 รายชื่อ เพื่อขอทราบผลการเยียวยาไร่ละ 2,000 บาท และการเสนอร่างกฎหมาย พ.ร.บ. ลำไย พ.ศ….อีกด้วย

ร้อยเอก ธรรมนัสฯ ยืนยันว่า จะเร่งนำข้อเสนอของสภาอาชีพเกษตรกร นำเสนอต่อพลเอก ประวิตรฯ โดยด่วนที่สุด เพื่อพิจารณาและประสานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย ไร่ละ 2,000 บาท เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการผลิตลำไยฤดูกาลใหม่นี้ โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ให้แก่เกษตรกรชาวสวนลำไย และในฐานะเลขาธิการพรรค แกนนำรัฐบาล จะนำเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.ลำไยให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป

“ผมพร้อมเสมอที่จะรับฟังปัญหาทั้งด้านเกษตร ด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่น ๆ ในทุกมิติ เพราะทุกข์ของเกษตรกรคือทุกข์ของแผ่นดิน ผมสำนึกเสมอว่าผมคือเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกข้าวนึ่ง ผมและคณะพร้อมแก้ไขทุกปัญหาให้เกษตรกรพ้นทุกข์ และผมพร้อมจะนำพวกเราเดินทางร่วมกันก้าวไปข้างหน้า เพื่อชีวิตที่ดีกว่าต่อไป” ร้อยเอก ธรรมนัสฯ กล่าว

ด้าน นายมานพ จินะนา ประธานสภาอาชีพเกษตรกร(สอก.) กล่าวว่า เกษตรกรชาวสาวลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด มีเครือข่ายทั้งสิ้น 115 เครือข่าย ครอบคลุมทุกจังหวัด จำนวนสมาชิกมากกว่า 250, 000 ครอบครัว พื้นที่ปลูกรวมกันมากกว่า 1.2 ล้านไร่ มีผลผลิตรวมกันมากกว่า 1 ล้านตัน และในนาม สภาอาชีพเกษตรกร ของชาวสวนลำไยภาคเหนือได้ดำเนินการขอรับการช่วยเหลือเยียวยาภายหลังฤดูการเก็บเกี่ยว ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-กันยายน 2564 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำ ขาดแคลนแรงงาน การส่งออกลำไยมีปัญหา ปุ๋ยยามีราคาแพง ชาวสวนลำไยขาดทุนอย่างแสนสาหัส และได้นำปัญหาดังกล่าวเสนอต่อ คณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยื่นหนังสืขอความช่วยเหลือเยียวยาต่อผู้ว่าราชการจังหวัดใน 8 จังหวัดภาคเหนือ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา และในวันนี้พวกเราผู้นำเกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้รวบรวมรายชื่อ 111,000 รายชื่อ เพื่อนำเสนอต่อ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะพรรคแกนนำหลักของรัฐบาล เพื่อขอทราบคำตอบดังนี้
1. เรื่องการเยียวยาให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 25 ไร่ ในฤดูกาล ปี 2564 นี้ จะได้รับการเยียวยาเมื่อใด เพื่อที่จะได้นำเงินไปเป็นตันทุนการผลิตลำไยคุณภาพในฤดูกาล ปี 2565 ต่อไป
2. พวกเราขอนำรายชื่อผู้นำ สมาชิกและครอบครัวจำนวน 111,000 รายชื่อ พร้อมกับ (ร่าง) พ.ร.บ.ลำไย พ.ศ….เสนอต่อพรรคการเมืองและรัฐบาล เพื่อพิจารณาดำเนินการในกระบวนการทางรัฐสภาโดยด่วนที่สุดต่อไป ให้สมกับคำว่า “ลำไยคือ พืชเศรษฐกิจของภาคเหนือ ข้าวภาคกลาง ยางภาคใต้ ลำไยภาคเหนือ”

“ทางสภาอาชีพเกษตรกร ขอขอบคุณ และขอส่งกำลังใจทั้งหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นดวงเป็นกำลังใจให้ท่านผ่านอุปสรรค์ทั้งปวง และให้ท่าน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า “ลูกข้าวนึ่ง” ที่กล้าหาญและพร้อมเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในทางก้าวหน้ามาสู่ภาคเหนือของเราอย่างเป็นรูปธรรม มีเอกภาพ มีผลงานที่จับต้องได้ โดยเฉพาะการเยียวยาชาวสวนลำไยไร่ละ 2,000 บาท ซึ่งในปีที่ผ่านมา ท่านได้ช่วยเหลือพวกเราในวงเงินสูงกว่า 3,400 ล้านบาท เราเชื่อมั่นใน สโลแกนของพรรค “ใจถึงพึ่งได้” และให้ความเชื่อมั่นในเลขาธิการพรรค ‘พูดคำไหน คำนั้น พร้อมกันนี้ขอขอบคุณท่านและคณะผ่านไปยังรัฐบาล ที่มองเห็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ และได้ให้การช่วยเหลือเป็นเบื้องต้นมาโดยลำดับ การเยียวยาเป็นการ “ต่อลมหายใจ และสร้างโอกาส” การตรากฎหมาย พ.ร.บ.ลำไย คือหัวใจของเกษตรกร” นายมานะ กล่าว

ที่มา : www.facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564

ส.ส. อรุณ พปชร.เขต 4 สงขลา ฝากเรื่องด่วนถึง กรมชลฯ ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย

, ,

ส.ส.อรุณ พปชร.เขต 4 สงขลา ฝากเรื่องด่วนถึง กรมชลฯ ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือกับมรสุมคลื่นลมแรงฝนตกหนัก เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำออกทะเลอ่าวไทย สร้างเชื่อมั่นปชช.ชาวใต้ไม่เกิดน้ำท่วมซ้ำอีกเช่นทุกปี

เมื่อเร็วๆนี้ ร้อยตำรวจเอก อรุณ สวัสดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 4 จังหวัดสงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ว่าเดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม ของทุกปีภาคใต้ตอนล่างฝั่งตะวันออกฝั่งอ่าวไทยจะเกิด ลมพายุ มรสุมคลื่นลมแรงฝนตกหนักโดยเฉพาะพื้นที่ 4 อำเภอคาบสมุทรสทิงพระ ของจังหวัดสงขลา จะเกิดน้ำท่วมทุกปี และเกิดการกัดเซาะชายฝั่ง
ดังนั้นตน ผู้นำท้องถิ่น และฝ่ายปกครอง นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหา และหาทางแก้ไข..นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหา และรับทราบถึงปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากฝนที่ตกหนัก จนทำให้ได้รับผลกระทบจากการไหลผ่านของปริมาณน้ำที่มาจากจังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช ลงสู่ทะเลสาบสงขลา และส่งผลให้การระบายน้ำอาจจะไม่ทัน ทำให้น้ำล้นเข้าท่วมคาบสมุทรสทิงพระที่ครอบคลุมทั้ง 4 อำเภอดังกล่าว

ทั้งนี้ยังได้รับการรายงานจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ว่าฝนตกหนักเป็นเวลา 3 วันแล้ว ตอนนี้น้ำในคลองเริ่มเต็มลำคลอง และเอ่อล้น ต้องขอขอบพระคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลานายเจษฎา จิตรัตน์ ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันภัยฉุกเฉินอุทกภัยและวาตภัย

อีกทั้งตนยังได้เสนอแนะไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เร่งเข้ามาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อลดผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงที โดยอยากให้กรมชลประทาน ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเครื่องสูบน้ำ มาติดตั้งตามปากคลองต่างๆ ประมาณ 8-9 จุด ได้แก่ ปากคลองปากระวะ ตำบลคลองแดน วัดศาลาหลวงที่ตำบลท่าบอน คลองโคกทองเส้นโรงพยาบาลระโนด คลองปากแตระ คลองพังยาง คลองพังเค็ม ตำบลบ่อตรุ คลองช้าง ตำบลดีหลวง คลองสนามชัย คลองปะโอ เเละฝั่งทะเลสาบสงขลา ตรงปากครองระโนด ปากคลองเฉียงพง คลองโรง คลองกาหรำ คลองโคกพระ คลองเชิงแส คลองโหน คลองทุ่งบัว ซึ่งหากติดตั้งแล้วเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทยลดผลกระทบน้ำท่วมขังในพื้นที่ได้อย่างแน่นอน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564