โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: พฤศจิกายน 2023

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ลงพื้นที่เชียงใหม่ระดมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติการรับมือไฟป่า แก้ปัญหาหมอกควัน-PM 2.5 “แม่นยำ รวดเร็ว ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ”

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ลงพื้นที่เชียงใหม่ระดมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติการรับมือไฟป่า
แก้ปัญหาหมอกควัน-PM 2.5 “แม่นยำ รวดเร็ว ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ”

พล.ต.อ.พัชรวาท ลงพื้นที่ กำกับ ติดตาม เตรียมความพร้อม ระดมสรรพกำลัง รับมือไฟป่า-หมอกควันภาคเหนือล่วงหน้า ย้ำให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติการด้วยความ “แม่นยำ รวดเร็ว ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ”

วันนี้ 8 พฤศจิกายน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจเยี่ยม มอบนโยบาย ติดตามการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 17 จังหวัด เร่งรัดการดำเนินมาตรการเพื่อลดฝุ่นควัน PM2.5 ทั้งระบบให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติการด้วยความ “แม่นยำ รวดเร็ว ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ”

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า สถานการณ์ปี 2566 เกิดฝุ่น PM2.5 และจุดความร้อนมีปริมาณสูงกว่าปีที่ผ่านมา และในปี 2567 คาดว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ จะทำให้สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง มีความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงได้ตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมี ตน เป็นประธาน และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานคนที่ 2 และเร่งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับพื้นที่เพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่งหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ทส. ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อรับสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมระดมความร่วมมือจากหน่วยงาน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 17 จังหวัด เพื่อดำเนินมาตรการป้องกัน ลดฝุ่นควัน PM2.5 ทั้งระบบ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นที่คาดว่าจะรุนแรงได้อย่างทันท่วงที

พล.ต.อ. พัชรวาท กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงาน ได้เน้นย้ำให้เกิดการสื่อสารในทุกระดับของภาครัฐโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานต้องเข้าใจแนวทางปฏิบัติที่จะควบคุมให้ลดการเผาไหม้ทั้งในพื้นที่เกษตรเผาไหม้ซ้ำซาก ในส่วนของพื้นที่ป่า จะมุ่งเป้าไปที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ ที่มีสถานการณ์ไฟป่ารุนแรงโดยเฉพาะพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

โดยมาตรการป้องกันไฟป่า เน้นย้ำมาตรการ “ตรึงพื้นที่ ให้มีจุดเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในทุกพื้นที่ป่า เราจะมีการจัดระเบียบการเก็บหาของป่าโดยอนุญาตเฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้น โดยผ่านการลงทะเบียนรายบุคคลในพื้นที่และปิดป่าเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง” โดยก่อนห้วงฤดูไฟป่าให้มีการจัดการเชื้อเพลิงในห้วงเวลาที่เหมาะสม ให้ตั้งจุดเฝ้าระวังเพื่อกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าอนุรักษ์จะต้องมี จุดตรวจ/จุดสกัด เพื่อมิให้เกิดการลักลอบเผาป่า เมื่อเข้าห้วงสถานการณ์ฤดูไฟป่าจะต้องมีผู้บังคับบัญชาเหตุการณ์ในระดับพื้นที่ มีกำลังพล และเครื่องมือพร้อมปฏิบัติในการดับไฟป่าและสามารถสับเปลี่ยนกำลังระดมพลช่วยกันดับไฟป่าได้อย่างทันท่วงทีโดยผ่าน war room ระดับพื้นที่ และดึงหมู่บ้านเครือข่ายดับไฟป่า (อาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช : อส.อส.) มาร่วมในการดับไฟป่าด้วย โดยมีเป้าลดพื้นที่ไฟไหม้ลดลง 50 % จากปี พ.ศ.2566

นอกจากนี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าฝุ่นสูงจนระดับวิกฤต คือ หมอกควันข้ามแดน จึงสั่งการให้ทส.กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ ประสานงานและเจรจาขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในระดับอาเซียน และระดับพหุภาคี เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างเต็มที่ การแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นต้องทั่วถึง ทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้อง

พล.ต.อ. พัชรวาท ยังได้ตรวจความพร้อมของหน่วยงานทุกหน่วยปฏิบัติการ และกล่าวขอบคุณพร้อมให้กำลังใจกำลังพลและเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 ซึ่งรัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และยังได้แสดงความชื่นชมทุกในการเสียสละแรงกาย และแรงใจ เพื่อชาติ บ้านเมือง และประชาชน โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 อย่างเต็มที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤศจิกายน 2566

“อัคร ทองใจสด”เผย “พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ’ ฉบับใหม่ คือความหวังของครูทั้งประเทศ เชื่อ จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบการศึกษาไทย

,

“อัคร ทองใจสด”เผย “พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ’ ฉบับใหม่ คือความหวังของครูทั้งประเทศ เชื่อ จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบการศึกษาไทย

นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ตนได้ร่วมงานประชุมสามัญข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำปีการศึกษา 2566 ของอำเภอวิเชียรบุรี ซึ่งจากการรับฟังและพูดคุยกับคุณครูหลายๆท่าน ทางคุณครูกำลังรอคอยพรบ.การศึกษาฉบับใหม่ที่เป็นความหวังของข้าราชการครู เพราะจะเน้นในเรื่องของคุณภาพผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยเน้นการเรียนแบบ Active Learning ให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง

นายอัคร กล่าวต่อว่า การเรียนในยุคต่อไปต้องวัดกันที่ภูมิปัญญาของเด็ก วัดความถนัดของเด็ก โดยหน้าที่ของครูจะเปลี่ยนจาก Teacher มาเป็น Coaching เพื่อให้เด็กเห็นในสิ่งที่ตนเองถนัด และสอนในเชิงแนะแนวว่า คุณควรเดินทางไปทางไหนในชีวิต โดยเรื่องนี้ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหาก พรบ.ฉบับนี้ผ่าน สิ่งที่ต้องขอฝากทางกระทรวงศึกษาธิการก็คือ กระบวนการพัฒนาครูให้เข้าสู่ระบบการสอนในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการศึกษาของไทย และอนาคตของเยาวชนไทย

นายอัคร ยังกล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันปัญหาของครูที่ได้รับเสียงสะท้อนมาก็คือ เงินเดือนครูธุรการที่ได้รับไม่เท่ากัน และการที่คุณครูธุรการ1 คนมีหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบหลายโรงเรียน ซึ่งเรื่องนี้ตนจะหาข้อมูลและดำเนินการประสานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเร่งแก้ปัญหา ทั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณคุณครูทุกๆท่านที่คอยเสียสละ และอบรมสั่งสอนเด็กๆให้เป็นเยาวชนที่ดีเพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศเราต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤศจิกายน 2566

“นายกเศรษฐา” แต่งตั้ง “พล.ต.อ.พัชรวาท” นั่งประธานคณะกรรมการแก้ฝุ่น PM2.5

,

“นายกเศรษฐา” แต่งตั้ง “พล.ต.อ.พัชรวาท” นั่งประธานคณะกรรมการแก้ฝุ่น PM2.5

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่อง PM2.5 เพราะเรากำลังเข้าสู่ฤดูของ PM2.5 โดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 อย่างใกล้ชิด ภายหลังพบว่า สถานการณ์ ฝุ่นเริ่มกลับมามีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชน ตนได้กำชับกรมควบคุมมลพิษให้เตรียมการรับมือและป้องกัน รวมทั้งให้มีการแจ้งเตือนประชาชนให้ทันท่วงที

จากการรายงานค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน Air4Thai ซึ่งรายงานสภาพอากาศเป็นรายชั่วโมงสำหรับพื้นที่ที่มีสถานการณ์วิกฤติ และรายงานเป็นรายวันกราฟคุณภาพอากาศย้อนหลัง 7 วัน โดยใช้ข้อมูลจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษทั่วประเทศ ขณะเดียวกันศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ได้มีการพยากรณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้า 7 วัน เพื่อให้ประชาชนสามารถเตรียมรับมือกับปัญหาได้

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า จากการรายงานในวันนี้ พบว่าปริมาณฝุ่นพิษในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเริ่มลดลง ปรับจากสีส้มเป็นสีเหลือง สีเขียว และในบางพื้นที่เป็นสีฟ้า ซึ่งเป็นจุดที่ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เนื่องจากมีลม ทำให้ฝุ่นขนาดเล็กไม่สะสมในพื้นที่ ส่วนในภาคอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน สภาพอากาศดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในระยะ 7 วัน คาดการณ์ว่าสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง

“อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนได้ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด ผ่านแอปพลิเคชัน Air4Thai ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบแอนดรอยด์และ IOS ซึ่งมีการรายงานที่รวดเร็ว แม่นยำ เชื่อถือได้ หรือจะติดตามการรายงานของ ศกพ.ที่จะมีประจำทุกวัน ผ่านช่องทาง Facebook live และผ่านทางแฟนเพจกรมควบคุมมลพิษ จะได้รับทราบข่าวสารเพื่อนำไปวางแผนในชีวิตประจำวันได้” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 พฤศจิกายน 2566

“ชนน​พัฒ​ฐ์​” จัดโครงการดูแลรถมอเตอร์ไซค์ให้ ปชช.หวังลดอุบัติเหตุในพื้นที่ พร้อมลุยแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง ต. ม่วงงาม

,

“ชนน​พัฒ​ฐ์​” จัดโครงการดูแลรถมอเตอร์ไซค์ให้ ปชช.หวังลดอุบัติเหตุในพื้นที่ พร้อมลุยแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง ต. ม่วงงาม

นายชนน​พัฒ​ฐ์​ นาค​สั้ว สส.สงขลา เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้สนับสนุนโครงการ​ศูนย์อาชีวะจิตอาสาช่วยประชาชน ร่วมกับวิทยาลัยการอาชีพสิงหนคร (รัตน์ ประธานราษฎร์นิกร)และ สถานีตำรวจภูธรม่วงงาม
เพื่อดูแลรถมอเตอร์ไซค์ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซม​ไฟท้าย ตรวจระบบไฟหน้า ไฟเลี้ยว
ถ้าไฟเสียเราก็ทำการเปลี่ยนหลอดไฟให้ หรือสำหรับรถที่เข้าเกณฑ์​เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็สามารถทำโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

“ไฟท้ายรถมอเตอร์ไซค์ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากในการขับขี่ รถที่ไฟท้ายไม่ติดในช่วงเวลากลางคืนจะเป็นอันตราย​ต่อผู้ใช้รถและคนรอบข้าง อุบัติเหตุ​หลายครั้งก็มาจากปัญหานี้ ผมเลยคิดโครงการเปลี่ยนไฟรถมอเตอร์ไซค์​ ฝให้สำหรับชาวบ้านเพื่อความปลอดภัย ในการใช้รถในเวลากลางคืน”นายชนน​พัฒ​ฐ์​ กล่าว

นอกจากนี้ นายชนนพัฒฐ์ ยังได้ลงพื้นที่ดูแลความเดือดร้อนน้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลม่วงงาม หมู่ที่ 3 โดยได้นำรถแบคโฮและเครื่องจักรในการขุดลอกคูระบายน้ำให้น้ำสามารถไหลลงสู่ทะเลได้สะดวก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งตนพร้อมแก้ไขทุกเรื่องที่จะทำให้ชาวบ้านอยู่ดีกินดี มีฐานความสุขที่ดีขึ้น และหลุดพ้นปัญหาต่างๆ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤศจิกายน 2566

“รมว.ธรรมนัส” เดินหน้า 3 นโยบาย ขับเคลื่อนการดำเนินงานของ กยท. มุ่งสร้างเสถียรภาพยาง ปราบปรามการนำเข้ายางผิดกฎหมาย ประสานภาคเอกชนร่วมลงทุน

,

“รมว.ธรรมนัส” เดินหน้า 3 นโยบาย ขับเคลื่อนการดำเนินงานของ กยท. มุ่งสร้างเสถียรภาพยาง ปราบปรามการนำเข้ายางผิดกฎหมาย ประสานภาคเอกชนร่วมลงทุน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายขับเคลื่อนการบริหารยางพารา โดยมีนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารระดับสูงของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นำโดย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ กยท. คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย พนักงานในสังกัด ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกันตัง กยท. สำนักงานใหญ่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ต้องการมาพบปะและหาแนวทางการขับเคลื่อนงานร่วมกัน ซึ่งต้องการให้ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการการทำงานไปพร้อมกัน โดยมุ่งเน้น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
1) การปรับสมดุลปริมาณยางพาราในประเทศ ได้มอบหมายให้ กยท. ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร ตรวจสอบสต็อกยางพาราให้ตรงกัน รวมถึงให้ตรวจสอบจำนวนสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและไม่ขึ้นทะเบียน เพื่อจัดทำเป็น Big data ใช้ในการบริหารจัดการยางให้เกิดเสถียรภาพ
2) การปราบปรามการนำเข้าสินค้าภาคการเกษตรมาสู่ราชอาณาจักรแบบผิดกฎหมาย จะต้องเอาจริงเอาจัง และมีบทลงโทษอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้กระทำผิด และ
3) ดึงภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนกับ กยท. โดยมีแนวทางในการสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางพารา เช่น ยางล้อรถยนต์ เป็นต้น เพื่อใช้ในส่วนราชการ และใช้ภายในประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการส่งยางออกนอกราชอาณาจักรด้วย

“อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าภายใต้การกำกับดูแลของผู้บริหาร กยท. จะสามารถเดินหน้าหามาตรการต่าง ๆ มาขับเคลื่อนให้ราคายางดีดีกว่านี้ เพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางอยู่ดีกินดี และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวสวนยางให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤศจิกายน 2566

“สส.สัมพันธ์”เยี่ยมคารวะ“รองนายกรัฐมนตรี” มาเลเซีย หารือแนวทางผลักดันพัฒนาพื้นที่ติดต่อทางชายแดนไทย-มาเลเซีย เชื่อเป็นของขวัญให้ ปชช.ทั้ง 2 ประเทศ

,

““สส.สัมพันธ์”เยี่ยมคารวะ“รองนายกรัฐมนตรี” มาเลเซีย หารือแนวทางผลักดันพัฒนาพื้นที่ติดต่อทางชายแดนไทย-มาเลเซีย เชื่อเป็นของขวัญให้ ปชช.ทั้ง 2 ประเทศ

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส. นราธิวาส เขต 3 และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ตนได้เข้าเยี่ยมคารวะ ท่านดาโต๊ะ ศรี ฮัจญี ฟาดิลละห์ บิน ฮัจญี ยูโซ๊ะ (YAB Dato’ Sri Haji Fadillah Bin Haji Yusof) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเพาะปลูกและสินค้าโภคภัณฑ์ (Timbalan Perdana Menteri Dan Menteri Perladangan Dan Komoditi) ณ อาคารรัฐสภามาเลเซีย เพื่อหารือถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบการคมนาคมขนส่งเชื่อมต่อไทยและมาเลเซีย ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า การค้าชายแดนบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย ในอำเภอตากใบและอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องร่วมกันไว้ ทั้งนี้จะเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้า การขนส่งสินค้าข้ามแดน การเดินทางของประชาชน การส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เป็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และประชาชนอย่างแท้จริง ตามแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม

“การหารือในวันนี้นั้นเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุผลสำเร็จทั้งโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส – เปิงกาลันกูโบร์ รัฐกลันตัน มาเลเซีย และโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก (ไทย-มาเลเซีย) แห่งที่ 2 อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส – เมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย”นายสัมพันธ์ กล่าว

นายสัมพันธ์ เปิดเผยด้วยว่า ดาโต๊ะ ศรี ฮัจญี ฟาดิลละห์ เห็นพ้องต้องกันที่จะร่วมมือผลักดันการพัฒนาพื้นที่ติดต่อทางชายแดนของจังหวัดชายแดนภาคใต้ประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางสัญจรของประชาชน การเพิ่มประสิทธิภาพทางการค้าชายแดน การลงทุนและการท่องเที่ยว ซึ่งตั้งความหวังว่า โครงการที่ขับเคลื่อนร่วมกันจะเป็นของขวัญให้กับประชาชนทั้งสองประเทศที่ดีที่สุด และท่านได้ให้เกียรติตอบรับคำเชิญ พร้อมที่จะเยือนจังหวัดนราธิวาส ประเทศไทย ในโอกาสอันใกล้นี้เพื่อส่งเสริมมิตรภาพอันแน่นแฟ้นและยาวนานระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566

“รมว.ธรรมนัส” เดินหน้าสร้างกลไกตลาดเพิ่มรายได้เกษตรกรพื้นที่สูง ลดปัญหาความยากจนมุ่งแก้ฝุ่น PM2.5 ยั่งยืน

,

“รมว.ธรรมนัส” เดินหน้าสร้างกลไกตลาดเพิ่มรายได้เกษตรกรพื้นที่สูง ลดปัญหาความยากจนมุ่งแก้ฝุ่น PM2.5 ยั่งยืน

ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามการดำเนินงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการพัฒนาพื้นที่สูง เช่น การแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อีกทั้งยังเยี่ยมชมจุดเรียนรู้ ได้แก่ พืชสวนและความหลากหลายทางชีวภาพ พระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่องมากจากพระราชดำริ และศิลปวัฒนธรรมล้านนา โดยมีนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับสถานการณ์การเผาและหมอกควันในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง และพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง เกิดจุดความร้อน (Hotspot) ช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม ใน ปี 2566 พื้นที่ดำเนินงานศูนย์พัฒนาโครงการหลวง 39 แห่ง พื้นที่ 1,680,599.48 ไร่ พบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ป่าไม้ 1,220 จุด พื้นที่เกษตร 349 จุด และพื้นที่ดำเนินงานฯ โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง 44 แห่ง พื้นที่ 6,269,094.43 ไร่ พบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ป่าไม้ 6,042 จุด และพื้นที่เกษตร 1,726 จุด
กระทรวงเกษตรฯ โดย สวพส. มีแนวทางในการจัดการแก้ไขปัญหาการเผาและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 บนพื้นที่สูง โดยมีอำเภอแม่แจ่ม เป็นพื้นที่ต้นแบบในการแก้ไขปัญหาความยากจนและการเผาพื้นที่สูง ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ 1) จัดทำแผนที่ดินของเกษตรกรรายแปลงเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการกำหนดขอบเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน แบ่งแยกพื้นที่ป่าและที่ทำกิน วางแผนพัฒนาชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ให้เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการ ระเบียบ และกฎหมาย แก้ไขปัญหาอย่างพุ่งเป้า ตรงตามบริบทพื้นที่ ปัญหาและความต้องการของชุมชน 2) การสนับสนุนชุมชนป้องกันไฟป่า ส่งเสริมและสนับสนุนสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ในการป้องกันไฟป่า อนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธาร 3) การจัดการเศษวัสดุการเกษตร (ชีวมวลอัดแท่ง/ปุ๋ยอินทรีย์) สนับสนุนชุมชนโดยการรับซื้อเศษวัสดุการเกษตรภายใต้ข้อตกลงและราคาที่เหมาะสมเพื่อนำไปผลิตชีวมวลอัดเม็ด 4) การส่งเสริมด้านอาชีพ ด้วยเกษตรมูลค่าสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง และตลาดนำการผลิต
5) การพัฒนามาตรฐาน GAP PM2.5 Free และ 6) การเพิ่มช่องทางการตลาดผลผลิต (green product)

นอกจากนี้ ยังได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานใรสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งกรมวิชาการเกษตร ได้เตรียมดำเนินโครงการส่งเสริมการจัดการเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 สำหรับภาคเกษตรอย่างยั่งยืน ภายใต้มาตรฐานการผลิตพืช มีแนวทางการขับเคลื่อนของกรมวิชาการเกษตร ในการเพิ่มมูลค่า เพิ่มแรงจูงใจ (เกษตรพันธะสัญญา) และเร่งการย่อยสลายตอซังข้าวโพด โดยใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลายวัสดุอินทรีย์ มุ่งดำเนินการทั้งในเรื่อง มาตรฐานการผลิตพืช GAP PM 2.5 FREE การปรับเปลี่ยนพื้นที่สูง โดยการเปลี่ยนพืชปลูก (กาแฟ มะคาเดเมีย อะโวกาโด) และการเปลี่ยนพฤติกรรม กรณีปลูกพืชเดิม (ข้าวโพด) และการปรับเปลี่ยนบนพื้นราบ โดยการปลูกข้าวโพดทดแทนพื้นที่สูง บนพื้นที่นอกเขตชลประทาน/ไม่เหมาะสมสำหรับนาปรัง
“การลงพื้นที่ในวันนี้ ต้องการมาศึกษารูปแบบการจัดงานพืชสวนโลกของจังหวัดเชียงใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล และกลายเป็นมรดกของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะนำมาเป็นแนวทางในการจัดงานพืชสวนโลกของจังหวัดอุดรธานีต่อไป นอกจากนี้ ยังต้องการมาติดตามการขับเคลื่อนงานของ สวพส. โดยมุ่งเน้นในเรื่องการส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่สูง ต้องการให้เค้ามีงาน มีอาชีพ โดยใช้ตลาดนำ จึงได้มอบหมายทุกหน่วยงานในสังกัดร่วมบูรณาการทำงาน ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความมั่นคงและแก้ไขปัญหา PM 2.5 ได้” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566

”จีรเดช- อนุรัตน์ สส.พะเยา“ลุยพบปะชาวบ้านในพื้นที่ ชี้แจงนโยบายโฉนดที่ดิน สปก.มั่นใจถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือกันประเทศก้าวไปข้างหน้าได้แน่นอน

,

”จีรเดช- อนุรัตน์ สส.พะเยา“ลุยพบปะชาวบ้านในพื้นที่ ชี้แจงนโยบายโฉนดที่ดิน สปก.มั่นใจถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือกันประเทศก้าวไปข้างหน้าได้แน่นอน

นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนและนายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2 ได้รับการประสานจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ สส.พะเยา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่พบปะผู้นำท้องที่และท้องถิ่นในพื้นที่ จ.พะเยา เขต3 ซึ่งมีอำเภอดอกคำใต้ อำเภอปง อำเภอเชียงม่วน เพื่อรับทราบปัญหาความต้องการในเรื่องของแหล่งน้ำ ตลอดจนชี้แจงแนวนโยบายโฉนดที่ดิน สปก.โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกรมชลประทาน
สำนักงานปฏิรูปที่ดิน(สปก)และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทสจ) เข้าร่วมชี้แจงและหาแนวทางในการแก้ไขในครั้งนี้

“ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาก็ได้ถือโอกาสที่มีเวลาว่างเว้นจากการเข้าร่วมประชุม ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนชาวบ้าน พร้อมทั้งร่วมกันหารือถึงแนวทางการพัฒนาและขจัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดพะเยา ผมต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ประสานร่วมมือกันเป็นอย่างดี โดยมีเป้าหมายเพื่อขจัดปัญหา และขับเคลื่อนทุกการพัฒนาจังหวัดของเราให้ก้าวไปข้างหน้า“นายจีรเดช กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 พฤศจิกายน 2566

“อามินทร์”หนุน นโยบายรักษาความสงบเรียบร้อย ก.มหาดไทย วอน ปชช.ให้ความร่วมมือกับ จนท.รัฐ ช่วยกันลดความรุนแรงในสังคมเพื่อชีวิตที่ดีของลูกหลาน

,

“อามินทร์”หนุน นโยบายรักษาความสงบเรียบร้อย ก.มหาดไทย วอน ปชช.ให้ความร่วมมือกับ จนท.รัฐ ช่วยกันลดความรุนแรงในสังคมเพื่อชีวิตที่ดีของลูกหลาน

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงกรณีนโยบายการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของกระทรวงมหาดไทยว่า ถือเป็นนโยบายที่จะเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับสังคมไทย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ผู้ลักลอบครอบครองอาวุธปืน หากสามารถทำได้จริงปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชนก็จะไม่เกิดขึ้นอีก สังคมไทยจะเป็นสังคมที่น่าอยู่ ประชาชนและนักท่องเที่ยวก็ไม่ต้องมาหวาดระแวงกับภัยอันตราย สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข

“วันนี้ถือเป็นวันที่เริ่มจัดระเบียบสังคมพร้อมกันทั่วประเทศ แต่กฎหมายจะศักดิ์สิทธิ์และเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้ ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ ๆ มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้ที่ฝ่าฝืนในทันที จะเป็นการช่วยกันสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับสังคม เพื่อรักษาความมั่นคง สร้างความสุขให้กับประชาชนและประเทศชาติได้“นายอามินทร์ กล่าว

นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืน ความรุนแรง การพนัน ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่สามารถกวาดล้างให้หมดไปจากสังคมได้ วันนี้คงไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพียงฝ่ายเดียว ประชาชนทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐด้วย อย่างผู้ที่ครอบครองแบลงค์กัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน ก็ขอให้ไปแสดงตนต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่ด้วย ถ้าเราร่วมมือกันคนละเล็กละน้อย ปัญหาความรุนแรงในสังคมก็จะลดลง สภาพสังคมไทยก็จะดีขึ้น เพื่อลูกหลานของพวกเราในอนาคต

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 พฤศจิกายน 2566