โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: กุมภาพันธ์ 2023

“รมว.ชัยวุฒิ” โชว์ศักยภาพ ขับเคลื่อนดิจิทัลไทยเวทีเทคโนโลยีโลก หนุนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ดันไทยเป็นหนึ่งในอาเซียน

,

“รมว.ชัยวุฒิ” โชว์ศักยภาพ ขับเคลื่อนดิจิทัลไทยเวทีเทคโนโลยีโลก หนุนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ดันไทยเป็นหนึ่งในอาเซียน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุม GSMA Ministerial Programme ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2566 เมืองบาร์เซโลนา ราชอาณาจักรสเปน ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงาน Mobile World Congress 2023 (MWC2023) นับเป็นงานประชุมนานาชาติและนิทรรศการด้านการสื่อสารไร้สายและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี ในหัวข้อ Innovation underpins the creation of new digital products and services and their application in the digital economy ซึ่งประเทศไทยได้รีบเกียรติจากคณะกรรมการ GSMA ให้กล่าวปาฐกถาเเสดงความเห็น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลของไทย ได้นำเสนอนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2561 – 2580 ซึ่งมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็น Digital Thailand และกล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยีปัจจุบันที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ อาทิ เทคโนโลยี Big Data, AI และ Blockchain นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่โครงการที่สำคัญของไทยที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อน อาทิ Smart City Thailand และ Thailand Digital Valley รวมถึงเน้นย้ำนโยบายของรัฐบาลไทยในการป้องกันและปราบปราม Online scams และ แก๊งคอลเซนเตอร์

โดยในช่วงบ่าย Mr. Sigve Brekke CEO ของ บริษัท เทเลนอร์ กรุ๊ป ได้ขอเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เพื่อนำเสนอการดำเนินงานขององค์กร และการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย และได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนภาคเอกชนมาโดยตลอด และพร้อมจะหาแนวทางความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการในประเทศไทยต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2566

“มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง”!!! “พล.อ.ประวิตร” หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง ช่วยชุมชนให้มีน้ำดื่มฟรี ลดรายจ่ายครัวเรือน

,

“มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง”!!! “พล.อ.ประวิตร” หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง ช่วยชุมชนให้มีน้ำดื่มฟรี ลดรายจ่ายครัวเรือน

เมื่อ 27 ก.พ.66 ,16.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมด้วย รมว.ศธ. ,รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า-บ่าย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม กพต. และพบปะผู้นำศาสนา-ชุมชนในพื้นที่ จ.สตูล ต่อจากนั้นในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางต่อไปยัง จ.ตรัง เพื่อติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ณ บ้านพรุท่อม ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานภาพรวมในพื้นที่ของจังหวัด ต่อด้วย รองเลขาฯสทนช. นำเสนอแผนงานด้านทรัพยากรน้ำและการคาดการณ์สถานการน์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รายงานสรุปโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ซึ่งเป็นโครงการน้ำบาดาลเพื่ออุปโภค-บริโภค งป.ปี65 ความลึกเจาะ 90 ม.ได้ปริมาณน้ำ กว่า 20 ลบ.ม./ชม. ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายจากที่เคยซื้อน้ำดื่มได้ปีละ 1.8ล้านบาท 500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายที่สำคัญแก่ สทนช. ให้เร่งบูรณาการหน่วยงาน ติดตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง อย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับ จังหวัด กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมชลประทาน เร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงและจัดหาแหล่งน้ำสำรอง ทั้งบนดิน ใต้ดิน รองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคต เพื่อยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทั่วถึง จากนั้นได้พบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก และรับฟังข้อคิดเห็นจากชาวบ้าน อย่างใกล้ชิด สร้างความประทับใจให้กับประชาชน และรู้สึกดีใจ ที่ท่านใจดี ให้ความเป็นกันเอง ไม่ถือตัว โดยมีมวลชนจำนวนมาก เชียร์ให้กำลังใจ เพราะเห็นถึง ความทุ่มเท ตั้งใจ เสียสละ ทำงานหนักเพื่อประชาชน อย่างแท้จริง และอยากให้ท่านเป็นนายกฯ คนต่อไปด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร พบปะชาวบ้านอุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้งอีกต่อไป มั่นใจเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

,

พล.อ.ประวิตร พบปะชาวบ้านอุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้งอีกต่อไป มั่นใจเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรราชธานี, จ.หนองคาย และจ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด

โดยในช่วงเช้า เดินทางไปยัง โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรฯ มีนาย วันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัด. ให้การต้อนรับและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ จ.อุดรฯ จากเลขาฯ สทนช. ซึ่ง จ.อุดรฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการปี 61-65 ประชาชนได้รับประโยชน์ 55,586 ครัวเรือน จากงบกลางปี65 ได้รับประโยชน์ 1,045 ครัวเรือน งบบูรณาการฯ ปี66 จะได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน งบตามแผนปฏิบัติการปี 67 ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 53,175 ครัวเรือน และโครงการสำคัญอีก 6แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 43,500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ สทนช. กรมชลประทาน และจังหวัด เร่งบูรณาการบริหารจัดการน้ำให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะ 10 มาตรการฤดูแล้ง ให้เข้มงวดตามนโยบาย พร้อมเร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชียง (ตอนบน) เพื่อช่วยยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ ให้ชาวบ้านและเกษตรกรให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ตลอดปี ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินพบปะ และรับฟังข้อคิดเห็นจาก พี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับจำนวนมาก อย่างใกล้ชิด ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ พล.อ.ประวิตร เป็นที่ระลึก สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้าน ที่มาร่วมกิจกรรมในโอกาสนี้ นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ยืนยันกับชาวบ้าน ว่าจะไม่ให้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งในอีสาน อีกต่อไป ซึ่งได้มีกลุ่มชาวบ้านถือป้ายชูให้กำลังใจลุงป้อม และ อยากหนุนให้เป็นนายกฯของคนอีสานด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“รมช.สันติ” เปิดลิส ปชช.ได้บัตรสวัสดิการประชารัฐ 14.5 ล้านคน ดีเดย์ 1 มี.ค.นี้ประกาศชื่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

,

“รมช.สันติ” เปิดลิส ปชช.ได้บัตรสวัสดิการประชารัฐ 14.5 ล้านคน
ดีเดย์ 1 มี.ค.นี้ประกาศชื่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนประชารัฐสวัสดิการฯ ครั้งที่ 2/2566 มีการรายงานให้ทราบว่า มีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ทั้งหมด 22 ล้านคน และพบว่า มีประชาชนกรอกข้อมูลไม่ครบ 1.2 ล้านคน เมื่อส่งข้อมูลให้กรมการปกครองตรวจสอบ ไม่ผ่านคุณสมบัติ 1 ล้านคน รอบแรกจึงมีผู้ผ่านคุณสมบัติ 19 ล้านคน และได้ส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการ 6 หน่วยงานเพื่อไปตรวจสอบ ทั้งเรื่องทรัพย์สิน ที่ดิน บัญชีเงินฝาก พบว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ 5 ล้านคน ทำให้เหลือผู้ผ่านเกณฑ์ 14.5 ล้านคน

“จะมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติรับสิทธิบัตรคนจน 14.5 ล้านคน ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ซึ่งผู้ที่ผ่านเกณฑ์สามารถยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน และสามารถใช้ได้จริงในเดือนเมษายน 2566 ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์สามารถยื่นอุทธรณ์ที่ธนาคารกรุงไทย ภายใน 60 วัน หลังมีการประกาศรายชื่อ คาดว่าผลการอุทธรณ์จะทราบในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 เมื่อผู้ที่ยื่นอุทธรณ์ผ่านเกณฑ์แล้วจะได้รับสิทธิบัตรคนจนย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2566” นายสันติ กล่าว

อย่างไรก็ตามธนาคารกรุงไทยเป็นผู้รับตรวจสอบในการเป็นฐานข้อมูล และไม่ได้ให้รายละเอียดของผู้ที่ไม่ผ่านสิทธิกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากกลัวจะผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือพีดีพีเอ ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงต้องประกาศผู้ที่ผ่านเกณฑ์ 14.5 ล้านคน ก่อนเพื่อไม่ให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์สามารถใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์กับธนาคารกรุงไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“ดร.ศันสนะ” ลุย เขตธนบุรี-คลองสาน พร้อมพัฒนายกระดับ ศักยภาพพื้นที่ เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงรายได้เข้าสู่ชุมชนสร้างศก.ประเทศ

,

“ดร.ศันสนะ” ลุย เขตธนบุรี-คลองสาน พร้อมพัฒนายกระดับ ศักยภาพพื้นที่
เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงรายได้เข้าสู่ชุมชนสร้างศก.ประเทศ

ดร.ศันสนะ สุริยะโยธิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยว ว่า ภายหลังจากจีนเปิดประเทศ และประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางหลักที่นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากให้ความสนใจที่จะเดินทางมา ซึ่งถือว่ามีความสำคัญกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่จะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่ประเทศ และยังจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ

ดร.ศันสนะ กล่าวต่อว่า ตนมองว่าการที่นักท่องเที่ยวจีนและอีกหลายประเทศเริ่มกลับเข้ามาในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีกับการท่องเที่ยวของไทย ที่จะทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเข้าสู่ประเทศจำนวนมาก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่การท่องเที่ยวไทยต้องหยุดชะงักไปเพราะสถานการณ์โควิดมาหลายปี

“เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ผมจึงมีนโยบายเพื่อพัฒนาพื้นที่ในเขตธนบุรีและคลองสาน รวมถึงพื้นที่ทั่วทุกเขตในกรุงเทพฯให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก เพื่อสร้างอาชีพ และสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องในพื้นที่ รวมทั้งยังเป็นการผลักดัน softpower ด้านการท่องเที่ยวและทุนทางวัฒนธรรม ให้เกิดเป็นของดีฝั่งธนฯ โดยได้มีสร้างองค์ความรู้ภาษาจีน การจัดอบรมภาษาจีน การทำป้ายแหล่งท่องเที่ยวภาษาจีน รวมทั้งจัดอาสาสมัครไกด์ภาษาจีน เพื่อนำเที่ยวจุดต่างๆ ที่น่าสนใจทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะฝั่งธนบุรีที่เป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ยาวนาน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร” พลิกฟื้นถิ่นอีสาน แก้ภัยแล้งสำเร็จ ลุย 3 จว. เร่งรัดโครงการสำคัญ มีน้ำใช้ยั่งยืน

,

พล.อ.ประวิตร” พลิกฟื้นถิ่นอีสาน แก้ภัยแล้งสำเร็จ
ลุย 3 จว. เร่งรัดโครงการสำคัญ มีน้ำใช้ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ อุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ พบปะชาวบ้านใกล้ชิด เป็นกันเอง รับฟังข้อคิดเห็น ยืนยัน รัฐบาลช่วยเต็มที่ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้ง อีกต่อไป

24 ก.พ.66 , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรราชธานี, จ.หนองคาย และจ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ทั้ง 3จังหวัดพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. โดยในช่วงเช้า เดินทางไปยัง โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรฯ มีนาย วันชัย คงเกษม ผวจ. ให้การต้อนรับและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ จ.อุดรฯ จากเลขาฯ สทนช. ซึ่ง จ.อุดรฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการปี61-65 ประชาชนได้รับประโยชน์ 55,586 ครัวเรือน จากงบกลางปี65 ได้รับประโยชน์ 1,045 ครัวเรือน งบบูรณาการฯ ปี66 จะได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน งบตามแผนปฏิบัติการปี67 ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 53,175 ครัวเรือน และโครงการสำคัญอีก 6แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 43,500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ สทนช.,กรมชลประทาน และจังหวัด เร่งบูรณาการบริหารจัดการน้ำให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะ 10 มาตรการฤดูแล้ง ให้เข้มงวดตามนโยบาย พร้อมเร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชียง (ตอนบน) เพื่อช่วยยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ ให้ชาวบ้านและเกษตรกรให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ตลอดปี ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินพบปะ และรับฟังข้อคิดเห็นจาก พี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับจำนวนมาก อย่างใกล้ชิด ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ พล.อ.ประวิตร เป็นที่ระลึก สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้าน ที่มาร่วมกิจกรรมในโอกาสนี้ นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ยืนยันกับชาวบ้าน ว่าจะไม่ให้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งในอีสาน อีกต่อไป ซึ่งได้มีกลุ่มชาวบ้านถือป้ายชูให้กำลังใจลุงป้อม และ อยากหนุนให้เป็นนายกฯของคนอีสาน ด้วยคุณอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“ตรีนุช” มั่นใจจังหวัดสระแก้วสร้างนวัตกรรมการศึกษาตอบโจทย์พื้นที่ พร้อมดึงทุกภาคส่วนวางระบบศึกษาสอดรับความต้องการในพื้นที่

,

“ตรีนุช” มั่นใจจังหวัดสระแก้วสร้างนวัตกรรมการศึกษาตอบโจทย์พื้นที่ พร้อมดึงทุกภาคส่วนวางระบบศึกษาสอดรับความต้องการในพื้นที่

วันนี้ (23 ก.พ. 66) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวเปิดประชุม “การขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดสระแก้ว สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ว่า จังหวัดสระแก้วเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ที่จะต้องการปฏิรูปการบริหารการศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ให้คนไทยได้เรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของพื้นที่ ตั้งเป้าให้พื้นที่หรือจังหวัดจัดระบบการศึกษาด้วยตนเอง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และมุ่งหวังให้โรงเรียนพัฒนาตนเอง ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมทั้ง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม เพื่อนำร่องการกระจายอำนาจ และ ให้อิสระแก่หน่วยงานทางการศึกษา เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพการศึกษา อย่างมีประสิทธิภาพ

รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า จังหวัดสระแก้วได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดสระแก้ว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีสถานศึกษาจากทุกสังกัด จำนวน 73 แห่ง หรือ เท่ากับ 1 ใน 4 ของสถานศึกษาทั้งหมดในจังหวัดสระแก้ว สมัครเข้าเป็นสถานศึกษานำร่อง ซึ่งตนขอชื่นชมสถานศึกษาทุกแห่งที่สมัครเข้าเป็นสถานศึกษานำร่องนับเป็นความท้าทายต่อตัวเอง และเป็นความกล้าหาญ ที่พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาให้เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัด ทีมงานการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้ริเริ่มสิ่งดีๆ ด้านการศึกษาให้แก่จังหวัดมากมาย มีการขับเคลื่อนการศึกษา เช่น โครงการพาน้องกลับมาเรียน รวมถึงการดำเนินจัดการศึกษาช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างโดดเด่น และการที่จังหวัดสระแก้วได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ก็ถือเป็นโอกาสทองของจังหวัดที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ให้ทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและยกระดับคุณภาพการศึกษาจังหวัด

“อย่างไรก็ตามช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การกระจายอำนาจทางการศึกษา ให้อิสระกับหน่วยงานในพื้นที่ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอาจต้องพบเจอปัญหา อุปสรรคการดำเนินงาน และอาจมีข้อคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกิดขึ้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายมองเห็นถึงเป้าหมายทางการศึกษาร่วมกัน คือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับเด็กๆ มีการเปิดกว้างทางความคิด มีความเป็นผู้นำ สร้างเอกภาพ เป็นทีมเวิร์ค เพื่อดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย และขอฝากให้คณะกรรมการขับเคลื่อนของจังหวัดสระแก้ว ใช้ประสบการณ์ที่มีร่วมกับประสบการณ์ในการทำงานของพื้นที่นวัตกรรมรุ่นแรกของทีมส่วนกลาง ทำให้พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาของสระแก้วสามารถสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ของพื้นที่และขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างก้าวกระโดด และความสำเร็จในการยกระดับคุณภาพศึกษาของจังหวัดสระแก้ว จะนำมาขยายผลเพื่อเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศได้ต่อไป” นางสาวตรีนุช กล่าว.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2566

“รมว.ตรีนุช” ร่วมเปิดมหกรรมไกล่เกียหนี้ครูครั้งแรกที่อีสาน เข้าเจรจาหนี้กว่า 784 ล้านบาทเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ครูทั้งระบบ

,

“รมว.ตรีนุช” ร่วมเปิดมหกรรมไกล่เกียหนี้ครูครั้งแรกที่อีสาน
เข้าเจรจาหนี้กว่า 784 ล้านบาทเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ครูทั้งระบบ

วันนี้ (23 ก.พ. 66) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยถึงผลการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค ครั้งที่ 1 จัดขึ้นที่โรงเรียนกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 18 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ว่า การจัดมหกรรมเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในภูมิภาคทุกกลุ่มที่ประสบปัญหาหนี้สินได้รับการช่วยเหลือ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายครูที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ , ขอนแก่น , มหาสารคาม และ ร้อยเอ็ด ซึ่งเปิดให้บริการไกล่เกลี่ยกรณีถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ,ปรับโครงสร้างหนี้ ,วางแผนและให้คำปรึกษาทางการเงิน รวมถึงอบรมให้ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้สิน จากพันธมิตรสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 19 แห่ง

“ผลการดำเนินงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ในช่วง 2 วันได้รับผลตอบรับจากครูเป็นอย่างดี โดยมีครูที่ได้รับการเจรจาการแก้ไขหนี้สิน จำนวน 673 ราย ได้ข้อตกลงในการเจรจาภาระหนี้สำเร็จรวมเป็นเงินประมาณ 784,661,570.43 บาท แบ่งเป็นการเจรจาแก้ไขหนี้กับธนาคารออมสิน จำนวน 596,800,668.43 บาท ธนาคารกรุงไทย จำนวน 140,596,058 บาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 39,355,944 บาท กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จำนวน 4,908,900 บาท และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด จำนวน 3,000,000 บาท รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อ การจองสิทธิกู้ใหม่ การเลือกแผนการลงทุนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และ กองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) การบริการตรวจสอบเครดิตบูโร นอกจากนี้ยังมีการอบรมให้ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินได้รับการจัดการแบบครบวงจร ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเต็มที่” นางสาวตรีนุช กล่าว.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตรฯ” พอใจผลการอนุรักษ์นิเวศน์ทางทะเล-ชายฝั่งฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาทะเลกัดเซาะลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

,

“พล.อ.ประวิตรฯ” พอใจผลการอนุรักษ์นิเวศน์ทางทะเล-ชายฝั่งฟื้นตัว
พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาทะเลกัดเซาะลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2566) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้ง 1/2566 ผ่านระบบ VTC โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิภาครัฐและภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยมีการรายงานคามคืบหน้าของสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทย ที่มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งเป็นผลสำรวจ พบแนวปะการัง 1.5 แสนไร่ สมบูรณ์มากถึงร้อยละ 52.3 และมีกว่า 280 ชนิด ด้านป่าชายเลน พบเป็นป่าสมบูรณ์จำนวน 1.74 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจาก 9 ปีก่อน 2 แสนไร่ ด้านสัตว์ทะเลหายาก พบการวางไข่ของเต่าทะเลจำนวนมากถึง 502 รัง พะยูน 261 ตัว โลมาและวาฬ 3,025 ตัว ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของทะเลไทย ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ซึ่งจะเกื้อหนุนต่อการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างรายได้และอาชีพให้ชุมชน ตลอดจนเป็นแหล่งอาหาร แหล่งทำการประมงของไทย

พร้อมรับทราบ การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ได้ดำเนินการแล้วระยะทาง 733.62 กม. จากพื้นที่ชายฝั่งที่ประสบปัญหาการกัดเซาะจำนวน 822.81 กม. เหลือเพียงระยะทาง 89.19 กม. ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แบ่งเป็นพื้นที่กัดเซาะรุนแรง ระยะทาง 11.11 กม. พื้นที่กัดเซาะปานกลาง ระยะทาง 45.03 กิโลเมตร พื้นที่กัดเซาะน้อย ระยะทาง 33.05 กม.

นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบ ร่าง แผนดำเนินงานลดผลกระทบการระบาดของโรคปะการังสีเหลือง หมู่เกาะสัตหีบ – แสมสาร จว.ชลบุรี และเกาะเต่า จว.สุราษฎร์ธานี ระยะเร่งด่วนและระยะ 5 ปี พร้อมทั้งให้เร่งจัดทำแผนอนุรักษ์พะยูนฯ ระยะที่ 2 ต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ที่ได้ผลดียิ่ง สามารถประกาศให้แหล่งอาศัยของพะยูนใน อ.ปะเหลียน จว.ตรัง เป็นพื้นที่คุ้มครองและได้จัดตั้งเครือข่ายอนุรักษ์พะยูนฯ ออกลาดตระเวนครบ ทั้ง 13 พื้นที่ โดยสามารถช่วยชีวิตพะยูนที่เกยตื้นได้ 5 ตัว โดยขอให้นำปัญหาของแผนระยะ 1 ไปพัฒนาปรับแผนให้เกิดประสิทธิภาพ

พลเอก ประวิตร กล่าวขอบคุณ คณะกรรมการฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เป็นระบบ เชื่อมโยงแก้ไขปัญหาในมิติต่าง ๆ อย่างมีพัฒนาการ โดยสามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและสร้างความสมบูรณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมากขึ้น โดยกำชับ ทส.ขอให้เร่งจัดทำแผนแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ยังคงเหลือ เพื่อรักษาพื้นที่ชายฝั่งและระบบนิเวศน์ชายฝั่งทะเลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งหนุนให้สร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้นไปพร้อมกัน โดยขอให้มุ่งการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุล รู้คุณค่าและยั่งยืน พร้อมย้ำจะต้องให้ความสำคัญ เร่งรัดดำเนินการประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่งเพิ่มเติม การแก้ไขปัญหาขยะทะเลและการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ทศวรรษแห่งมหาสมุทร ที่ประเทศไทยที่ได้รับคัดเลือก เป็นที่ตั้งสำนักงานประสานทศวรรษแห่งมหาสมุทร ให้บรรลุผลสำเร็จและเป็นรูปธรรม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2566

ตรังพร้อมลุย!! ส.ส.พปชร.ควงว่าที่ผู้สมัครเขต 1 ลงพท.เคาะทุกบ้านเข้าถึงประชาชน

,

ตรังพร้อมลุย!! ส.ส.พปชร.ควงว่าที่ผู้สมัครเขต 1 ลงพท.เคาะทุกบ้านเข้าถึงประชาชน

นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายกิตติพงศ์ ผลประยูร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต1 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่พบปะแม่ค้า ประชาชน ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง รวมทั้งลงเคาะประตูบ้านในเขตเทศบาลนครตรัง และพื้นที่รอยต่อตำบลนาตาล่วง เพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบเป็นทีมแรก แม้ยังไม่ได้มีการยุบสภาและประกาศให้มีการเลือกตั้งก็ตาม แต่เร่งทำคะแนนนำหน้าคู่แข่งเต็มรูปแบบ

โดยนายนิพันธ์จะลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนนายกิตติพงศ์ ลงสมัครระบบเขต เลือกตั้งที่ 1 แทน ชูต่อยอดนโยบายประชารัฐ จาก 300 เป็น 700 บาท และนโยบายส่วนตัวในแก้ปัญหาที่ดินให้แก่ประชาชน ซึ่งนายนิพันธ์ฯ มั่นใจตรังได้จำนวน ส.ส.พปชร. เพิ่มแน่นอน และจะเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่ก่อนยุบสภา

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #นิพันธ์ศิริธร
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2566

บรรยากาศชื่นมื่น “วิรัช”ควง”สันติ” จับคู่แด๊นซ์ ประกอบนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ “3 4 5 และ 6 7 8”

,

บรรยากาศชื่นมื่น “วิรัช”ควง”สันติ” จับคู่แด๊นซ์ ประกอบนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ “3 4 5 และ 6 7 8”

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ได้มีการเต้นประกอบนโยบายที่ทางพรรคได้ประกาศออกไปวานนี้ คือนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเพื่อสานต่อนโยบายสวัสดิการประชารัฐ โดยกำหนดเสนอแนวทางการเพิ่มเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น จำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 5,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งพรรคใช้แคมเปญ “เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8”

ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ได้เห็นความสำคัญและมีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันนโยบายเพิ่มเติมเพื่อดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ ที่เป็นบุคคลที่มีคุณค่า และเป็นผู้ที่ทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะเป็นอีกนโยบายหลักที่ใช้ในการหาเสียงที่นอกเหนือจากพรรคได้ออกนโยบายการเพิ่มเงินสวัสดิการบัตรประชารัฐเป็น 700 บาท หรือ”ลุงป้อม 700” รวมทั้งนโยบายการแก้ปัญหาที่ทำกินในแคมเปญ “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” การแก้ปัญหาน้ำ “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน”

ทั้งนี้บรรยากาศภายในพรรคพลังประชารัฐเป็นไปอย่างชื่นมื่น สนุกสนาน มีการพูดคุยระหว่างแกนนำบริหารพรรคอย่างมีความสุข


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2566

“มิ่งขวัญ” จ่อชงกก.บริหาร พปชร.ออกนโยบาย ปรับโครงสร้างลดราคาน้ำมันอุ้มปชช.หนุนศก.

,

“มิ่งขวัญ” จ่อชงกก.บริหาร พปชร.ออกนโยบาย ปรับโครงสร้างลดราคาน้ำมันอุ้มปชช.หนุนศก.

22 ก.พ.2566 นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้รับการมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้ไปศึกษาในเรื่องโครงสร้างราคาพลังงาน ว่าจะสามารถปรับลงลดเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนด้านค่าครองชีพได้อย่างไร เพราะราคาน้ำมันถือเป็นอีก 1 ในปัจจัยหลักที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้กับคนไทยได้

นายมิ่งขวัญ กล่าวต่อว่า เราจะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า และที่สำคัญที่สุดคือ ลดต้นทุน การผลิตสินค้า ทุกขั้นตอน ที่จะลดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภค บริโภคของพี่น้องประชาชนถูกลงด้วย และหากสามารถปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ได้ จะนำไปสู่การลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยในส่วนของน้ำมัน เบนซิน คาดว่าจะสามารถลดลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และน้ำมันดีเซล จะลดลงประมาณลิตรละ 6 บาท

ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวที่คำนวณ ออกมา ใช้คำว่าประมาณการณ์ เพราะราคาน้ำมันต้องอิงกับราคาดิบของตลาดโลกด้วย และ อ้างอิงกับราคาน้ำมันแต่ละประเภท และขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของราคาในแต่ละวันด้วย เช่นหากนำเอาราคาน้ำมันในวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา มาอ้างอิง โดยที่ ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ลิตรละ 44.06 เมื่อปรับลงประมาณ ลิตรละ 18 บาท คนไทยจะได้ใช้น้ำมันเบนซินที่ราคาลิตรละ 25.99 บาท เช่นเดียวกับ ราคาน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันราคา 34.43 ต่อลิตร เมื่อปรับลดลงประมาณลิตรละ 6 บาท คนไทยก็จะได้ใช้น้ำมันดีเซลที่ราคาลิตรละ 28.07 บาท

อนึ่ง นอกจาก การลดราคาน้ำมันด้วยมาตรการ ดังกล่าว ประมาณ 1 ปีแล้วเราจะมีมาตรการอื่นๆ ที่จะทำให้ประชาชน คนไทยทั้งประเทศได้ใช้น้ำมัน อย่างมีความสุขทั้งนี้ โดยตนจะได้ทำคลิปเพื่ออธิบายเหตุผล ที่มาที่ไปและมาตรการอื่นๆ เสนอให้กับ พล.อ.ประวิตรและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อกำหนดเป็นนโยบายต่อไป

ทั้งนี้ ในส่วนของราคาพลังงานชนิดอื่น ๆ ทางพรรคพลังประชารัฐจะศึกษาและดูแลให้ครอบคลุม เพราะเมื่อชื่อพรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องทำให้คนไทยมีความสุข

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2566