โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 10 กุมภาพันธ์ 2023

“พล.อ.ประวิตร” เปิดนโยบายบริหารจัดการที่ดินทำกิน-น้ำ ลั่น “มีลุง ไม่มีแล้ง” ยกเป็นวาระแห่งชาติเพื่อปชช.กินดีอยู่ดี

,

“พล.อ.ประวิตร” เปิดนโยบายบริหารจัดการที่ดินทำกิน-น้ำ ลั่น “มีลุง ไม่มีแล้ง” ยกเป็นวาระแห่งชาติเพื่อปชช.กินดีอยู่ดี

วันนี้(10 ก.พ.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวเปิดนโยบายพรรคเพิ่มเติม โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค คณะกรรมการบริหาร และคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นการเปิดนโยบายที่สำคัญของพรรคอีก 2 เรื่อง ก็คือ เรื่องน้ำ และเรื่องที่ดิน จากการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดของผม และทีมงาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เข้าไปติดตาม รับฟัง และ แก้ปัญหาน้ำ และที่ดินทั่วประเทศ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ที่ได้นำมาสู่การทำแผนแม่บท บูรณาการ 38 หน่วยงาน ทำผังน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำผิวดิน น้ำบาดาล น้ำประปา น้ำเพื่อการเกษตร ออกมาตรการฤดูแล้ง มาตรการฤดูฝน ผลงานชัด ๆ ก็คือ 3 ปีนี้ ไม่มีการประกาศพื้นที่ภัยแล้งเลย เรายืนยันว่า “มีลุง ไม่มีแล้ง”

ดังนั้น เรื่องน้ำและที่ดิน เป็นนโยบายต่อเนื่องจากนโยบายแรก ซึ่งภายหลังจากพรรคได้เปิดนโยบายในการเพิ่มเงินสวัสดิการในบัตรประชารัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี แต่นโยบายของพรรค ยังมีอีกหลายด้านที่มุ่งเน้นให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น “อยู่ดีกินดี” เพราะทุกวันนี้ ปัญหาความยากจน ยังคงมีอยู่ พรรคพลังประชารัฐ พร้อม ! ขจัดปัญหาความยากจน โดยประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาที่สำคัญ เช่น ปัญหาหนี้สิน ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ปัญหาการบริหารจัดการน้ำ และ ปัญหาที่ดินทำกิน เป็นต้น

สำหรับนโยบายที่พรรคประกาศเพิ่มเติมในวันนี้ นโยบายที่ 1 เราพร้อม ! สานต่อนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เติมน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ เพิ่มแหล่งน้ำสำรอง และแหล่งน้ำทางเลือก แก้ปัญหา น้ำแล้งน้ำท่วมซ้ำซาก จัดทำผังน้ำชุมชน จัดระเบียบทางน้ำทั่วประเทศ ยกระดับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมเผชิญภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งจะเป็นการลดความสูญเสียทั่งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืน

นโยบายที่ 2 เราพร้อม ! สานต่อนโยบายบริหารจัดการที่ดิน “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” เพื่อให้คนไทยมีที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน ด้วยการ “ปฏิรูประบบที่ดิน คืนที่ทำกินให้ประชาชน” โดย เร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทุกประเภท เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด จัดที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้คนไร้ที่ทำกินกว่า 2 ล้านราย ยกระดับธนาคารที่ดิน ตั้งศูนย์พิสูจน์และคุ้มครองสิทธิประชาชน ชะลอการดำเนินคดีและนิรโทษกรรมความผิดเกี่ยวกับที่ดิน และสังคายนากฎหมายที่ดินทั้งระบบ เพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างคุ้มค่าสูงสุดรองรับการพัฒนาประเทศ และคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2566

“วิรัช”เปิดครอสส่งพลังใจว่าที่ผู้สมัครรุ่น 7 ย้ำ”ป้อม700”ปชช.ได้ประโยชน์ ชี้แลนด์สไลด์ไม่ใช่จุดเปลี่ยนตัดสินใจลงคะแนน พร้อมหนุนขึ้นค่าตอบแทนนายกอบต.ควบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเพื่อความเท่าเทียม

,

“วิรัช”เปิดครอสส่งพลังใจว่าที่ผู้สมัครรุ่น 7 ย้ำ”ป้อม700”ปชช.ได้ประโยชน์ ชี้แลนด์สไลด์ไม่ใช่จุดเปลี่ยนตัดสินใจลงคะแนน พร้อมหนุนขึ้นค่าตอบแทนนายกอบต.ควบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเพื่อความเท่าเทียม

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้พรรคได้เปิดอบรมว่าที่ผู้สมัครรุ่น ที่ 7 โดยครั้งนี้ เน้นในเรื่องการสื่อสารและการลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยเฉพาะการนำนโยบายหลักของพรรค เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน ในสิ่งที่พรรคต้องการช่วยเหลือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกด้าน ซึ่งขณะนี้ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พปชร.ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องการเพิ่มเงินสวัสดิการประชารัฐเป็น 700 บาท หรือที่ใช้แคมเปญว่า “ป้อม 700” ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรค ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และยังมีนโยบายด้านอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างรายได้ สร้างอาชีพที่มั่นคง ให้กับประชาชนในทุกมิติ

นายวิรัช กล่าวต่อว่า พรรคยังได้แนะแนวทางเพื่อสร้างกำลังใจให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ถึงสถานการณ์การแข่งขันการเลือกตั้งที่จะมาถึง ในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแลนด์สไลด์ ที่ไม่อยากให้เกิดความกังวลใจในการลงพื้นที่ของผู้สมัคร เพราะการเกิดแลนด์สไลด์ ขึ้นอยู่กับเสียงประชาชน ไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะตัดสินใจให้กับประชาชน สำคัญที่สุดคือการทำนโยบายเข้าถึงประชาชน และได้ประโยชน์จริงหรือไม่ ซึ่งเรามั่นใจว่า พรรคมีนโยบายที่ดี และเป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแน่นอน

“สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการหาเสียงต้องระมัดระวังในเรื่องของข้อกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผิดกติกาในการหาเสียง ขณะเดียวกันต้องมีความระมัดระวังใช้คำปราศรัย ที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้ และเป็นข้อฟ้องร้องตามมา อาจทำให้เกิดผลกระทบในแง่ของการตัดสิทธิ์ ซึ่งพรรคเราเน้นการก้าวข้ามความข้ดแย้ง ตามนโยบายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญ เพราะการบริหารบ้านเมือง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป

“วิรัช”หนุนขึ้นค่าตอบแทนนายกอบต.ควบกำนัน-ผญ.บ้านเพื่อความเท่าเทียม
นายวิรัช ยังกล่าวถึงกรณีข่าวที่ระบุถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินหน้าผลักดันค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางที่จะปรับขึ้นดังกล่าวแต่ควรจะพิจารณาปรับขึ้นไปพร้อมกับค่าตอบแทนของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเพื่อความเท่าเทียมและทั่วถึง

“ผมยืนยันว่าไม่ได้ไม่เห็นด้วยแต่ ควรจะขึ้นให้ให้เท่าเทียมกันเพราะกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้าน ดูแลประชาชนภายในหมู่บ้าน ภายในตำบล คนเหล่านี้เงินเดือนน้อย เงินเดือนผู้ใหญ่บ้าน 8,000 บาท กำนัน 10,000 บาท ดังนั้นหากจะขึ้นอบต.ก็ควรจะให้เกิดความเท่าเทียมกัน เพราะเวลามีงานราชการ ทางราชการขอความร่วมมือก็บอกกำนัน*ผู้ใหญ่บ้าน ให้ไปบอกประชาชนให้มาร่วมงาน และเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการดูแลประชาชนที่ร่วมงานทั้งสิ้น ”นายวิรัชกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2566