โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

‘รมว.ธรรมนัส’ ติดตามสถานการณ์อุทกภัย จ.ขอนแก่น สั่งเร่งแก้ไขปัญหา พร้อมมอบถุงยังชีพเพื่อสร้างกำลังใจพี่น้องเกษตรกรที่ประสบภัย

,

‘รมว.ธรรมนัส’ ติดตามสถานการณ์อุทกภัย จ.ขอนแก่น สั่งเร่งแก้ไขปัญหา พร้อมมอบถุงยังชีพเพื่อสร้างกำลังใจพี่น้องเกษตรกรที่ประสบภัย

ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และให้ความช่วยเหลือ พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ โรงเรียนบ้านคำบง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ว่า ตามที่มีฝนตกหนักในช่วงคืนวันศุกร์ 15 กันยายน 2566 ต่อเนื่องถึงวันอาทิตย์ 17 กันยายน 2566 ทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จนทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำชี แม่น้ำเชิญ และลำห้วยเสือเต้น ได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอน้ำพองอำเภออุบลรัตน์ และอำเภอเมืองขอนแก่น โดยปริมาณน้ำฝนที่วัดได้ ณ อำเภอเขาสวนกวาง 53.4 มม. อำเภออุบลรัตน์ 58.0 มม. อำเภอน้ำพอง 67.8 มม. และอำเภอเมืองขอนแก่น 145 มม. ตามลำดับ ส่งผลให้มีน้ำหลากจากลำห้วยสาขา เช่น ลำห้วยเสือเต้น ลำห้วยคุนมุม ไหลหลากลงมาที่ท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ บริเวณเหนือฝายหนองหวาย ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเกินความจุของลำน้ำพอง ทำให้มีน้ำเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรบางส่วน

รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า จังหวัดขอนแก่นนั้นมีปัญหาภัยแล้ง – น้ำท่วมซ้ำซาก ต้องเร่งบูรณาการทั้งจังหวัด และยังมีหนองน้ำตื้นเขิน ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเก็บกักปริมาณน้ำได้ในปริมาณมาก แต่ก็สามารถสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ได้ เช่น โครงการแก้มลิง ที่สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง หรือไว้เป็นที่ระบายน้ำในช่วงน้ำหลาก จึงได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งศึกษาหาทางแก้ไขในระยะยาว

สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ประมาณ 7,600 ไร่ จำนวน 500 ครัวเรือน นาข้าวได้รับความเสียหายกว่า 7,000 ไร่ ปัจจุบันน้ำลดลงประมาณ 30 ซม. คงเหลือน้ำท่วมสูง 60 – 70 ซม. ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย สำนักงานชลประทานที่ 6 ได้เร่งระบายน้ำผ่านฝายหนองทุกช่องทาง เพื่อลดผลกระทบ พร้อมทั้งเร่งระบายน้ำที่เขื่อนมหาสารคาม เพื่อดึงมวลน้ำจากลำน้ำพองลงแม่น้ำชี เพื่อให้ไหลสะดวกขึ้น โดยแม่น้ำชียังมีช่องว่างสามารถรองรับได้ และไม่เกิดผลกระทบท้ายน้ำในแม่น้ำชี เขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม คาดว่า 1 – 2 วัน จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม

โอกาสนี้ รมว.เกษตรฯ ยังได้มอบหญ้าแห้งอาหารสัตว์พระราชทาน และถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จำนวน 500 ถุง แก่พี่น้องเกษตรกร

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 กันยายน 2566

“รมว.ธรรมนัส” ลง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เร่งแก้ปัญหาเอกสารสิทธิ์ ประสานกระทรวงทรัพยากรฯ เดินหน้าพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินทำกิน พร้อมผลักดันสร้างอัตลักษณ์ทุเรียนทรายขาว สร้างรายได้ให้เกษตรกร

,

“รมว.ธรรมนัส” ลง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เร่งแก้ปัญหาเอกสารสิทธิ์ ประสานกระทรวงทรัพยากรฯ เดินหน้าพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินทำกิน พร้อมผลักดันสร้างอัตลักษณ์ทุเรียนทรายขาว สร้างรายได้ให้เกษตรกร

วันนี้ (16 กันยายน 2566) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ 16 – 17 ณ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และจ.นราธิวาส พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ณ มัสยิดโบราณบาโงยลางา ตําบลทรายขาว อําเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี โดยมีประเด็นสำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่
1) ปัญหาที่ดินทําการเกษตรที่เป็นเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1
2) การส่งเสริมทุเรียนทรายขาวให้เป็นทุเรียนคุณภาพ สร้างอัตลักษณ์ให้กับอำเภอทรายขาว และเป็นจุดขาย
3) ปัญหาประมงพื้นบ้าน และ
4) การเพิ่มพื้นที่แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ปัญหาที่ดินทําการเกษตรที่เป็นเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 เป็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอันดับต้นๆ ใน จ.ปัตตานี โดยได้ขอให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งรัดแก้ไขพื้นที่ทำกินในเขตตำบลทรายขาว และตำบลใกล้เคียง เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบไม่น้อยกว่า 2,000 ครัวเรือน เพราะพื้นที่ดังกล่าวปัจจุบันมีการกำหนดให้เป็นเขตป่าไม้ ก่อนและหลังที่ประชาชนเข้าไปทำประโยชน์ เพื่อปลูกยางพารา ปลูกทุเรียน และที่อยู่อาศัย โดยในเรื่องนี้ ตนได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยจะหารือร่วมกันถึงแนวทางแก้ไข เพราะชาวบ้านไม่สามารถเข้าทำการปรับปรุงพื้นที่เพื่อทำการเกษตรได้ โดยเฉพาะการปลูกทุเรียนทรายขาวซึ่งเป็นผลผลิตที่สร้างรายได้ให้เกษตรกร อย่างไรก็ตาม จะต้องเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิ์ว่าเป็นของประชาชนจริงหรือไม่ ก่อนที่จะประกาศเป็นเขตอุทยาน โดยจะขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวพระราชดำริให้คนอยู่คู่กับป่าไม้ และเพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้รับสิทธิการใช้ที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมายและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้

นอกจากนี้ ยังได้ผลักดันให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียน ผลิตทุเรียนทรายขาวให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้กับอำเภอทรายขาว และเป็นจุดขาย ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยส่งเสริมการผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุน ซึ่งตำบลทรายขาว มีทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก พื้นที่ปลูกทุเรียนในปี 2566 ทั้งหมด จํานวน 836.5 ไร่ เกษตรกร จํานวน 497 ครัวเรือน ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จํานวน 545 ตัน ทั้งนี้ ยังพบปัญหาการระบาดของศัตรูพืช หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมให้ความรู้กับเกษตรกรในการป้องกัน รวมทั้งส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมการป้องกันกําจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิต กระทบต่อคุณภาพของผลผลิตทุเรียน และสร้างความความน่าเชื่อถือต่อผู้บริโภค

สำหรับปัญหาชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานี พบว่า ยังขาดเครื่องมืออุปกรณ์ องค์ความรู้สําหรับใช้ในการดําเนินงานในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย โดยในเรื่องนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยินดีให้การสนับสนุนเพื่อให้เกิดการทําประมงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันจะนําไป สู่การสร้างงาน สร้างรายได้พร้อมๆ ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อีกทั้ง ได้ผลักดันในเรื่องของการเพิ่มพื้นที่แหล่งน้ำ เนื่องจากปัตตานีมีน้ำต้นทุนน้อย จึงมอบหมายให้กรมชลประทานศึกษาร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาน้ำอย่างเป็นระบบให้ครอบคลุมทั้ง 12 อำเภอในจังหวัดปัตตานี

“วันนี้ผมได้นำทีมครอบครัวกระทรวงเกษตรฯ ลงมาเพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่โดยตรง แล้วจะรีบนำไปแก้ไข และ จะรายงานปัญหาทั้งหมดในพื้นที่ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ เพื่อเดินหน้าทำงานอย่างบูรณาการ ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้กินดี อยู่ดี” รมว.เกษตรฯ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กันยายน 2566

“รมว.ธรรมนัส” ร่วมคณะนายกฯลุยพื้นที่ภาคอีสาน เดินหน้าสางปัญหาเก่าให้พี่น้องเกษตรกรให้กินดีอยู่ดี

,

“รมว.ธรรมนัส” ร่วมคณะนายกฯลุยพื้นที่ภาคอีสาน
เดินหน้าสางปัญหาเก่าให้พี่น้องเกษตรกรให้กินดีอยู่ดี

วันนี้ (8 กันยายน 2566) เวลา 10.00 น. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ร่วมพบปะพี่โดยน้องเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนโดยตรงโดยได้พูดคุย รับฟัง และพร้อมสะสางปัญหาของน้องเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนด้านการเกษตรจากโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบริเวณชิงเขาพนมดงรักษ์ อ่างเก็บน้ำห้วยเชิง จ.สุรินทร์ โครงอ่างเก็บน้ำห้วยศาลา ผู้ได้รับผลกระทบจากการปลูกป่าทับที่ทำกินที่ป่าภูแลนคา ด้านทิศเหนือ อ.แก่งค้อ จ.ชัยภูมิ ได้รับผล กระทบจากการก่อสร้างเขื่อนเขื่อนราษีไศล ผู้เดือดร้อนจากโครงการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญทับที่อาศัย และที่ทำกิน ผู้เดือนร้อนจากโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยขนาดมอญ อ.สังขะจ.สุรินทร์ จากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำ เขื่อน โครงการฝ่าย รวมถึงโครงการเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทับที่อยู่อาศัยและที่ทำกินปัญหาที่ดินทำกิน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนที่สะสมมานาน

จากนั้น รัฐมนตรีเกษตรฯ ได้ร่วมพบปะพี่น้องเกษตรกรพร้อมนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากนั้น รัฐมนตรีเกษตรฯ ร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ติดตามประเด็นปัญหาภัยแล้งผลกระทบจากเอลณีญ พื้นที่ทำกิน การบริหารจัดการน้ำ โดยปัญหาหลักที่เกษตรกรอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไข ได้แก่ปัญหาความเสียหายจากภัยพิบัติน้ำท่วมในภาคอีสาน ปัญหาการพักหนี้เกษตรกรและปัญหาที่ดินทำกิน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 กันยายน 2566

‘สส.อรรถกร’ ยื่นญัตติด่วนขอสภาฯช่วยเกษตรกรเลี้ยงกุ้งเดือดร้อนหนัก หลังมีการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ ด้าน รอ.ธรรมนัส เลขาฯพปชร. ร่วมรับฟังข้อเสนอ เร่งแก้ปัญหา ก่อนสภาฯล่มไปต่อไม่ได้ ย้ำพร้อมเดินหน้าเร่งแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่างเร็วที่สุด

,

‘สส.อรรถกร’ ยื่นญัตติด่วนขอสภาฯช่วยเกษตรกรเลี้ยงกุ้งเดือดร้อนหนัก หลังมีการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ ด้าน รอ.ธรรมนัส เลขาฯพปชร. ร่วมรับฟังข้อเสนอ เร่งแก้ปัญหา ก่อนสภาฯล่มไปต่อไม่ได้ ย้ำพร้อมเดินหน้าเร่งแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่างเร็วที่สุด

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้พิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ กำลังพิจารณาซึ่งมีญัตติทำนองเดียวกันอีก 11 ญัตติ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้นำมาพิจารณาพร้อมกัน จึงให้พิจารณารวมเป็น11ฉบับ ทั้งนี้ 1 ในญัตติที่เสรอต่อสภาเป็นของนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)

นายอรรถกร ได้กล่าวเสนอญัตติด่วนในที่ประชุมเพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ เนื่องจากส่งผลกระทบกับผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั้งขนาดกลาง และขนาดย่อยกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งตนต้องขอขอบคุณประธานสภาที่ท่านกรุณาบรรจุ และเปิดโอกาสให้ตนและเพื่อนสมาชิกได้มีโอกาสนำเสนอญัตติ ซึ่งเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง วันนี้พรรคพลังประชารัฐเรามีเลขาธิการของพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็อยู่กับพวกเราด้วย ซึ่งทราบว่าเมื่อเช้ามีตัวแทนของผู้เลี้ยงกุ้งที่ตั้งความหวังรอการแก้ไขมาร่วมยื่นหนังสือ และพูดคุยถึงปัญหา ราคากุ้งตกต่ำ นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าญัตติของตนนั้นเป็นญัตติที่เร่งด่วนที่ต้องการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีเพื่อนสมาชิกที่ร่วมลงชื่อและยื่นญัตตินี้กับตนอีกหลายท่าน

ในขณะนี้ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรเลี้ยงกุ้งทั้งขนาดกลางและขนาดย่อย ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากราคากุ้งเลี้ยงตกต่ำอย่างรวดเร็ว สาเหตุส่วนหนึ่งที่ราคากุ้งตกต่ำเกิดจากคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโช่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ (Shrimp Board) หรือบอร์ดกุ้งอนุมัติการนำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียอ้างว่าเกษตรกรไทยมีโครงการประกันราคากุ้งอยู่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีปัญหาการขาดทุนจากการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกร เกิดมาจากราคาน้ำมันเซื้อเพลิงมีราคาสูง และ มีโรคระบาดในกุ้ง ประกอบกับราคาประกันขั้นต่ำที่ห้องเย็นตั้งไว้นั้นเท่ากับราคาตันทุนการผลิตที่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่น ซึ่งเท่ากับเป็นการบังคับให้เกษตรกรขายในราคาขาดทุน ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาหนี้สินแม้ราคากุ้งจะถูกกำหนด โดยคณะบริหารจัดการ ห่วงโซ่ การผลิตกุ้งและผลิตภัณฑ์ก็ตาม ราคาของกุ้งก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจึงขอให้รัฐบาลช่วยลดภาระของพวกเขา เช่น ค่าอาหาร ค่าปูน ค่าไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งโดยตรง

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศผู้นำเข้าอเมริกาญี่ปุ่นหรือประเทศทางยุโรปเริ่มชะลอการนำเข้าใช้กุ้งในสต๊อกของตนเอง นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาตกต่ำอีกประเด็นปัญหาอำนาจในการต่อรองของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในประเทศไทยน้อยมาก เมื่อเช้าจังหวัดฉะเชิงเทรามีการขายกุ้งจำนวน 2.8 ตันขายหมด ไม่พอแม่ค้ารับซื้ออย่างรวดเร็ว แต่เป็นการขายในราคาที่พี่น้องเกษตรกรไม่ได้กำไร และพ่อค้าแม่ค้า คนกลางไปขายต่อ ทำให้เป็นอีกปัญหาหลักของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง

ทั้งนี้เกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่มีแต่ประเทศไทย ประเทศเดียวเท่านั้น ในตลาดโลกเรามีหลายประเทศที่น่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นเอกวาดอร์ อินเดียเวียดนาม รวมถึงอินโดนีเซีย ที่สามารถผลิตกุ้งได้เป็นจำนวนมาก แต่มีข้อแตกต่างตรงที่ว่า สามารถลดต้นทุนได้มากกว่าประเทศไทยทำให้มีความได้เปรียบในการส่งออก

“ข้อเรียกร้องต่างๆของพวกเขาคือ อยากให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยสนับสนุนปัจจัยการผลิตกุ้งมีราคาลดลง รวมถึงชะลอการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศในทันท่วงทีโดยเฉพาะในช่วงราคากุ้งตกต่ำ และเงินชดเชยของเกษตรกรทุกคนต้องได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นบ่อใหญ่ บ่อกลาง และบอร์ดเล็ก สุดท้ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขปัญหาจริงจังในระยะสั้น กลาง ระยะยาว โดยเริ่มต้นตั้งแต่ วันนี้ผมขอเสนอญัตติด้วยความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรให้มีการตั้งกรรมาธิการ แต่เมื่อดูจากระยะเวลา ถ้าเราทำเป็นรายงานส่งต่อให้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่แก้ไข คงจะเป็นทางออกรวดเร็วที่สุด”นายอรรถกร กล่าว

ต่อมาเมื่อนายอรรถกรเสนอญัตติจบ และกำลังจะ เข้าสู่การอภิปรายของผู้เสนอเหรอญัตติคนถัดไป ปรากฎว่า ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติให้มีการนับองค์ประชุม โดยมีผู้รับรองถูกต้อง ทำให้สส.พรรคร่วมรัฐบาล พยายามขอร้องให้พรรคก้าวไกลถอนญัตติดังกล่าวออกไป แต่ไม่เป็นผล ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ รอสมาชิกแสดงตนพักใหญ่ แต่สมาชิกไม่ครบองค์ประชุม จึงทำให้องค์ประชุมไม่สามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อได้

จากนั้น นายอรรถกร ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นว่า วันนี้เพื่อน สส.พร้อมใจที่จะมาร่วมกันอภิปราย เดินหน้าการประชุมเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร โดยหวังว่า สภาฯจะได้ส่งปัญหาและความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรไปให้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่แก้ไขโดยเร็วที่สุด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ตนก็ต้องแสดงความเสียใจจริง ๆ แต่ในการประชุมสภาครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า ตนก็จะเดินหน้าให้ที่ประชุมสภาฯพิจารณาญัตติดังกล่าวต่อ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรอย่างเร็วที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 สิงหาคม 2566

พรรคพลังประชารัฐ เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้ผลกระทบจากอุทกภัยอย่างหนักในพื้นที่จ.ตาก ภายใต้กิจกรรม”พลังน้ำใจ พลังประชารัฐ กำลังใจให้คนตาก”เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนโดยเร็ว

,

พรรคพลังประชารัฐ เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้ผลกระทบจากอุทกภัยอย่างหนักในพื้นที่จ.ตาก ภายใต้กิจกรรม”พลังน้ำใจ พลังประชารัฐ กำลังใจให้คนตาก”เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนโดยเร็ว

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะเลขาธิการ พปชร. กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากติดต่อกันหลายวันในจังหวัดตากและพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะหมู่บ้านตามแนวตะเข็บชายแดนที่ติดแม่น้ำเมย และพื้นที่บนภูเขา เกิดดินถล่มเส้นทางถูกตัดขาด เป็นจำนวนมาก ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย เส้นทางทรุดหนักเป็นบริเวณกว้าง รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่าน ไป – มาได้อย่างสะดวกนั้น

ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมีความห่วงใยประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนที่สัญจรไปมาเป็นอย่างมาก จึงดำริให้ตนเองเร่งระดมความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนอย่างเร่งด่วน ภายใต้กิจกรรมชื่อ”พลังน้ำใจ พลังประชารัฐ กำลังใจให้คนตาก”ซึ่งขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า เพื่อการกุศล สมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรฐกิจไทย-เอเชีย นำถุงยังชีพอุปโภคบริโภคจำเป็นไปมอบให้ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

โดยเบื้องต้น ทางพรรคฯได้มอบหมายให้สส.ของพรรคในพื้นที่ ได้แก่นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.จังหวัดตาก และนายปกรณ์ จีนาคำ สส.จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นตัวแทนลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยือนให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันยังเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลซ่อมแซมถนนที่ชำรุดเสียหายเพื่อให้ประชาชนสัญจรอย่างปลอดภัย

ด้านนายภาคภูมิ กล่าวว่า ขอบคุณพรรคพลังประชารัฐและทุกภาคส่วนที่ร่วมช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ขอพี่น้องประชาชนระมัดระวังในการเดินทาง เฝ้าดูสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตนเองขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ซึ่งใน วันพุธ 16 สิงหาคม นี้ มีประชุมสภาฯตน จะนำเรื่องนี้หารือต่อสภา เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วนต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 สิงหาคม 2566

‘พลเอกประวิตร-ผู้กองธรรมนัส’ ร่วมทำบุญพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ วัดโพสพผลเจริญ จังหวัดปทุมธานี ขณะที่ ปชช.ในพื้นที่รอให้กำลังใจจำนวนมาก

,

‘พลเอกประวิตร-ผู้กองธรรมนัส’ ร่วมทำบุญพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ วัดโพสพผลเจริญ จังหวัดปทุมธานี ขณะที่ ปชช.ในพื้นที่รอให้กำลังใจจำนวนมาก

วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เป็นประธานในพิธียกช่อฟ้า อุโบสถวัดโพสพผลเจริญ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.จังหวัดพะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ,พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ
และนายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ร่วมพิธีด้วย

ทั้งนี้ ก่อนที่พลเอกประวิตร จะเดินทางมาถึงที่วัดมีฝนตกโปรยปรายลงมา แต่ทันทีที่พลเอกประวิตร และคณะมาถึงฝนก็ได้หยุด และมีประชาชนมารอให้การต้อนรับจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังขอถ่ายรูป รวมถึงนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอวของพลเอกประวิตร พร้อมส่งเสียงเชียร์บอกให้สู้ๆ และเรียกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อีกด้วย ซึ่งพลเอกประวิตร มีสีหน้า สดชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส

เวลา 13.19 น. พลเอกประวิตร พร้อมด้วย ร้อยเอกธรรมนัส และนายสุรทิน ได้ร่วมพิธียกช่อฟ้าอุโบสถฯ จนเสร็จสิ้นพิธี ท่ามกลางคำกล่าว “สาธุ สาธุ สาธุ” จากพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก จากนั้นพลเอกประวิตร ได้นำคณะไปปลูกต้นพยุง ไม้มงคล และร่วมพิธีเสริมดวงชะตาเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งในช่วงทำพิธีดังกล่าว ทางวัดขอให้สื่อมวลชนออกไปรอภายนอกโบสถ์ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนเป็นอย่างดี

มีรายงานว่า หลังเสร็จพิธีแล้ว พลเอกประวิตร ยังได้ทักทายประชาชนที่รอให้กำลังใจ ก่อนจะเดินขึ้นรถกลับทันที ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 กรกฎาคม 2566

‘ผู้กองธรรมนัส-จุ๊บจิ๊บ’ ร่วมทำบุญวัดป่าลานคำ ต.แม่ต๋ำ อ.เมือง จ.พะเยา พร้อมสักการะ พระพุทธรูปองค์หลวงพ่อขาว เพื่อความเป็นสิริมงคล

,

‘ผู้กองธรรมนัส-จุ๊บจิ๊บ’ ร่วมทำบุญวัดป่าลานคำ ต.แม่ต๋ำ อ.เมือง จ.พะเยา พร้อมสักการะ พระพุทธรูปองค์หลวงพ่อขาว เพื่อความเป็นสิริมงคล

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เขต1 จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมด้วยนางสาวธนพร ศรีวิราช ภริยา เดินทางลงพื้นที่ไปร่วมพิธีทำบุญฉลองหอฉัน ณ วัดป่าลานคำ ตำบลแม่ต๋ำ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา โดยมีพุทธศาสนิกชน และชาวบ้านในพื้นที่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมในพิธีทำบุญเป็นจำนวนมาก

โอกาสนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ยังได้สักการะพระพุทธรูปองค์หลวงพ่อขาว ศิลปะพม่า ที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 181 ปี ประดิษฐานภายในพระอุโบสถวัดป่าลานคำ ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะของชาวชุมชนแม่ต๋ำป่าลาน และพุทธศาสนิกชนทั่วไป จากนั้นร้อยเอกธรรมนัส ยังได้พบปะทักทายประชาชนและร่วมถ่ายภาพกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างเป็นกันเอง

สำหรับวัดป่าลานคำ ตำบลแม่ต๋ำ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยาถือเป็นวัดเก่าแก่ ที่มีความสวยงาม และมีชื่อเสียงมานาน นอกจากเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์หลวงพ่อขาว ศิลปะพม่า ที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 181 ปีแล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระใหญ่ พระพุทธมเหศักดิ์สยามมินทร์กิติบุญยลาภ ที่มีหน้าตักกว้าง 10 เมตร สูงกว่า 18 เมตร ซึ่งภายในวัดเป็นสถานที่ร่มรื่น ถือเป็นสถานที่ที่ชาวพะเยาและนักท่องเที่ยวทั่วไปเดินทางมาทำบุญสักการะ ภายในวัดอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มิถุนายน 2566

ผู้กองธรรมนัส ควงว่าที่ ส.ส. เขต 2 พะเยา ‘น้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟตำบลอ่างทอง’

,

ผู้กองธรรมนัส ควงว่าที่ ส.ส. เขต 2 พะเยา ‘น้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟตำบลอ่างทอง’

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)เขต1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง’ ณ บ้านปางมดแดง ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา โดยมีนางสาวธนพร ศรีวิราช ภริยา และนายอนุรัตน์ ตันบรรจง ว่าที่ ส.ส.เขต จังหวัดพะเยา ไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่ตำบลอ่างทอง และหมู่บ้านใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ยินดีที่ได้มาร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของพ่อแม่พี่น้องชาวอีสาน ในพื้นที่ตำบลปางมดแดง ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากหลายจังหวัดของภาคอีสานทั้ง กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ และมหาสารคาม เป็นเวลานาน และเมื่อมีพ่อแม่พี่น้องชาวอิสานเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก ขยายเป็นหลายหมู่บ้านของตำบลอ่างทอง ต่างก็ร่วมกันสานต่อประเพณีบุญบั้งไฟอันดีงามนี้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตนเองพร้อมสนับสนุนให้มีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง สู่รุ่นลูกหลานในอนาคตสืบไป

สำหรับงานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านปางมดแดง ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลอ่างทอง ระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2566 ภายในงานมีทั้งการประกวดขบวนแห่บั้งไฟ และขบวนเซิ้งแต่ละชุมชน การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เซิ้งและโปงลาง หมอลำ และยังมีการจุดบั้งไฟ เพื่อบูชาพญาแถน (ขอฝน) ณ อ่างเก็บน้ำสาธารณะ (หนองสลาบ) บ้านปางมดแดง หมู่ที่ 4 ตำนลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ อีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 พฤษภาคม 2566

“ผู้กองธรรมนัส”ปลุกคนพะเยา สร้างพลังร่วมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น หยุดยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขออาสาเข้าสภาฯช่วยแก้ไขปัญหาให้ ปชช. เข้าคูหากาเบอร์ 6 37

,

“ผู้กองธรรมนัส”ปลุกคนพะเยา สร้างพลังร่วมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น หยุดยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขออาสาเข้าสภาฯช่วยแก้ไขปัญหาให้ ปชช. เข้าคูหากาเบอร์ 6 37

ที่บริเวณสนามกีฬาตำบลเชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ นำคณะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาทิ นายไพรัตน์ ตันบรรจง พร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้มาร่วมกันพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนุรัตน์ ตันบรรจง (ออม)ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร.จังหวัดพะเยา ซึ่งมีประชาชนจากหลายตำบลของอำเภอภูซาง มาให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวทักทายประชาชนช่วงหนึ่งว่า ขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจตนเองและผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบเขต คือน้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง เบอร์ 6 และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พร้อมใจกันมาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกคนในวันนี้ ตนเองขอยืนยันว่าในนามพรรคพลังประชารัฐ เรามีแต่นโยบายดีๆ มีประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องทุกคน ซึ่งผู้ปราศรัยหลายท่านได้กล่าวไปหมดแล้ว ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอยู่แล้วก็จะเพิ่มเป็น 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 บาท ตลอดจนการดูแลผู้สูงอายุ ที่จะมีเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน

“พี่น้องครับ วันนี้เดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้าแพง ขณะที่ราคาข้าว ราคายาง ราคาพืขผลผลิตของเราถูก ใช่หรือไม่ ดังนั้นทางพรรคฯ จะช่วยแบ่งเบาภาระดังกล่าว ทั้งจะลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลง ในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย เท่านั้นยังไม่พอเราจะแก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 อีกด้วย แบบนี้ดีหรือไม่ครับ”

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวว่า วันนี้ตนมาเชิญชวนชาวภูซาง เป็นเครือข่ายของคนพะเยา สร้างพลังของชาวพะเยาไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ ชาวพะเยาเราจะสนับสนุนลูกหลานคนพะเยา เพื่อร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองได้ทำงานให้เห็นผลงานชัดเจนทั้งการผลักดันงบประมาณมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถนนหนทางให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้นไปทุกทิศทางของพะเยา ดังนั้นในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้พร้อมใจกันไปกาบัตรสีม่วงเบอร์ 6 และบัตรสีเขียวเบอร์ 37 หรือจดจำง่ายๆ เป็นเลขสามตัวคือ 6 37 เราจะร่วมพัฒนาเมืองพะเยา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทางภาคเหนือให้มีชื่อเสียง เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ด้านนายอนุรัตน์ กล่าวเสริมว่า ขออย่าลืมว่า วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหากาเบอร์ 6 ตนเองจะทุ่มเท ใช้สรรพกำลังทุกอย่าง ใช้ความคิดความอ่าน ใช้มันสมองที่มี ทำงานรับใช้พ่อแม่พี่น้องของเรา ให้ดีที่สุด ชาวบ้านส่วนใหญ่บอกว่า 4 ปีที่ผ่านไปความทุกข์ความลำบากยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นช่วง 4 ปีจากนี้ ตนเองขออาสาเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนด้วยความจริงใจ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566

ธรรมนัส -บุญสิงห์’ นำทีมลุยหาเสียงช่วย ‘ออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร. จ.พะเยา ปลุกใจถึงเวลาต้องกล้าเปลี่ยน เลือกคนใหม่มีพลังเต็มเปี่ยม ร่วมสร้างบ้านแปงเมือง

,

ธรรมนัส -บุญสิงห์’ นำทีมลุยหาเสียงช่วย ‘ออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร. จ.พะเยา ปลุกใจถึงเวลาต้องกล้าเปลี่ยน เลือกคนใหม่มีพลังเต็มเปี่ยม ร่วมสร้างบ้านแปงเมือง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ณ บริเวณลานโรงสีกิตติยะเอ็นเตอร์ไพร์ส ตำบลทุ่งรวงทอง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร. นางสาวธนพร ศรีวิราช ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายไพรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้มาร่วมกันพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนุรัตน์ ตันบรรจง (ออม)ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร.จังหวัดพะเยา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนมารอต้อนรับให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน จึงถือโอกาสมาขอคะแนนจากทุกท่านให้น้องออม หรือ อนุรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 ของพรรคฯ เพื่อเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนทุกท่านและจะได้ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองของเราให้ดียิ่งขึ้น และช่วยดูแลแก้ปัญหาปากท้อง เรื่องน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน ตลอดจน เรื่องราคาพืชผลการเกษตรต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนอย่างมากในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด โดยเฉพาะลิ้นจี่ ลำไย เป็นต้น

“พี่น้องครับ การเลือกตั้งเมื่อปี 62 ผมได้เป็น ส.ส.ในเขต 1 พะเยา และมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรฯ รวมถึงเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือนั้นผมได้ผลักดันงบประมาณต่างๆ ลงมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจังหวัดพะเยาของเรา ทั้งถนนหนทาง สาธารณูปโภคต่างๆให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้น ถนนที่มาจากดอกคำใต้ เข้ากิ่วแก้ว จุนไปสุดเชียงคำ ออกปูซาน เข้าเชียงของ ทำในยุคที่ผมเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ ส.ส.ของเชียงรายหรือใครที่มาอวดอ้าง นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันสร้างรถไฟทางคู่ จากเด่นชัย งาว มาเข้าพะเยา จนไปเชียงของ จนตอนนี้สร้างมาถึงแม่กาแล้ว ยังมีโครงการสร้างสนามบินพะเยา ที่ตนแองผลักดัน และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2567 ที่ ตำบลดอนศรีชุม อำเภอดอกคำใต้ เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่เห็นชัดเจน ดังนั้นจากนี้พ่อแม่พี่น้องต้องกล้าตัดสิน ต้องกล้ารับสิ่งใหม่ๆ ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาบ้านเมืองเราให้เจริฐก้าวหน้า มิฉะนั้นก็จะจมอยู่กับปัญหาเดิม ถึงเวลาแล้วต้องเปลี่ยนใช่หรือไม่ ดังนั้น วันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้ไว้วางใจเลือกเบอร์ 6 เพื่อให้เป็นตัวแทนทุกท่าน ทำงานประสานกันกับตนเอง เพื่อมาแก้ปัญหาให้พี่น้อง เราต้องเปลี่ยน เปลี่ยนของเก่าเราไม่เอา เราต้องการเปลี่ยนใช่หรือไม่”

ทั้งนี้ เมื่อร้อยเอกธรรมนัส ได้ถามว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ ประชาชนที่มานั่งฟังปราศรัย ต่างพร้อมใจกันส่งเสียงพร้อมชูมือว่า “เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน” ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส ได้กล่าวขอบคุณ ทุกคน พร้อมชูมือของ นายอนุรัตน์ เพื่อแสดงความขอบคุณและตอบรับพลังน้ำใจของประชาชนอีกด้วย

หลังจากนั้น นายบุญสิงห์ และนายอนุรัตน์ ได้สลับกันขึ้นปราศรัยแนะนำนโยบายของพรรค ที่ยึดหลักก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความยากจน แก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 นอกจากนี้ ยังแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ โดยลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ยังมีการสานต่อเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 รวมถึงยังจะช่วยลดต้นทุนการผลิตช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้พ่อแม่พี่น้องเกษตรกร ไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 15 ไร่ อีกด้วย เรายังมีเบี้ยผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน นโยบายดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ รวมไปถึง 3 นโยบายสำคัญสร้างรายได้เกษตรกร คือเติมเงินทุนช่วยเหลือเกษตรกรครัวเรือนละ 30,000 บาท ปุ๋ยคนละครึ่ง คือรัฐช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50% และเพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนาไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีประโยชน์และช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง และทางพรรคฯ พร้อมทำทันทีหลังได้จัดตั้งรัฐบาล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

“ร.อ.ธรรมนัส –บุญสิงห์” นำทีมลุยพื้นที่สุโขทัย ช่วย “อารยะ ชุมดวง” เบอร์ 4 หาเสียงพื้นที่เขต 3 อ้อนขอคะแนนเลือกพรรคพลังประชารัฐ กาเบอร์ 37 ชู“ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ และสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก

,

“ร.อ.ธรรมนัส –บุญสิงห์” นำทีมลุยพื้นที่สุโขทัย ช่วย “อารยะ ชุมดวง” เบอร์ 4 หาเสียงพื้นที่เขต 3 อ้อนขอคะแนนเลือกพรรคพลังประชารัฐ กาเบอร์ 37 ชู“ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ และสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 เวลา 17.00 ณ เวทีปราศัยโรงเรียนทุ่งเสลี่ยมชนูปถัมภ์ อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานภาคเหนือ ได้มาพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียง ช่วยนายอารยะ ชุมดวง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 4 จังหวัดสุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พปชร.ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพปชร. และนายสุธี (หมู) พงษ์เพียรชอบ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพปชร.,นางสาวอาทิตยา อินนะไชย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดแพร่ ร่วมลงพื้นที่ด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนให้ความสนใจมารับฟังนโยบายของพรรคฯเนืองแน่นมากกว่า 12,000 คน

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวทักทายประชาชนช่วงหนึ่งว่า วันนี้รู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างมาก ที่พ่อแม่พี่น้องในพื้นที่เขต 3 ทั้งอำเภอทุ่งเสลี่ยม สวรรคโลก ศรีสำโรง และอำเภอเมืองบางส่วน มาให้การต้อนรับและรับฟัง นโยบายของพรรคฯเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้มาเยี่ยมเยือนบ้าน ที่คุ้ยเคย เพราะตนเองก็เป็นลูกข้าวนึ่ง ลูกหลานคนล้านนาเช่นเดียวกัน

“พ่อแม่พี่น้องทุกท่านครับ พรรคฯของเราภายใต้การนำของท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เรามีนโยบายและจุดยืนชัดเจนคือก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ ผมมาวันนี้ก็มาขอเชิญชวนทุกท่านร่วมใจกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งมีความรักความสามัคคีกัน ร่วมมือร่วมใจกับภาครัฐและองค์กรเอกชนในพื้นที่ท้องถิ่นพัฒนาบ้านเมืองของเราให้เจริญก้าวหน้า ที่สำคัญคือต้องมีส.ส.เข้าไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชน ในการติดต่อประสานงานและผลักดันโครงการพัฒนาและแก้ปัญหาต่างๆอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นก็ขอให้ไว้วางใจและไปลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครส.ส.เบอร์ 4 ของเรา คือ “อารยะ ชุมดวง” ซึ่งเป็นลูกหลานของพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน”

ร.อ ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ยังมีนโยบายของพรรคฯที่เป็นเรื่องดีและมีประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนอีกมากมาย อาทิเช่น การดูแลประชาชนฐานราก ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญในพื้นที่นี้ก็มีอาชีพด้านการเกษตร ซึ่งทางพรรคฯมีนโยบายที่จะผลักดันเรื่องการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ให้มีกรรมสิทธิ์ถูกต้อง เปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด และ คทช.เปลี่ยนเป็นส.ป.ก.ดังนั้นในวันที่ทุกท่านไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ นอกจากกาเบอร์ 4 เลือก“อารยะ ชุมดวง”แล้วขอให้กาเบอร์ 37 เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อช่วยแก้ปัญหาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากให้อยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืน

จากนั้น นายอารยะ ได้ลุกขึ้นปราศรัยกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาคอยรับฟังอย่างคับคั่ง โดยนำเสนอนโยบายของพรรคฯทั้งเรื่องการสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท (ป้อม 700) เรื่องการดูแลผู้สูงอายุหรือเบี้ยยังชีพเดือนละ 3,000 บาท4,000บาท และ 5,000 บาท ตามช่วงอายุ 60,70และ 80 ปี รวมไปถึงการดูแลประชาชนทุกช่วงวัยทั้ง“แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” รวมไปถึงแก้ปัญหาที่ดินทำกิน “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน” เปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด ,และ คทช.เปลี่ยนเป็นส.ป.ก. เป็นต้น ซึ่งหลังจากนายอารยะ กล่าวเสร็จสิ้นได้มีเสียงเชียร์ตอบรับให้กำลังจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับชูป้าย “อารยะ เบอร์ 4”และ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการปราศรัยได้มีประชาชนมาคอยมอบพวงมาลัยดาวเรืองและขอถ่ายภาพร่วมกับร.อ.ธรรมนัส และนายอารยะ เป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักชื่นมื่น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 เมษายน 2566

“ชัยวุฒิ”ผนึกกำลัง”ธรรมนัส”พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งเมืองตาก มั่นใจ พปชร.กวาดเก้าอี้ยกจังหวัด ด้านผู้สมัคร เชื่อ ผลงาน”พล.อ.ประวิตร”เป็นที่ประจักษ์ ช่วยให้ได้ชัยชนะ

,

“ชัยวุฒิ”ผนึกกำลัง”ธรรมนัส”พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งเมืองตาก มั่นใจ พปชร.กวาดเก้าอี้ยกจังหวัด ด้านผู้สมัคร เชื่อ ผลงาน”พล.อ.ประวิตร”เป็นที่ประจักษ์ ช่วยให้ได้ชัยชนะ

วันนี้(26 มี.ค.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดตาก ช่วย นายประสงค์ นามเสถียร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ปราศรัยหาเสียง พบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของที่บริเวณตลาดวังหิน เทศบาลเมืองตาก เเละเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน

ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยนายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะปักธง จังหวัดตากทั้ง 3 เขตยกจังหวัด โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานภาคเหนือ ก็จะเข้ามาช่วยประสานงานและดูแลด้วย เพราะว่ามีความคุ้นเคยกับพื้นที่เป็นอย่างดี

“ผมเเละ ร.อ.ธรรมนัส ตั้งมั่นที่จะสู้การเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดตาก เพื่อให้ได้ ส.ส.ของพรรคครบทุกเขต โดยเมื่อปี 62 พรรคพลังประชารัฐก็ได้ 2 เขตจากทั้งหมด 3 เขต ซึ่งครั้งนี้เราเชื่อมั่นว่า จะทําให้ได้ครบทั้งจังหวัด ผมขอการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านมีความผูกพันกับชาวตาก เพราะตลอดเวลาที่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการเรื่องน้ำไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งน้ํา การส่งเสริม อาชีพต่างๆ ของพี่น้องเกษตรกร รวมถึงเรื่องที่ดินทํากิน ที่ถือว่าเป็นปัญหาสําคัญของชาวจังหวัดตาก โดยเราก็มีโครงการธนาคารที่ดิน มาแก้ปัญหาที่ดินให้พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ถ้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส.ทั้ง 3 คน ก็จะเข้ามาช่วยกันผลักดันโครงการต่างๆ แก้ปัญหาชาวจังหวัดตากให้สําเร็จให้ได้

ด้านนายประสงค์ นามเสถียร ผู้สมัคร สส.เขต1 พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดตาก กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวจังหวัดตาก เพราะผลงานของ พล.อ.ประวิตร แก้ปัญหาให้กับชาวบ้านได้อย่างตรงจุด จึงเป็นที่รักของชาวตาก รวมถึงสมัยที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาทหารบก ก็ได้ดูเเลพื้นที่เเนวชายแดน จ.ตาก โดยให้ความสำคัญเรื่องปัญหายาเสพติด จึงเชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชารัฐ จะทำให้ตนมีโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้งในเขตนี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 มีนาคม 2566