โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

ผู้กองธรรมนัส ควงว่าที่ ส.ส. เขต 2 พะเยา ‘น้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟตำบลอ่างทอง’

,

ผู้กองธรรมนัส ควงว่าที่ ส.ส. เขต 2 พะเยา ‘น้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟตำบลอ่างทอง’

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)เขต1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง’ ณ บ้านปางมดแดง ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา โดยมีนางสาวธนพร ศรีวิราช ภริยา และนายอนุรัตน์ ตันบรรจง ว่าที่ ส.ส.เขต จังหวัดพะเยา ไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่ตำบลอ่างทอง และหมู่บ้านใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ยินดีที่ได้มาร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของพ่อแม่พี่น้องชาวอีสาน ในพื้นที่ตำบลปางมดแดง ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากหลายจังหวัดของภาคอีสานทั้ง กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ และมหาสารคาม เป็นเวลานาน และเมื่อมีพ่อแม่พี่น้องชาวอิสานเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก ขยายเป็นหลายหมู่บ้านของตำบลอ่างทอง ต่างก็ร่วมกันสานต่อประเพณีบุญบั้งไฟอันดีงามนี้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตนเองพร้อมสนับสนุนให้มีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง สู่รุ่นลูกหลานในอนาคตสืบไป

สำหรับงานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านปางมดแดง ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลอ่างทอง ระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2566 ภายในงานมีทั้งการประกวดขบวนแห่บั้งไฟ และขบวนเซิ้งแต่ละชุมชน การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เซิ้งและโปงลาง หมอลำ และยังมีการจุดบั้งไฟ เพื่อบูชาพญาแถน (ขอฝน) ณ อ่างเก็บน้ำสาธารณะ (หนองสลาบ) บ้านปางมดแดง หมู่ที่ 4 ตำนลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ อีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 พฤษภาคม 2566

“ผู้กองธรรมนัส”ปลุกคนพะเยา สร้างพลังร่วมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น หยุดยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขออาสาเข้าสภาฯช่วยแก้ไขปัญหาให้ ปชช. เข้าคูหากาเบอร์ 6 37

,

“ผู้กองธรรมนัส”ปลุกคนพะเยา สร้างพลังร่วมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น หยุดยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขออาสาเข้าสภาฯช่วยแก้ไขปัญหาให้ ปชช. เข้าคูหากาเบอร์ 6 37

ที่บริเวณสนามกีฬาตำบลเชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ นำคณะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาทิ นายไพรัตน์ ตันบรรจง พร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้มาร่วมกันพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนุรัตน์ ตันบรรจง (ออม)ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร.จังหวัดพะเยา ซึ่งมีประชาชนจากหลายตำบลของอำเภอภูซาง มาให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวทักทายประชาชนช่วงหนึ่งว่า ขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจตนเองและผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบเขต คือน้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง เบอร์ 6 และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พร้อมใจกันมาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกคนในวันนี้ ตนเองขอยืนยันว่าในนามพรรคพลังประชารัฐ เรามีแต่นโยบายดีๆ มีประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องทุกคน ซึ่งผู้ปราศรัยหลายท่านได้กล่าวไปหมดแล้ว ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอยู่แล้วก็จะเพิ่มเป็น 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 บาท ตลอดจนการดูแลผู้สูงอายุ ที่จะมีเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน

“พี่น้องครับ วันนี้เดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้าแพง ขณะที่ราคาข้าว ราคายาง ราคาพืขผลผลิตของเราถูก ใช่หรือไม่ ดังนั้นทางพรรคฯ จะช่วยแบ่งเบาภาระดังกล่าว ทั้งจะลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลง ในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย เท่านั้นยังไม่พอเราจะแก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 อีกด้วย แบบนี้ดีหรือไม่ครับ”

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวว่า วันนี้ตนมาเชิญชวนชาวภูซาง เป็นเครือข่ายของคนพะเยา สร้างพลังของชาวพะเยาไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ ชาวพะเยาเราจะสนับสนุนลูกหลานคนพะเยา เพื่อร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองได้ทำงานให้เห็นผลงานชัดเจนทั้งการผลักดันงบประมาณมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถนนหนทางให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้นไปทุกทิศทางของพะเยา ดังนั้นในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้พร้อมใจกันไปกาบัตรสีม่วงเบอร์ 6 และบัตรสีเขียวเบอร์ 37 หรือจดจำง่ายๆ เป็นเลขสามตัวคือ 6 37 เราจะร่วมพัฒนาเมืองพะเยา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทางภาคเหนือให้มีชื่อเสียง เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ด้านนายอนุรัตน์ กล่าวเสริมว่า ขออย่าลืมว่า วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหากาเบอร์ 6 ตนเองจะทุ่มเท ใช้สรรพกำลังทุกอย่าง ใช้ความคิดความอ่าน ใช้มันสมองที่มี ทำงานรับใช้พ่อแม่พี่น้องของเรา ให้ดีที่สุด ชาวบ้านส่วนใหญ่บอกว่า 4 ปีที่ผ่านไปความทุกข์ความลำบากยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นช่วง 4 ปีจากนี้ ตนเองขออาสาเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนด้วยความจริงใจ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566

ธรรมนัส -บุญสิงห์’ นำทีมลุยหาเสียงช่วย ‘ออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร. จ.พะเยา ปลุกใจถึงเวลาต้องกล้าเปลี่ยน เลือกคนใหม่มีพลังเต็มเปี่ยม ร่วมสร้างบ้านแปงเมือง

,

ธรรมนัส -บุญสิงห์’ นำทีมลุยหาเสียงช่วย ‘ออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร. จ.พะเยา ปลุกใจถึงเวลาต้องกล้าเปลี่ยน เลือกคนใหม่มีพลังเต็มเปี่ยม ร่วมสร้างบ้านแปงเมือง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ณ บริเวณลานโรงสีกิตติยะเอ็นเตอร์ไพร์ส ตำบลทุ่งรวงทอง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร. นางสาวธนพร ศรีวิราช ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายไพรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้มาร่วมกันพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนุรัตน์ ตันบรรจง (ออม)ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร.จังหวัดพะเยา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนมารอต้อนรับให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน จึงถือโอกาสมาขอคะแนนจากทุกท่านให้น้องออม หรือ อนุรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 ของพรรคฯ เพื่อเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนทุกท่านและจะได้ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองของเราให้ดียิ่งขึ้น และช่วยดูแลแก้ปัญหาปากท้อง เรื่องน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน ตลอดจน เรื่องราคาพืชผลการเกษตรต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนอย่างมากในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด โดยเฉพาะลิ้นจี่ ลำไย เป็นต้น

“พี่น้องครับ การเลือกตั้งเมื่อปี 62 ผมได้เป็น ส.ส.ในเขต 1 พะเยา และมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรฯ รวมถึงเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือนั้นผมได้ผลักดันงบประมาณต่างๆ ลงมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจังหวัดพะเยาของเรา ทั้งถนนหนทาง สาธารณูปโภคต่างๆให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้น ถนนที่มาจากดอกคำใต้ เข้ากิ่วแก้ว จุนไปสุดเชียงคำ ออกปูซาน เข้าเชียงของ ทำในยุคที่ผมเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ ส.ส.ของเชียงรายหรือใครที่มาอวดอ้าง นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันสร้างรถไฟทางคู่ จากเด่นชัย งาว มาเข้าพะเยา จนไปเชียงของ จนตอนนี้สร้างมาถึงแม่กาแล้ว ยังมีโครงการสร้างสนามบินพะเยา ที่ตนแองผลักดัน และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2567 ที่ ตำบลดอนศรีชุม อำเภอดอกคำใต้ เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่เห็นชัดเจน ดังนั้นจากนี้พ่อแม่พี่น้องต้องกล้าตัดสิน ต้องกล้ารับสิ่งใหม่ๆ ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาบ้านเมืองเราให้เจริฐก้าวหน้า มิฉะนั้นก็จะจมอยู่กับปัญหาเดิม ถึงเวลาแล้วต้องเปลี่ยนใช่หรือไม่ ดังนั้น วันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้ไว้วางใจเลือกเบอร์ 6 เพื่อให้เป็นตัวแทนทุกท่าน ทำงานประสานกันกับตนเอง เพื่อมาแก้ปัญหาให้พี่น้อง เราต้องเปลี่ยน เปลี่ยนของเก่าเราไม่เอา เราต้องการเปลี่ยนใช่หรือไม่”

ทั้งนี้ เมื่อร้อยเอกธรรมนัส ได้ถามว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ ประชาชนที่มานั่งฟังปราศรัย ต่างพร้อมใจกันส่งเสียงพร้อมชูมือว่า “เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน” ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส ได้กล่าวขอบคุณ ทุกคน พร้อมชูมือของ นายอนุรัตน์ เพื่อแสดงความขอบคุณและตอบรับพลังน้ำใจของประชาชนอีกด้วย

หลังจากนั้น นายบุญสิงห์ และนายอนุรัตน์ ได้สลับกันขึ้นปราศรัยแนะนำนโยบายของพรรค ที่ยึดหลักก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความยากจน แก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 นอกจากนี้ ยังแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ โดยลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ยังมีการสานต่อเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 รวมถึงยังจะช่วยลดต้นทุนการผลิตช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้พ่อแม่พี่น้องเกษตรกร ไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 15 ไร่ อีกด้วย เรายังมีเบี้ยผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน นโยบายดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ รวมไปถึง 3 นโยบายสำคัญสร้างรายได้เกษตรกร คือเติมเงินทุนช่วยเหลือเกษตรกรครัวเรือนละ 30,000 บาท ปุ๋ยคนละครึ่ง คือรัฐช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50% และเพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนาไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีประโยชน์และช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง และทางพรรคฯ พร้อมทำทันทีหลังได้จัดตั้งรัฐบาล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

“ร.อ.ธรรมนัส –บุญสิงห์” นำทีมลุยพื้นที่สุโขทัย ช่วย “อารยะ ชุมดวง” เบอร์ 4 หาเสียงพื้นที่เขต 3 อ้อนขอคะแนนเลือกพรรคพลังประชารัฐ กาเบอร์ 37 ชู“ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ และสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก

,

“ร.อ.ธรรมนัส –บุญสิงห์” นำทีมลุยพื้นที่สุโขทัย ช่วย “อารยะ ชุมดวง” เบอร์ 4 หาเสียงพื้นที่เขต 3 อ้อนขอคะแนนเลือกพรรคพลังประชารัฐ กาเบอร์ 37 ชู“ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ และสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 เวลา 17.00 ณ เวทีปราศัยโรงเรียนทุ่งเสลี่ยมชนูปถัมภ์ อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานภาคเหนือ ได้มาพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียง ช่วยนายอารยะ ชุมดวง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 4 จังหวัดสุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พปชร.ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพปชร. และนายสุธี (หมู) พงษ์เพียรชอบ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพปชร.,นางสาวอาทิตยา อินนะไชย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดแพร่ ร่วมลงพื้นที่ด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนให้ความสนใจมารับฟังนโยบายของพรรคฯเนืองแน่นมากกว่า 12,000 คน

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวทักทายประชาชนช่วงหนึ่งว่า วันนี้รู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างมาก ที่พ่อแม่พี่น้องในพื้นที่เขต 3 ทั้งอำเภอทุ่งเสลี่ยม สวรรคโลก ศรีสำโรง และอำเภอเมืองบางส่วน มาให้การต้อนรับและรับฟัง นโยบายของพรรคฯเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้มาเยี่ยมเยือนบ้าน ที่คุ้ยเคย เพราะตนเองก็เป็นลูกข้าวนึ่ง ลูกหลานคนล้านนาเช่นเดียวกัน

“พ่อแม่พี่น้องทุกท่านครับ พรรคฯของเราภายใต้การนำของท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เรามีนโยบายและจุดยืนชัดเจนคือก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ ผมมาวันนี้ก็มาขอเชิญชวนทุกท่านร่วมใจกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งมีความรักความสามัคคีกัน ร่วมมือร่วมใจกับภาครัฐและองค์กรเอกชนในพื้นที่ท้องถิ่นพัฒนาบ้านเมืองของเราให้เจริญก้าวหน้า ที่สำคัญคือต้องมีส.ส.เข้าไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชน ในการติดต่อประสานงานและผลักดันโครงการพัฒนาและแก้ปัญหาต่างๆอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นก็ขอให้ไว้วางใจและไปลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครส.ส.เบอร์ 4 ของเรา คือ “อารยะ ชุมดวง” ซึ่งเป็นลูกหลานของพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน”

ร.อ ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ยังมีนโยบายของพรรคฯที่เป็นเรื่องดีและมีประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนอีกมากมาย อาทิเช่น การดูแลประชาชนฐานราก ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญในพื้นที่นี้ก็มีอาชีพด้านการเกษตร ซึ่งทางพรรคฯมีนโยบายที่จะผลักดันเรื่องการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ให้มีกรรมสิทธิ์ถูกต้อง เปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด และ คทช.เปลี่ยนเป็นส.ป.ก.ดังนั้นในวันที่ทุกท่านไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ นอกจากกาเบอร์ 4 เลือก“อารยะ ชุมดวง”แล้วขอให้กาเบอร์ 37 เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อช่วยแก้ปัญหาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากให้อยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืน

จากนั้น นายอารยะ ได้ลุกขึ้นปราศรัยกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาคอยรับฟังอย่างคับคั่ง โดยนำเสนอนโยบายของพรรคฯทั้งเรื่องการสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท (ป้อม 700) เรื่องการดูแลผู้สูงอายุหรือเบี้ยยังชีพเดือนละ 3,000 บาท4,000บาท และ 5,000 บาท ตามช่วงอายุ 60,70และ 80 ปี รวมไปถึงการดูแลประชาชนทุกช่วงวัยทั้ง“แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” รวมไปถึงแก้ปัญหาที่ดินทำกิน “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน” เปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด ,และ คทช.เปลี่ยนเป็นส.ป.ก. เป็นต้น ซึ่งหลังจากนายอารยะ กล่าวเสร็จสิ้นได้มีเสียงเชียร์ตอบรับให้กำลังจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับชูป้าย “อารยะ เบอร์ 4”และ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการปราศรัยได้มีประชาชนมาคอยมอบพวงมาลัยดาวเรืองและขอถ่ายภาพร่วมกับร.อ.ธรรมนัส และนายอารยะ เป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักชื่นมื่น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 เมษายน 2566

“ชัยวุฒิ”ผนึกกำลัง”ธรรมนัส”พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งเมืองตาก มั่นใจ พปชร.กวาดเก้าอี้ยกจังหวัด ด้านผู้สมัคร เชื่อ ผลงาน”พล.อ.ประวิตร”เป็นที่ประจักษ์ ช่วยให้ได้ชัยชนะ

,

“ชัยวุฒิ”ผนึกกำลัง”ธรรมนัส”พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งเมืองตาก มั่นใจ พปชร.กวาดเก้าอี้ยกจังหวัด ด้านผู้สมัคร เชื่อ ผลงาน”พล.อ.ประวิตร”เป็นที่ประจักษ์ ช่วยให้ได้ชัยชนะ

วันนี้(26 มี.ค.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดตาก ช่วย นายประสงค์ นามเสถียร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ปราศรัยหาเสียง พบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของที่บริเวณตลาดวังหิน เทศบาลเมืองตาก เเละเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน

ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยนายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะปักธง จังหวัดตากทั้ง 3 เขตยกจังหวัด โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานภาคเหนือ ก็จะเข้ามาช่วยประสานงานและดูแลด้วย เพราะว่ามีความคุ้นเคยกับพื้นที่เป็นอย่างดี

“ผมเเละ ร.อ.ธรรมนัส ตั้งมั่นที่จะสู้การเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดตาก เพื่อให้ได้ ส.ส.ของพรรคครบทุกเขต โดยเมื่อปี 62 พรรคพลังประชารัฐก็ได้ 2 เขตจากทั้งหมด 3 เขต ซึ่งครั้งนี้เราเชื่อมั่นว่า จะทําให้ได้ครบทั้งจังหวัด ผมขอการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านมีความผูกพันกับชาวตาก เพราะตลอดเวลาที่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการเรื่องน้ำไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งน้ํา การส่งเสริม อาชีพต่างๆ ของพี่น้องเกษตรกร รวมถึงเรื่องที่ดินทํากิน ที่ถือว่าเป็นปัญหาสําคัญของชาวจังหวัดตาก โดยเราก็มีโครงการธนาคารที่ดิน มาแก้ปัญหาที่ดินให้พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ถ้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส.ทั้ง 3 คน ก็จะเข้ามาช่วยกันผลักดันโครงการต่างๆ แก้ปัญหาชาวจังหวัดตากให้สําเร็จให้ได้

ด้านนายประสงค์ นามเสถียร ผู้สมัคร สส.เขต1 พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดตาก กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวจังหวัดตาก เพราะผลงานของ พล.อ.ประวิตร แก้ปัญหาให้กับชาวบ้านได้อย่างตรงจุด จึงเป็นที่รักของชาวตาก รวมถึงสมัยที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาทหารบก ก็ได้ดูเเลพื้นที่เเนวชายแดน จ.ตาก โดยให้ความสำคัญเรื่องปัญหายาเสพติด จึงเชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชารัฐ จะทำให้ตนมีโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้งในเขตนี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 มีนาคม 2566

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์

, ,

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์ พร้อมส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต กระจายทัพ พปชร. ช่วย ปชช.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคฯ พบปะสมาชิกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนนโยบาย และนำความเดือดร้อนของประชาชนส่งต่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่ทำกิน และราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญของคนสุราษฎร์

วันที่ 30 พ.ย. 64 เวลา 11.30 น. ที่โรงแรมแก้วสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อม ส.ส.ของพรรค ได้เดินทางมาให้กำลังใจในการประชุมการเลือกตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนในการทำงานของพรรคในฐานะปากเสียงของประชาชนชาวสุราษฎร์ เพื่อเสนอต่อกรรมการนโยบายพรรคในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว และตรงเป้าหมาย โดยมีสมาชิกพรรคในภาคใต้ 14 จังหวัด ให้การร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ร.อ.ธรรมนัส ได้ขึ้นเวทีพร้อมกล่าวต้อนรับว่าที่ตัวแทนเขต 1-6 พร้อมขอบคุณทุกคน ทั้งชาวสุราษฎร์ธานี และตัวแทนสมาชิกพรรคทุกคน ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่สนามบิน ซึ่งทำให้เห็นว่าการทำงานที่ผ่านมาของตนเองมีผลทำให้ทุกคนเกิดความเชื่อใจ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะรวมพลังในการได้รับความไว้วางใจในการเป็นตัวแทนของประชาชนในฐานะฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง โดยเป้าหมายหนึ่งเดียวคือการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องฐานราก ที่ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยมากที่สุด ที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ แต่กลับต้องเจอสภาวะผลผลิตตกต่ำไม่ได้ราคา โดยเฉพาะภาคใต้ที่ส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกปาล์มและยางพารา ที่ยังต้องประสบปัญหาส่งผลต่ออาชีพรายได้ และปากท้อง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนใน อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ที่อาศัยอยู่ในที่ดิน สปก. ไม่มีบ้านเลขที่ ทำให้น้ำ ไฟ เข้าไม่ถึง เมื่อทราบเรื่องและได้ลงพื้นที่จึงได้ดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้หลายเป็นพื้นที่ของความเจริญ นั่นจึงทำให้เชื่อว่าการมีตัวแทน ส.ส.แต่ละเขตเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ สามารถเข้าถึงปัญหาของประชาชนได้อย่างทั่วถึง ไม่ใช่เพียงแค่การมองภาพรวมของจังหวัด แต่ต้องมองให้ลึกลงไปยังความเดือดร้อน โดยเฉพาะการลดขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลที่ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า

“ผมเชื่อว่าครอบครัวพลังประชารัฐ จะสามารถสร้างพลังพัฒนาสุราษฎร์ธานี ทั้ง 6 เขต จะช่วยทำให้พี่น้องฐานราก อิ่มท้อง มีอาชีพ มีรายได้ มีชีวิตที่ดีขึ้น”

ศ.ดร. นฤมล ยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมส่งตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานีลงทุกเขต ตั้งเป้าหมายไม่ว่าในอนาคตตนเอง และ ร.อ.ธรรมนัส จะมีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ก็จะยังเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านต่อไป เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่มีใครแก้ได้ แต่ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ก็ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อยึดคืนที่ดินจากนายทุนกลับมาให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ทำกิน รวมถึงบัตรสวัสดิการรัฐ ที่จะดูแลตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน ในการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และการแก้ปัญหาของสินค้าทางการเกษตรที่จะต้องมีการตลาดนำ มีตลาดส่งออก และการแปรรูปสินค้า

“ไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ แต่เราต้องการมาแก้ปัญหาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือการแก้ปัญหาอย่างไรให้ประชาชนอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน

, ,

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี และไร้ที่ทำกินจากผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 ย้ำเร่งรัดช่วยเหลือโดยเร็ว

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้พบปะกับตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จ.น่าน และชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 มีผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน โดยพลเอก ประวิตร ได้มอบหมายให้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือพปชร.เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องทุกข์เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือตามขั้นตอน

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส และ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และ
ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย พร้อมข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังปัญหา ซึ่งทราบว่า จนถึงขณะนี้ผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีดังกล่าวนั้น คดียังไม่มีความคืบหน้า แม้พนักงานสอบสวนพื้นที่จังหวัดน่าน ได้ทำสำนวนและมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปยังพนักงานอัยการ จ.น่านแล้ว แต่ชาวบ้านได้รับการประสานว่า อัยการส่งหนังสือกลับให้ตำรวจมีการสอบคดีเพิ่ม ทำให้ชาวบ้านกังวลในกระบวนการแก้ไขปัญหาล่าช้า สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินดังกล่าว

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า เบื้องต้นพลเอกประวิตร ได้มอบหมายให้ตนเอง ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด ให้ประสานงานร่วมกับนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งหาแนวทางประสานงานกับหน่วยงานราชการในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย โดยเร็ว

“เรื่องนี้ผมได้ติดตามมาตลอด ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่านท่านเก่า ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการสั่งไม่ฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการ แต่เนื่องจากตามกฎหมายต้องดำเนินการอย่างรัดกุมรอบคอบ ทางอัยการจังหวัดจึงได้ให้ทางตำรวจสอบสวนให้รัดกุม ซึ่งท่านรองนายกฯ ประวิตร ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย คือท่านประสาน กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ดังนั้นผมเอง ในฐานะที่ดูแลภาคเหนือ 8 จังหวัด และได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลกับท่านประสาน เพื่อเร่งดำเนินการแก้ปัญหา เพราะทราบดีว่าเรื่องนี้ล่าช้ามานานพอสมควร ทำให้พี่น้องที่ถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อน ซึ่งผมได้พูดคุยกันกับประธานพีมูฟและกรรมการมาตลอด จึงขอให้สบายใจ จึงขอฝากทางรองผู้ว่าฯ, นายอำเภอนาน้อย และตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และตำรวจท้องที่ เพื่อการขับเคลื่อน ซึ่งจะไม่ปล่อยให้ล่าช้า เราจะเร่งช่วยเหลือให้อย่างจริงจัง โดยเร็วที่สุด” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 พฤศจิกายน 2564

ธรรมนัส-นฤมล เปิดสาขา พปชร.ขอนแก่น ผนึกทีม ส.ส. ขับเคลื่อนนโยบาย

, ,

ธรรมนัส-นฤมล เปิดสาขา พปชร.ขอนแก่น ผนึกทีม ส.ส.ขับเคลื่อนนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง

“ธรรมนัส-นฤมล” นำคณะลุยอีสานไม่หยุด ล่าสุด ร่วมประชุมจัดตั้งสาขาพรรคและคณะกรรมการสาขาพรรคพลังประชารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 ย้ำร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว มีความเข้มแข็ง สามัคคีกัน เพื่อผลักดันขับเคลื่อนนโยบายพรรคฯ เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า และมั่นใจกวาดที่นั่ง ส.ส.เพิ่มมากขึ้น

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองศิลา ตําบลศิลา อําเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคฯ,นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พปชร.ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคฯภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน, นายวัฒนา ช่างเหลา และ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนก่น พปชร. ร่วมประชุมเพื่อจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 โดยสมาชิกพรรคฯที่มีภูมิลําเนาในเขตเลือกตั้ง มารายงานตัว และลงทะเบียนเข้าประชุมเป็นจำนวนมาก ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ดำเนินการคัดเลือกสาขาพรรคกํารเมืองจังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 ตามลำดับ ทั้งการคัดเลือกคณะกรรมการสาขาพรรคฯ กำหนดไม่น้อย กว่า 7 คน โดยให้ที่ประชุมลงมติแบบเปิดเผย(ยกมือ) ก่อนจะเลือกตําแหน่งหัวหน้าสาขา ซึ่งสมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือกเป็นหัวหน้า และมีผู้รับรองเกินกว่า 2 คน ให้ที่ประชุมลงมติโดยการเปิดเผยเช่นกัน จากนั้นเลือกรองหัวหน้า เลขานุการ เหรัญญิก และนายทะเบียนสมาชิกสาขา ให้สมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือก เป็นนายทะเบียนสมาชิก พร้อมผู้ช่วยนายทะเบียน โดยทุกตำแหน่งดังกล่าว ให้สมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือก โดยมีผู้รับรองเกินกว่า 2 คน ให้ที่ประชุมลงมติโดยการเปิดเผยเช่นเดียวกัน เมื่อขั้นตอนเสร็จสิ้นแล้ว ก็มีการกำหนดสถานที่ตั้งสาขาพรรคการเมืองจังหวัดขอนแก่น เขตการเลือกตั้งที่ 1 และสรุปผลการประชุมพร้อมข้อเสนอแนะกํารขับเคลื่อนของสาขาพรรคการเมือง ซึ่งบรรยากาศเป็นอย่างเรียบร้อย

ด้านร้อยเอก ธรรมนัส ได้กล่าวในโอกาสพบปะกับผู้แทนสาขาพรรคการเมืองจังหวัดขอนแก่น เขต เลือกตั้ง ที่ 1 และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ช่วงหนึ่งว่า ขอชื่นชมและยินดีกับการดำเนินการ จัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 และคณะกรรมการสาขาพรรคที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย สะท้อนความรักสามัคคีของสมาชิกพรรคฯ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาพรรคไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับนโยบายของพรรค ที่มีท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เน้นย้ำต้องการเห็นความเข้มแข็ง เป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกรวมถึงส.ส.ทุกคน เพื่อจะได้ร่วมกันผลักดันนโยบายบายของพรรค ที่ยึดมั่นเชิดชูในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมุ่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคได้ทำงานหนักผ่านกลไกของรัฐ ในฐานะแกนนำของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง

“การจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 และคณะกรรมการสาขาพรรคในวันนี้ ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะขอนแก่นถือเป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน ภาคอีสานจะเจริญหรือไม่ให้ดูที่ขอนแก่น และภาคอีสาน ถือว่ามีประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มีส.ส. ตามรัฐธรรมนูญเก่าถึง 132 ที่นั่ง การที่จะยกระดับพัฒนาภาคอีสาน จึงจำเป็นต้องพัฒนาขอนแกน่ให้เจริญก่อน ดังนั้นพรรคจึงให้ความสำคัญดังกล่าว และการจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 วันนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคต ซึ่งตามระยะเวลาของรัฐบาลที่เหลือปีกว่าๆ ผมในฐานะแม่บ้านของพรรค และ ส.ส.ของพรรค จะทำงานร่วมกันกับ ส.ส.ของพรรคและคณะทำงานทุกฝ่ายอย่างเข้มข้นต่อไป จึงขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในนโยบายของพรรคฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ภายใต้การนำของท่านหัวหน้าพรรค ที่มีเป้าหมายทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชน ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคฯ ได้เน้นย้ำมาตลอดว่า ทุกคนต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เดินไปข้างหน้า เพื่อความเป็นปึกแผ่นของพรรคฯและเป็นที่พึ่งพาได้ของประชาชนต่อไป ” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ขณะที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคฯ ได้เน้นย้ำเช่นกันว่า ขอให้ตัวแทนแทนพรรคและสมาชิกพรรคฯมั่นใจว่าภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร พรรค พปชร.จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และมีชัยชนะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน จึงพร้อมเปิดโอกาสให้ ส.ส.ของพรรคฯแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายพรรค ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีประโยชน์ต่อประชาชน และช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองอย่างเข้มแข็งต่อไป

ร้อยเอกธรรมนัส ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ด้วยว่า วันนี้พรรคฯมีการประชุมเพื่อหาตัวแทนและเลือกสาขาระดับภาค จากก่อนหน้านี้มีตัวแทนสาขาภาคเหนือและภาคใต้แล้ว จึงดำเนินการในส่วนภาคอีสานที่จังหวัดขอนแก่นในวันนี้ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตามวัตถุประสงค์ของพรรค

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” ห่วงใย เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่ได้รับผลกระทบของโรคโควิด-19

,

“บิ๊กป้อม” ห่วงใย เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำขณะที่ต้นทุนสูงขึ้น สั่งด่วน ‘ธรรมนัส’ ลงพื้นที่เชียงราย เพื่อนำข้อเรียกร้องขอเยียวยา
ไร่ละ 2,000 บาท เสนอรัฐบาลทันที

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.30 น. ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมผู้นำเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด โดยมี นายมานพ จินะนา ประธานสภาอาชีพเกษตรกร (สอก.) กล่าวรายงาน และนำคณะ รวมถึงตัวแทนเกษตรกรชาวสวนลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก

โดย ร้อยเอก ธรรมนัสฯ กล่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความห่วงใยพี่น้องชาวสวนลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำ ขาดแคลนแรงงาน การส่งออกลำไยมีปัญหา ปุ๋ยยามีราคาแพง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จึงมอบหมายให้ตนเอง มาพบปะพี่น้องเกษตรกรชาวสวน ซึ่งเปรียบเสมือน พี่น้องร่วมสายเลือด ‘คนเมืองลูกข้าวนึ่ง’ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งลำไย คือ ‘เส้นเลือดใหญ่’ ของชาวภาคเหนือ มายาวนาน ดังนั้นเส้นเลือดใหญ่นี้ จะต้องได้รับการดูแล ฟูมฟักและพัฒนาลำไยให้เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคเหนือ เราต้องทำให้ได้

โดยวันนี้ ยังได้รับหลักฐานประจักษ์ชัด คือการลงลายมือชื่อของสมาชิกสภาอาชีพเกษตรกร(สอก.) ภาคเหนือทั้ง 8 จังหวัด มากถึง 111,000 รายชื่อ เพื่อขอทราบผลการเยียวยาไร่ละ 2,000 บาท และการเสนอร่างกฎหมาย พ.ร.บ. ลำไย พ.ศ….อีกด้วย

ร้อยเอก ธรรมนัสฯ ยืนยันว่า จะเร่งนำข้อเสนอของสภาอาชีพเกษตรกร นำเสนอต่อพลเอก ประวิตรฯ โดยด่วนที่สุด เพื่อพิจารณาและประสานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย ไร่ละ 2,000 บาท เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการผลิตลำไยฤดูกาลใหม่นี้ โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ให้แก่เกษตรกรชาวสวนลำไย และในฐานะเลขาธิการพรรค แกนนำรัฐบาล จะนำเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.ลำไยให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป

“ผมพร้อมเสมอที่จะรับฟังปัญหาทั้งด้านเกษตร ด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่น ๆ ในทุกมิติ เพราะทุกข์ของเกษตรกรคือทุกข์ของแผ่นดิน ผมสำนึกเสมอว่าผมคือเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกข้าวนึ่ง ผมและคณะพร้อมแก้ไขทุกปัญหาให้เกษตรกรพ้นทุกข์ และผมพร้อมจะนำพวกเราเดินทางร่วมกันก้าวไปข้างหน้า เพื่อชีวิตที่ดีกว่าต่อไป” ร้อยเอก ธรรมนัสฯ กล่าว

ด้าน นายมานพ จินะนา ประธานสภาอาชีพเกษตรกร(สอก.) กล่าวว่า เกษตรกรชาวสาวลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด มีเครือข่ายทั้งสิ้น 115 เครือข่าย ครอบคลุมทุกจังหวัด จำนวนสมาชิกมากกว่า 250, 000 ครอบครัว พื้นที่ปลูกรวมกันมากกว่า 1.2 ล้านไร่ มีผลผลิตรวมกันมากกว่า 1 ล้านตัน และในนาม สภาอาชีพเกษตรกร ของชาวสวนลำไยภาคเหนือได้ดำเนินการขอรับการช่วยเหลือเยียวยาภายหลังฤดูการเก็บเกี่ยว ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-กันยายน 2564 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำ ขาดแคลนแรงงาน การส่งออกลำไยมีปัญหา ปุ๋ยยามีราคาแพง ชาวสวนลำไยขาดทุนอย่างแสนสาหัส และได้นำปัญหาดังกล่าวเสนอต่อ คณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยื่นหนังสืขอความช่วยเหลือเยียวยาต่อผู้ว่าราชการจังหวัดใน 8 จังหวัดภาคเหนือ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา และในวันนี้พวกเราผู้นำเกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้รวบรวมรายชื่อ 111,000 รายชื่อ เพื่อนำเสนอต่อ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะพรรคแกนนำหลักของรัฐบาล เพื่อขอทราบคำตอบดังนี้
1. เรื่องการเยียวยาให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 25 ไร่ ในฤดูกาล ปี 2564 นี้ จะได้รับการเยียวยาเมื่อใด เพื่อที่จะได้นำเงินไปเป็นตันทุนการผลิตลำไยคุณภาพในฤดูกาล ปี 2565 ต่อไป
2. พวกเราขอนำรายชื่อผู้นำ สมาชิกและครอบครัวจำนวน 111,000 รายชื่อ พร้อมกับ (ร่าง) พ.ร.บ.ลำไย พ.ศ….เสนอต่อพรรคการเมืองและรัฐบาล เพื่อพิจารณาดำเนินการในกระบวนการทางรัฐสภาโดยด่วนที่สุดต่อไป ให้สมกับคำว่า “ลำไยคือ พืชเศรษฐกิจของภาคเหนือ ข้าวภาคกลาง ยางภาคใต้ ลำไยภาคเหนือ”

“ทางสภาอาชีพเกษตรกร ขอขอบคุณ และขอส่งกำลังใจทั้งหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นดวงเป็นกำลังใจให้ท่านผ่านอุปสรรค์ทั้งปวง และให้ท่าน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า “ลูกข้าวนึ่ง” ที่กล้าหาญและพร้อมเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในทางก้าวหน้ามาสู่ภาคเหนือของเราอย่างเป็นรูปธรรม มีเอกภาพ มีผลงานที่จับต้องได้ โดยเฉพาะการเยียวยาชาวสวนลำไยไร่ละ 2,000 บาท ซึ่งในปีที่ผ่านมา ท่านได้ช่วยเหลือพวกเราในวงเงินสูงกว่า 3,400 ล้านบาท เราเชื่อมั่นใน สโลแกนของพรรค “ใจถึงพึ่งได้” และให้ความเชื่อมั่นในเลขาธิการพรรค ‘พูดคำไหน คำนั้น พร้อมกันนี้ขอขอบคุณท่านและคณะผ่านไปยังรัฐบาล ที่มองเห็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ และได้ให้การช่วยเหลือเป็นเบื้องต้นมาโดยลำดับ การเยียวยาเป็นการ “ต่อลมหายใจ และสร้างโอกาส” การตรากฎหมาย พ.ร.บ.ลำไย คือหัวใจของเกษตรกร” นายมานะ กล่าว

ที่มา : www.facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564