โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: ตุลาคม 2023

“จีรเดช สส.พะเยา”ฝาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยียวยา ปชช.ประสบเหตุน้ำป่าไหลหลากพัดบ้านเรือนเสียหาย พร้อม พร้อม เร่งเดินหน้าโครงการถนนเลี่ยงเมืองพะเยา

,

“จีรเดช สส.พะเยา”ฝาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยียวยา ปชช.ประสบเหตุน้ำป่าไหลหลากพัดบ้านเรือนเสียหาย พร้อม พร้อม เร่งเดินหน้าโครงการถนนเลี่ยงเมืองพะเยา

นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึง เหตุการณ์ภัยพิบัติ เมื่อคืนวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมาได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าพัดบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ในหมู่บ้านห้วยก้างปลา ตำบลสระ อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 รายสูญหาย 1 ราย เป็นเด็กหญิงอายุ 10 ปีทั้งเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครกู้ภัยรวมกำลังค้นหาอย่างหนัก ขณะนี้ก็ยังไม่พบ ที่อยู่อาศัย ข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งสัตว์เลี้ยงและพืชผลผลทางการเกษตร ได้รับความเสียหายจำนวนมาก และได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเป็นอย่างมาก

นายจีรเดช กล่าวต่อว่า ตนขอฝากไปยังกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เนื่องจากถนนเลี่ยงเมืองพะเยา ตัดแยกเกษตรสุข ตำบลแม่กา อำเภอเมือง เชื่อมกับเส้นทางหลวงหมายเลข 1021 บ้านซักผ้าเป้า อำเภอดอกคำใต้ ชื่อว่าถนนอุบาลี ซึ่งแล้วเสร็จมาแล้วเกือบ3 ปี แต่ช่วงที่สองต่อจากเส้นทางนี้ไปทางอำเภอปลุกกำยาว เข้าไปยังถนนพหลโยธิน หรือถ้าหลวงแผ่นดินหมายเลขหนึ่ง บริเวณตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร

“ผมทราบว่าได้ทำการศึกษาสำรวจออกแบบมานานแล้ว เมื่อสอบถามไปก็ได้รับคำตอบว่า มีคนคัดค้าน พูดคนละทิศ คิดกันคนละทาง เพราะแบบนี้บ้านเมืองถึงได้พัฒนาล่าช้า วันนี้โครงการไหนมีความพร้อมก็ทำไปก่อน วันหน้าจะเป็นยังไงก็ว่ากันใหม่ จะทำอะไรก็รีบทำให้มันแล้วเสร็จ เพราะอีกไม่กี่ปี รถไฟสายเชียงรายก็จะสำเร็จเสร็จสิ้น หากเริ่มได้ไว เส้นทางควบคู่ไปกับรถไฟสายใหม่ ก็จะสร้างความสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเร่งดำเนินการทั้งสองเรื่องนี้ด้วย”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 ตุลาคม 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” นำทีมพปชร.รวมพลังสามัคคี รุกสานต่อนโยบายช่วยเหลือประชาชนกินดีอยู่ดี

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” นำทีมพปชร.รวมพลังสามัคคี
รุกสานต่อนโยบายช่วยเหลือประชาชนกินดีอยู่ดี

วันที่ 21 ตุลาคม 2566 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท จ.ภูเก็ต – พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดสัมมนาพรรคในหัวข้อ “รวมพลังสามัคคี” โดยมีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ ได้รับมอบหมาย จากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ เป็นประธานในการเปิดสัมมนา พร้อมด้วยผู้บริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สส. และกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ทั้ง 8 ด้านของพรรค ร่วมสัมมนาอย่างพร้อมเพรียง

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้กล่าวเปิดสัมมนาในครั้งนี้ว่า ขอต้อนรับสส. ทุกคน คณะกรรมการบริหารพรรค กรรมการยุทธศาสตร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ตนในฐานะตัวแทนพลเอกประวิตร มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาพบกับทุกท่านในการสัมมนาอุดมการณ์ผ่านผลงานของพรรคพลังประชารัฐ ในวันนี้ถือเป็นการสัมมนาเป็นครั้งแรก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกัน รวมหัวใจพลังประชารัฐให้เป็นหนึ่งเดียว

ทั้งนี้ในยุทธศาสตร์ของพรรคในผลงานที่ผ่านมาโดยพรรคพลังประชารัฐก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2561 และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มีนโยบายที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มุ่งเน้นในการสร้างความสามัคคีปรองดองให้เป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพ ไร้ความขัดแย้งและมุ่งเน้นในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนที่ถือเป็นเจตนารมย์อันดีที่ดำรงไว้ในข้อบังคับของพรรคด้วย

ในช่วงที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ได้สร้างผลงานเพื่อเป็นประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการน้ำ การดูแลประชาชนให้กินดีอยู่ดี จัดการที่ดินทำกิน และยังได้มีโยบายใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทางพรรคตระหนักถึงความท้าทายที่จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพรรคที่ได้เสนอเอาไว้ ซึ่งพรรคก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเชิงยุทธศาสตร์ในการเข้ามาปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ ตนขอให้บุคลากรของพรรคทุกท่านร่วมแรง ร่วมใจกันทำงานเพื่อประชาชน ไปด้วยกันสุดท้ายนี้ผมขอให้การสัมมนาในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและลุล่วงทุกประการ

อย่างไรก็ตาม การสัมมนาในวันนี้ มีคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรรพลังประชารัฐ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ประกอบด้วย รองหัวหน้าพรรค 5 คน ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์,นายวิรัช รัตนเศรษฐ,นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์,นายไพบูลย์ นิติตะวัน,น.ส.ตรีนุช เทียนทอง และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นอกจากนี้ ยังมีทีมยุทธศาสตร์ของพรรคทั้ง 8 คณะ ประกอบด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์,นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการด้านนโยบายและการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน,นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ,นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ประธานกรรมการด้านความสัมพันธ์องค์กรและการต่างประเทศ,พล.ต.อ. ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ประธานกรรมการด้านประสานงานและอำนวยการ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 ตุลาคม 2566

“นเรศ สส.เชียงใหม่”วอน กรมทางหลวงชนบท เร่งซ่อมแซมสะพานข้ามระหว่างจังหวัด พร้อมขอกรมชล เร่งดำเนินการแก้ปัญหาดินพังทลายบริเวณแม่น้ำแม่แจ่ม

,

“นเรศ สส.เชียงใหม่”วอน กรมทางหลวงชนบท เร่งซ่อมแซมสะพานข้ามระหว่างจังหวัด พร้อมขอกรมชล เร่งดำเนินการแก้ปัญหาดินพังทลายบริเวณแม่น้ำแม่แจ่ม

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปยังกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม เพื่อขอเร่งรัดซ่อมแซมสะพานวังสะแก เพื่อข้ามลำน้ำปิง บนถนนสายทางที่ 302 ตัด108 ได้ทรุดพังลง จำนวน3 ช่วง ระยะทาง 60 เมตร ซึ่งจริงๆ แล้วสะพานตรงนี้ได้รับงบประมาณมาแล้ว และกำลังสรรหาบริษัทเข้ามาซ่อมแซมจำนวนเงิน 40 ล้าน แต่ได้เกิดพังทลายเสียก่อน และสะพานตรงนี้ เป็นสะพานที่ข้ามระหว่างจังหวัด จากตำบลหลวงเต่า ของจังหวัดเชียงใหม่ ไปอำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดด้วย เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นายนเรศ กล่าวต่อว่า ตนขอหารือไปถึงกรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงปัญหาการพังทลายของดินบริเวณแม่น้ำแม่แจ่ม ซึ่งได้เกิดการทรุดตัวแล้วพังทลายลง ทำให้น้ำในช่วงไหลหลากได้เข้าท่วมไร่นาของประชาชนเป็นจำนวนทั้งหมด 2000 กว่าไร่ เบื้องต้นตนได้ประสานไปยังกรมชลประทานแล้ว จึงขอให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้พี่น้องประชาชนทำเกษตรกรรมไม่ได้เลย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ตุลาคม 2566

“จตุพร สส.ราชบุรี”ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาน้ำป่าไหลกัดเซาะริมตลิ่งพังทลาย พร้อมแนะทำฝายกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

,

“จตุพร สส.ราชบุรี”ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาน้ำป่าไหลกัดเซาะริมตลิ่งพังทลาย พร้อมแนะทำฝายกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้นำชุมชนและพี่น้องประชาชนอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีว่า แม่น้ำภาชี ที่มีแหล่งต้นน้ำมาจากเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งไหลผ่านตำบลท่าเคย ตำบลปลาหวาย ในเขตอำเภอสวนผึ้งและตำบลด่านทับตะโก ตำบลแก้มอ้น อำเภอจอมบึงจังหวัดราชบุรี ไหลไปลงแม่น้ำแควน้อย ที่ตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี มีความยาวประมาณ 50 – 60 กิโลเมตร มีความกว้างโดยเฉลี่ย 60 – 70 เมตร ในบางช่วงมีการกัดเซาะตลิ่งทำให้บริเวณนั้นมีความกว้างถึง 100 เมตร

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ทุกปีในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ฝนจะตกชุก น้ำป่าไหลอย่างรุนแรง และกัดเซาะริมตลิ่งพังทลาย ทำให้ที่ดินทำกินซึ่งเป็นไร่สวน พื้นที่เลี้ยงสัตว์ และบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย ถนนบางสายเสียหายน้ำท่วมตัดขาด ไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ ซึ่งบางครอบครัวต้องอพยพไปหาที่อยู่ที่ทำกินใหม่ พอถึงฤดูแล้งก็มีความแห้งแล้งเป็นอย่างมาก ไม่มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค เนื่องจากน้ำได้ไหลผ่านไปลงแม่น้ำแควน้อย

“เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน โดยการสำรวจออกแบบทำฝายกักเก็บน้ำไว้ใช้เป็นระยะ ๆ และเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง พร้อมทั้งสร้างแนวเขื่อนกั้นตลิ่งบริเวณที่มีกระแสน้ำกัดเซาะเป็นประจำ”นายจตุพร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ตุลาคม 2566

“จักรัตน์ สส.พปชร.“เสนอญัตติแก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ ให้ กมธ. การเงิน การคลัง พิจารณาใน 90 วัน เร่งหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรยาสูบ

,

“จักรัตน์ สส.พปชร.“เสนอญัตติแก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ ให้ กมธ. การเงิน การคลัง พิจารณาใน 90 วัน เร่งหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรยาสูบ

ในที่ประชุมสภาผูัแทนราษฎร ได้มีการเสนอญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ โดยนายจักรัตน์ พั้วช่วย สส.เพชรบูรณ์ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายในฐานะผู้เสนอญัตติว่า เหตุผลของญัตตินี้คือ ยาสูบเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญประเภทหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นิยมปลูกยาสูบกันเป็นจำนวนมาก เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตบุหรี่

นายจักรัตน์ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบกลับต้องประสบปัญหาราคายาสูบ และยาเส้นตกต่ำ เนื่องจากการลดปริมาณรับซื้อยาเป็นอย่างมาก และมาตรการด้านสุขภาพ รวมถึงการปรับโครงสร้าง ภาษีกรมสรรพสามิตยาสูบใหม่ และการปรับขึ้นภาษี อย่างต่อเนื่องซึ่ง มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ ราคาบุหรี่ปรับตัวสูงขึ้น มีการลักลอบนำเข้าบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้แพร่หลายเป็นจำนวนมาก จากปัญหาราคายาสูบและยาเส้นตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูก ที่ยึดถืออาชีพในการปลูกยาสูบมาอย่างยาวนาน ได้รับความเดือดร้อน มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต และต้องแบกรับภาระหนี้สินอีกครั้ง

“เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ ดั้งเดิมยังไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เพื่อทดแทนอาชีพเดิมได้ จึงเป็นปัญหาที่เกษตรกร ผู้ปลูกยาสูบต้องเผชิญ และมีแนวโน้มที่จะก่อปัญหาให้เกิด ดังนั้นหากมีการพิจารณาศึกษาปัญหาดังกล่าว เพื่อให้มีการแก้สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน ครบถ้วนในทุกมิติ จะเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ เพื่อให้มีรายได้เพียงพอในการดำรงชีวิตและมีแนวทางการประกอบอาชีพที่เหมาะสม และยั่งยืนต่อไปในอนาคต”

นายจักรัตน์ กล่าวต่อว่า ปัญหายาสูบและยาเส้นที่เกิดขึ้นปฎิเสธไม่ได้เลยว่า เกิดจากการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ตั้งแต่ปี 2560 ก็คือเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2560 กระทรวงการคลังได้ออกกฎกระทรวงกำหนด โครงสร้างภาษีบุหรี่ แบบผสมโดยคิดภาษีตามปริมาณ 1.20 บาทต่อมวล บวกกับภาษีมูลค่า 2 อัตราได้แก่ บุหรี่ที่มีราคาเกิน 60 บาทต่อซอง คิดอัตรา 20% และบุหรี่ที่มีราคาเกิน 60 บาท ต่อซองคิดอัตรา 40% พร้อมกันนั้น เริ่มเก็บภาษีเพิ่มมหาดไทย จากสินค้ายาสูบ ในอัตรา 10% ของภาษีกรมสรรพสามิต ทำให้ต้องปรับเพิ่มราคาของบุหรี่อย่างสูงมาก และไม่เคยมีปรากฏมาก่อน

ส่วนรอบที่ 2 ในการปรับโครงสร้างภาษี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 รัฐบาลได้ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ 2 อัตราเช่นเดียวกัน แต่คิดภาษีตามปริมาณ 1.25 บาทต่อม้วน และภาษีตามมูลค่า ก็คือปรับเป็น บุหรี่ที่ราคาไม่เกิน 72 บาทต่อซอง คิดอัตราเพิ่มจาก 20% เป็น 25% และบุหรี่ที่เกิน 72 บาทต่อซอง คิดอัตรา จาก 40% เป็น 42% การปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ทั้ง 2 อัตรา ทำให้บุหรี่มีราคา ที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้การยาสูบมีกำไรลดลงอย่างน่าตกใจ ส่งผลให้กระทบต่อชาวไร่ยาสูบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโควต้าการปลูกยาสูบ และที่สำคัญก็คือ เรื่องของราคา

“ที่ผ่านมาก่อนปี 60 การยาสูบไม่เคยขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเลย แต่หลังจากปี 60 ที่มีการปรับภาษี รัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรไร่ยาสูบ ต้องขอบคุณ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งตอนนั้นท่านเป็นรองนายก ที่ได้ช่วยเหลือผลักดันมาตรการนี้ให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็ขอให้กรรมาธิการที่เรากำลังช่วยกันพิจารณา ช่วยปรับตัวเลขให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่จริง เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตยาเส้นรายย่อยตามที่อยู่ต่างจังหวัดที่มีกำลังเงินกำลังทุนน้อยให้อยู่ได้ ก็คือ ปรับเป็นไม่เกิน 50,000 กิโลกรัมเสียภาษี 0.025 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนที่เกิน 50,000 กิโลกรัมเสียภาษี 0.1 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเหตุผลที่วันนี้ผมยื่นญัตติเพื่อให้ท่านกรรมการสามัญเพื่อทำการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหายาสูบ”

ทั้งนี้ เนื่องจากญัตติดังกล่าวนั้น เริ่มต้นเป็นการเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ แต่นายจักรัตน์ผู้เสนอญัตติเห็นสมควรให้ส่งไปยังคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน ซึ่งการอภิปรายของสมาชิกต่างมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกัน ดังนั้น ประธานฯ ในที่ประชุมจึงอาศัยอำนาจตามข้อบังคับการประชุมฯ ข้อ 88 ในการถามมติว่าจะส่งญัตตินี้ไปให้คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาตามที่ผู้เสนอญัตติได้เสนอ ซึ่งไม่มีสมาชิกฯ ท่านใดเห็นเป็นอย่างอื่น 
จึงถือว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ส่งญัตติไปยังคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน พิจารณา กำหนดระยะเวลาในการพิจารณา 90 วัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ตุลาคม 2566

“สันติ” รมช.สธ. ตรวจเยี่ยม อย. เข้มป้องกันสินค้าออนไลน์ ยา-ผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่ได้มาตรฐาน

,

“สันติ” รมช.สธ. ตรวจเยี่ยม อย. เข้มป้องกันสินค้าออนไลน์ ยา-ผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่ได้มาตรฐาน

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมตรวจเยี่ยมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กับนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ พร้อมเยี่ยมชมบูทนิทรรศการก่อนรับฟังบรรยายสรุป ที่ห้องประชุมชั้น 9 อาคาร OSSC อย.กระทรวงสาธารณสุข

นายสันติ กล่าวว่า มีความชื่นชมการทำงานของ อย. ที่มีมาตรฐานสูง ทำให้ได้ยาที่มีคุณภาพ และกำกับดูแลร้านขายยาทุกแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ไปไกลและรวดเร็ว เรื่องการค้าออนไลน์จึงมีปัญหาค่อนข้างมาก มีการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์ ทั้ง อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีผู้ร้องเรียนว่าการตรวจสอบจะไม่ทัน บางชิ้นส่งจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบยาก โดยเฉพาะการค้าออนไลน์ในเรื่องสุขภาพ ความสวยความงาม มีสัดส่วนสูงมากและเป็นปัญหามาก เช่น หลายเดือนที่ผ่านมาส่งสารไซยาไนด์ ได้มีการพูดถึง อย.ว่ามีการตรวจสอบอย่างไร หากมีการส่งสินค้าทางไปรษณีย์หรือบริษัทของเอกชนต่างๆ

“ปัญหาอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ไม่ตรงปก หากมีไม่กี่ชิ้นไปทำอะไรคงยาก การที่ของเหล่านี้ส่งเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมากทำให้ประชาชนเสียเงินกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การดำเนินการสกัดกั้นก็มีความสำคัญ ฉะนั้นถ้าเป็นอาหารและยา ต้องดูว่าเป็นอะไร เช่น ยาลดความอ้วน ต้องดูเรื่องกฎระเบียบ ถ้าไม่มีก็ต้องออก เพื่อให้บุคคลที่สั่งซื้อสินค้าไม่ได้มาตรฐานสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้”

ทั้งนี้มองว่า การค้าออนไลน์มีความสะดวก อยู่บ้านก็ค้าขายได้ แต่ก็ทำลายระบบเศรษฐกิจในระดับมหาภาค ร้านค้าในชนบทก็สามารถค้าขายได้ แต่ปัจจุบันปิดไป 80% เพราะมีการค้าออนไลน์ซึ่งทำลายระบบเศรษฐกิจร้านค้าชุมชน ฉะนั้นสินค้าที่แปลกปลอมก็ออกระเบียบ ถ้าเข้าได้แล้วไม่มีมาตรฐานก็กำหนดโทษทางคดีอาญา เพราะตอนอยู่กรมศุลกากร ก็มีปัญหาดังกล่าว ซึ่งไม่สามารถแก้ได้เพราะสินค้าที่ส่งต่ำกว่า 1,500 บาท ต่ำกว่า 3,000 บาท ไม่สามารถเก็บได้ เพราะเป็นเรื่องการค้าโลก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ตุลาคม 2566

“จำลอง สส.กาฬสินธุ์”วอน รัฐเยียวยาความเสียหายให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้ง มันสำปะหลัง อ้อย หลังเกิดน้ำท่วมเสียหายจากกรมชลบริหารจัดการน้ำไม่ดี

,

“จำลอง สส.กาฬสินธุ์”วอน รัฐเยียวยาความเสียหายให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้ง มันสำปะหลัง อ้อย หลังเกิดน้ำท่วมเสียหายจากกรมชลบริหารจัดการน้ำไม่ดี

นายจำลอง ภูนวนทา สส.เขต 3 จ.กาฬสินธุ์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงราษฎรที่เช่าที่ราชพัสดุ ประกอบอาชีพไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชและเลี้ยงกุ้ง ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกอบต.หัวหินว่า พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน ต้องการให้รัฐเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากการเลี้ยงกุ้ง และเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและปลูกอ้อย ที่ต้องประสบภัยน้ำท่วม เกิดจากการบริหารจัดการน้ำไม่ดีพอของกรมชลประทาน

นายจำลอง กล่าวต่อว่า ตนอยากทวงถามถึงเรื่องที่เคยหารือไว้เกี่ยวกับ การสร้างถนนสายโค่กเครือเชื่อมกับตำบลดงบูรณ์ กับบ้านนางาม กับบ้านคำขาม และถนนสายบ้านหนองบัวเชื่อม ตำบลหนองสัว เทศบาล หนองบัวเชื่อม เทศบาลหนองสัว ซึ่งถนนทรุดโทรม อย่างมาก โดยตนเคยหารือแล้วก็เงียบไป ทางชาวบ้านฝากมาให้ทวงถามกรมส่งเสริม เพราะว่าได้ของบประมาณไปหลายปีแล้ว แต่เรื่องยังไม่ได้รับการตอบรับ ตนขอให้ผู้มีอำนาจรับผิดชอบช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ตุลาคม 2566

“อามินทร์ สส.นราธิวาส”ชงแก้ปัญหา Overstay ของชาวมาเลเซีย เผย ชายแดนใต้กำลังเสียโอกาสในการต้อนรับนักท่องเที่ยว

,

“สส.อรรถกร” ขอบคุณส.ส. ได้ร่วมกันลงมติเป็นเอกฉันท์ แก้ไขข้องบังคับสภา เปลี่ยนชื่อ-ภาระกิจ กรรมาธิการสามัญ เพื่อแก้ทุกข์ให้ปชช.

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงกฎหมายกวาดล้างต่างชาติอยู่ Overstay หรือปัญหาการอยู่เกินกำหนดตามระยะอนุญาตของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งในช่วง สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ทำให้พื้นที่ชายแดนภาคใต้เผชิญกับเศรษฐกิจที่ซบเซามายาวนาน มาถึงวันนี้สถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว ความหวังของพี่น้องประชาชนที่จะได้ทำมาหากิน หารายได้จากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็มีมากขึ้น

“เนื่องด้วยปัญหาการอยู่ Overstay ของคนมาเล จึงทำให้ขณะนี้ชายแดนกำลังใต้เสียโอกาสจากการต้อนรับนักท่องเที่ยว จากการถูกห้ามเข้าประเทศ หลังจากเข้ามาเสียค่าปรับแล้ว ตามข้อกฎหมายที่ต้องโดนห้ามกลับเข้าประเทศไทยอีก ซึ่งเข้าใจในความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายในข้อนี้บังคับใช้ก็เพื่อป้องกันแรงงานต่างด้าว แต่ชายแดนทางใต้เป็นชายแดนทางการค้า ไม่ใช่ชายแดนสำหรับแรงงานต่างด้าว ผมต้องขอฝากกระทรวงการต่างประเทศให้พิจารณาแก้ปัญหาในเรื่องนี้ด้วย”

นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้มีนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 2 ล้านคนเดินทางมาเยือน จ.สงขลา สูงกว่าปีที่แล้วที่ 8-9 แสนคน ซึ่งยอดนักท่องเที่ยวสะสมมาเลเซียแซงหน้าชาวจีนไปแล้ว โดยผลสำรวจจากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคใต้ ระบุว่า ทางใต้ของไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่ต้องการประสบการณ์เกี่ยวกับอาหาร และเป็นจุดหมายปลายทางในวันหยุดสุดสัปดาห์

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ตุลาคม 2566

“สส.อรรถกร” ขอบคุณส.ส. ได้ร่วมกันลงมติเป็นเอกฉันท์ แก้ไขข้องบังคับสภา เปลี่ยนชื่อ-ภาระกิจ กรรมาธิการสามัญ เพื่อแก้ทุกข์ให้ปชช.

,

“สส.อรรถกร” ขอบคุณส.ส. ได้ร่วมกันลงมติเป็นเอกฉันท์ แก้ไขข้องบังคับสภา เปลี่ยนชื่อ-ภาระกิจ กรรมาธิการสามัญ เพื่อแก้ทุกข์ให้ปชช.

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ฉะเชิงเทรา ในฐานะ
ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ…. เปิดเผยว่า ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุกท่าน ได้ลงมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมาธิการได้เสนอให้ สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแก้ไขข้อบังคับสภาฯ เพื่อแก้ชื่อและภาระกิจของคณะกรรมาธิการ 3 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สิน คณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และคณะกรรมาธิการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

“ การแก้ไขข้อบังคับครั้งนี้ เพื่อให้สภาสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสส.ถือเป็นกลไกสำคัญที่สามารถนำปัญหาและข้อเท็จจริงในความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชน นำมาสู่การผลักดันช่วยเหลือได้อย่างมีประสิมธิภาพมากขึ้น” นายอรรถกร กล่าว

ทั้งนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพิจารณาตามมติที่ประชุมสภา เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ได้รับหลักการร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ…. ตั้งกรรมาธิการจำนวน 20 คน เพื่อพิจารณา กำหนดการแปรญัตติ ซึ่งคณะกรรมาธิการได้พิจารณาร่างข้อบังคับดังกล่าวเสร็จแล้วปรากฏผลตามรายงานของคณะกรรมาธิการตามที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพร้อมข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการจึงเรียนมาเพื่อที่ประชุมในวันนี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ตุลาคม 2566

“รมว.ธรรมนัส”ร่วมหารือ ก.มหาดไทย – ก.ทรัพยากรธรรชาติฯ เร่งแก้ปัญหาสมัชชาคนจน พร้อมพบปะกลุ่มพีมูฟ ก่อนยุติการชุมชุมหน้าทำเนียบ

,

“รมว.ธรรมนัส”ร่วมหารือ ก.มหาดไทย – ก.ทรัพยากรธรรชาติฯ
เร่งแก้ปัญหาสมัชชาคนจน พร้อมพบปะกลุ่มพีมูฟ ก่อนยุติการชุมชุมหน้าทำเนียบ

วันนี้ (16 ต.ค.66) เวลา 13.30 น. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับแกนนำสมัชชาคนจน (สคจ.) และ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานจากกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองกระทรวงซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของที่ดินที่เป็นปัญหาค้างคาเดิมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม แบ่งเป็น กระทรวงมหาดไทย 14 กรณีประเด็นปัญหา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7 กรณี ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบการทำงานจากนี้ร่วมกันระหว่างสมัชชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดตามข้อร้องเรียนในแต่ละประเด็น เสนอต่อสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งเบื้องต้นได้ผลเป็นน่าพอใจ และเมื่อมีกรอบแนวทางออกในการดำเนินงานในความเดือนร้อนที่พี่น้องสมัชชาคนจนเสนอมา และมีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน คาดว่าการปักหลักชุมนุมก็จะไม่ยืดเยื้อแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากการหารือร่วมกับกลุ่มสมัชชาคนจนเรียบร้อยแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้เดินทางต่อไปยังบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พบปะตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ เพื่อหารือการขับเคลื่อนการทำงานของคณะอนุกรรมการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรรมการลงนามแต่งตั้งทั้งหมด 7 คณะอนุกรรมการ ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบ 2.คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม 3.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการของรัฐ 4.คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ 5.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาสิทธิสถานะ และบุคคล 6.คณะอนุกรรมการสิทธิที่อยู่อาศัยและการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และ 7.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาใน 10 ประเด็นข้อเสนอเชิงนโยบาย และปัญหารายกรณีทั้งสิ้น 266 กรณี ร่วมกันตามที่กลุ่มพีมูฟได้ยื่นข้อเสนอการแก้ไขปัญหาของกลุ่มพีมูฟ ซึ่งสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายเลขานุการ จะประสานงานฝ่ายเลขาฯ ของคณะกรรมการและอนุกรรมการทุกชุดมาประชุมร่วมกับผู้แทนพีมูฟโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ กลุ่มพีมูฟได้ปักหลักชุมนุมบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา และจะยุติการชุมชุมและทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันนี้ (16 ต.ค.66).

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ตุลาคม 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาทฯรับข้อห่วงใยนายกรัฐมนตรีถึงการลักลอบค้าสัตว์ป่า สั่งกรมอุทยาน ทุกหน่วยปราบปราม ลักลอบค้าสัตว์ป่าตามแนวชายแดน ทุกแหล่งค้าในประเทศ ประสานศุลกากร ตำรวจ ทหาร จับกุมขบวนการข้ามชาติ

,

“พล.ต.อ.พัชรวาทฯรับข้อห่วงใยนายกรัฐมนตรีถึงการลักลอบค้าสัตว์ป่า สั่งกรมอุทยาน ทุกหน่วยปราบปราม ลักลอบค้าสัตว์ป่าตามแนวชายแดน ทุกแหล่งค้าในประเทศ ประสานศุลกากร ตำรวจ ทหาร จับกุมขบวนการข้ามชาติ

วันที่ 13 ตุลาคม 2566 ที่ห้องประชุมหน่วยข่าวกรองอาชญากรรมสัตว์ป่า (WILDLIFE CRIME INTELLIGENCE UNIT) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เป็นประธานการประชุม โดยได้กล่าวว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีมีข้อห่วงใยการลักลอบค้าสัตว์ป่าผ่านชายแดนประเทศไทยและมาเลเซีย
ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมีข้อสั่งการเกี่ยวกับการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายภายในประเทศและบริเวณแนวชายแดน จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว จุดผ่อนปรน ช่องทางธรรมชาติ ซึ่งอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการที่พล.ต.อ.พัชรวาทฯ ได้มีนโยบายด้านการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยมุ่งถอนรากถอนโคนกลุ่มขบวนการให้ได้ ปัญหาหนึ่งก็คือการลักลอบนำสัตว์ป่าผิดกฎหมายผ่านเข้าออกบริเวณจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว จุดผ่อนปรน ตลอดจนช่องทางธรรมชาติต่างๆ

ทั้งนี้ได้มีการเรียกประชุมด่วน นำโดยนายประเสริฐ สอนสถาพรกุล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา (ไซเตส) หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าทั่วประเทศ จำนวน 47 ด่าน นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านการป้องกันและปราบปราม นายนาวี ช้างภิรมย์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการเหยี่ยวดง นายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาเสือ สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายให้เข้มงวดรัดกุมมากยิ่งขึ้น

โดยได้รับรายงานจากหัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่า ซึ่งอยู่ติดกับแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ว่าสถานการณ์การลักลอบค้าสัตว์ป่าในปัจจุบัน ยังปรากฏอยู่บ้าง โดยเฉพาะการลักลอบนำสัตว์ป่าผิดกฏหมายผ่านช่องทางธรรมชาติต่างๆ โดยได้รับรายงานจากหัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าเชียงของ

ว่าเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการตรวจยึดซากสัตว์ป่าที่ลักลอบนำเข้ามาจากจากประเทศเพื่อนบ้าน บรรจุใส่ถุงเข้ามาขายในฝั่งประเทศไทยประกอบด้วย ซากเม่นใหญ่ ซากเก้ง และหมีขอ จึงได้ตรวจยึดดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว สำหรับด่านตรวจสัตว์ป่าซึ่งอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่อื่นๆ ทราบว่ามีการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันปรากฏอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม นายอรรถพลฯได้มอบหมายและสั่งการในที่ประชุมเพื่อกำหนดแผนการปฎิบัติโดยเร่งด่วนต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ตุลาคม 2566

“รมว.ธรรมนัส” ลงพื้นที่แหล่งมรดกโลกทางการเกษตร มุ่งส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มอบหมายกรมชลฯลอกคลองป้องกันวัชพืชกระทบระบบนิเวศนทะเล

,

‘ธรรมนัส’นำทีม สส.พปชร.ลุยแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งคาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา พร้อมประกาศ ดีเดย์แจกโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฉบับแรก 15 ม.ค. 67 แน่นอน

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด กระแสสินธุ์ และพบปะเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ณ ต.บ้านตาขาว อ.ระโนด จ.สงขลา ร่วมกับ สส. ภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐ อาทิ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 ,นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.จังหวัดนราธิวาส เขต2 , นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.จังหวัดนราธิวาส เขต 3 และนายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี เขต 2

โดย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ปัญหาของคาบสมุทรสทิงพระ คือเริ่มตั้งแต่เมื่อวานที่ตนไปลงพื้นที่ทะเลน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา รวมถึงนครศรีธรรมราช แล้วก็คาบสมุทรทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะต้องขับเคลื่อนพร้อม ๆ กัน โดยช่วงเช้าตนได้สั่งการไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาว่า จะนำเรื่องที่มาตรวจราชการ 2 วัน โดยเป็นเรื่องของคนพัทลุง คนสงขลา และคนนครศรีธรรมราช เสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้รับทราบ เพื่อหาทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในเรื่องของการพัฒนาทะเลสาบสงขลา อย่าง ทะเลน้อย

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า เมื่อเช้าตนอยู่กับพี่น้องชาวอำเภอระโนด ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่พี่น้องได้รับผลกระทบ เวลาหน้าน้ำหลากก็ท่วมคาบสมุทรสทิงพระ ทำให้พี่น้องชาวอำเภอสทิงพระเดือดร้อน แนวทางในการแก้ปัญหาในส่วนของกรมชลประทาน ตนได้สั่งการกรมชลประทานแล้วว่า ให้หาแนวทางในการแก้ไขปัญหา อย่างเช่น ในช่วงหน้าแล้ง ก็มีปัญหาเรื่องน้ำของภาคการเกษตรเป็นปัญหามาก เราจะทำการกระจายน้ำ โดย ใช้เป็นประตูสูบน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ในแต่ละจุดของคลองอาทิตย์ เพื่อระบายไปยังแปลงเกษตรให้กับพี่น้องเกษตรกรทั้ง 4 อำเภอ ส่วนคณะกรรมการในการบริหารจัดการทะเลน้อย ทะเลสาบสงขลา ตนก็จะอาสาเป็นประธานในการขับเคลื่อน

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตนมีการประชุมของคณะกรรมการปฎิรูปที่ดิน อนุมัติกรอบในการเปลี่ยนที่ดินจาก ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนด ภายใต้ใช้กฎหมายข้อบังคับประกาศ 4 ฉบับ พรบ.ส.ป.ก. ปี 18 ประกอบกับปีที่ปรับปรุงแล้ว ถ้าถามว่า ก่อนวันที่ 15 มกราคม 2567 จะเริ่มแจก ส.ป.ก.ทั่วประเทศหรือไม่ ตน ยืนยันว่า ทำ ขอฝากไปยังพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศว่า เราจะเปลี่ยนที่ดินที่เป็นที่ดินของรัฐประเภท สปก.ให้เป็นโฉนด เพื่อการเกษตรให้กับของท่าน อย่างในพื้นที่จังหวัดสงขลาก็มีที่ดิน ส.ป.ก.จำนวนมาก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ตุลาคม 2566