โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 11 พฤษภาคม 2023

“สนธิรัตน์” แท็กทีม “พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ – บุรินทร์” ลุยเมืองคอนปราศรัยช่วย “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” เขต 4 เบอร์ 6 ประกาศแก้ความยากจน พลิกชีวิตพี่น้องคนใต้ด้วยปาล์มน้ำมัน

,

“สนธิรัตน์” แท็กทีม “พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ – บุรินทร์” ลุยเมืองคอนปราศรัยช่วย “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” เขต 4 เบอร์ 6 ประกาศแก้ความยากจน พลิกชีวิตพี่น้องคนใต้ด้วยปาล์มน้ำมัน

วันที่ 10 พ.ค. 2566 ที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ประธานอนุกรรมการเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบ และดร.บุรินทร์ สุขพิศาล อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ และกรรมการฝ่ายจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่พบปะประชาชน และตัวแทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม เพื่อรับฟังปัญหาและนำเสนอนโยบายด้านการเกษตรของพรรค พร้อมปราศรัยย่อยช่วยนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส. นครศรีธรรมราช เขต 4 เบอร์ 6 หาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย โดยก่อนเข้าร่วมงานนายสนธิรัตน์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวัดเขาขุนพนม ที่ อ.พรหมคีรี เพื่อร่วมพิธีบวงสรวงสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเป็นสิริมงคลด้วย

นายสนธิรัตน์ ได้ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้ตั้งใจมา จ.นครศรีธรรมราช เพราะที่นี่คือดินแดนของคนที่จะรวยด้วยปาล์มน้ำมัน เราเป็นทีมงานที่ทำจริงเรื่องปาล์มน้ำมัน ทำกันมาตั้งแต่ก่อนปี 2562 ผลักดันจนราคาเคยขึ้นไปถึง 12 บาท แต่วันนี้ราคาปาล์มน้ำมันตกลงอีก เหลือ 5 บาทกว่า ตนจึงต้องมาที่นี่เพื่อบอกว่าทีมที่แก้ปัญหา และรู้เรื่องปาล์มน้ำมันดีที่สุดคือพวกตนที่อยู่ตรงนี้ หากพวกตนกลับไปเป็นรัฐบาล จะเอาน้ำมัน B10 กลับมา ราคาจะกลับไป 10 บาทกว่าอีก แต่ต่อให้ได้ราคาสูง ก็ขาดทุนได้ เพราะราคาปุ๋ยแพง พรรคพลังประชารัฐจึงมีนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง นอกจากนี้จะทำให้ภาคใต้กลายเป็นแผ่นดินของปาล์มน้ำมันทั้งภาคใต้ ด้วยการนำปาล์มน้ำมันไปทำน้ำมันอากาศยานชีวภาพ หรือไบโอเจ็ท นี่คือสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐจะทำ และเตรียมทำไว้แล้ว ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล นอกจากนี้พรรคประกาศนโยบายแล้วว่าจะให้เงินทุนแก่พี่น้องที่เป็นเกษตรกรครอบครัวละ 3 หมื่นบาทเพื่อนำไปเพิ่มผลผลิตต่อไร่ด้วยนวัตกรรมต่างๆ
“หากวันนี้ทีมงานของผมคิดได้แค่การทำน้ำมัน B10 หรือแค่ประกันรายได้ คงไม่มาหาพี่น้อง ผมคงไม่กล้ามาบอกว่าจะทำให้เราร่ำรวยอย่างไร แต่วันนี้ตัดสินใจเลือกเวทีปราศรัยต่างจังหวัดที่สุดท้ายที่ จ.นครศรีธรรมราช และผมไม่ได้แค่มาหาเสียงแต่เอาทีมงานตัวจริงเสียงจริงที่ทำเรื่องปาล์มน้ำมันมา ระยะเวลา 6 – 7 ปี พิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง พวกผมมาอาสากับพี่น้องที่นครศรีธรรมราช และประกาศจากที่นี่ไปยังทุกจังหวัดที่ปลูกปาล์มน้ำมันว่าพรรคพลังประชารัฐ จะเอาปาล์มน้ำมันมาแก้ปัญหาความยากจนให้พี่น้องลืมตาอ้าปากได้ตลอดไป ด้วยนโยบายน้ำมัน B10 ปุ๋ยคนละครึ่ง ไบโอเจ็ท และจะทำให้ภาคใต้เป็นศูนย์กลางน้ำมันอากาศยานชีวภาพจากปาล์มน้ำมันของเอเชีย ยกระดับราคาให้พี่น้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นี่คือความตั้งใจของผม และทีมงาน จากหัวใจของคนทำงานปาล์มน้ำมัน เรื่องอื่นผมไม่รู้ แต่ปาล์มน้ำมันพวกผมเชี่ยวชาญ และสามารถพลิกชีวิตพี่น้องได้จริงๆ ผมไม่ได้แค่มาหาเสียง แต่มาคารวะพี่น้องที่นี่ด้วยหัวใจคนปาล์มน้ำมัน และอยากเห็นพี่น้องอยู่ดีกินดี ร่ำรวย ดังนั้นเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกนายอาญาสิทธิ์ เบอร์ 6 เพื่อเข้าไปผลักดันนโยบายต่างๆ ให้สำเร็จ” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ขณะที่พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ถือเป็นผู้พลิกชีวิตปาล์มน้ำมันไทย และอนาคตจะพลิกโฉมเกษตรกรไทยให้พัฒนาแบบก้าวกระโดด โดย พล.อ.ประวิตร มอบหมายให้ทีมงานแก้ปัญหาให้ทำได้จริง ที่ผ่านมาเราได้แก้ปัญหาน้ำมันปาล์มล้นตลาด มีการนำปาล์มน้ำมันไปเป็นส่วนผสมน้ำมัน B10 พร้อมทั้งเร่งผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปต่างประเทศ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าส่งออก 1.5 ล้านตัน นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร มีนโยบายการนำน้ำมันปาล์มดิบมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ และการนำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตเป็นน้ำมันอากาศยานชีวภาพ หรือไบโอเจ็ท ในอนาคตจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตน้ำมันอากาศยานของเอเซีย นอกจากนี้ยังมีนโยบายเกษตรอัจฉริยะ พลิกโฉมให้เกษตรกรเป็นปราชญ์รอบรู้ เป็นเกษตรกรอัจฉริยะ เกษตรกรจะร่ำรวย จะแปรรูปสร้างการใช้ปาล์มน้ำมันให้มั่นคง ราคาจะคงที่ทั้งปี รวมถึงการเป็นเกษตรรักษ์โลก เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมด้วย อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผลงานใครก็ขโมยไปไม่ได้ ท่านทำจริง ตนเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตร จะทำให้พี่น้องอยู่ดีกินดี และเราเป็นทีมงานที่รู้เรื่องปาล์มน้ำมันดีที่สุด

ด้าน ดร.บุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เหมือนได้กลับมาบ้านของพ่อ ตนตั้งใจอย่างยิ่งที่จะพัฒนา จ.นครศรีธรรมราช ให้ร่ำรวยไปด้วยกัน ซึ่งเราแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มล้นตลาดด้วยการบริหารสต็อก ต้องระบายส่งออก เพราะถ้าสต๊อคสูง จะทำให้ราคาผลปาล์มตก ในอดีตได้นำไปทำน้ำมัน B10 นำไปเผาผลิตไฟฟ้า รวมถึงสนับสนุนการส่งออกไปประเทศอินเดีย 1 ล้านตัน ทำให้ได้ราคาเฉลี่ย 7 บาทกว่า ซึ่งคนที่นำไปอ้างว่าทำเรื่องนี้ ไม่จริง เพราะคนที่ทำจริงๆ คือพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ โดยมีพล.อ.ประวิตร เป็นคนสั่งการ นอกจากนี้ การแปรรูปเกษตรเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก ทั้งแปรรูปเป็นน้ำมันหล่อลื่นชีวภาพ ผงซักฟอกชีวภาพ แชมพู เครื่องสำอางค์ ที่ล้วนมีส่วนผสมของปาล์มน้ำมัน ซึ่งเวลาน้ำมันปาล์มดิบราคาลง แต่ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้วไม่ลดลงตาม หากเราไม่รู้จักปรับตัว มัวแต่ผลิตน้ำมันพืชขายก็ต้องเจอสถานการณ์ผันผวนของราคาเป็นวงจรแบบนี้ไปตลอด

อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบที่ราคาสูงในผลิตภัณฑ์ที่ว่านั้นปัจจุบันต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งทำมาปาล์มน้ำมันจากสวนของพี่น้องที่ส่งออกแล้วมีการนำไปแปรรูป แล้วนำกลับมาขายให้พี่น้องใช้ในราคาแพง ต่อไปในอนาคตเราจะปฏิวัติระบบนี้ เราจะผลิตเอง ขายเอง ใช้กันเองและรวยกันเอง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 พฤษภาคม 2566

“ดร.นฤมล” หนุน “ภักดีหาญส์” พร้อมทำงานลาดพร้าว-บึงกุ่ม ลุยแก้ปัญหาอาชญากรรมพื้นที่ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ปชช.

,

“ดร.นฤมล” หนุน “ภักดีหาญส์” พร้อมทำงานลาดพร้าว-บึงกุ่ม
ลุยแก้ปัญหาอาชญากรรมพื้นที่ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ปชช.

วันนี้ (11 พ.ค.66) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ช่วย นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 13 เขตลาดพร้าว เขตบึงกุ่ม หมายเลข 8 ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ และขอให้ประชาชนช่วยลงคะแนนเสียงให้ตัวผู้สมัครและพรรค พปชร. โดยมีพี่น้องประชาชน และพ่อค้า-แม่ค้า ในตลาด ต.รวมโชค (โชคชัย4) ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีและขอถ่ายรูปร่วมเฟรมอย่างเป็นกันเอง

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ทางผู้สมัคร และพรรคได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ ผู้สมัครทุกคนลงพื้นที่อย่างหนักซึ่งในเขตลาดพร้าว “หาญส์ หิมะทองคำ” และภรรยา ปู-มัณฑนา ได้เข้ามาทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดและทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นผู้ค้ารายย่อยได้รับผลกระทบเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งพรรคมีเรื่องแหล่งทุนที่จะเข้ามาเติมเต็ม มาดูแลในเรื่องการประกอบอาชีพที่มั่นคงมากขึ้น ดังนั้นผู้สมัครของพรรคได้เตรียมพร้อมที่จะนำนโยบายเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดเมื่อได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในสภา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน จากการสะท้อนเสียงในการลงพื้นที่ ตลาดโชคชัย 4 ครั้งนี้ มีพี่น้องให้การตอบรับเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะเมตตาให้หาญ ได้เข้ามารับใช้เขตนี้ พร้อมผู้สมัคร กทม.อีก 32 คน ที่พร้อมแล้วที่จะทำงานเพื่อคน กทม.

“อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 พฤษภาคม นี้ พรรคได้มีแผนการหาเสียงในเวทีปิดท้ายอีกครั้ง ซึ่งจะมีขึ้นที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (กรุงเทพ 2) แม้ว่าจะเป็นวันเดียวกับที่พรรคต่างๆ ได้จัดกิจกรรมปราศรัย รวมถึงสถานที่เดียวกันพรรคอื่นก็ไม่มีความกังวล เนื่องจากจัดปราศรัยคนละช่วงเวลา ในส่วนของพรรคเองก็มีการจัดเวทีย่อยในพื้นที่อื่นๆ อีก ซึ่งผู้สมัครทุกคนก็มีกลุ่มอาสาสมัครเข้ามาร่วมแสดงพลังโค้งสุดท้ายให้กับพรรค เพราะครั้งนี้ถือเป็นเวทีใหญ่ที่สมาชิกพรรคมารวมตัวกันในพื้นที่แห่งนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงเวทีเฉพาะ กทม. เท่านั้น” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

นายภักดีหาญส์ กล่าวว่า นอกจากเป้าหมายการแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องให้กับคนในพื้นที่แล้ว ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของพรรคแล้ว ยังมีนโยบายเฉพาะพื้นที่ที่จะมาดูแลพี่น้องประชาชนซึ่งถือเป็นภัยใกล้ตัวในพื้นที่ โดยเฉพาะการเพิ่มจุด CCTV ติดตั้งไฟส่องสว่างตามจุดต่างๆ เช่น สะพาน พื้นที่ทางเข้าชุมชน ที่เป็นจุดอับและจุดมืดค่อนข้างเยอะ และมีแหล่งมั่วสุมเกิดขึ้น จำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มมาตราการสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องปรามการก่ออาชญากรรมในพื้นที่ ร่วมถึงการขยายขอบเขตการดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และกู้ภัย ซึ่งในประเทศไทยมีจำนวน 1 ล้านกว่าคน ให้เข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิดมากขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 พฤษภาคม 2566

“ชาญกฤช” ไขข้อข้องใจ ทำไมนายกฯ คนที่ 30 ต้องชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พร้อมปลุกพลังเงียบ เข้าคูหากาเบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ

,

“ชาญกฤช” ไขข้อข้องใจ ทำไมนายกฯ คนที่ 30 ต้องชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พร้อมปลุกพลังเงียบ เข้าคูหากาเบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 66 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ เปิด 5 คุณสมบัติของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เหมาะสมจะก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ดังนี้

คุณสมบัติที่ 1 การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศตามวิถีประชาธิปไตย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากประชาชน มีความสง่างามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ที่ระบุว่า “ถ้าผมไม่มีชื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าประชาชนเลือกผมด้วย ไม่ใช่กาบัตรเลือกคนอื่น แล้วผมเป็นแค่ผลพลอยได้ ผมจึงเลือกที่จะเป็นทั้งหัวหน้าพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผมมั่นใจว่า คะแนนที่ได้มานั้น ประชาชนเลือกผม” คุณสมบัติที่ 2 การเป็นมือประสาน 10 ทิศ สามารถทำงานกับฝ่ายการเมืองได้กับ​ทุกพรรค ทุกฝ่าย โดยเฉพาะการเป็นผู้จัดการประสานการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปี 2562 ดังปรากฎในผลโพล ที่ประชาชนต่างยกให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะสามารถประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ไม่เกิดการแบ่งสี แบ่งขั้ว คุณสมบัติที่ 3 สามารถทำงานกับข้าราชการ และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาเข้าพบ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันบ่อยครั้งอย่างเป็นกันเอง คุณสมบัติที่ 4 การเป็นผู้มากบารมี สามารถเชื้อเชิญบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ให้มาร่วมกันแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และทำงานขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าโดยไม่สะดุด หรือไร้รอยต่อระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยเห็นได้จากดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรค ซึ่งล้วนเป็นกูรูเศรษฐกิจระดับแนวหน้าของประเทศ และคุณสมบัติที่ 5 พล.อ.ประวิตร จะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เกิดความมั่นคงตลอดระยะเวลา 4 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำกลางคัน ทำให้เกิดความต่อเนื่อง และเกิดความเชื่อมั่นทั้งประชาชนคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ

“พล.อ.ประวิตร มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าท่านจะเดินช้า แต่ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขาทั้งสองข้างของท่าน ได้ลงพื้นที่ไป 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกเรื่อง หวังให้ประชาชนพ้นจากความยากจนและคลายทุกข์ลงได้ ทั้งปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง และปัญหาปากท้อง เช่นเดียวกับครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร จะขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยสมอง สองมือ และประสบการณ์ที่มีของตัวท่านเอง ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข และประชาชนอยู่ดีกินดี ขอเพียงพี่น้องประชาชนเปิดใจเลือก พล.อ.ประวิตร และเลือกพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาทำหน้าที่ เพื่อทลายปัญหาความขัดแย้ง และนำพาประเทศไทยก้าวข้ามความยากจนไปได้อย่างยั่งยืน” นายชาญกฤช กล่าว

โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ​ขอให้คนไทยใช้โอกาสการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ พิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบในการเลือกผู้นำประเทศและผู้แทนฯ ของตัวเอง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการชี้ชะตาอนาคตประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า พร้อมเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ และหากพรรคพลังประชารัฐคือคำตอบ โปรดอย่าลังเลที่จะเลือกหมายเลข 37 บนบัตรเลือกตั้งสีเขียว และเลือกผู้สมัครฯ ของพรรคทั่วประเทศ ผ่านบัตรเลือกตั้งสีม่วง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย ให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 พฤษภาคม 2566