โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 5 พฤษภาคม 2023

แฟนคลับพปชร.เฮ รับ”พล.อ.ประวิตร”เยือนภูเก็ตกึกก้องสเตเดียม อ้อนขอ พปชร.ยกจังหวัด ผลักดัน”ภูเก็ต”เป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ ดูแลอย่างเท่าเทียม

,

แฟนคลับพปชร.เฮ รับ”พล.อ.ประวิตร”เยือนภูเก็ตกึกก้องสเตเดียม อ้อนขอ พปชร.ยกจังหวัด ผลักดัน”ภูเก็ต”เป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ ดูแลอย่างเท่าเทียม

พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต ณ อาคารยิมเนเซี่ยมนครภูเก็ต 4,000ที่นั่ง นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ,นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย เขต 1 นายจิรายุส ทรงยศ ,เขต 2 นายสุทา ประทีป ณ ถลางและ เขต 3 นายนัทธี ถิ่นสาคู

พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ตนอบอุ่นใจที่ได้รับการต้อนรับจากชาวภูเก็ตเป็นอย่างดี ขอขอบคุณทุกคนที่มาด้วยใจ สามัคคี รวมใจเป็นหนึ่งเดียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 3 คน 3 เขต ที่ยืนอยู่ตรงนี้

“เมื่อเรามีความรัก ความสามัคคีกันแล้ว เราก็จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นโยบายของพรรคพลังประชารัฐต้องการทำให้ประชาชนมีความสุข และขอยืนยันว่านโยบายของพรรคเราทำได้จริงและทำได้ทันทีที่เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีผมเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าอยากให้ผมเป็น ก็ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ บัตรสีเขียว เบอร์ 37 ”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 เขตจะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวภูเก็ต ทั้งในเรื่องการจัดสรรที่ดิน สปก. การเปลี่ยนที่ดิน สปก.ให้เป็นโฉนด และพรรคพลังประชารัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว โดยผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ รวมถึงผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษอันดามัน

“เราจะแก้ปัญหารถติด การจราจรติดขัดในเมือง รวมถึงแก้ปัญหาเรื่องประมงชายฝั่ง เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับชาติ ทำรายได้เข้าประเทศมามากมาย แต่รายได้ของคนภูเก็ต ยังไม่ดีเท่าที่ควร ระบบสาธารณูปโภค ยังไม่พอกับความต้องการ ถนนยังแคบไฟฟ้ายังตก บางพื้นที่น้ำยังขาดแคลน สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยพรรคพลังประชารัฐ”พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงโรงเรียนและโรงพยาบาลของรัฐ จะต้องได้มาตรฐานสากล เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองนานาชาติ ชาวภูเก็ตต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำ และความไม่เป็นธรรม พปชร.จะสร้างงานสร้างรายได้ รวมถึงทบทวนกฎหมายที่ล้าสมัยเช่นกฎหมายสิ่งแวดล้อมรวมไปถึง พรบ.อาคาร และต้องมีการพัฒนาสนามบิน ถนน และระบบขนส่งมวลชนให้ดียิ่งขึ้นด้วย ที่พูดมาวันนี้ ทั้งหมดคือสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐจะทำทันที

จากนั้นเมื่อพล.อ.ประวิตร ปราศรัยจบก็ได้ปิดเวทีทันที โดยใช้เวลาอย่างกระชับ เพราะจะต้องเดินทางไปร่วมงานสวดอภิธรรมศพบิดาของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าบรรยากาศเวทีวันนี้มีประชาชนมารอฟังการปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐเต็มความจุของอาคาร โดยมีป้ายไฟ ป้ายเชียร์ให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จำนวนมาก พร้อมกับมีประชาชนส่งเสียงตะโกนคำว่า”ลุงป้อมสู้ ๆ และขอให้เป็นนายกฯด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 พฤษภาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล “ประกาศปักหมุดเขตราชเทวี ทุกคนต้องมีบ้านอาศัยที่มั่นงคง ตาม โครงการบ้านประชารัฐ 360 องศา เผย ไม่หวั่นผลโพล พปชร.กระแสไม่ดี เหตุเน้นตัวผู้สมัครแต่ละเขตเข้าถึง ปชช.ในพื้นที่ ไม่เน้นกระแสโซเชียล

,

“ศ.ดร.นฤมล “ประกาศปักหมุดเขตราชเทวี ทุกคนต้องมีบ้านอาศัยที่มั่นงคง ตาม โครงการบ้านประชารัฐ 360 องศา เผย ไม่หวั่นผลโพล พปชร.กระแสไม่ดี เหตุเน้นตัวผู้สมัครแต่ละเขตเข้าถึง ปชช.ในพื้นที่ ไม่เน้นกระแสโซเชียล

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรค และหัวหน้าทีมผู้สมัคร กทม. ลงพื้นที่ชุมชนนิคมมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ร่วมกับ นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 2 (เบอร์ 11)พรรคพลังประชารัฐ เพื่อพบปะกับประชาชน และรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ

โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า นายพณิชย์ผู้สมัครของพรรคเราได้นำปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนมักกะสันที่พี่น้องประชาชนประสบอยู่ก็คือ เรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายบ้านประชารัฐ ที่เราจะดำเนินการต่อยอดจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ที่ได้ทำเอาไว้ ที่คลองเปรมประชากร และคลองลาดพร้าว รวมทั้ง ชุมชนเชื้อเพลิง ซึ่งบริเวณนี้จะมีลักษณะคล้ายกันกับชุมชนเชื้อเพลิง คือที่ดินเป็นของการรถไฟ พื้นที่ตรงนี้อาจจะต้องมีการเจรจาในเรื่องของการขอเช่า เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้สร้างบ้านพักที่อยู่อาศัย เพื่อที่จะมาปรับปรุง บ้านที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น โดยที่พี่น้องประชาชนพร้อมที่จะลงทุนในบ้าน โดยทางพรรคมีโครงการ นโยบายต่างๆรองรับ มีเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน จึงมีความพร้อมที่จะมาร่วมผลักดัน ให้เกิดบ้าน ที่มีสภาพมั่นคงมากยิ่งขึ้น

“บ้านไม่ได้ เป็นเพียงบ้านพักอาศัย เราต้องเข้าใจวิถีชีวิต ของพี่น้องที่อยู่อาศัยตรงนี้ด้วย เมื่อเขาปักหลักตรงนี้ ก็คือชีวิตเขาทั้งหมดอยู่ตรงนี้ การที่จะ ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ก็ต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่หมด ซึ่งเหมือนกับทุกชุมชนที่ไม่ต้องการเช่นนั้น เขาขอแค่แบ่งพื้นที่จำนวนหนึ่ง พอที่จะสร้างเป็นที่อยู่อาศัยให้สามารถทำมาหากิน ลูกหลานได้เรียนหนังสือ และยังชีพตรงนี้ได้เช่นเดียวกัน เราสัญญากับพี่น้องประชาชนว่า เมื่อผู้สมัครเข้าไปในสภา จะไปผลักดันตรงนี้ พรรคพลังประชารัฐก็จะผลักดันตรงนี้ให้เกิดขึ้น บ้านประชารัฐ ชุมชนมักกะสัน อย่างแน่นอน”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

นอกจากนี้ ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เราวางแบบบ้านประชารัฐเอาไว้ จะไม่ได้สร้างเป็นบล็อกๆ แต่จะออกแบบให้น่าอยู่สวยงามเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และเป็นจุดเช็คอินใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวในชุมชนมักกะสันแห่งนี้ ดูวิถีชีวิต เหมือนที่เราไปญี่ปุ่น อย่างหมู่บ้านเล็กๆเขาอยู่กันอย่างไร ตรงนี้ก็จะเป็นจุดเช็คอินที่เราหวังว่าจะทำ ให้เกิดขึ้น และภายในบ้านเองจะพัฒนาให้ตรง กับผู้อยู่ เพราะแต่ละครัวเรือนก็มีผู้อยู่อาศัยไม่เหมือนกัน ซึ่งจะมีผู้สูงอายุ มีเด็กเล็ก มีผู้ป่วยติดเตียง ก็ต้องออกแบบสัดส่วน ที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม ตรงใจผู้อยู่ ตรงนี้เป็นแนวนโยบายของบ้านประชารัฐ

ศ.ดร.นฤมล ยังให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการหาเสียงในพื้นที่ กทม.ว่า ตอนนี้ยังไม่พบอุปสรรคที่ต้องกังวล แต่สิ่งที่เร่ง 8-9 วันสุดท้ายคือลงในพื้นที่เป้าหมาย ที่คิดว่า มีโอกาสจะชนะ และในพื้นที่ ๆ เราคิดว่าอยากเข้าไปพัฒนาเช่น ชุมชนมักกะสันแห่งนี้ ซึ่งผู้สมัครได้ลงพื้นที่มา 4 ปีแล้วและมีความมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนได้ตลอดทั้งเขต ซึ่งมันไม่ใช่แค่บ้านอย่างเดียวแต่มันเป็นวิถีชีวิตของพี่น้องในชุมชน และไม่ใช่เรื่องสวัสดิการและการจ่ายเงินอย่างเดียว เขาต้องการความมั่นคงยั่งยืนและมีอาชีพ มีรายได้ และมีที่เรียนซึ่งเป็นสิ่งที่ ผู้สมัคร และ พรรคพลังประชารัฐ เข้ามาลงในรายละเอียด จะมาพัฒนาให้กับพี่น้องมีอาชีพทักษะรายได้ มีงานทำ และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง

ส่วนกรณีที่ผลโพลที่ออกมาขณะนี้ พรรค พปชร.ดูเหมือนกระแสยังไม่ดีเท่ากับพรรคอื่นๆ ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า เราเน้นที่เขต เราไม่ได้เน้นเรื่องการทำกระแสเพราะพรรคมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปี มันเป็นเรื่องสินค้าที่ยากในการตามกระแส แต่ ทางพรรคเน้นตัวผู้สมัคร อย่างไรก็ตาม กทม.ก็จะเน้นที่เขต อย่างเขตของแป๊บ พณิชย์ เรามั่นใจว่าได้แน่ และอีกประมาณ 11 เขตเราก็มั่นใจ ในต่างจังหวัดก็เช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับโพลที่มักจะอิงกระแสโซเชียลมีเดีย และภาพรวมแต่ถ้าโฟกัส เรื่องตัวเขต 70-90% เรามั่นใจ

ด้านนายพณิชย์ จากการที่ลงพื้นที่ตรงนี้มา ตลอด 3 ปีกว่าจะ 4 ปีเห็นปัญหาอย่างแรกคือ การที่รถไฟ หรือหน่วยงานอื่นๆต้องการขอพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่แค่ให้ประชาชนหรือชาวบ้านย้ายที่อยู่ อย่างแรกต้องหาอาชีพให้ก่อนถึงจะย้าย ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตค่อนข้างมาก จึงแนะนำว่าควรหาอาชีพเสริม และอาชีพหลักให้กับประชาชนรวมถึง เรื่องสถานศึกษาก็สำคัญ เพราะเยาวชนที่นี่เรียนในพื้นที่กันหมด

นายพณิชย์ ยังกล่าวถึง การหาอาชีพที่ พปชร.เรากำลังผลักดันในเรื่องของการฝึกอาชีพแต่การฝึกอาชีพ อย่างเดียวก็เป็นเรื่องยากสำหรับประชาชนและชาวบ้าน จึงเสนอว่าในหลายชุมชน เช่น พวงมาลัย ที่ร้อยอยู่ขายตามสี่แยก ถูกจ้าง ร้อยโดยชาวบ้านบริเวณนี้ โดย ได้ ค่าจ้างทวงละ 50 สตางค์ หรือพวงละ 1 บาท ซึ่งหมายความว่า ชาวบ้านอาจจะไม่ถนัด ที่จะไปขายเอง แต่ถ้ามีผู้ที่ต้องการแรงงานฝีมือในราคาไม่แพง สามารถแข่งขันได้ ประชาชนหรือชาวบ้านสามารถทำได้ ซึ่งหากพัฒนาตรงนี้ได้ ทำอย่างไรให้มีมูลค่ามากกว่านี้ ก็สามารถทำได้

“เบื้องต้นก่อนที่จะโครงการจะเริ่ม 3 ปี ที่ได้มาพัฒนาปรับปรุงอย่างแรกคือ ขอสปอนเซอร์มาติดไฟ โซล่าเซลล์ในชุมชนที่เป็นมุมอับ เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยได้และถ้ามีโอกาสเป็น ส.ส พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐบาลพวกเราก็จะร่วมแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและอาชีพ ไปพร้อม ๆ กัน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 พฤษภาคม 2566

“ชัยวุฒิ” เดินตลาดปทุมฯรับเสียงสะท้อนต้องการคนทำงานปลอดผู้มีอิทธิพล พปชร.ส่งคนดีมีฝีมือเพื่อช่วยพัฒนา ปทุม ยันทำงานจริงตั้งใจพัฒนาความเจริญ

,

“ชัยวุฒิ” เดินตลาดปทุมฯรับเสียงสะท้อนต้องการคนทำงานปลอดผู้มีอิทธิพล
พปชร.ส่งคนดีมีฝีมือเพื่อช่วยพัฒนา ปทุม ยันทำงานจริงตั้งใจพัฒนาความเจริญ

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ ตลาดนานาเจริญ จังหวัดปทุมธานี เพื่อช่วย ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ผู้สมัคร สส.หมายเลข 5 เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ หาเสียง ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก โดยนายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ในพื้นที่จ.ปทึมธานี ประชาชนอย่างที่จะเปลี่ยน เลือกสส.ที่เข้สไปทำง่นเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ที่สำคัญพปชร. ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ผู้สมัครของพรรค ในจังหวัดปทุมธานีล้วนแล้วเป็นคนทำงานเพื่อ ประชาชน จึงเชื่อมั่นว่าจะมาทํางานให้ชาวปทุมธานี พัฒนาแล้วให้ความเป็นอยู่ที่ดีได้อย่างแน่นอน “พวกใจไม่ถึง พึ่งยาก หาตัวลําบากแต่อยากเป็น “ คนปทุมไม่เลือกแน่นอน
โดยฉพาะเรื่องผู้มีอิทธิพล เชื่อว่าชาวปทุมธานีก็รับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ประชาชาต้องการเลือกคนดี เลือกคนทํางาน เพื่อให้จังหวัดปทุมธานีให้เกิดการพัฒนา ยกคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

“วันนี้ผมมาเดินที่ตลาด พ่อค้าแม่ค้าก็ค้าขายดีทุกคนเพราะว่าตลาดนี้คึกคักมาก บางร้านก็ขายหมดไปแล้ว ถือว่าวันนี้เศรษฐกิจดี ก็อยากให้สิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่ต่อไปด้วยความสงบสุข มีการพัฒนาที่ดีก็ช่วยกันเลือกพรรคพลังประชารัฐ ให้มาจัดตั้งรัฐบาลและเดินหน้าประเทศต่อไป ปทุมธานีก็ดีใจมีกลุ่มคนเสื้อแดงก็มาช่วยให้การสนับสนุนส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐเพราะว่าเขาอยากก้าวข้ามความขัดแย้ง อยากให้คนทํางานมาพัฒนาพื้นที่ ดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เลือกตามกระแสพรรค เลือกคนที่จะมาทํางาน แล้วทําให้บ้านเมืองสงบสุข “

ขณะที่ นาย ไพรัตน์ ยิ้มดี กรรมการชุมชนเอื้ออาทรเสมาฟ้าคราม กล่าวว่า เมื่อก่อนผมเสื้อแดง แดงจริงๆ เลือกทุกครั้งทีที่มีการเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้ขอเลือกคนทํางาน ขอเลือกดอกเตอร์ เกียร์ติศักดิ์ ส่องแสง เพราะท่านเป็นคนทํางานลงพื้นที่ตลอดระยะเวลาเป็นสิบปีที่ผมเห็น ผมเสื้อแดงก็จริงแต่แดงมีความคิด แดงเปลี่ยนแปลง แดงก้าวข้ามความขัดแย้งนะครับ เลือก เกียรติศักดิ์ ส่องแสง คนทํางาน

ด้านดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ผู้สมัครส.ส.จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ผมมีความรู้สึกว่าพี่น้องประชาชนให้ความเมตตาแล้วก็ให้ความอบอุ่นมากในครั้งนี้ เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งในครั้งนี้ ผมมั่นใจเพราะว่าพี่น้องให้ความเป็นธรรมแล้วก็จะให้การสนับสนุนเนื่องจากพี่น้องประชาชนเห็นผมทํางานมาตลอดไม่ว่าจะเป็นช่วงวิกฤตไหนๆ ในช่วงที่น้ําท่วมปี54 ที่ผ่านมา ช่วงโควิดที่นี่ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเหมือนกัน ในตลาดแห่งนี้ ผมก็ได้เข้ามาฉีดพ่น เอายาสมุนไพร นําข้าวกล่องมาดูแลพี่น้องโดยตลอด และในขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นงานศพ งานแต่ง งานอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นงานของพี่น้องประชาชนทั้งงานกุศล ผมก็ดูแลพี่น้องประชาชนอยู่ตลอด พี่น้องประชาชนก็เห็น เพราะฉะนั้นวันนี้จึงได้เห็นภาพของสีเหลือง สีแดง สีน้ําเงินหรือว่าทุกสีให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ก็ต้องขอกราบขอบพระคุณไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ให้กําลังใจและก็จะเข้าคูหากา เบอร์ห้า ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง เป็นส.ส.เขต กาเบอร์ 37 ให้คุณป้อมเป็นนายกรัฐมนตรี

ด้านเป๋ คลองเตย กล่าวว่า ผมในฐานะแกนนําเสื้อแดง ในจังหวัดปทุมธานีที่มาที่นี่เพราะว่าชอบนโยบายของลุงป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะว่าปทุมธานีเป็นเมืองของคนเสื้อแดงเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นตอนนี้ คนเสื้อแดง จะไม่แบ่งสีแบ่งฝ่ายแล้ว จะก้าวข้ามความขัดแย้งตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เพราะฉะนั้นเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถ้าปทุมอยากเปลี่ยน เลือกพลังประชารัฐทุกเขต
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่นายชัยวุฒิ ลงพื้นที่ ก็มีชาวบ้าน มาให้กำลังใจ เป็นเเฟนคลับที่มาซื้อกับข้าว เเละเดินตลาดเช้า โดยส่วนใหญ่ชื่นชม ที่ออกมาตอบโต้ ประเด็นการเมือง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 พฤษภาคม 2566