โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 9 พฤษภาคม 2023

“อุตตม – สนธิรัตน์” แอ่วเหนือให้กำลังใจ “ผู้การกริช” ผู้สมัคร ส.ส. ลำพูน เขต 2 เบอร์ 8 พร้อมปราศรัยย่อยขอคะแนนเสียงอ้อนคนลำพูนเปลี่ยน ส.ส.ใหม่

,

“อุตตม – สนธิรัตน์” แอ่วเหนือให้กำลังใจ “ผู้การกริช” ผู้สมัคร ส.ส. ลำพูน เขต 2 เบอร์ 8 พร้อมปราศรัยย่อยขอคะแนนเสียงอ้อนคนลำพูนเปลี่ยน ส.ส.ใหม่

วันที่ 8 พ.ค. 2566 ที่ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมพบปะแกนนำ และปราศรัยย่อยช่วย “พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผู้สมัคร ส.ส. ลำพูน เขต 2 เบอร์ 8” พร้อมขึ้นรถแห่หาเสียงในพื้นที่เขต 2 และพบปะประชาชน และพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแม่ทองริ้ว โดยบรรยากาศการปราศรัยเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้การตอบรับ และเข้าร่วมรับฟังปราศรัยเป็นจำนวนมาก

โดยนายอุตตม ได้กล่าวช่วงหนึ่งในการพบปะแกนนำว่า วันนี้ตน และนายสนธิรัตน์ ขอมาให้กำลังใจ พล.ต.ต.กริช และทีมงานทุกคนในการหาเสียงช่วงเลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้ายนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าโค้งสุดท้ายนี้ จะมีการแข่งขันกันอย่างหนักมาก แต่ขอให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่ อย่าหวาดกลัวต่อการแข่งขัน และขอให้มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่มีความพร้อมที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล เข้าไปบริหารประเทศ รวมถึงเข้าไปแก้ไขปัญหาในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งเป็นความตั้งใจของพรรคพลังประชารัฐ พล.ต.ต.กริช เป็นคนที่มีคุณภาพ มีทีมงานในพื้นที่ที่เข้มแข็ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถเข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร ในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องเขต 2 ลำพูน โดยเฉพาะปัญหาราคาพืชผลการเกษตรอย่างลำไย ที่ผ่านมา ได้ทราบว่า พล.ต.ต.กริช ได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังและรวบรวมทุกปัญหาที่จะนำไปสู่การต่อสู้และแก้ไขในสภาให้สำเร็จ

จากนั้นนายสนธิรัตน์ ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงไปยังตลาดแม่ทองริ้วพร้อมกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนมาช่วยหาเสียงที่ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน วันนี้ เพราะอยากให้พี่น้องชาวป่าซาง เปลี่ยน ส.ส. เป็นผู้การกริช คนที่จะอยู่รับใช้พี่น้องอย่างใกล้ชิด เพราะ ส.ส.บางคนเขามองว่าพี่น้องเป็นของตาย อย่างไรเขาก็ได้เป็น ส.ส. ทั้งนี้เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มที่ผู้การกริช ตัดสินใจอาสามารับใช้พี่น้อง เชื่อว่าพี่น้องเห็นเขาเดินหาเสียงมาทั้งปี ถามว่าพี่น้องเคยเห็น ส.ส. เก่าเดินหาเสียงเท่าผู้การกริชหรือไม่ ดังนั้นการจะเลือกคนมาเป็น ส.ส. ในดวงใจพี่น้อง ต้องเลือกคนที่อาสามารับใช้พี่น้องอย่างใกล้ชิด และต้องเลือก ส.ส. ในพรรคที่จะได้เป็นรัฐบาล ถ้าพี่น้องเลือก ส.ส. แล้วพรรรคนั้นไม่ได้เป็นรัฐบาล เขาก็มาช่วยพี่น้องได้ไม่เต็มที่

“วันนี้ผมมาในนามตัวแทนพรรค เพื่อบอกพี่น้องว่าคนทั้งวงการการเมืองเขาบอกว่าพรรคอะไรก็แล้วแต่หลังเลือกตั้งจะจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคที่แบเบอร์เป็นรัฐบาล 100% ชื่อพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นหากพี่น้องเลือกผู้การกริช จะได้คนที่ไปเป็น ส.ส.ของรัฐบาลแน่นอน คนที่สามารถเข้าไปขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะลำไย ซึ่งเมืองลำพูนถือว่าเป็นเมืองลำไย และประสบปัญหาราคาตกต่ำมาทุกฤดูกาล นอกจากนี้ หากผู้การกริช ได้เป็น ส.ส.และพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล พี่น้องจะได้นโยบายปุ๋ยคนละครึ่งทันที นอกจากนี้ยังมีบัตรประชารัฐ 700 บาท เบี้ยผู้สูงอายุ 60-80 ปี ได้รับเงิน 3,000-5,000 บาท วันนี้พี่น้องจะรักใครชอบใครเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ถ้าจะเลือกพรรค หรือ ส.ส. ต้องเลือกคนที่จะมาช่วยพี่น้องจริงๆ เลือก ส.ส. ที่จะไปช่วยผลักดันจัดตั้งรัฐบาลนั่นคือผู้การกริช ผมยืนยันว่าพรรคของเราภูมิใจที่ได้คนอย่างผู้การกริช มาเป็นผู้แทนให้พี่น้อง เขาจะอยู่ใกล้ชิด และทุ่มเทให้พี่น้องอย่างแน่นอน“ นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2566

สกลธี ควง บุณณดา ปราศรัยชูนโยบายปากท้องเพื่อพี่น้องย่านฝั่งธน พร้อมย้ำจุดยืนไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112

,

สกลธี ควง บุณณดา ปราศรัยชูนโยบายปากท้องเพื่อพี่น้องย่านฝั่งธน พร้อมย้ำจุดยืนไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคฯ ลงพื้นที่ลานออกกำลังกายชุมชนวัดโมลีฯ ใต้สะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ร่วมกับ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 32 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) หมายเลข 6 เพื่อพบปะประชาชน พร้อมชูนโยบายหลักของพรรคประชารัฐเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องย่านฝั่งธน

​นายสกลธีกล่าวว่า ในย่านนี้จะเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะมีความน่าสนใจที่เป็นชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรื่องราวในชุมชนมากมายที่สามารถนำมาสร้าง Story ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ แต่ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะนำกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านมาช่วยพัฒนาจุดนี้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่นี้ต่อไป

“พรรคพลังประชารัฐย้ำมาตลอดว่าเรามีจุดยืนที่จะไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112 เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรวยขึ้นหรือจนลง ควรมองไปที่นโยบายที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้น ดังนั้นถ้ามีเงื่อนไขว่าถ้าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับเขาแล้วต้องเอาอันนี้ด้วย แล้วทำให้ประเทศลุกเป็นไฟ เราไม่เอาแน่นอน รวมถึงเรื่องนโยบายที่เอาไปใช้แล้วประเทศล่มจมทางเศรษฐกิจ เราก็ไม่เอาเหมือนกัน”

​ด้าน ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และสามารถนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน แม้ลุงป้อมจะโดนบูลลี่ล้อเลียนในโลกโซเชี่ยลอย่างไร ก็ไม่เคยตอบโต้ และบอกสมาชิกพรรคไม่ให้ตอบโต้ ขัดแย้ง และสาดโคลนใส่กัน เพราะท่านเห็นคนรุ่นใหม่เป็นเหมือนลูกหลาน สิ่งที่ลุงป้อมคิดมีเพียงแต่จะทำให้ลูกหลาน ทำให้ประเทศชาติเท่านั้น จึงอยากขอฝากทุกคนในเขตเลือกตั้งที่ 32 บัตรสีม่วงกาเบอร์ 6 บัตรสีเขียวทั่วประเทศกาเบอร์ 37 ด้วย เพื่อความสุขสงบของชาติและเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล”ควง”ชวน ชูจันทร์”ลุยเขตทวีวัฒนา ตลิ่งชัน ชู”ป๊อป นิธิ”ทางเลือกพร้อมดูแลปชช.สานต่อตลิ่งชันโมเดลเน้นท่องเที่ยวชุมชน – ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย 360 องศา ดูแลสุขภาพให้ ปชช.เชิงรุก

,

“ศ.ดร.นฤมล”ควง”ชวน ชูจันทร์”ลุยเขตทวีวัฒนา ตลิ่งชัน
ชู”ป๊อป นิธิ”ทางเลือกพร้อมดูแลปชช.สานต่อตลิ่งชันโมเดลเน้นท่องเที่ยวชุมชน – ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย 360 องศา ดูแลสุขภาพให้ ปชช.เชิงรุก

วันนี้( 9 พ.ค.)พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.ร่วมกับนายชวน ชูจันทร์ ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ช่วย “ป๊อป” นิธิ บุญยรัตกลิน ผู้สมัคร สส. เขตทวี วัฒนา-ตลิ่งชั่น(ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง)โดยล่องเรือเลาะคลองลัดมะยม คลองบ้านไทร หาเสียงริมคลองสองฝั่ง ซึ่งมีประชาชน ออกมาร่วมพูดคุย และทักทายด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง ทั้งนี้ทีมผู้สมัครได้เชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ เลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ ที่ 14 พค นี้

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กล่าวว่า เขตตลิ่งชันทวีวัฒนา ถือเป็นจุดกำเนิดของพรรคพลังประชารัฐ เพราะ นายชวน ชูจันทร์ หรือ ส.ส.ชวน เป็นผู้จดทะเบียนตั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเราได้มาดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงปี 2561 -ปี 2562 เรื่องเศรษฐกิจฐานราก ที่คลองลัดมะยม และ ส.ส.ชวน ก็ได้พัฒนาพื้นที่มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ขอโอกาสสนับสนุนผู้สมัครของพรรคซึ่งเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่เป็นคนคุ้นเคยในพื้นที่ที่จะมารับใช้พี่น้องในเขตตลิ่งชันและทวีวัฒนา วันที่ 14 พ.ค.นี้ บัตรใบสีม่วง เลือก”ป๊อป” นิธิ บุญยรัตกลิน หมายเลข 1 เขตทวีวัฒนา ตลิ่งชัน ส่วนบัตรใบสีเขียว เลือก “ชวน ชูจันทร์” เข้าไปเป็นส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 37

ด้านนายชวน ชูจันทร์ กล่าวว่า ตนและหลาย ๆ ชุมชนในพื้นที่ได้ร่วมกันพัฒนาท้องถิ่นมาตลอด 24 ปี จนวันนี้มีการเรียกขานว่าเป็น “ตลิ่งชันโมเดล” หมายถึงการพัฒนาชุมชนทั้งเรื่องอาหาร การกิน เรื่องตลาดการเกษตรและเรื่องท่องเที่ยวให้มาดูที่ตลิ่งชัน ซึ่งวันนี้ยังมีงานอีกหลายอย่าง ที่จะต้องทำต่อ การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก ที่พี่น้องชาวตลิ่งชันและทวีวัฒนาเป็นผู้ตัดสินใจ ผมเป็นผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ พร้อมนำปัญหาของชุมชนเข้าสู่รัฐบาลให้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าเราจะพัฒนาต่อไป โดยมีตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐที่มีความรู้ ความสามารถ เชื่อมโยงการทำงานผสานระหว่าง คนรุ่นเก่า และคนรุ่น
ร่วมกันเริ่มต้นพัฒนา คูคลอง สู่การพัฒนาเป็น พื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ถือเป็นรูปแบบสำคัญในการเศรษฐกิจแบบใหม่ที่เกิดขึ้น

ด้านนายนิธิ กล่าวว่า ตนขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนชาวทวีวัฒนา และตลิ่งชัน ให้ผมได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ มาสานต่อยอดสิ่งที่ ลุงชวนได้พัฒนาพื้นที่มาแล้วทำตลิ่งชันให้เป็นตลิ่งชันโมเดล และเราจะขยายตลิ่งชันโมเดลไปที่ทวีวัฒนาด้วย เพื่อให้ตลิ่งชัน และทวีวัฒนาเป็นต้นแบบ วิสาหกิจชุมชน เศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานราก การพัฒนา พื้นที่การท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมเชิงเกษตรเพื่อเป็นต้นแบบ ให้กับเขตอื่นๆในกรุงเทพฯและ พื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทย

“ในส่วนของศูนย์ดูแลผู้สูงวัย 360 องศา ผมก็จะผลักดันให้เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ได้ เพราะจะสามารถสร้างประโยชน์ให้ทุกคนและเป็นการลดภาระของคนในครอบครัวที่ไม่สะดวกดูแลผู้สูงอายุ เวลาออกไปทำงานนอกบ้าน รวมถึง ส่งเสริมสุขภาพที่ดี เพื่อให้พวกเขายังคงใช้ชีวิตและทำประโยชน์ต่อสังคมได้ต่อไป

ทั้งนี้ ก็จะเกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่คนพื้นที่ เช่น ทีมรับส่งผู้สูงวัยและผู้ป่วยติดเตียง วันนี้ ผม ป๊อป นิธิ และพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะเข้ามาทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น เราจะมาสร้างเมืองในฝันร่วมกัน ขอฝากให้ชาวทวีวัฒนา ตลิ่งชัน กาเบอร์ 1 ในบัตรเลือกตั้งสีม่วง และเบอร์ 37 บัตรสีเขียว”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” จับมือเกษตรกรก้าวข้ามความยากจนในเวทีปราศรัย จ.พิษณุโลก มั่นใจ มี พปชร.คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น มีน้ำมีที่ทำกิน รายได้มั่นคง พ้นหนี้นอกระบบ

,

“พล.อ.ประวิตร” จับมือเกษตรกรก้าวข้ามความยากจนในเวทีปราศรัย จ.พิษณุโลก
มั่นใจ มี พปชร.คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น มีน้ำมีที่ทำกิน รายได้มั่นคง พ้นหนี้นอกระบบ

8 พฤษภาคม 2566 เวลา 17. 30 น พรรคพลังประชารัฐ เปิดปราศรัยใหญ่ ณ ลานอเนกประสงค์ หน้าธนาคารออมสิน อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประขารัฐ ,นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งในภาคเหนือ ,นายวราเทพ รัตนากร คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ทั้ง 5 เขตของจังหวัดพิษณุโลก ประกอบด้วย นาย อดุลวิทย์ วิวัฒน์ธนาฒย์ หมายเลข 11 เขต 1 นาย ศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ หมายเลข 4 เขต 2 นาย หัสนัยน์ สอนสิทธิ์ หมายเลข 7 เขต 3 นาย อัศวิน นิลเต่า หมายเลข 7 เขต 4 นาย เอกพงษ์ กุลเจริญ หมายเลข 1 เขต 5 โดยมีประชาชนมาร่วมรับฟังการปราศรัยรวมกว่า 5,000 คน พร้อมตะโกนเลือกเบอร์ 37

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวจังหวัดพิษณุโลก เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 5เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 5 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พลังประชารัฐได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน วงเงินประกันชีวิตอีก 2 แสนบาท ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลด 6.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำทันทีที่พลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นรัฐบาล

“เราจะแก้ปัญหาให้เกษตรกรทั้ง 8 ล้านครอบครัว มีเกษตรกร 8 ล้านครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เราจะเติมเงินให้ครอบครัวละ 30,000 บาท ส่วนเรื่องน้ำ มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน และนโยบายเรื่องที่ดิน คือ มีเรามีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน เราต้องการทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ประชาชนมีความยากจน ให้ประชาชนหายจน ถ้ามีพรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีคนจนในประเทศ เรายืนยันว่าจะทำให้ประชาชน 20 ล้านคน หายจากความยากจนจากการดำเนินการของพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นขอฝากให้ชาวพิษณุโลกทุกคนเลือกผู้สมัครทั้ง 5 เขตของเราในบัตรสีม่วงและบัตรสีเขียวเลือกพรรคพลังประชารัฐหมายเลข 37 ด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ด้าน ศ.ดร.นฤมล กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า อาชีพหลักของชาวพิษณุโลก ก็คือการทำเกษตรกร อย่างเช่นการทำนา ปลูกข้าว เรื่องน้ำ ถือเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะถ้ามี พปชร.ก็จะไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน โดยพรรคเราจะสานต่อนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เติมน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ แหล่งน้ำสำรอง และแหล่งน้ำทางเลือก แก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมซ้ำซาก จัดทำผังน้ำชุมชน จัดระเบียบทางน้ำทั่วประเทศ ยกระดับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ และยังมีในส่วนส่วนนโยบายจัดที่ดินทำกิน จะสานต่อให้คนไทยมีที่อยู่อาศัย และที่ทำกินด้วยการปฏิรูประบบที่ดิน คืนที่ทำกินให้ประชาชน โดย เร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทุกประเภท เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด จัดที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้คนไร้ที่ทำกินกว่า 2 ล้านราย

“นโยบายเหล่านี้ พล.อ.ประวิตร ทำมาตลอด 4 ปี และเราจะเข้าไปพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติและประชาชน ซึ่งถ้าทุกคนอยากได้วันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ บัตรเขียว เบอร์ 37 เลือกให้ลุงป้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเราจะมาก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน”

ด้านนายวราเทพ กล่าวว่า ภูมิศาสตร์ที่ตั้งของจังหวัดพิษณุโลกถือว่าเป็นทำเลทองแต่วันนี้ต้องการคนที่จะเข้ามาพัฒนาและแก้ไขปัญหา และตอนนี้อนาคตของพิษณุโลกอยู่ในมือของพี่น้องประชาชนโดยทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ถือว่าตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพราะพลเอกประวิตร เป็นผู้มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเรื่องที่ดิน และเรื่องน้ำ ถ้าพี่น้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า ลุงป้อมเป็นคนที่ทำได้แน่นอน

“การเลือกตั้งครั้งนี้ เราต้องเลือกให้ดี ถ้าเลือกไม่ดีมีโอกาสที่จะกลับไปทำให้พี่น้องลำบาก แต่ถ้าเลือกให้ดีพี่น้องมีโอกาสสบาย นโยบายสั้นๆ ที่ผมอยากจะบอกกับพี่น้องประชาชนในวันนี้ คือเรื่องของบัตรประชารัฐ ที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว นโยบายของผู้สูงวัย และนโยบายอีกหลายๆอย่างที่สำคัญ ที่เกี่ยวกับพี่น้องชาวพิษณุโลก รวมถึงเรื่องของที่ดินที่ทำกิน พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าจะมีการดำเนินงานเรื่องเอกสารสิทธิ์ให้กับพี่น้องประชาชน ปัญหาเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้งน้ำจะไม่มีอย่างแน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2566