โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 10 พฤษภาคม 2023

“ศันสนะ”ลงพื้นที่วอนชาวฝั่งธนกาเบอร์1 ชูนโยบายหยุดสุรา-กัญชาเสรี-ยาเสพติด

,

“ศันสนะ”ลงพื้นที่วอนชาวฝั่งธนกาเบอร์1
ชูนโยบายหยุดสุรา-กัญชาเสรี-ยาเสพติด

ดร.ศันสนะ สุริยะโยธิน ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตธนบุรี-คลองสาน-ราษฎร์บูรณะ พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 1 กล่าวถึงการลงพื้นที่ขณะนี้ว่า เมื่อวานนี้ตนพบผู้เสียชีวิตอีกแล้ว ตรงบริเวณริมถนนในซอยโกวบ๊อ ซึ่งเป็นจุดใกล้เคียงกับผู้เสียชีวิตรายก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะเสียชีวิตเพราะความร้อน แต่ผู้ตายดื่มสุราเมามานอนเต๊นท์ขายของริมถนน ซึ่งเมื่ออากาศร้อนอยู่แล้ว ยิ่งดื่มสุรา ก็ยิ่งร้อนทั้งภายนอกและภายใน
ทั้งนี้ตนเคยพูดถึง ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า’ หรือ ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่เคยมีความพยายามของพรรคการเมืองหนึ่งให้ผ่านสภา โดยอ้างว่าเป็นการเปิดช่องให้ประชาชนทั่วไปมีโอกาสทำธุรกิจ โดยไม่ต้องเจออุปสรรคเรื่องเงินทุนที่สูงไป และเพื่อหยุดการผูกขาดของนายทุน ซึ่งในประเด็นนี้ตนไม่เห็นด้วย เพราะมีคำถามว่า สุราเสรีหยุดนายทุน 2-3 รายได้จริงหรือ เพราะนายทุนก็เปิดบริษัทย่อยมาคุมตลาดได้ และยังเพิ่มนายทุนรายย่อยที่อยากทำสุราขาย ชาวบ้านประชาชนจะมาปั้นตัวเองผลิตสุราขายหรือส่งออกได้ ต้องมีทุนเพียงพอ
“ทุกวันนี้คนในสังคมมีแต่การรณรงค์ และข้อห้ามหลายอย่างในการลดการดื่ม อุปสรรคที่เกิดขึ้นทำให้ระดับนายทุนใหญ่ยังสะเทือน แล้วรายเล็กที่อยากจะเข้ามาในธุรกิจนี้จะทำอย่างไร เรื่องหยุดสุราเสรี หรือยาเสพติดเสรี ไม่ใช่เรื่องของพรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นความตั้งใจส่วนตัว ที่ไม่สนับสนุน ในขณะที่เรายังไม่พร้อม และการตัดสินเรื่องระดับชาติ ก็จำเป็นที่ต้องคำนึงถึงอนาคตของลูกหลาน ที่จะเป็นผู้ดื่มหน้าใหม่เร็วเกินไป ผมห่วงในฐานะพ่อคนหนึ่ง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 พฤษภาคม 2566

ดร.ลั่น – สฤษดิ์ ไพรทอง ลงพื้นที่เยาวราชหาเสียงโค้งสุดท้าย พบแฟนคลับต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมชูนโยบายท่องเที่ยวแก้เศรษฐกิจปากท้องเร่งด่วน ผลักดันกรุงเทพฯชั้นในสู่จุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมาเยือน ย้ำทำได้ทันทีไม่ต้องรอ

,

ดร.ลั่น – สฤษดิ์ ไพรทอง ลงพื้นที่เยาวราชหาเสียงโค้งสุดท้าย พบแฟนคลับต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมชูนโยบายท่องเที่ยวแก้เศรษฐกิจปากท้องเร่งด่วน ผลักดันกรุงเทพฯชั้นในสู่จุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมาเยือน ย้ำทำได้ทันทีไม่ต้องรอ

ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง หรือ ดร.ลั่น ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรุงเทพมหานคร เขต 1 หมายเลข 11 กล่าวในระหว่างลงพื้นที่หาเสียงย่านเยาวราชว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เสียงสะท้อนที่ได้รับฟังส่วนใหญ่ที่ต้องการให้ทางพรรคฯ ผลักดันเร่งด่วนยังคงเป็นเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนโดยเร็วเช่นกัน

ทั้งนี้ หนึ่งในนโยบายของ พปชร.นั้น จะมีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งอาเซียน เพื่อเร่งนำเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นช่องทางที่เร็วที่สุดในการหารายเข้าประเทศ เพราะการท่องเที่ยวนั้น ไม่ต้องรอการก่อสร้าง รอเพียงแต่นักท่องเที่ยวมาในประเทศ ก็ได้เงินเข้าประเทศทันที ซึ่งกรุงเทพฯเป็นหมุดหมาย และเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้อยู่แล้ว
.
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน มีย่านการค้าและการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นย่านของกินชื่อดังอย่างเยาวราช ย่านศิลปวัฒนธรรมอย่างพระบรมมหาราชวัง และย่านถนนข้าวสาร ซึ่งสามารถพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงต่อยอดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ได้เช่นกัน

พร้อมกันนี้ ดร.สฤษดิ์ ยังได้นำเสนอ นโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน หาก พปชร.ได้เป็นรัฐบาล ที่จะผลักดันทันที เช่น ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท, ลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 6.30 บาท และเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได คือ ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น 3,000 บาทต่อเดือน, อายุ 70 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 4,000 บาทต่อเดือน อายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

สำหรับบรรยากาศในการลงพื้นที่เยาวราช ของดร.สฤษดิ์ ในครั้งนี้ ยังคงมีประชาชน พ่อค้า แม่ค้า และแฟนคลับ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับส่งเสียงเชียร์เหมือนเช่นเคย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 พฤษภาคม 2566

นักศึกษา มศว. ปลื้ม “พี่โอ๋ ตัวตึง” เป็นกันเองกว่าที่คิด

,

นักศึกษา มศว. ปลื้ม “พี่โอ๋ ตัวตึง” เป็นกันเองกว่าที่คิด

(9 พฤษภาคม 2566) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมเสวนาทางการเมือง ซึ่งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จัดขึ้นในหัวข้อ นโยบายด้านการศึกษาและสังคม ณ สนามกีฬากลาง ม.ร.ว.จุรีพรหม กมลาศน์ (มศว.ประสานมิตร) โดยมีตัวแทนจาก ทั้งหมด 8 พรรคการเมืองเข้าร่วม
.
ทั้งนี้ได้กล่าวถึงนโยบายระบบการศึกษาว่า ส่วนมากหลายพรรคการเมืองมักไม่ค่อยพูดถึงเรื่องการศึกษาในเวทีดีเบตต่าง ๆ เท่าที่ควร เนื่องจากเป็นนโยบายที่ไม่ค่อยมีความขัดแย้งทางความคิดกันมากนัก หลาย ๆ พรรคมักจะมีนโยบายเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปิดโอกาส การเรียนเสริมด้านภาษา เทคโนโลยีและดิจิทัล ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีการพัฒนามาโดยตลอดเพราะไม่ต้องใช้การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หนึ่งปัญหาใหญ่ของประเทศ คือยังขาดแรงงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ STEM ยังค่อนข้างน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และเรื่องของภาษาก็มีส่วนสำคัญ ที่ต้องพัฒนา เพราะมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ที่จะเข้ามาเปิดโรงงาน หรือ ฐานการผลิตภายในประเทศ
.
ขณะที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำของระบบการศึกษาระหว่างพื้นที่ห่างไกล กับเขตเมือง ซึ่งยังคงมีคุณภาพที่แตกต่างกันอยู่ ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข โดยทุกรัฐบาลก็พยายามแก้ไข ให้โอกาสเด็ก ๆ ทั้งประเทศได้มีความเท่าเทียมกันทางด้านการศึกษา
.
นอกจากนี้นายชัยวุฒิ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายในการเสวนาครั้งนี้อีกด้วยว่า เห็นด้วยกับหลายนโยบายด้านการศึกษาของพรรคต่าง ๆ ที่มาร่วมเสวนาในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันพัฒนาประเทศ ทั้งนี้เรื่องของการเมืองนั้นไม่ได้สำคัญแค่เรื่องนโยบาย แต่สำคัญที่ว่าหากพรรคนั้นได้เป็นรัฐบาลแล้ว สามารถทำให้รัฐบาลมีสเถียรภาพได้หรือไม่ ทำงานได้ บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้าได้ โดยไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ขออาสาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง บางเรื่องสามารถคิดต่างกันได้ เห็นไม่ตรงกันได้ แม้ความจริงจะมีอยู่เรื่องเดียว แต่รับข้อมูลมาไม่เหมือนกันก็เกิดเป็นความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐจึงสามารถประสานให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยทำความเข้าใจกันได้ หาทางออกแก้ไขร่วมกัน จับมือไปด้วยกัน ให้ประเทศไทย เป็นบ้านเมืองที่น่าอยู่ตลอดไป
.
ด้านน้องมังกร นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มศว. ปี 1 นักศึกษาที่มาร่วมรับฟังการเสวนา ได้สะท้อนมุมมองที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ว่า รู้สึกปลื้มใจ ไม่คิดว่าจะเป็นกันเองมากขนาดนี้ จากที่เห็นภาพลักษณ์ตามเวทีดีเบตต่าง ๆ ที่ได้ฉายาตัวตึง คิดว่าจะเข้าถึงได้ยาก แต่กลับกัน เป็นคนที่อัธยาศัยดี เป็นกันเอง ขอถ่ายรูปก็ได้ถ่ายด้วยอย่างใกล้ชิด จึงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก พร้อมขอบคุณที่มาร่วมในการเสวนา และให้ความรู้ในวัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 พฤษภาคม 2566

“ดร.นฤมล” สวมบทเด็กแว้นซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่วิน ช่วย “เบล-สุชาดา” ลุยตรอกซอกซอยเขตดอนเมือง ขอเสียงสนับสนุน ชูนโยบาย “ลุงป้อมพาหมอมาหา เอายามาส่ง” เข้าถึงสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม

,

“ดร.นฤมล” สวมบทเด็กแว้นซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่วิน ช่วย “เบล-สุชาดา” ลุยตรอกซอกซอยเขตดอนเมือง ขอเสียงสนับสนุน ชูนโยบาย “ลุงป้อมพาหมอมาหา เอายามาส่ง” เข้าถึงสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม

วันนี้ (10 พ.ค.66) พรรคพลังประชารัฐนำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ช่วยดร.ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล (เบล) ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 10 เขตดอนเมือง เบอร์ 3 ลงพื้นที่หาเสียงในตลาดวัฒนานันท์ (ฝั่งโขง) และหมู่บ้านรัตนาวลัยดอนเมือง ซึ่งครั้งนี้เป็นการหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง14 พ.ค.66 โดยนั่งวินมอเตอร์ไซค์ร่วมกับผู้สมัครและทีมงาน เข้าพบปะทักทายพูดคุยกับผู้คนตามตรอกซอกซอย ซึ่งบรรยากาศการหาเสียงได้รับความสนใจจากพี่ป้าน้าอาในการขอคะแนนเสียงของสองสาวสายลุยในครั้งนี้

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ในพื้นที่ดอนเมืองเป็นพื้นที่เป้าหมายของ พปชร.ที่สำคัญขอโอกาสให้กับผู้หญิงเข้ามาทำงานในสภาเพื่อเป็นปากเสียงให้ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการดูแลผู้สูงอายุที่อยากให้ดอนเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น ตอนนี้นับถอยหลังเหลืออีก 3 วัน ที่จะถึงวันเลือกตั้ง พรรค พปชร.เน้นการหาเสียงอย่างเข้มข้นลงไปในเขตต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมาย แบบเคาะทุกประตูบ้านเข้าถึงประชาชนอย่าง ดร.ภญ.สุชาดา หรือ เบล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 10 ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี ด้วยการลงพื้นที่ต่อเนื่องและทราบปัญหาที่แท้จริงของชาวดอนเมือง

สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายมองว่ากระแสหลายพรรคมาแรงนั้น ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่าเรื่องนี้ พปชร.ไม่กังวลเพราะผู้สมัครทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการเข้าถึงความต้องการของพี่น้องประชาชน เพราะถ้าเลือกตามกระแสก็จะได้เพียงแค่กระแสเท่านั้น แต่ถ้าเลือกผู้สมัครของ พปชร.อย่างน้องเบล ก็จะได้ ส.ส.ที่จริงใจและพร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือประชาขนอย่างแท้จริง

ด้าน ดร.ภญ.สุชาดา กล่าวว่า จากการเป็นคนในพื้นที่เข้าใจปัญหามาโดยตลอด ซึ่งพื้นที่นี้มีผู้สูงอายุจำนวนมาก ด้วยประชากรที่มีอยู่ 200,000-300,000 คน พบว่ามีประชาชนอยากเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่ดี ซึ่งพรรคมีนโยบายโดยตรง “ลุงป้อมพาหมอมาหา เอายามาส่ง” เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการรักษาที่เท่าเทียม หรือเรียกว่า ระะบบ Telemed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้ ซึ่งนโยบายนี้ คือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค จะทำให้เกิดขึ้นทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องทุกคน เพราะนอกจากประหยัด แล้วยังไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง ตนขอโอกาสเข้ามาทำงานให้กับชาวดอนเมือง โดยกาบัตรสีม่วง เบอร์3 และบัตรสีเขียว เลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 พฤษภาคม 2566