โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 28 เมษายน 2023

“พล.อ.ประวิตร” ทำทีมใหญ่ล่องภาคใต้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ จ.สงขลา ชูนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ขอเสียงกวาดทั้ง 9 เขต ลั่นพร้อมรับใช้ ปชช.

,

“ไพบูลย์”แถลง พปชร.ประชุมใหญ่สามัญพรรคฯรับรองการดำเนินงานในรอบปีงบการเงินพรรค รับรอง 20 นโยบายสำคัญของพรรค “ 3 ลด ค่าใช้จ่าย 7 เพิ่มเงินปชช.”

วันที่ 28 เมษายน 2566 เวลา 18.00 น. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ จ.สงขลา เปิดเวทีปราศรัยใหญ่แห่งแรกของภาคใต้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติสงขลา นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรคประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ดร.คณิศ แสงสุพรรณ ทีมนโยบายพรรค นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำภาคใต้ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. จ.สงขลา ทั้ง 9 เขต ได้แก่ นายภวัต นิตย์โชติ เขต1 เบอร์ 7 นายอดิสัณห์ ชัยวิวัฒน์พงศ์ เขต 2 เบอร์ 6 นายอาทิตย์ สุวิทย์ เขต 3 เบอร์ 5 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว เขต 4 เบอร์ 1 นายญาณพง เพชรบูรณ์ เขต 5 เบอร์ 6 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ เขต 6 เบอร์ 5 นายธเนศ ล่องนาวา เขต 7 เบอร์ 7 นายธีรพงศ์ ดนสวี เขต 8 เบอร์ 3 และนายล่องหิ้น ทิพย์แก้ว เขต 9 เบอร์ 2 ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยประชาชนในจังหวัดและพื้นที่ข้างเคียง เข้าร่วมรับฟังนโยบายเต็มพื้นที่ กว่า 8,000 คน เต็มความจุศูนย์ประชุม เพราะครั้งนี้ถือเป็นการปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นครั้งแรก ประชาชนต่างโบกธงให้กำลังใจ พร้อมประสานเสียงโห่ร้องเชียร์ เบอร์ 37 อย่างต่อเนื่อง

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พลังประชารัฐได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลด 6.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำทันทีที่พลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นรัฐบาล รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐ ยังมีนโยบายดูแลทุกช่วงวัย ‘แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ’ แจกเงินคนท้องเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด และเงินช่วยดูแลลูกอีกเดือนละ 3,000 บาท จนถึง 6 ขวบ เพื่อให้สตรีมีขวัญกำลังใจในการช่วยกันเพิ่มประชากร และอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญก็คือ มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน ที่เราได้บริหารจัดการมากว่าสามปี ได้ทำให้น้ำบนดิน น้ำใต้ดิน น้ำบ่อ น้ำตื้นต่างๆ เช่นเดียวที่ดินกิน ถ้ามีเราก็มีที่ดินทำกิน ไม่มีจน เราจะทำให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมีที่อยู่ที่อาศัย ที่ประกอบสัมมาวิชาชีพ ทั้งนี้เราจะสนับสนุนเงินให้เกษตรกรทั่วประเทศ จำนวน 30,000 บาท ทั้ง 8 ล้านครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาความยากจน

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยว่า ถ้าเลือกพรรคพลังประชารัฐวันนี้ หมายความว่าพี่น้องประชาชนเลือกตัวแทนที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลที่จะมาดูแลพวกเราอย่างเต็มศักยภาพ และทำให้ชีวิตของชาวใต้ยกระดับขึ้น ขอให้ทุกคนคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เราจะได้รับอะไรคืนมา

“ประเทศไทยวันนี้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พรรคพลังประชารัฐจึงเล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุในประเทศไทยทุกคน ด้วยการมอบสวัสดิการดูแลเป็นรายเดือน รวมไปถึงอนาคตของลูกหลานของเรา ก็ต้องได้รับการดูแลตั้งแต่คลอดออกมา และต้องมีการศึกษาที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปอย่างมีศักยภาพและจะเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศไทยของเราต่อไป ซึ่งคนทั้ง 2 กลุ่มถือว่าเป็นกลุ่มเปาะบางที่พรรคพลังประชารัฐต้องปกป้องให้พวกเขาเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็ง”

ด้าน ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวปราศรัยว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐยกทัพใหญ่มาจังหวัดสงขลาเพราะเรามั่นใจว่าเราจะได้รับความเมตตาจากพี่น้องที่นี่ ผู้สมัครครั้งนี้แม้หน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่ว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายที่จะเข้ามาดูแลสวัสดิการของประชาชนแต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐเราเป็นพรรคแรกที่พูดแล้วทำจริง ๆ ตั้งแต่ปี 62 และครั้งนี้ก็เช่นกัน บัตรประชารัฐของเราในครั้งนี้ลุงป้อมจะเพิ่มเงินจาก 300 บาทเป็น 700 บาทและยังมีวงเงินประกันชีวิตอีกรายละ 200,000 บาทด้วย

“เราต้องการจะเข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศให้เข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่เป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อเด็กเกิดมาก็ต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ อย่างประชาชนทั่วไปก็ต้องได้รับการส่งเสริมให้มีอาชีพ เพื่อที่เขาจะสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองให้ได้ สิ่งนี้ภาครัฐก็จะต้องเข้าไปดูแลเช่นกัน นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ในเรื่องของสวัสดิการประชารัฐไม่ใช่เพียงแค่บัตรประชารัฐเท่านั้น”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก แต่ครั้งนี้หลังจากวันที่ 14 พ.ค.เมื่อเราเข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อ เราจะพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้โดยผลักดันให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้พื้นที่ภาคใต้มีความเจริญมากขึ้น ขอฝากให้พี่น้องประชาชนพิจารณาผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 9 คน 9 เขตด้วย

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐพูดเสมอว่า เราเป็นพรรคของประชาชน ชื่อพรรคก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นการรวมกันของพลังของคน 2 กลุ่ม นั่นก็คือ การร่วมพลังของประชาชนทั้งแผ่นดินทั้ง 77 จังหวัด ภายใต้การดูแลของรัฐ ก็คือรัฐบาล ประเทศไทยของเรามีโครงสร้างเป็นฐานพีระมิด เริ่มจากฐานรากหญ้า คือ พี่น้องประชาชน นโยบายที่พรรคนำเสนอออกมา คือ ต้องการทำให้คนฐานรากมีความเข้มแข็ง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ตั้งแต่มีการต่อสู้ทางการเมืองมีพี่น้องหลายท่านติดคุกติดตาราง หลายท่านมีคดีติดตัว หลายท่านต้องเสียลูก เสียเมีย เสียผู้นําครอบครัว ถ้าถามว่า ตั้งแต่มีการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นสีไหน ถามว่าคนไทยได้อะไร ตอบได้ทันทีว่ามีแต่เพิ่มความบอบช้ำ เกิดความแตกแยกความสามัคคี บ้านใดเมืองใดไม่มีความสามัคคี อย่าหวังเลยว่าประเทศชาติจะเกิดความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืน มีแต่ประชาชนอดอยากปากแห้งทั้งนั้น

“จึงเป็นที่มาของนโยบายสำคัญในเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ต่อจากนี้คนไทยจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวไม่มีการแบ่งแยกสี เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน พูดภาษาเดียวกัน แม้จะนับถือศาสนาที่แตกต่างกันแต่เราจะเลิกทะเลาะ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง รวมพลังของคนไทยทั้งแผ่นดิน รวมเป็นหนึ่งเดียว”

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวต่อถึง นโยบายบริหารจัดการที่ดินทำกิน-น้ำ โดย พปชร.จะสานต่อนโยบายการบริหารจัดการน้ำ ยกระดับทั้งระบบ และปฏิรูประบบที่ดิน คืนที่ทำกินให้ประชาชน เร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทุกประเภท เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด พร้อมจัดที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้คนไร้ที่ทำกินกว่า 2 ล้านคน ทันทีที่เราเข้าไปบริหารประเทศในฐานะรัฐบาล

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ ทีมนโยบายเศรษฐกิจ พปชร. กล่าวว่า วันนี้หัวหน้าพรรคให้ช่วยมาดูเศรษฐกิจภาคใต้ว่าจะสามารถช่วยพัฒนาได้อย่างไร ซึ่งภาคใต้ประกอบไปด้วย 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ที่พรรคจะผลักดันให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบเดียวกันกับภาคตะวันออก ที่จะเห็นว่าปัจจุบันเศรษฐกิจเติบโตเป็นเท่าตัว ซึ่งภาคใต้ถือเป็นกำลังสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นรากแก้วที่ต้องทำให้เกิดการฟื้นตัว โดยหัวหน้าพรรคได้มีการคุยกันอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้ทั้ง 2 ฝั่งร่วมกัน

เมื่อพรรคพลังประชารัฐได้จัดตั้งรัฐบาลสิ่งที่ทีมของเราจะทำคือการดูแลเรื่องสินค้าเกษตร การท่องเที่ยวทั้งระบบ ท่าเรือ รวมถึงการเปิดเศรษฐกิจใหม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสงขลามีชายหาดยาวกว่า 200 กิโลเมตร เราจะเอาเศรษฐกิจลงไปช่วยเรื่องการท่องเที่ยวโดยจะพัฒนาเป็นแลนด์บิดเชื่อมติดกับอันดามันและฝั่งอ่าวไทย รวมถึงอีกหลายแห่ง เช่น สุราษฎร์ธานี กระบี่ และจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักที่สำคัญ เพื่อสานต่อโครงการเซาท์เทิร์นซีบอร์ดให้ทั้ง 14 จังหวัดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะยกระดับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพที่จะเป็นอนาคตสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับลูกหลานต่อไป

“ถ้าอยากจะให้เราทำและให้เป็นอนาคตของลูกหลานต่อไปขอความกรุณาเลือกพรรคพลังประชารัฐเลือกพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 เมษายน 2566

“ไพบูลย์”แถลง พปชร.ประชุมใหญ่สามัญพรรคฯรับรองการดำเนินงานในรอบปีงบการเงินพรรค รับรอง 20 นโยบายสำคัญของพรรค “ 3 ลด ค่าใช้จ่าย 7 เพิ่มเงินปชช.”

,

“ไพบูลย์”แถลง พปชร.ประชุมใหญ่สามัญพรรคฯรับรองการดำเนินงานในรอบปีงบการเงินพรรค รับรอง 20 นโยบายสำคัญของพรรค “ 3 ลด ค่าใช้จ่าย 7 เพิ่มเงินปชช.”

พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ ประจำปี ครั้งที่ 2/2566 มี นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีกรรมการบริหารพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ศ. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค เป็นต้น และผู้แทนสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค เกิน 250 คน เข้าร่วมครบองค์ประชุมตามที่กฎหมายกำหนด

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงผลการประชุมสามัญประจำปี 2566 ว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ตนทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม โดยการประชุมในวันนี้เป็นการประชุมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 43 ซึ่งกำหนดให้พรรคการเมืองต้องจัดทำรายงานการดำเนินการกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมา เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรค โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมตามกฎหมาย รวมทั้งสิ้นองค์ประชุมเกิน 250 คน

โดยที่ประชุมเห็นชอบการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองที่ดำเนินการ ตามที่นายสันติ เป็นผู้นำเสนอ และเห็นชอบรายงานการเงินของพรรคในรอบปี ตามที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคเสนอ นอกจากนั้นที่ประชุมได้รับรองและเห็นชอบ เรื่องการนำเสนอ 20 นโยบายสำหรับหาเสียงของพรรคพปชร.ที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งกกต. เห็นชอบทั้ง 20 นโยบาย ที่มีประเด็นสำคัญ แยกเป็น 3 นโยบายลด ค่าใช้จ่ายให้ประชาชน คือ 1.ลดค่าไฟฟ้า เหลือ 2.50 บาท เพื่อช่วยประชาชน และ2.70 บาท ช่วยภาคอุตสาหกรรม 2.ลดค่าน้ำมันเบนซิน เหลือลิตรละ 25.99บาท ดีเซลเหลือลิตรละ 28.07 บาท โดยยึดหลักให้ความยุติธรรม ไม่เพิ่มภาระประชาชน ไม่เห็นด้วยเก็บภาษีสรรพามิต และกองทุนน้ำมัน และ3.ลดค่าแก๊ส 173 บาท เหลือ 253 บาท

ส่วน 7 นโยบายเพิ่มเงินในบัญชีให้ประชาชนโดยตรง ที่จะทำให้ประชาชน คือ 1.บัตรประชารัฐ 700 พร้อมวงเงินประกันชีวิต 2 แสนบาท 2. โครงการ แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ 3.เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 4.ให้ทุนการเพาะปลูกเกษตรกร 7.5 ล้านครัวเรือน ที่ลงทะเบียน ครัวเรือนละ 30,000 บาท 5.สร้างอาชีพผู้ถือบัตรประชารัฐ 1 ล้านคน โดยให้ทุนรายละ3 หมื่นบาท 6. ลดต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนา ไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15ไร่ เป็นเงิน 30,000 บาท และ7. สนับสนุนปุ๋ยคนละครึ่ง โดยให้รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือประชาชนครึ่งหนึ่ง โดยที่ประชุมรับรองทุกประเด็นที่เสนอเรียบร้อยแล้ว เหล่านี้คือนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐเสนอที่จะทำให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศอยู่ดีกินดี ตามความตั้งใจและตั้งมั่นของพล.อ.ประวิตร”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 เมษายน 2566

ชัยวุฒิ ขึ้นเวทีปราศัยจังหวัด ตาก ขอ พปชร แลนสไลด์ จังหวัดตาก บอกปัญหาชังชาติ ต้องแก้ที่การเลือกตั้งเลือกคนดีไม่ทำชาติแตกแยก แซะ เพื่อไทย กั้กยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลั่นทั่วโลกไม่มีใครใช้เเงินดิจิทัล ซื้อขายสินค้าและบริการ เพราะมีปัญหา เว้น เอลซัลวาดอร์

,

ชัยวุฒิ ขึ้นเวทีปราศัยจังหวัด ตาก ขอ พปชร แลนสไลด์ จังหวัดตาก บอกปัญหาชังชาติ ต้องแก้ที่การเลือกตั้งเลือกคนดีไม่ทำชาติแตกแยก แซะ เพื่อไทย กั้กยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลั่นทั่วโลกไม่มีใครใช้เเงินดิจิทัล ซื้อขายสินค้าและบริการ เพราะมีปัญหา เว้น เอลซัลวาดอร์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ เปิดเวทีปราศรัย อำเภอ เมือง จ.ตาก เพื่อช่วยผู้สมัคร เขต 1 นาย ประสงค์ นามเสถียร หมายเลข 7 พรรคพลังประชารัฐ โดยนายชัยวุฒิ กล่าวว่า อยากพูดถึง ความต่อเนื่องของบัตรประชารัฐ บัตรที่จะมาช่วยเหลือพี่น้องผู้มีรายได้น้อย บางคนก็เรียกว่ามีรายได้ไม่เพียงพอที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เรามีบัตรนี้มาหลายปีแล้วพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนริเริ่มนโยบายนี้ และจะทําต่อไป แล้วจะทําให้ดีขึ้น เติมเงินเป็น 700 บาทแล้วถ้าใครยังไม่ได้ ต้องลงทะเบียนใหม่ดีไหม อยากให้ได้ทุกคน ที่สําคัญผมก็ไปดีเบตมาเรื่องนโยบาย เมื่อวานไปเจอคุณช่อ พรรคก้าวไกล ผมก็ถามว่า ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล บัตรประชารัฐจะอยู่ไหม เขาไม่เอา เขาจะเอาสวัสดิการถ้วนหน้า ซึ่งผมก็ฟังแล้วไม่เข้าใจว่าคืออะไร เพราะไม่ชัดเจนเหมือนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้แน่นอน 700 บาททุกเดือน ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ตอบแบบเหลี่ยมๆ ไม่แน่ใจเดี๋ยวไปดูเฉยๆ ปล่อยเฉยๆไว้ก่อนให้มันหมดไปเอง ไม่รู้แปลว่าอะไรก็คือไม่ทําต่อ ไม่เติมเงินแต่เขาจะให้อย่างอื่น เขาจะให้เงินดิจิทัลคนละ10,000 บาท ทุกคนเลยเอาไปใช้ภายใน6เดือน แต่เงินดิจิทัลคืออะไร พี่น้องรู้จักไหม ผมยังคิดว่าแม่ค้าจะรับรึเปล่ายังไม่รู้เพราะมันใหม่เกินไป ผมอยู่กระทรวงดิจิทัล ผมรู้จักดี วันนี้เงินดิจิทัลเป็นเงินที่มีปัญหามากที่สุด เพราะเราเปิดให้ลองใช้กันในการเก็งกําไรในการซื้อขาย แล้วก็คนขาดทุนกันเยอะมากเพราะราคามันขึ้นลงเยอะ ผันผวนจนคนไม่กล้าเล่นแล้ว บิทคอยน์ เงินดิจิทัลไม่มีใครเขา ทั้งประเทศทั่วโลกไม่มีใครให้ใช้เงินดิจิทัลซื้อขายสินค้าและบริการ เพราะเขากลัวมีปัญหากับค่าเงินกับระบบการเงินของเขา วันนี้ผมตรวจแล้ว มีประเทศเดียวในโลก ที่ให้ใช้เงินดิจิทัลซื้อของได้คือประเทศ เอลซัลวาดอร์ เพราะประเทศเขาก็ไม่มีระบบการเงินที่เข้มแข็ง เขาใช้เงินดอลลาร์ แทนเงินของประเทศเขามานานแล้ว มีปัญหาเขาก็ลองใช้เงินดิจิทัล ถ้าเราได้พรรคเพื่อไทย บัตรสวัสดิการรัฐก็อาจจะไม่มีหรือไม่เติมเงิน แต่จะได้เงินดิจิทัล ประเทศไทยเราจะเป็นประเทศที่สองในโลก ที่สามารถใช้เงินดิจิทัลได้ ผมว่ามันน่าจะมีปัญหา
ทําไมต้องเป็นเงินดิจิทัลให้พี่น้องปวดหัว และระบบการเงินก็จะมีปัญหาในอนาคตเพราะฉะนั้นการเลือกตั้ง นอกจากดูนโยบายแล้วต้องดูอุดมการณ์ด้วย อุดรการณ์คือพรรคนี้คิดยังไงกับประเทศไทย จะให้ประเทศไทยเราเป็นอย่างไร จะให้ลูกหลานเรามีอนาคตอย่างไรต่อไป วันนี้ ก่อนมาที่นี่ผมก็แวะมาจากแม่สอด มาที่ตากก็ขับรถผ่านศาลเจ้าพ่อพะวอ เป็นศาลที่พวกเราเคารพนับถือกันมากที่สุดในจังหวัดตาก ผมก็ไปไหว้ ไปขอพรท่าน ขอให้ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐแลนด์สไลด์ที่จังหวัดตาก ทั้งสามคนได้รับการเลือกตั้งทั้งหมด แต่ที่สําคัญนอกจากขอเรื่อง ส.ส. แล้ว ผมขอให้ ท่าน ช่วยปกปักคุ้มครอง แผ่นดินไทย ให้คนไทยอยู่อย่างสงบร่มเย็นตลอดไป เพราะเจ้าพ่อพะวอคือ นักรบ คือกะเหรี่ยงคือปกาเกอะญอ เป็นตํานานของพวกเราที่เป็นทหารที่คุมด่าน แล้วต่อสู้กับกองทัพพม่า ที่จะบุกมารุกรานประเทศไทย

การที่ให้คนไม่รักชาติ ให้คนเกลียดประเทศไทย ให้คนเกลียดชังกันแล้วมันทําให้คนมีปัญหาบ้านเมืองไม่สงบสุข วันนี้เราต้องคิดอุดมการณ์สําคัญคือ เราทํายังไงให้ประเทศชาติเราสงบสุข ประชาชน อยู่ดีกินดีเพราะสงบสุข ผมถามคน ปกาเกอะญอหลายคน โดยเฉพาะที่อยู่ที่ฝั่งประเทศไทย มี2ฝั่ง ฝั่งพม่ากับฝั่งไทย ฝั่งไทยถึงแม้ชีวิตจะยังลําบากอยู่ แต่เขาก็อยู่ดีขึ้นเรื่อยๆมีชีวิตที่ดี วันนี้มีถนนหนทาง มีน้ํา อินเทอร์เน็ตใช้ ลูกหลานได้เรียนหนังสือ มีการมีงานทํา บางคนจบปริญญาตรี ปริญญาโท พี่น้องลองข้ามไปฝั่งพม่า วันนี้ยังจับปืนสู้กับทหารพม่าอยู่เลย เหมือนเมื่อ200ปีก่อน เพราะบ้านเมืองเขาไม่สงบสุข เขาเป็นรัฐซ้อนรัฐเขาไม่ได้เป็นราชอาณาจักรไทยแบบเรา ประเทศเพื่อนบ้านเรา นี่คืออุดมการณ์ ผมถึงพูดตลอดว่าผมเห็นด้วย ใครมาด่าทหาร ทหารไปทําอะไร ทําให้คนเกลียดทหารเพื่อหวังผลทางการเมือง อันนี้ไม่ใช่อุดมการณ์ของพรรคเรา เพราะผมคิดว่ากองทัพต้องเข้มแข็งเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ผมเคยคุยกับนักการเมืองบางคน แล้วติดตามความคิดของเขา เขาบอกว่าเขาอยากเปลี่ยนประเทศ ผมก็รู้ว่าพี่น้องผมหมายถึงใครนะ อยากเปลี่ยนประเทศ เขาบอกว่าประเทศไทยมีปัญหาเยอะ คนเกลียดชังกัน คนลําบาก จะเปลี่ยนประเทศได้ ต้องเปลี่ยนที่ต้นตอของปัญหา ต้องแก้ที่ต้นตอ ผมฟังแล้วผมรู้แล้ว เขาหมายถึงอะไร ต้นตอปัญหาของเขา แต่ผมว่ามันไม่ใช่เพราะปัญหาในมุมมองของเขาที่เขามองเป็นต้นตอ ผมมองว่าสิ่งนั้นคือต้นไม้ใหญ่ ที่มีรากแก้ว แผ่ออกไปเต็มผืนแผ่นดิน ยึดแผ่นดินไทยให้เป็นปึกแผ่น แล้วมีร่มเงา ปกป้องคุ้มครองให้คนไทยร่มเย็น อยู่เย็นเป็นสุขมาตลอดนับ100ปี ไม่ใช่ต้นตอของปัญหา ต้นตอของปัญหาคือนักการเมืองขี้โกง ทุจริตคอรัปชั่น ถ้ามองปัญหาผิด ไปตัดต้นไม้ผิดต้น ประเทศฉิบหายแน่นอน นี่คือความแปลกของอุดมการณ์ ความแตกต่างของอุดมการณ์
วันนี้เราต้องแก้ปัญหาที่การเลือกตั้งให้ได้คนดี ให้ได้นักการเมืองที่จะไปทํางานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ไปทํางานเพื่อเห็นแก่ตัว หรือเห็นแก่ครอบครัว แล้วทําให้บ้านเมืองแตกแยก เพราะถ้าไปทําให้บ้านเมืองแตกยากอีก ผมเชื่อว่าพี่น้องไม่มีความสุขแน่นอน ผมถามมาหลายคนแล้วนะป้า ไม่รู้เราเป็นเหมือนกันเปล่านะ ผมเจอมาหลายครอบครัวแล้ว เวลากินข้าวด้วยกัน พ่อใส่เสื้อสีแดง แม่ใส่เสื้อสีเหลือง ตอนนี้ลูกใส่เสื้อสีส้ม นั่งคุยกันแล้วทะเลาะกัน พอมันขัดแย้งกันด้วยความเหนื่อย คนมันก็ไม่มีความสุข คนมันจะมีความสุขได้กินข้าวอร่อย ต้องไม่ทะเลาะกัน วันนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนแรกที่พูด เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นอุดมการณ์สําคัญของพรรค ทำให้คนทะเลาะกันขัดแย้งกัน เราไม่เอา เราคิดอะไรที่ทําได้ ให้บ้านเมืองสงบสุข แต่เราคิดต่างกันได้เห็นต่างกันได้เป็นประชาธิปไตย แต่เราต้องมาคุยกันด้วยเหตุที่ผล หาทางออกด้วยกัน ทํางานด้วยกันให้ได้ นี่คือจุดยืนของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ท่านจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ประสานให้ทุกคนทุกกลุ่มรักกันสามัคคีกัน ให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าให้ได้ และผมเชื่อ ผมอยู่กับลุงป้อมมา ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ท่านจะเป็น คนที่คุยได้ทุกคนแล้วทําให้ทุกคนรักกันสามัคคีกันได้แน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 เมษายน 2566

‘ผู้กองธรรมนัส’ ลุยปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ มีประชาชนให้กำลังใจล้นหลาม ย้ำ แม้ตาซ้ายยังเจ็บ แต่ใจสั่งมาพบพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ชูภาคเหนือ 8 จังหวัด รวมพลังก้าวข้ามขัดแย้ง แก้ปัญหาแหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน ผลักดัน พ.ร.บ.ลำไย ทันที

,

“ศ.ดร.นฤมล” ควง “อ้น ณิรินทร์”ผู้สมัคร พปชร.คันนายาว ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับฟังปัญหา มั่นใจ พปชร.พร้อมดูแล ปชช.ทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 เวลา 16.00-19.00 น. ณ บริเวณกาดแม่วาง ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียง นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหาร พปชร.ร่วมขึ้นปราศรัยนโยบายพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ประกอบด้วย นายพจนารถ ศรียารัณย เขต1 เบอร์ 4, นางศรีพรรณ เขียวทอง เขต2 เบอร์ 5,นายพรชัย อรรถปรียางกูร เขต 3 เบอร์1, ดร.มนสิชา ภัคดิเมธีเขต 4 เบอร์ 2 นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ เขต5 เบอร์ 1, นางรัตนประภา ดิศวัฒน์ เขต6 เบอร์ 5 ,นายบดินทร์ กินาวงษ์ เขต 7 เบอร์13,นางสาวกุสุมา บัวพันธ์ เขต8 เบอร์9 ,นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เขต9 เบอร์6และนายนรพล ตันติมนตรี เขต10 เบอร์ 8 โดยมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่าดีใจที่ได้มาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกท่านในวันนี้ และขอบคุณที่มาให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นลูกหลานของพ่อแม่พี่น้องชาวเชียงใหม่ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว และแม้ว่าวันนี้ตนเองจะยังต้องปิดตาซ้ายข้างหนึ่ง จากสาเหตุที่วันก่อนขี้นรถแห่ปราศรัยหาเสียงที่พะเยาช่วงมืดค่ำ ทำให้แมลงบินเข้าตา ทำให้ตาแดงอักเสบ หมอให้พักรักษาเป็นเวลา 5 วัน แต่ตนเองไม่สามารถพักได้เพราะใจสั่งมาต้องทำตามที่รับปากไว้แล้ว ก็ต้องมาพบพ่อแม่พี่น้องทุกท่านและช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครของเราทุกคน

“พ่อแม่พี่น้องทุกท่านครับ สิ่งที่อยากบอกคือพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มีหลักยึดชัดเจนคือก้าวข้าวความขัดแย้ง เพื่อให้ประชาชนมีความรักสามัคคีกัน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของชาติบ้านเมือง นอกจากนี้ยังสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะเพิ่มเป็น 700 บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน และยังมีเงินประกันชีวิต 2 แสนบาทด้วย ที่สำคัญคือแก้ปัญหาที่ดินทำกิน โดยผลักดันเปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด และ ค.ท.ช.เปลี่ยนเป็นส.ป.ก. ตามเป้าหมาย ‘มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน’ ซึ่งพร้อมจะทำทันทีหลังจากเลือกตั้งและได้จัดตั้งเป็นรัฐบาลครับ”

ร.อ. ธรรมนัส ยังย้ำว่า วันนี้ภาคเหนือทั้ง 8 จังหวัดเราต้องเดินหน้าขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อให้มีพลังในการผลักดันแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประชาชน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาแหล่งน้ำ การผลักดันเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยต่อเนื่องคือไร่ละ 2 พันบาท ไม่น้อยกว่า 25 ไร่และผลักดัน พ.ร.บ.ลำไย เป็นรูปธรรม ตนเอง ซึ่งเป็นลูกข้าวนึ่งคนหนึ่งจะเดินหน้าทำงานเพื่อพ่อแม่พี่น้องทุกท่านให้ดีที่สุด ขอฝากว่าวันที่ 14 พฤษภา นี้ไปใช้สิทธิ์กาบัตรเลือก ส.ส.ซึ่งเป็นลูกหลานของท่านยกจังหวัดไปเป็นปากเป็นเสียงแทนในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันงบประมาณต่างๆ มาพัฒนาบ้านเมืองของเราต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 เมษายน 2566

ปุ๋ยคนละครึ่ง-กองทุนปุ๋ยประชารัฐ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้เกษตรกร

,

ปุ๋ยคนละครึ่ง-กองทุนปุ๋ยประชารัฐ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้เกษตรกร

พปชร.เอาใจเกษตรกร 8 ล้านครัวเรือน ชู “ปุ๋ยคนละครึ่ง” รัฐช่วยเหลือ 50% พร้อมตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ ลดต้นทุนการเพาะปลูก เพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวไร่-ชาวนา

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงนโยบายด้านการเกษตร ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ความสำคัญกับเกษตรกรทุกกลุ่ม มีนโยบายด้านการเกษตรออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

จากภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาปุ๋ยขยับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าปัจจุบัน ปัญหาราคาปุ๋ยแพงจะคลี่คลายลงบ้าง จากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกที่เริ่มทยอยปรับลดลง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกษตรกรเกิดความไม่มั่นใจ และเป็นห่วงว่าราคาปุ๋ยเคมีที่แพงและผันผวนมาก จะกระทบต่อต้นทุนการเพาะปลูก รวมถึงรายได้ของเกษตรกรอาจไม่เพียงพอต่อภาระค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น

ที่สำคัญ ปีนี้ มีแนวโน้มว่า สถานการณ์ “ผลผลิตเกษตร” ของโลกลดลง จากปัญหา “ร้อน-แล้ง” และยังมีความ “ต้องการ” เพิ่มขึ้น ฉะนั้น เกษตรกรไทยจึงควรทำให้พืชผลทางการเกษตรมีศักยภาพในการแข่งขัน โดยรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยดูแลให้เกษตรกรมีต้นทุนการเพาะปลูกที่ต่ำ อีกทั้ง จำหน่ายผลผลิตเกษตรให้ได้ในราคาสูง

ล่าสุด พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบาย “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ออกมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกร ทำให้สามารถซื้อปุ๋ยได้ในราคาถูก เนื่องจากรัฐบาลจะช่วยอุดหนุน 50 % พร้อมกับจัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ซึ่งจะครอบคลุมเกษตรกร จำนวน 8 ล้านครัวเรือน เพื่อลดต้นทุนการเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน พร้อมฝากประชาชน พิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 เมษายน 2566