โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 6 เมษายน 2023

“ศ.ดร.นฤมล” สะท้อนสนามเลือกตั้งกทม.แข่งขันเดือดกว่าปี62 โค้งสุดท้ายเป็นตัวตัดสิน หวังคนกทม. ให้โอกาสพปชร.ได้เสียงไม่น้อยกว่าเดิม

,

“ศ.ดร.นฤมล” สะท้อนสนามเลือกตั้งกทม.แข่งขันเดือดกว่าปี62 โค้งสุดท้ายเป็นตัวตัดสิน หวังคนกทม. ให้โอกาสพปชร.ได้เสียงไม่น้อยกว่าเดิม

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกและกรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงมุมมองการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า ส่วนตัวเองมองว่าหากให้ประเมินล่วงหน้าขณะนี้ความแม่นยำจะน้อย ต้องดูช่วงใกล้ๆหรือโค้งสุดท้ายของเลือกตั้งว่าแต่ละพรรคจะมีอาวุธลับอะไรออกมา แต่หากถามเป้าหมายของพปชร.พยายามจะรักษาฐานคะแนนเสียงเดิมที่เคยทำไว้ในปี 2562 ที่ได้กว่า 7.9 แสนเสียงและหากเพิ่มได้ก็คาดหวังจะไปสู่ระดับ 1 ล้านเสียง

“ ปี ’62 เราได้ส.ส.มา 12 ที่นั่งเราก็พยายามรักษาไว้แต่ยอมรับว่าเมื่อมีการแตกเป็น 2 พรรคไปแล้ว และยังมีผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นอื่นๆอีก การแข่งขันสูงขึ้นกว่าเดิมในปี 66 นี้ เราถึงต้องพยายามคัดผู้สมัครส.ส.ไปลงพื้นที่แบบเข้มข้น ส่วนตัวมองว่าอะไรก็เป็นไปได้หมด คนกทม.เองมีลักษณะเป็นคนเปิดกว้าง และพร้อมเปิดโอกาสให้กับพรรคและคนที่เสนอตัวทำงาน การกาบัตรให้ไม่ได้ขึ้นอยู่นโยบายเพียงอย่างเดียว แต่เขาเลือกที่แคนดิเดตนายก แล้วก็เลือกพรรคว่ามีจุดยืนอย่างไรตรงกับ ที่เขารู้สึกว่าอยากให้ประเทศเดินไปแบบไหนในช่วงนั้นด้วย ประเมินวันนี้เลยตอบยาก ต้องดูช่วง2-3สัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง”ศ.ดร.นฤมลกล่าว

สำหรับจุดยืนทางการเมือง พรรคพปชร.ได้ย้ำเสมอในหลายเวทีว่า ไม่ทะเลาะกับใครแน่ๆ ให้มันจบในสภาฯ และไม่มีทางที่จะร่วมมือกับผู้ที่ทุจริต คอร์รัปชั่น และไม่เห็นด้วยที่จะก่อรัฐประหารอีกครั้งและหากพปชร.ไม่สามารถรวบรวมเสียงสภาล่างได้เกินกึ่งหนึ่งก็จะไม่ฝืน แต่พรรคเองก็ยังคงเดินหน้าต่อไปผ่านคนรุ่นต่อๆไปที่จะมารับช่วงต่อในการเป็นสถาบันทางการเมือง

ทั้งนี้นโยบายของพปชร.ที่ชูแคมเปญก้าวข้าวความขัดแย้งนั้น หากมองย้อนไปเป็นจุดยืนเดิมตั้งแต่ปี 62 แล้วเพียงแต่ตอนนั้นช่วง1-2สัปดาห์สุดท้ายหาเสียงได้เกิดแคมเปญ ความสงบ จบที่ลุงตู่ ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนจุดยืนคือไม่ทะเลาะกับใครและไม่อยากให้ประชาชนลงถนนมาทะเลาะกันเอง อยากให้พรรคฯเป็นสถาบันทางการเมือง ที่เดินหน้า ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยที่ให้ความเห็นต่างทั้งหลายจบในสภาฯ

อย่างไรก็ตามหากถามว่าแคมเปญนี้พอไหม ยอมรับว่าไม่เพียงพอ เพราะประชาชนคนไทยย่อมต้องการนโยบายที่ไปตอบโจทย์เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดเองความต้องการในรายละเอียดก็ต่างกันออกไป จึงเป็นสิ่งที่พปชร.ได้เปิดเวทีต่างๆ ที่จะรับฟังปัญหาโดยตรงในการนำมาสู่การวางนโยบายที่จะเข้าถึงประชาชนในแต่ละพื้นที่ให้มากสุด ดังนั้นผู้สมัครของกทม.จึงนำเสนอสิ่งที่จะทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก่อนเลยคือ ความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยเพราะพบว่ามีคนกรุงจำนวนมาก ที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยมองรูปแบบอาจเป็นภาครัฐร่วมเอกชน(PPP)พื้นที่อาจเป็นของรัฐแต่ให้เอกชนมาร่วมบริหารจัดการ ให้ธนาคารรัฐมาสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้เขามีบ้านเป็นของตนเองในที่สุด เพราะเมื่อมีความมั่นคงในชีวิตคุณภาพอื่นๆก็จะตามมา เป็นต้น

“ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ที่คุยกันคือไม่อยากเห็นการนำเสนอนโยบายมาบลั๊ฟกันแล้วกลายเป็นภาระของคนไทยทั้งหมด การแจกเงินหรือประชานิยมจะทำให้ระยะยาวชาวบ้านเคยตัวและจะไม่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้เลย จะเห็นว่าพปชร.โยบายไม่ได้มีเม็ดเงินที่จะให้อย่างเดียวเรามองครบทุกมิติแก้ไขที่ต้นเหตุ เช่น กรณีผู้พิการเขาไม่ได้อยากได้เงินอย่างเดียวนะ เขาอยากมีศักดิ์ศรีอยากมีงานทำ แก้ปัญหาต้นเหตุคือให้เขามีงานทำ วิชาชีพไหนที่จะรับเขาได้โดยใช้ธุรกิจเพื่อสังคม(SE) เข้าไปดำเนินการ ให้เขามีงานทำไม่ใช่มาพึ่งเบี้ยยังชีพผู้พิการอย่างเดียว นโยบายที่ดีต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและคิดคำนึงถึงภาระการคลังหรือภาษีประชาชนที่ต้องจ่ายในอนาคต“ศ.ดร.นฤมลกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 เมษายน 2566

“สันติ-ชัยวุฒิ”ควงแขนแสดงความยินดีครบรอบตั้งพรรคภท-.ปชป ความร่วมมือทำงานในอนาคตให้เป็นหน้าที่ประชาชนตัดสินใจ

,

“สันติ-ชัยวุฒิ” ควงแขนแสดงความยินดีครบรอบตั้งพรรคภท-.ปชป ความร่วมมือทำงานในอนาคตให้เป็นหน้าที่ประชาชนตัดสินใจ

เมื่อเวลา 8.05 น. วันที่ 6 เม.ย.2566 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรคพปชร.เป็นตัวแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางไปแสดงความยินดีและมอบช่อดอกไม้ ที่พรรคภูมิใจไทย ในโอกาสครบรอบการก่อตั้งพรรคก้าวเข้าสู่ปีที่15 ของพรรคภูมิใจไทย โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับมอบ จากนั้นได้เดินทางร่วมแสดงความยินดี กับพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องในโอกาสวันครบรอบวันก่อตั้ง 77 ปี โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค นายนิพนธ์ บุญญามนี รองหัวหน้าพรรค รับมอบ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น และชื่นมื่น

นายสันติกล่าวว่า วันนี้มาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งสองพรรค ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกันทำงานมา ตลอด 4 ปี ในการดูแลความเป็นอยู่ให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของเลือกตั้ง เป็นวันที่เป็นมงคลในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ในเรื่องของนโยบายการทำงานเราก็ไปด้วยกันได้ เราไม่มีความขัดแย้ง ในครั้งหน้าเราก็พร้อมร่วมมือกับพรรคที่จะทำงานเพื่อประชาชน และที่ผ่านมาเราก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันมา ก็คงสามารถที่จะทำงานร่วมกันต่อไป

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นงานมงคล ซึ่งนายสันติ และตนมาเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อมาแสดงความยินดี พร้อมอวยพรให้กับพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อยู่ด้วยกันมา 4 ปี ทำงานราบรื่นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ถือได้ว่าเป็นพรรคที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และยืนยันว่าใจเรารักกันอยู่แล้ว เพราะเราร่วมงานกันมาไม่ได้ขัดแย้งกับใคร ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน พร้อมยืนยัน ว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เราก้าวข้ามความขัดแย้ง เราทำงานร่วมกับบุคคล ที่ตั้งใจมาทำประโยชน์ให้กับประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 เมษายน 2566