โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 8 เมษายน 2023

“พล.อ.ประวิตร” วิดีโอคอลบนเวทีปราศรัยส่งใจถึงสมุทรสาคร ปักธงขอคะแนนผู้สมัครเบอร์ 1 ทั้ง3เขต พร้อมกาเลข 37 พปชร.

,

“พล.อ.ประวิตร” วิดีโอคอลบนเวทีปราศรัยส่งใจถึงสมุทรสาคร ปักธงขอคะแนนผู้สมัครเบอร์ 1 ทั้ง3เขต พร้อมกาเลข 37 พปชร.

วันที่ 8 เมษายน 2566 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัย ที่ วัดยกกระบัตร จังหวัดสมุทรสาคร โดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โทรศัพท์ผ่านระบบวีดีโอคอลมายังเวทีปราศรัยเพื่อทักทายพี่น้องประชาชนกว่า 10,000 คน พร้อมด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ร่วมขึ้นปราศรัยนโยบายพรรค โดยมี นายภัฎ สุริวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสมุทรสาคร ทั้ง 3 เขต ได้แก่ นายวัฒนา แตงมณี เขต 1 เบอร์ 1, น.ส.ปัณฑารีย์ มั่งมี เขต 2 เบอร์ 1 และ น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ เขต 3 เบอร์ 1 ร่วมปราศรัยและแนะนำตัว

พล.อ.ประวิตร กล่าวสวัสดีชาวสมุทรสาคร และขอบคุณพี่น้องประชาชนมาร่วมเวทีปราศรัยที่รักทุกคน ตนเข้าใจดีว่าชาวสมุทรสาครมีความสำคัญต่อประเทศชาติอย่างมาก โดยพรรค ให้ความสำคัญกับพื้นที่นี้ เพราะเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้ ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ที่เกิดจากความร่วมมือของพี่น้องทุกคน ขอฝากผู้สมัครทั้ง 3 เขตเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ เพื่อผลักดันให้ประชาชนมีรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในโอกาสเทศกาลปีใหม่ไทย ขออวยพรให้พี่น้องชาวสมุทรสาคร คิดสิ่งใด ขอให้สมความปรารถนา และมีความเจริญรุ่งเรือง

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พื้นที่สมุทรสาคร เป็นเป้าหมายสำคัญของพรรค ที่จะผลักดันการพัฒนาให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภายหลังการแพร่ระบาดโควิด 19 เพราะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในการสร้างรายได้เข้ากับประเทศ สะท้อนจากผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ที่สร้างรายได้สูงถึง 400,000 ล้านบาท คิดเป็น 2.5% จัดเป็นจังหวัดลำดับ 6 ของประเทศ และเมื่อรวมอีก 5 จังหวัดมีพื้นที่ติดสมุทรสาคร ทั้ง ราชบุรี สมุทรสงคราม นครปฐม กรุงเทพฯ มีมูลค่าจีดีพี ถึง 7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ ซึ่งเป็นผลงานของชาวสมุทรสาคร ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับข้อมูลจาก ส.ส.จอมขวัญมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลมารายงาน ทีมนโยบายและผู้บริหารมาโดยตลอด ทั้งการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร เพราะพื้นที่จังหวัดมีความหลากหลายทางอาชีพ และรายได้ มาจากอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำนาข้าว ทำสวน ประมง ทำโรงงานอุตสาหกรรม ฟาร์มกุ้ง ฟาร์มปลา เป็นต้น

ทำให้วันนี้ พรรค พปชร.ต้องให้ความสนใจและสานต่อ เพราะการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเรามีส.ส.ทั้ง 3 เขตที่เข้าใจในพื้นที่อย่างแท้จริง ถือเป็นคนสมุทรสาครทั้งสามคน ไม่ใช่คนหน้าใหม่ของพี่น้องประชาชน เป็นผู้สมัครที่ได้เบอร์ 1 ล้วนแล้วเป็นคนคุณภาพ ไม่ทิ้งพื้นที่ ตั้งแต่การแพร่ระบาด ก็ได้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือประชาชน ตั้งโรงพยาบาลสนาม ตั้งโรงทานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน

“เรามีผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 เขต ที่เข้าใจพื้นที่และปัญหาในแต่ละเขตเป็นอย่างดี เพราะเป็นคนพื้นที่ ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน ไม่เคยทอดทิ้งกัน แม้ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ยากลำบาก เราก็จับมือฝ่าฟันวิกฤตมาด้วยกัน อย่าง ส.ส.จอมขวัญ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนและมุ่งแก้ปัญหาให้กับทุกคนอย่างเต็มที่ “ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ดังนั้น พรรค ต้องกลับมาปักธงอีกครั้ง ขอให้พี่น้องประชาชน เลือกทั้งสามคนเพื่อเป็นปากเสียง ในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในสภาฯ นอกจากเบอร์ 1 เพื่อเลือกผู้สมัครแล้ว ยังมีเบอร์ 37 ซึ่งเป็นเบอร์ ของพรรค ซึ่งจำได้ง่าย 3700 มาจาก 3000 คือเบี้ยผู้สูงอายุ และ 700 คือลุงป้อม 700 ดังนั้น ต้องเลือกทั้งเขต และพรรค เพื่อนำนโยบายให้ถึงมือพี่น้องประชาชน ขอให้วันที่ 14 พ.ค.นี้ เข้าคูหากาเบอร์ 1 และพรรค เบอร์ 37

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวปราศรัยว่า ผมในฐานะตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ขอยืนยันกับประชาชนว่า การเลือกตั้งปี 66 นี้ เราจะได้ชัยชนะที่จังหวัดสมุทรสาคร ยกจังหวัด ในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยมัวแต่เล่นกีฬาสี ทำให้ประเทศไม่เดินหน้าไปไหน พรรรพลังประชารัฐจึงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยของเราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อไปสู่การพัฒนาของประเทศไทย สุดท้ายนี้ บ้านเมืองเราจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ถ้าขาดเจ้าของประเทศอย่างพวกเรา ดังนั้นในวันที่ 14 พ.ค. อย่าลืมเข้าคูหากาหมายเลข 1 เลือก ส.ส.สมุทรสาคร และหมายเลข 37 ของพรรคพลังประชารัฐ

ด้านนายสนธิรัตน์ ได้กล่าวปราศรัยว่า ประเทศไทยประสบกับปัญหาด้านเศรษฐกิจและเรื่องปากท้องของประชาชนมายาวนานต่อเนื่อง แต่วันนี้พรรคพลังประชารัฐเรามีทีมเศรษฐกิจระดับประเทศ ถูกยกย่องถือว่าเป็นขุนพลทีมที่ดีที่สุด ที่จะเข้ามาใช้ประสบการณ์ที่มี แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนและคนที่รวบรวมพวกเราให้มารวมกันได้ก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วันนี้เราขอโอกาสจากพี่น้องที่นี่ให้ไว้วางใจเราอีกครั้งหนึ่ง เหมือนในปี 62 ที่ผ่านมา

จากนั้นผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐสลับกันขึ้นปราศรัยนำโดย น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร และผู้สมัครเขต 3 เบอร์ 1 กล่าวปราศรัยว่า การทำหน้าที่ ส.ส.ในสี่ปีที่ผ่านมา ตนได้ทำหน้าที่ผู้แทน โดยนำความเดือดร้อนของประชาชนเข้าไปหารือและแก้ไขในที่ประชุมสภาฯ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างประตูระบายน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วมตรงทางเข้าบ้านแพ้ว แต่ก็ยังมีสิ่งที่ตนอยากจะทำต่อเพื่อให้พี่น้องชาวสมุทรสาครมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นขอให้พี่น้องประชาชนพิจารณาจอมขวัญคนทำงานจริง เบอร์ 1 ด้วย

นายวัฒนา แตงมณี ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 1 กล่าวว่า ตนมีประสบการณ์ในการเมืองมานาน ทำงานแบบ ซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต ไม่คอร์รัปชั่น ไม่โกหก จังหวัดสมุทรสาคร คือบ้านเกิดของตน เราต้องการเข้ามาเพื่อสร้างและไม่ทำร้ายใคร ตนเป็นนักบริหารและนักธุรกิจก็ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ในช่วงแรกก็ไม่เคยคิดจะมาเล่นการเมืองระดับชาติ แต่ได้รับการเชื้อเชิญจาก ร.อ.ธรรมนัส จึงตกลงเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ตนอาจจะเป็นคนตรง ๆ แต่พูดทุกอย่างออกมาจากใจและความรู้สึกจริง ๆ จากนี้ไปตนจะทำงานเพื่อชาวสมุทรสาครอย่างเต็มที่

ด้าน น.ส.ปัณฑารีย์ มั่งมี ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์ 1 หลายคนคิดว่าเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ไม่มีประสบการณ์ แต่ตนเกิดที่นี่ โตที่นี่ ต้องการเห็นอำเภอกระทุ่มแบนพัฒนาอย่างยั่งยืน ถึงแม้ตนจะหน้าใหม่ แต่ก็ทำงานให้กับชาวบ้านอำเภอกระทุ่มแบนมากว่า 10 ปี ในฐานะลูกของกำนันกุ้ง การเลือกตั้งครั้งนี้ขอโอกาสให้กับผู้สมัครหน้าใหม่อย่างน้ำ ให้เข้าไปดูแลและแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 เมษายน 2566

“สกลธี”นำทีมพลังใหม่พปชร. กทม.โซนใต้พบ ปชช.การันตีทุกคนพร้อมพัฒนา กทม. พร้อมตั้งกองทุนพัฒนาประเทศ ย้ำ “พล.อ.ประวิตร”เหมาะนั่งนายกฯ มีภาวะผู้นำที่ดี

,

“สกลธี”นำทีมพลังใหม่พปชร. กทม.โซนใต้พบ ปชช.การันตีทุกคนพร้อมพัฒนา กทม. พร้อมตั้งกองทุนพัฒนาประเทศ ย้ำ “พล.อ.ประวิตร”เหมาะนั่งนายกฯ มีภาวะผู้นำที่ดี

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ ใต้ “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย กรุงเทพฯนำโดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม. ของพรรค พปชร.พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. พปชร.กทม. ได้แก่ นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ เขตพระโขนง บางนา เบอร์ 5, นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ เขตคลองเตย วัฒนา เบอร์ 8 , น.ส.แพรว กิจสุวรรณ เขตประเวศ สะพานสูง เบอร์ 2 , น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ เขตบางคอแหลม ยานนาวา เบอร์ 15 และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เขตสวนหลวง ประเวศ เบอร์ 1 โดยมีประชาชนเข้าร่วมฟังกว่า 500 คน

นายสกลธี กล่าวว่า การเปิดเวทีวันนี้ อยู่ในเขตวัฒนาคลองเตย เป็นไข่แดงของกรุงเทพ ที่มีเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สะดวก ด้วยระบบขนส่งรถไฟฟ้า หากทุกเขตในกรุงเทพของ 50 เขต มีระบบแบบนี้ ก็จะสะดวกต่อพี่น้องประชาชน ด้วยที่ผ่านมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ ของกทม. ที่ต้องแก้ไขปัญหาในหลายด้าน ล้วนใช้งบประมาณทั้งสิ้น โดยงบประมาณของกทม. ปีละ ประมาณ 70,000 ล้านบาท แต่เป็นเงินเดือนไปแล้ว 50%และยังมีหนี้ผูกพันอีกในโครงการต่างๆ ทำให้เงินเหลือเพื่อการพัฒนาเพียงแค่ 20,000 ล้านบาทซึ่งไม่เพียงพอที่จะดูแลประชาชนที่มีมากกว่า 10 ล้านคน ทั้งประชากรที่อยู่ในกรุงเทพ และประชากรแฝง ดังนั้น พล.อ.ประวิตรมองเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ ได้สั่งให้ทีมเศรษฐกิจไปศึกษาเสนอให้มีการตั้งกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท เป็นกองทุนระดับประเทศในสมัยหน้า ถ้า พปชร.ได้เป็นรัฐบาลจะมีกองทุนนี้ภายใน 4 ปี ทำให้กรุงเทพ มีงบประมาณในการพัฒนาได้สูงถึง 1 แสนล้านบาท ทำให้คนกทม. ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในการพัฒนาเมืองกรุงเทพ ที่มีหลายเขตที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน ชุมชนต่างๆ ไม่เพียงโปรโมทสุขุมวิท เยาวราช ข้าวสาร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ละเขตสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดเม็ดเงินได้ ทั้ง ย่านฝั่งธน ย่านบางนา และทำให้ทุกเขต สร้างเสน่ห์ของตัวเองขึ้นมา ที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

นายสกลธี กล่าวอีกว่า หลายคนถามว่า พล.อ.ประวิตร ยังไหวหรือไม่ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ตนขอประกาศเลยว่า พล.อ.ประวิตร ยังไหวแน่นอน เพราะ พล.อ.ประวิตร มีภาวะผู้นำที่ดี สามารถเลือกคนให้เหมาะกับงาน ดังนั้น คนที่บริหารประเทศ เป็นเขาไม่ต้องลงไปกวาดขยะด้วยตัวเอง แต่สามารถเลือกคนที่่ให้ไปทำหน้าที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ได้

“พรรคพลังประชารัฐมี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของเราเข้าไปลงมือทำ ซึ่งพรรคเรามี พล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน จนทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ถึง4 ปี ผลงานที่ทุกคนรู้กันดีก็คือ แก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ” นายสกลธี กล่าว

ทั้งนี้ผู้ 5 ผู้สมัคร กทม. พปชร. ขึ้นเวทีปราศรัย โดยเริ่มจาก นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ ผู้สมัครเขตพระโขนง บางนา เบอร์ 5 กล่าวว่า ตนอยู่ที่พระโขนงมา 50 กว่าปี ทำงานภาคสนามและลงพื้นที่มาโดยตลอด มีความตั้งใจประสานและผลักดันแผนพัฒนาเขตพระโขนง โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม เพิ่มพื้นที่สีเขียว พื้นที่สวนสาธารณะ ด้านการป้องกันน้ำท่วม เรื่องเหล่านี้ ต้องมีการเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของประชาชนและการพัฒนาการศึกษา ตนมีประสบการณ์การทำงาน ไม่ใช่เพียงแค่ดูแลอย่างเดียว แต่ต้องมีกฎหมายให้สามารถดูแลชุมชนได้ เพราะเราจะมีกฎหมายดี ๆ ที่ดูแลประชาชนอยู่แล้วหลายฉบับ เพื่อคนไทยทั้งประเทศ ครั้งนี้ตนขอโอกาสจากคนไทย 14 พ.ค.เข้าคูหาอย่าลังเลใจ กาเบอร์ 37

ด้านนายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัครเขตคลองเตย วัฒนา เบอร์ 8 กล่าวว่า ตนเป็นคนพื้นที่โดยกำเนิด ช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา เราผ่านความทรงจำทั้งดีและร้ายมาด้วยกัน ซึ่งวันนี้ ตนมีความมุ่นมั่น ตั้งใจที่จะแก้ปัญหาจึงได้ข้อสรุปว่า การจะแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ต้องเข้ามาเป็น ส.ส.ท่ามกลางปัญหารุมล้อมในเขตคลองเตย เพราะเห็นโอกาส ด้วยพื้นที่มีจุดเด่นมากมาย และตนพร้อมที่จะเข้าไปทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเกิดของตนพัฒนาขึ้นในทุก ๆ ด้าน

ด้าน น.ส.แพรว กิจสุวรรณ ผู้สมัครเขตประเวศ สะพานสูง เบอร์ 2 กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐให้การดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยมาตลอดและเราก็จะดูแลต่อไป นโยบายของพรรคในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชารัฐที่จะมีการเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือนรวมไปถึงมีเงินประกันชีวิตให้รายละ 200,000 บาท การดูแลผู้สูงอายุ รวมไปถึงการดูแลสตรีที่ตั้งครรภ์ เราจะดูแลตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ไปจนถึงบุตรอายุ 6 ปี เราทำได้จริง ทำแน่นอน และพร้อมทำทันทีที่เป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นอย่าลังเลใจที่จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ เพราะเราใส่ใจพี่น้องประชาชนทุกช่วงอายุ

ด้านน.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ เขตบางคอแหลม – ยานนาวา เบอร์ 15 กล่าวว่า ตนทำงานจากจิตอาสา และก้าวเข้าสู่การเมืองมากว่า 10 ปี ขออาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ตนขอให้ทุกคนเปิดใจให้กับผู้หญิงตัวเล็ก แต่ใจใหญ่ ได้เข้ามาผลักดันนโยบายของพรรคพลังประชารัฐให้เกิดขึ้นจริง

นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้สมัครเขตสวนหลวง ประเวศ เบอร์ 1 ขึ้นปราศรัยว่า ตนอยากจะเข้ามาเป็น ส.ส.เพราะอยากนำความทุกข์ของประชาชนเข้าไปแก้ไขในสภา และจะผลักดันนโยบานทั้ง 5 ข้อ คือ เรื่องรายได้ ที่สามารถเปลี่ยนจากขยะมาเป็นเงิน โดยเราจะมี แอพพลิเคชั่นสวนหลวง นัมเบอร์วัน เข้ามาช่วยในการทำดำเนินการ เช่น ขยะอัจฉริยะ หรือการชักชวนประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ เราจะทำให้เกิดสินค้าโอทอปในชุมชน รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ เพราะเขตสวนหลวงถือว่ามีภูมิทัศน์ที่มีจุดเด่นอย่างมาก ตนจะเข้าไปปรับเปลี่ยนเพื่อให้ชาวสวนหลวงกลับมามีปอดที่ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยโครงการที่ตนพูดมาทั้งหมด พรรคพลังประชารัฐเราสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะเรามีกองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 เมษายน 2566

“ชัยวุฒิ” ชู”พล.อ.ประวิตร” พร้อมทำหน้าที่ผู้นำประเทศดูแลปชช. ชี้ ศก.ไทยดีกว่าหลายประเทศ วอนคนไทยหยุดขัดแย้งเชื่อมั่นกลับมา

,

“ชัยวุฒิ” ชู”พล.อ.ประวิตร” พร้อมทำหน้าที่ผู้นำประเทศดูแลปชช. ชี้ ศก.ไทยดีกว่าหลายประเทศ วอนคนไทยหยุดขัดแย้งเชื่อมั่นกลับมา

วันนี้ (7 เม.ย.) ที่อุทยานเบญจศิริ เขตคลองเตย พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ ใต้ “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า พปชร.พร้อมที่เข้าไปดูแลประชาชนในทุกกลุ่ม ภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ถือเป็นเสาหลัก ในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดี ให้กับประชาชน พร้อมประสานทุกหน่วยทั้ง 10 ทิศ แก้ปัญหาให้กับทุกคน ประสานงานกับทุกคน ทำให้วันนี้รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี แล้วเราจะทำต่อไป เด็กเยาวชนทุกวันนี้สามารถจับเงิน 1,000,000 ได้ ก็เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ที่ส่งเสริมให้เกิดการขายของออนไลน์ในระบบดิจิตอล

ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีความสุขอันดับ 6 ของโลก มีแต่ชาวต่างชาติชื่นชมในการมาอยู่เมืองไทย แต่มีพรรคการเมืองไปสร้างเรื่องว่า ประเทศไทยมีปัญหา อยากไปอยู่เมืองนอก ประเทศในแถบยุโรป วันนี้ฝรั่งเศสประท้วงกันเป็นแสนเป็นล้านคน ประเทศเยอรมันที่เจริญที่สุดในยุโรปตอนนี้ก็ประท้วงกัน การขนส่งมวลชนหยุดหมด เดือดร้อนกันทั้งประเทศ ประเทศไทยเราสงบสุขดีที่สุดแล้ว เพียงแค่อย่าทะเลาะ อยากให้ทุกคน มาช่วยกันดูแลประเทศไทยให้สงบสุข

นายชัยวุฒิ ยังกล่าวต่อว่า จะเห็นว่ารัฐบาลภายใต้การบริหารของพรรคพลังประชารัฐ ประเทศมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ยอดขายรถยนต์ปี 65 849,000 คันเพิ่มขึ้น 12 % การส่งออกก็เพิ่มขึ้น 7.29% ตัวเลขเหล่านี้ชี้ชัดว่า เศรษฐกิจของประเทศไปได้

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเราดีที่สุดแล้ว เราเป็นพี่ใหญ่ ในเซาท์อีสต์เอเชีย ตนไปประชุมกับรัฐมนตรีที่สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ทุกคนเชื่อมั่นประเทศไทยว่า เป็นพี่ใหญ่ มีเศรษฐกิจเข้มแข็ง เรามีความมั่นคง และเรามีกองทัพ มีอํานาจและเข้มแข็ง วันนี้เราต้องจับมือกันเพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศภายใต้การบริหารประเทศของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ทำงานเพื่อประชาชนประชุมหนักเพื่อหาทางแก้ปัญหาบ้านเมือง ทำทุกอย่างพัฒนาทุกพื้นที่แก้ปัญหาให้กับประชาชน เราเป็นรัฐบาลมาได้4 ปี ถ้าไม่มีลุงป้อม รัฐบาลไม่มีทางอยู่ได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 เมษายน 2566