โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 25 เมษายน 2023

“พล.ประวิตร” เปิดตัว “ดร.คณิศ แสงสุพรรณ” อดีตประธานที่ปรึกษาพิเศษ EEC ร่วมเป็นทีมนโยบายพรรคพลังประชารัฐ // ตั้งเป้าขับเคลื่อนเมกะโปรเจค “เขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้” //หวังสร้างงาน สร้างความมั่งคั่งให้พี่น้อง 14 จังหวัดชายแดนใต้

,

“พล.ประวิตร” เปิดตัว “ดร.คณิศ แสงสุพรรณ” อดีตประธานที่ปรึกษาพิเศษ EEC ร่วมเป็นทีมนโยบายพรรคพลังประชารัฐ // ตั้งเป้าขับเคลื่อนเมกะโปรเจค “เขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้” //หวังสร้างงาน สร้างความมั่งคั่งให้พี่น้อง 14 จังหวัดชายแดนใต้

วันที่ (25 เมษายน 2566) เวลา 14.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ – พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เปิดตัว “ดร.คณิศ แสงสุพรรณ” อดีตประธานที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมทีมนโยบายพรรคพลังประชารัฐในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในนามพรรคพลังประชารัฐ ขอต้อนรับ “ดร.คณิศ แสงสุพรรณ” อดีตประธานที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC เข้าสู่พรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นความยินดีอีกครั้งหนึ่ง ที่พรรคพลังประชารัฐได้ต้อนรับคนเก่ง คนมีความสามารถโดดเด่น เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนและการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่าง ดร.คณิศ เข้ามาช่วยงานพรรคพลังประชารัฐ โดยหลังจากที่ได้ขับเคลื่อน EEC จนประสบความสำเร็จแล้ว วันนี้ ดร.คณิศ ได้รับเป็นหัวเรือหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย “เขตพัฒนาพิเศษชายแดนใต้” เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างความมั่งคั่ง ให้กับพี่น้องทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้

สำหรับ “ดร.คณิศ แสงสุพรรณ มีความเชี่ยวชาญในด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การพัฒนาเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา มีประสบการณ์และได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายการเงิน, กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการธนาคารพาณิชย์ และ กรรมการการบินไทย โดย ดร.คณิศ นั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC เป็นเวลากว่า 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจที่พรรคพลังประชารัฐให้การสนับสนุน

ดร.คณิศ กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ซึ่งตนเองเรียกติดปากว่าพี่ป้อม และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ตนได้ลาออกจากทุกตำแหน่งเรียบร้อยแล้วโดยเฉพาะตำแหน่งประธานที่ปรึกษา EEC เพื่อมาช่วยงานพี่ป้อม ขอเรียนว่า EEC เป็นเมกะโปรเจคของรัฐบาลที่ดำเนินไปอย่างประสบความสำเร็จ ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี คาดว่า เศรษฐกิจ EEC จะขยายตัวปีนี้ไม่ต่ำกว่า 7% ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปข้างหน้า

“ที่ผ่านมา ได้ร่วมงานกับพี่ป้อมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องโครงการน้ำใน EEC พี่ป้อมและทีมของท่านได้ช่วยทำแผนภาพรวมโครงการที่เกี่ยวกับน้ำ และผลักดันจนสำเร็จกว่า 20 โครงการ โดยโครงการทั้งหลายนั้น สำเร็จได้ เพราะความเป็นผู้นำ กล้าซักถามตรงไปตรงมา การจดจำที่แม่นยำ รวมทั้งความกล้าตัดสินใจของพี่ป้อม ถือเป็นส่วนที่ประทับใจในการทำงานร่วมกัน”

ดร. คณิศ กล่าวต่อไปอีกว่า หลายเดือนก่อน พล.อ.ประวิตร ได้พบปะกับ นายอันวาร์ อิมราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียที่กรุงเทพฯ ได้มีการหารือกันเรื่องชายแดนภาคใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซีย พี่ป้อมได้ให้โจทย์กับผมว่า จะสามารถนำเศรษฐกิจเข้าไปพัฒนาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ได้อย่างไรบ้าง เป็นที่มาของโครงการเขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้ที่ได้นำเสนอกับพี่ป้อม ท่านเห็นดีด้วยและรับเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐ เพราะต้องการอาศัยความเป็นผู้นำที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งของพี่ป้อม ช่วยก้าวความขัดแย้งทั้งเรื่องการระหว่างประเทศ สร้างความปรองดอง และความเข้าใจระหว่างหน่วยงานต่างๆ และประชาชนในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนโครงการนี้ให้สำเร็จ

สำหรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้ มุ่งหวังให้เป็นความร่วมมือของทั้งสองประเทศ จะมีการจัดทำแผนเพื่อเชื่อมโยงเขตพิเศษทางเศรษฐกิจเข้าไว้ด้วยกัน ในฝั่งไทย โครงการดังกล่าว จะเชื่อมต่อ 5 จังหวัด คือ สงขลา ยะลา สตูล ปัตตานี นราธิวาส รวมเป็นเขตพัฒนาพิเศษแบบ EEC โดยมีอย่างน้อย 6 โครงการเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ เช่น (1) ยกระดับรายได้เกษตรกร ด้วยการแปรรูปพืชเกษตรให้มีคุณภาพ อาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่มุ่งสู่ตลาดโลก (2) พัฒนาการท่องเที่ยว ทั้งฝั่งอ่าวไทย ทำตากใบโมเดล ฝั่งอันดามัน ทำสตูลโมเดล ผ่านโครงข่ายเรือและเครื่องบินท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้สู่พื้นที่ (3)มีการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานหลัก เช่น Motorway และ Landbridge เชื่อมทั้ง 2 ฝั่งทะเล (4) สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตลอดข้างทางของ Motorway เช่นศูนย์กลางอาหารระดับนานาชาติ อิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน ยา โลจิสติกส์ (5) ขยายความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองประเทศ (6) ใช้ธนาคารอิสลามเป็นธนาคารหลักของเขตพัฒนาพิเศษ

“โครงการเขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้มุ่งหวังจะทำให้พี่น้อง 8 ล้านคนใน 14 จังหวัดชายแดนใต้กลับมามั่งคั่ง หากเลือกพรรคพลังประชารัฐ นอกจากจะก้าวข้ามความขัดแย้งแล้ว จะก้าวพ้นความยากจน เขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้ที่พรรคพลังประชารัฐนำเสนอ จะช่วยทำให้ลูกหลานชาวใต้เติบโตในพื้นที่ มีงาน มีรายได้สูง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ได้ให้การสนับสนุน และร่วมผลักดันนโยบายนี้” ดร.คณิศ กล่าวเน้นย้ำในช่วงท้าย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 เมษายน 2566

“วิรัช”เผย พปชร.วางโปรแกรมเดินสายปราศรัย 4 วันรวด คาดเวทีสุดท้ายจบที่ กทม.

,

“วิรัช”เผย พปชร.วางโปรแกรมเดินสายปราศรัย 4 วันรวด คาดเวทีสุดท้ายจบที่ กทม.

เมื่อเวลา 15.10 น.นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจกรรมและการปราศรัยหาเสียง แถลงถึงกำหนดการลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงของพรรคว่า พรรคมีกำหนดการปราศรัย ในพื้นที่อื่นๆ โดยวันที่ 28 เม.ย.นี้ จะเดินทางไปที่ จ.สงขลา วันที่ 29 เม.ย.ที่ จ.นครศรีธรรมราช และวันที่ 30 เม.ย.จะลงพื้นที่ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น จากนั้นแกนนำของพรรคจะช่วยกันลงพื้นที่ โดยวางโปรแกรมไว้ ที่ จ.ร้อยเอ็ด ยังรอกำหนดการที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในส่วนโปรแกรมสำหรับสัปดาห์หน้า จะรอประชุมอีกครั้งหนึ่ง โดยจะแจ้งกำหนดการอาทิตย์ต่ออาทิตย์

ทั้งนี้ นายวิรัช เปิดเผยด้วยว่า เวทีปราศรัยสุดท้ายก่อนเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐ จะจัดที่ กทม.ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ซึ่งสถานที่น่าจะจัดที่สนามไทยญี่ปุ่น ดินแดง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 เมษายน 2566

“สกลธี” มั่นใจ พปชร.ไม่มีปัญหาหุ้นสื่อ

,

“สกลธี” มั่นใจ พปชร.ไม่มีปัญหาหุ้นสื่อ

​เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ร่วมกับ “อ้น” ณิรินทร์ เงินยวง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 15 (คันนายาว-บึงกุ่ม) หมายเลข 8 เพื่อพบปะประชาชน

​โดย น.ส.ณิรินทร์กล่าวว่า สวนเสรีไทยนี้เป็นหนึ่งในสวนตัวอย่างของ กทม.ที่ไม่ต้องมีขนาดใหญ่มาก แต่เข้าถึงง่าย ใกล้กับหมู่บ้านแหล่งชุมชน ผู้สูงอายุสามารถเดินออกกำลังรอบสวนได้ มีความปลอดภัยเพราะมี รปภ.ดูแลตลอด ตนจึงอยากให้มีการสร้างสวนแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งใน กทม.

​นายสกลธีกล่าวว่า เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวใน กทม. โดยเฉพาะการสร้างสวนขนาดเล็กที่ประชาชนสามารถเดินถึงได้ภายใน 15 นาที แต่งบประมาณของท้องถิ่นอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ พรรคพลังประชารัฐจึงจะตั้งกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาทขึ้นเพื่อมาช่วยท้องถิ่นพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรค

​“ปัญหาด้านสาธารณสุขต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ต้องรอป่วยแล้วไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรค แต่เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีตั้งแต่ต้น พรรคจึงมีนโยบายส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกาย และเชื่อมข้อมูลกับสมาร์ทวอชหรือโทรศัพท์มือถือ นำข้อมูลการออกกำลังกายมาแลกของรางวัลจากรัฐบาล เช่น ส่วนลดค่าน้ำค่าไฟ หรือการลดภาษีได้”

​เมื่อถามถึงการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ นายสกลธีกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายทิวา เงินยวง เป็น ส.ส.น้ำดี มีผลงานมากมาย เมื่อมีทายาทอย่าง น.ส.ณิรินทร์มาอาสาดูแลพี่น้องประชาชนต่อ ทุกคนจึงให้การตอบรับเป็นอย่างดี
​“ส่วนกรณีที่ กกต.กำลังพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.หลายคน เรื่องการถือครองหุ้นนั้น ยืนยันว่าทั้ง พล.อ.ประวิตรและพรรคพลังประชารัฐทำตามที่กฎหมายระบุอยู่แล้ว ส่วนการตีความก็ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 เมษายน 2566

ผู้กองธรรมนัส ฟิตจัด! เดินสายหาเสียงไม่หยุดเช้ายันค่ำ ซึ้งใจชาวพะเยา แห่ให้กำลังใจเนืองแน่นทุกพื้นที่ ชวนเชิญ 14 พฤษภาฯ นี้ เข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งสีม่วง เบอร์ 6 ยกจังหวัด บัตรสีเขียวกาเบอร์ 37 “เลือกคนที่ได้ใช้ เกิดประโยชน์สร้างบ้านแปงเมือง”

,

ผู้กองธรรมนัส ฟิตจัด! เดินสายหาเสียงไม่หยุดเช้ายันค่ำ ซึ้งใจชาวพะเยา แห่ให้กำลังใจเนืองแน่นทุกพื้นที่ ชวนเชิญ 14 พฤษภาฯ นี้ เข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งสีม่วง เบอร์ 6 ยกจังหวัด บัตรสีเขียวกาเบอร์ 37 “เลือกคนที่ได้ใช้ เกิดประโยชน์สร้างบ้านแปงเมือง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดพะเยา เบอร์ 6 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ ยังเดินหน้าหาเสียงอย่างต่อเนื่อง

โดยก่อนหน้านี้ ไปปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ ที่ภาคอีสาน คือจังหวัดนครราชสีมา วันที่ 22 เมษายน 66 ที่บริเวณตลาดเซฟวัน จากนั้นวันที่ 23 เมษายน 66 ที่ผ่านมา ไปปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณกาดกลางแจ้ง สามแยกฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่

ล่าสุดวันนี้ 24 เมษายน 2566 เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 6.00 น. ร.อ.ธรรมนัส พร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ลงพื้นที่ไปพบปะทักทาย พ่อค้าแม่ค้าและพี่น้องประชาชนทั่วไป ที่ตลาดสดแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ซึ่งได้รับการต้อนรับจากพ่อค้าแม่ค้า และพี่น้องประชาชน รวมถึงบรรดาแม่บ้าน ร้านค้าต่างๆ มาให้กำลังใจกันอย่างคึกคัก ทั้งนี้ร.อ.ธรรมนัส ยังแสดงความห่วงใยกรณีประชาชนในจังหวัดพะเยาได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน ทำให้บ้านเรือนเสียหายหลายพื้นที่ซึ่งได้มอบหมายให้ทีมงานประสานผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และ อบจ.ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ให้เข้าไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว

“ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกท่านที่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ไว้วางใจเลือกผมเข้าไปเป็น ส.ส.เป็นปากเป็นเสียง และทำงานเพื่อพัฒนาบ้านเมืองของเรา ซึ่งทุกท่านก็ได้เห็นผลงานกันอยู่แล้ว วันนี้ผมจึงมาขอฝากว่า ในการเลือก ส.ส.วันที่ 14 พฤษภา เดือนหน้านี้ ก็เชิญชวนพ่อแม่พี่น้อง ออกใช้สิทธ์กัน เลือกผมเข้าไปเป็นส.ส.เหมือนปี 2562 เพื่อจะได้ทำงานสานต่อผลักดันงบประมาณมาสร้างบ้านแปงเมืองของเราให้เจริญยิ่งขี้น เลือกคนที่ได้ใช้ ได้เกิดประโยชน์กับบ้านกับเมืองเราครับ อย่าลืมบัตรสีม่วงกาเบอร์ 6 ยกจังหวัด บัตรสีเขียวกาเบอร์ 37 เพื่อเข้าไปเป็นฝ่ายบริหาร เป็นรัฐบาลทำงานตามนโยบายต่างๆ เป็นรูปธรรมทันทีครับ”

จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้ขึ้นรถแห่ปราศรัยหาเสียงไปตามหมู่บ้านต่างๆในตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ เพื่อแนะนำบอกกล่าวถึงนโยบายของพรรค ก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อความรักสามัคคีของประชาชน และสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะเพิ่มเป็น 700 บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน แก้ปัญหาที่ดินทำกิน โดยผลักดันเปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด และ ค.ท.ช.เปลี่ยนเป็นส.ป.ก .ตามเป้าหมาย “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน” ทั้งนี้พบว่า ตลอดสองข้างทางที่รถแห่หาเสียงเคลื่อนตัวผ่าน ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ออกมาส่งเสียงเชียร์ “ผู้กองธรรมนัส สู้สู้” ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม

เวลา 16.30-19.00 น. ร.อ.ธรรมนัส นำทีมงานผู้ช่วยหาเสียงลงพื้นที่พบปะประชาชนบริเวณวัดร่องคือ ต.แม่ปืม อ.เมือง ก่อนจะขึ้นรถแห่ปราศรัยหาเสียง สลับกับการลงเดินพบปะเยี่ยมเยือนประชาชนในหมู่บ้านต่างๆรอบตำบลแม่ปืม อ.เมือง จ.พะเยา ประกอบด้วย บ้านสันต้นคือ บ้านสันต้นหวีด บ้านโป่งเกลือ บ้านห้วยบง ซึ่งบรรยกาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีพ่อแม่พี่น้องประชาชนตามหมู่บ้านดังกล่าวมาคอยให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก แม้บรรยากาศจะเริ่มมืดค่ำ แต่ทุกคนยังรอพบเพื่อร่วมถ่ายภาพ มอบพวงมาลัย และผูกข้อมือให้กำลังใจร.อ.ธรรมนัส อีกด้วย ซึ่งร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า มีความซาบซึ้งใจอย่างมาก ที่เห็นพ่อแม่พี่น้องทุกคนมาคอยให้กำลังใจ ตนเองเหมือนเป็นลูกหลานก็จะทำหน้าที่รับใช้ทุกท่าน และเพื่อบ้านเมืองของเราอย่างดีที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 เมษายน 2566

“ชัยวุฒิ” ปราศรัยบ้านเกิดสิงห์บุรี ประกาศก้าวข้ามความขัดแย้ง ย้ำ ตั้งใจมาตอบแทนพระคุณแผ่นดิน เรียกใช้ได้ตลอดเวลา

,

“ชัยวุฒิ” ปราศรัยบ้านเกิดสิงห์บุรี ประกาศก้าวข้ามความขัดแย้ง ย้ำ ตั้งใจมาตอบแทนพระคุณแผ่นดิน เรียกใช้ได้ตลอดเวลา

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัยบริเวณวัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี นำโดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า บ้านเมืองแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ใส่เสื้อสีออกมาประท้วง ทำให้ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ ในสภาผู้แทนราษฎรก็ยังทะเลาะเบาะแว้ง ส่งผลทำให้บ้านเมืองมีปัญหา คนไทยไม่มีความสุข

“วันนี้แค่จะเลือกตั้งก็ทะเลาะกันแล้ว ยิ่งมีสีส้มมาอีกหนักกว่าสีแดง สีเหลือง เพราะเขาจะมาแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนประเทศ จะเปลี่ยนไปทางไหน เขาบอกต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ ซึ่งต้นตอของเราก็ไม่เหมือนกัน ส่วนตัวมองว่าต้นตอของปัญหาคือนักการเมืองที่ทุจริต นักการเมืองโกง นักการเมืองเห็นแก่ตัวทะเลาะกัน นั่นแหละคือต้นตอของปัญหา ไม่เกี่ยวกับ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเราดีอยู่แล้ว แต่เราต้องเปลี่ยนที่นักการเมือง เลือกนักการเมืองที่ดีเข้าไปทำงานให้ประเทศชาติสงบสุข ประชาชนทำมาหากินได้ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้พูดเป็นคนแรก และคนเดียวมาตลอดว่า อยากให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าทุกคนยังทะเลาะกันอยู่จะอยู่อย่างไร เราเลือกผู้แทนไปทำงาน เราต้องเลือกคนที่เรารัก เลือกพรรคที่เราชอบเข้าไปทำงาน การเมืองถึงจะเดินหน้าไปได้ บ้านเมืองก็สงบสุข แต่ช่วงหลังการเมืองแปลก ๆ เพระมีความขัดแย้ง ประชาชนมาทะเลาะกันเพราะการเมือง บางบ้านพ่อใส่เสื้อสีแดง แม่ใส่เสื้อสีเหลือง ลูกใส่เสื้อสีส้ม ก็ทะเลาะกันทั้งวันแบบนี้จะมีความสุขได้อย่างไร ครอบครัวก็แตกแยก ดังนั้นการเมืองต้องมาทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ทำเพื่อครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ไม่ใช่เลือกแล้วมาทำให้ประชาชนมาทะเลาะกัน มาปลุกปั่นให้แตกแยก

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ยังชูนโยบายลดราคาแก๊ส ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน เพราะเห็นใจชาวบ้านที่ประสบปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยยืนยันว่า สิ่งแรกที่พรรคพลังประชารัฐจะทำทันทีที่เป็นรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็คือ การลดค่าครองชีพ ลดค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ให้ไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท เพื่อทำให้ประชาชนมีเงินเหลือเพื่อนำไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ

“ผมขอขอบคุณประชาชนที่มาฟังปราศรัย ผมตั้งใจมาตอบแทนพระคุณแผ่นดิน เพราะผมเป็นคนสิงห์บุรี ไม่มีวันลืมบ้านเกิดแน่นอน พี่น้องสามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลาแน่นอน”นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 เมษายน 2566