โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: กุมภาพันธ์ 2023

รมว. ดีอีเอส คาด 30 เมืองอัจฉริยะ สร้างโอกาสการลงทุน 6 หมื่นล้านบาท พร้อมลงพื้นที่ จ.ประจวบฯ ผลักดันหัวหินสู่เมืองอัจฉริยะ

,

รมว. ดีอีเอส คาด 30 เมืองอัจฉริยะ สร้างโอกาสการลงทุน 6 หมื่นล้านบาท
พร้อมลงพื้นที่ จ.ประจวบฯ ผลักดันหัวหินสู่เมืองอัจฉริยะ

ดีอีเอส เผยเมืองอัจฉริยะ สร้างโอกาสการลงทุนกว่า 60,000 ล้านบาท ลงพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชูหัวหินสู่เมืองอัจฉริยะ Smart City Hua Hin พร้อมติดตามผลการดำเนินงานโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน กศน. อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2564 – 2567

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วย ศ.พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงฯ และ ดร. เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงฯ นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมทำข่าวความพร้อมโครงการ Smart city Hua Hin โดยมีประเด็นหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกเทศมนตรีเทศบาลหัวหิน พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน โรงเรียน ตชด.บ้านย่านซื่อ อำเภอกุยบุรี และเป็นประธานเปิดโครงการ Digital infinity ดิจิทัลไม่มีที่สิ้นสุดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ประเทศไทยมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในหน่วยงานและองค์กรภาครัฐและมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเมืองและพื้นที่ต่างๆ สู่การเป็นเมืองอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง ปัจจุบันมีเมืองที่ได้รับการประกาศเป็นเมืองอัจฉริยะแล้ว 30 เมืองทั่วประเทศโดยมีการประเมินว่าการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจะช่วยให้เกิดโอกาสการลงทุนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนรวมมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท รวมถึงจะมีการสร้างมูลค่าการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในปัจจุบันและอนาคต

กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในระดับท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน ลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็ได้หารือและประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อมการพัฒนาหัวหินสู่เมืองอัจฉริยะ Smart City Hua Hin
ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึง เท่าเทียม พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมศูนย์ CCTV และห้องควบคุม เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการพื้นที่ ตรวจสอบเมืองให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย ไร้อาชญากรรม

ขณะเดียวกัน ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านย่านซื่อ อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นตัวแทนสถานศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้รับมอบหมาย จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ให้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบนิเวศศูนย์ดิจิทัลชุมชนอย่างยั่งยืน ภายใต้แผนปฏิบัติการยุทธศาสตร์ที่ 5 ของแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 – 2564) (แผนปฏิบัติการฯ) จำนวน 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 จัดให้มีศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (ศูนย์ดิจิทัลชุมชน) และ กิจกรรมที่ 2 การพัฒนาระบบจัดการศูนย์ดิจิทัลชุมชนและงานบำรุงรักษา ระยะเวลาดำเนินการทั้งโครงการอยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2566 – 2570 โดยมีพื้นที่ดำเนินการตามเป้าหมายเป็นสถานศึกษาจำนวน 1,722 ศูนย์ ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ

“การตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน กศน. อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ห้องสมุดประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) เป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนที่ดำเนินการตามโครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน สู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2564 – 2567 ซึ่งได้จัดตั้งในพื้นที่ของโรงเรียน กศน. อบต. เทศบาล วัด มัสยิด และพื้นที่ชุมชน ที่มีความพร้อม จำนวน 500 แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ” นายชัยวุฒิ กล่าว

ด้านนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ได้จัดตั้งขึ้นตามนโยบายและแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีบทบาทในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ดิจิทัล บุคลากรสนับสนุนและส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับท้องถิ่น เพื่อลดช่องว่างทางด้านดิจิทัลให้กับชุมชน ให้สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษา และด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมชนบท ในกลุ่มคนทุกกลุ่มที่อยู่ในท้องถิ่น เช่น ผู้ประกอบการชุมชน วิสาหกิจชุมชน เด็กและเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ คนพิการ เป็นต้น นอกจากนี้ ศูนย์ดิจิทัลชุมชนยังทำหน้าที่ในการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงข่าวสาร บริการดิจิทัล ให้กลุ่มเป้าหมายในระดับชุมชนได้รับการพัฒนาทักษะทางด้านดิจิทัล พร้อมที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสนับสนุนคุณภาพชีวิต ต่อยอดสู่การสร้างโอกาสและรายได้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากในอนาคต

ขณะที่ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในระดับท้องถิ่นดำเนินการในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การสนับสนุนพื้นที่ให้พัฒนาแผนเมืองอัจฉริยะของตนเอง สามารถระบุพื้นที่พัฒนาเมืองโดยมีขอบเขตชัดเจน มองเห็นศักยภาพและปัญหา อีกทั้งสามารถเตรียมความพร้อมเรื่องระบบบริการทั้ง 7 Smarts ได้ตรงตามบริบทของพื้นที่ และวางโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและด้านดิจิทัล รองรับระบบบริการเมือง รวมถึงบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความยั่งยืน และเกิดประโยชน์สูงสุดกับภาคประชาชน

นอกจากนี้ ดีป้า ยังมีการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ที่มีใจต้องการพัฒนาภูมิลำเนามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองน่าอยู่ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ผ่านโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ (The Smart City Ambassadors) ซึ่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เข้าร่วมโครงการ 2 พื้นที่ มีเจ้าหน้าที่ร่วมฝึกอบรม 2 ราย และมี Ambassadors ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนงานพัฒนาเมือง 2 ราย โดยปัจจุบัน เทศบาลเมืองหัวหิน เป็นหนึ่งในเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ

นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือ “เมืองท่องเที่ยวทรงคุณค่าระดับนานาชาติ เกษตรปลอดภัย ด่านสิงขรระเบียงเศรษฐกิจแห่งอนาคต สังคมผาสุกภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งจังหวัดมีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยวและการเกษตรที่ถือเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด โดยทางจังหวัดพร้อมสนับสนุนท้องถิ่นในการพัฒนาพื้นที่ตามศักยภาพ และส่งเสริมการบูรณาการการทำงาน รวมถึงการบูรณาการข้อมูลที่จะนำไปสู่การพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์และคุณภาพชีวิตของประชาชน และเทศบาลหัวหินถือเป็นหนึ่งพื้นที่สำคัญของจังหวัดในการนำร่องการพัฒนา Smart City ของจังหวัด

ส่วนนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า เทศบาลเมืองหัวหินตั้งเป้าหมายที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวปลอดภัย สะอาด น้ำใส ไร้ PM 2.5 โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยบริหารจัดการ และตรวจสอบเมืองให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย ไม่มีอาชญากรรม โดยมีแผนที่จะดำเนินการพัฒนาระบบ Smart ต่าง ๆ ส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การติดตั้งระบบ CCTV สอดส่องความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ตั้งเป้าลดอาชญากรรม 50% ติดตั้ง Smart Pole ระบบติดตามคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพคนหัวหินและนักท่องเที่ยว Wired Network ที่ครอบคลุมอำนวยความสะดวกผู้มาเยือนส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ พร้อมรับมือปัญหาขยะจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นด้วยระบบ GPS Tracking ช่วยบริหารจัดการขยะ ตั้งเป้าลดขยะตกค้างในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 80% รวมถึงระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูลของเมือง (City Data Platform: CDP) รวมศูนย์ข้อมูลเพื่อการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในพื้นที่และระหว่างท้องถิ่น เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร’ น้อมนำ”หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” แก้ความยากจน อนุมัติแผน ปี66 ผ่านระบบTPMAP เน้นช่วยกลุ่มเป้าหมายเร่งด่วน -เปราะบาง ให้ได้สิทธิบัตรสวัสดิการฯ ครบถ้วน ทั่วถึง

,

พล.อ.ประวิตร’ น้อมนำ”หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” แก้ความยากจน
อนุมัติแผน ปี66 ผ่านระบบTPMAP เน้นช่วยกลุ่มเป้าหมายเร่งด่วน-เปราะบาง ให้ได้สิทธิบัตรสวัสดิการฯ ครบถ้วน ทั่วถึง

เมื่อ 3 ก.พ.66 ,10.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย อย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานในภาพรวม ทั้ง 76 จังหวัด จากเป้าหมายครัวเรือนยากจนในระบบ TPMAP (Thai People Map and Analytics Platform) ปี65 พบว่า ศูนย์อำนวยการฯจังหวัด และ ศูนย์อำนวยการฯอำเภอ พร้อมทีมปฏิบัติการฯ ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมบูรณาการ ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาครัวเรือนเป้าหมายจำนวน 653,524 ครัวเรือน คิดเป็น 100% และพบปัญหาในแต่ละมิติ ดังนี้ 1) มิติสุขภาพ ส่วนใหญ่ประสบปัญหา คนอายุ 6ปีขึ้นไป ไม่ออกกำลังกายเนื่องจากไม่เห็นความสำคัญของการมีสุขภาพดี 2) มิติความเป็นอยู่ ส่วนใหญ่ประสบปัญหา ครัวเรือนไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและบ้านมีสภาพไม่คงทนถาวร 3) มิติการศึกษา ส่วนใหญ่ประสบปัญหาคนอายุ 15-59 ปี อ่าน เขียนภาษาไทยและคิดเลขอย่างง่ายไม่ได้ รวมทั้งเด็กอายุ 6-14 ปี ไม่ได้รับการศึกษาภาคบังคับหรือออกจากการเรียนกลางคัน เนื่องจากสถานะทางเศรษฐกิจ และ 4) มิติรายได้ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการเกษตร ประสพปัญหาการปลูกพืชได้เพียงปีละครั้ง ไม่มีปัจจัยการผลิต ขาดเงินทุน และขาดความรู้ด้านทักษะอาชีพ 5) มิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และผู้พิการ ไม่ได้รับการบริการจากภาครัฐ เนื่องจากเข้าไม่ถึง หรือได้รับแต่ไม่เพียงพอ

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ แนวทางการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย บนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ ในปีงบประมาณ 2566 ประกอบด้วย 4 แนวทางที่สำคัญ ได้แก่ แนวทางที่ 1 การเติมเต็ม ข้อมูลในระบบ TPMAP แนวทางที่ 2 ร่วมแก้ไขปัญหาในระดับบุคคล/ครอบครัว แนวทางที่ 3 ร่วมแก้ไขและพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และแนวทางที่ 4 ร่วมติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้ สภาพัฒน์ฯการ ประกาศตัวเลขกลุ่มคนเป้าหมายเร่งด่วน และมอบให้ ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนฯ ทุกระดับและทีมปฏิบัติการ ร่วมกับหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการช่วยเหลือและพัฒนากลุ่มเป้าหมาย โดยใช้ข้อมูลจาก ระบบ TPMAP เป็นเครื่องมือหลักในการดำเนินงาน เน้นการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายเร่งด่วน กลุ่มเปราะบาง และกล่มที่ต้องดูแลใกล้ชิด เพื่อได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ครบถ้วน ทั่วถึง ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2566

“เกณิกา” ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ปลื้ม กระแสลุงป้อมฟีเวอร์ ดัน พปชร. มาแรง ประชาชนเชียร์เป็นนายกคนที่ 30// มั่นใจ ประชาชน ถูกใจ “ป้อม 700”- เปิดนโยบายที่เหลือ ทำคะแนนท่วมท้น

, ,

“เกณิกา” ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ปลื้ม กระแสลุงป้อมฟีเวอร์ ดัน พปชร. มาแรง ประชาชนเชียร์เป็นนายกคนที่ 30// มั่นใจ ประชาชน ถูกใจ “ป้อม 700”- เปิดนโยบายที่เหลือ ทำคะแนนท่วมท้น

3 กุมภาพันธ์ 66 – ดร.เกณิกา อุ่นจิตร์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กล่าวถึงกระแสตอบรับ หลังจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินสายลงพื้นที่ในทุกภูมิภาคของประเทศ และได้เปิดนโยบาย “บัตรประชารัฐ 700 บาท ต่อเดือน” หรือ “ป้อม 700” ทำให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่แสดงความชื่นชมและบางคนถึงกับไปถามว่าที่ผู้สมัครในเขตของตนเองว่าต้องทำอย่างไร อยากให้ลุงป้อมเป็นนายกให้ได้ เพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“ขอเรียนว่า ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้มีผลงานที่เป็นรูปธรรม ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมงและอื่นๆ อีกมากมาย และสำหรับนโยบาย “ป้อม 700” ที่เราพึ่งเปิดตัวไป ถือเป็นนโยบายแรกเท่านั้น โดยเป็นการอัพเกรดจากนโยบายเดิมที่เคยทำสำเร็จแล้วแต่จะทำให้ดีกว่าเดิม หลังจากนี้ยังมีนโยบายอื่นๆ อีกที่รอเปิดตัว ซึ่งทุกนโยบายของพรรคเกิดจากการลงพื้นที่ฟังเสียงประชาชน จึงมั่นใจว่าทุกนโยบายจะถูกใจประชาชนอย่างแน่นอน” ดร.เกณิกา อุ่นจิตร์ กล่าวย้ำ

ทีมโฆษกพรรค พปชร. ย้ำอีกว่า “ตนเองได้ติดตามลงพื้นที่ร่วมกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นถึงกระแสลุงป้อมฟีเวอร์ในช่วงนี้ ไปไหนมีแต่คนมาขอถ่ายรูป มากอด มาหอม ชวนไปฟ้อน ไปรำ มาส่งแรงเชียร์อยากให้เป็นนายกคนที่ 30 ของประเทศไทย ประชาชนบอกยิ่งได้เจอตัวจริงยิ่งรู้ว่าลุงป้อมเป็นคนใจดี เข้าถึงประชาชน และทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชนจริงๆ โดยเฉพาะผลงานที่ผ่านมาที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคีให้กับประเทศ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2566

“ชวน ชูจันทร์” ส.ส.พปชร. ยืนยันพรรคชูก้าวข้ามความขัดแย้งหาเสียงศึกเลือกตั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่วาทกรรม

, ,

“ชวน ชูจันทร์” ส.ส.พปชร. ยืนยันพรรคชูก้าวข้ามความขัดแย้งหาเสียงศึกเลือกตั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่วาทกรรม

นายชวน ชูจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พปชร. ว่า ไม่ใช่วาทกรรมที่ยกขึ้นมาเพื่อหาเสียง แต่อยากให้มองลงลึกไปว่าก่อนที่จะมีการปฏิวัติปี 2557 ประเทศไทยมีการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนักถึงขั้นจะแบ่งประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งในปี 2562 หลายคนคิดตรงกันว่า ถ้ายังมีการขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองแบบเดิมอยู่อีก ประเทศไทยคงพัฒนาไม่ได้ ตนเองและเพื่อนอีกหลายคน จึงได้จัดตั้งพรรค พปชร.ขึ้นมา ชื่อมีความหมายคือทั้งประชาชนและภาครัฐ ต้องร่วมกันให้เป็นพลังเพื่อพัฒนาประเทศ

นายชวน กล่าวว่า ในเวลา 4 ปีที่บริหารในนามพรรคการเมือง ยังไม่ได้เกิดแนวทางที่จะร่วมกันพัฒนาประเทศอย่างที่คิดไว้ ทั้งในส่วนของสถาบันการเมือง หรือในภาคประชาชน และหลายคนก็เห็นปัญหาเหมือนกัน จึงต้องหยิบยกประเด็นเรื่องการก้าวพ้นความขัดแย้งขึ้นมาให้ช่วยกันตัดสินใจหรือพิจารณาอีกครั้ง และพยายามจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้น โดยเริ่มต้นจากการเป็นสถาบันการเมืองก่อน หากผู้ที่รับอาสาเข้ามาทำงานการเมืองยังไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถรวมพลังกันเพื่อเป้าหมายในการนำพาประเทศให้พัฒนาได้แล้ว เรื่องอื่นคงไม่ต้องหวัง ซึ่งพล.อ.ประวิตร เข้าใจดี จึงได้นำเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้งขึ้นมาให้ช่วยกันตัดสินใจ เลือกสมาชิกสภาผู้แทนในปีนี้

การขจัดทุกปัญหาพัฒนาทุกพื้นที่ ข้อความนี้แยกได้เป็น 2 เรื่องคือ 1 ขจัดทุกปัญหาหมายถึงว่าเมื่อเป็นผู้แทนแล้วปัญหาของชาวบ้านไม่ว่าเรื่องอะไรอยู่ในพื้นที่ไหนก็ต้องรับเข้ามาช่วยแนะนำแก้ไขได้หรือไม่ได้อย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งสร้างความเข้าใจกันให้ได้ไม่หนีปัญหานั่นเองข้อความนี้เข้าใจไม่ยาก ส่วนพัฒนาทุกพื้นที่เราคงจำความกันได้ในอดีตที่ผ่านมานักการเมืองบางท่านได้พูดขึ้นว่าพื้นที่ใดที่ไม่ได้เลือกคนของพรรคเราเป็นผู้แทน การพัฒนาพื้นที่นั้นจะต้องเอาไว้ทีหลัง จะต้องไปพัฒนาในพื้นที่ที่เรามีผู้แทนก่อน ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกันพอสมควร ความจริงหลักคิดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อเป็นผู้แทนแล้ว จะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม จะต้องพัฒนาในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งประเทศจะมีผู้แทนของพรรคเดียวอยู่เป็นฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดไม่มีฝ่ายตรวจสอบหรือฝ่ายค้านเราจึงนำ ข้อความนี้มาบอกกล่าวให้ประชาชนได้ทราบว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้มีความคิดอย่างนี้เมื่อได้เป็นรัฐบาลต้องดูแลทุกพื้นที่ แก้ไขปัญหาพัฒนาให้ทั่วประเทศให้ได้ตามลำดับความจำเป็นก่อนหลัง ยิ่งเป็นพื้นที่ที่มีความลำบาก ประชาชนเดือดร้อนมากจะต้องไปแก้ปัญหาก่อน

งานหลักของเราซึ่งต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ก็คือการแก้ปัญหาความยากจน เรารู้ว่าใครคือคนจนและจนเพราะอะไร จะต้องเริ่มต้นอย่างไร จะต้องสั่งหรือชักชวนให้ใครหน่วยงานไหนมาช่วยกันแก้ปัญหานี้บ้าง เราศึกษามาพอสมควรแล้วว่าประเทศต่างๆ เขาแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนของเขาอย่างไรประเทศจีน เป็นตัวอย่างที่น่าคิดเขามีคน 1,400 ล้านทำได้ไม่กี่ปีของเราประมาณ 60 ล้านเท่านั้น หรือแม้แต่ทฤษฎีการพัฒนาประเทศในแนวเศรษฐกิจพอเพียง เราก็ถอดบทเรียนมาหมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ยังไม่ได้มีชุดคาราวาน แก้ปัญหาความยากจนอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นนับแต่วันนี้และอีก 4 ปีถ้าได้เป็นรัฐบาล จะต้องแก้ปัญหาหรือเห็นแนวทางที่ถูกต้อง เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น ลงมือทำคือคำตอบ ด้วยความขอบคุณครับ

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ชวนชูจันทร์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2566

“ส.ส.เพชรบูรณ์” พปชร.วอน “กรมทางหลวง” เร่งติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนช่วงตำบลห้วยโป่งหวั่นเกิดอุบัติเหตุ

, ,

“ส.ส.เพชรบูรณ์” พปชร.วอน “กรมทางหลวง” เร่งติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนช่วงตำบลห้วยโป่งหวั่นเกิดอุบัติเหตุ

นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.จังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยขอให้กรมทางหลวงช่วยติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างบนเกาะกลางถนนสาย 21 ช่วงสระบุรี-หล่มสัก และช่วงตำบลห้วยโป่ง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะช่วงเช้ามืดกับตอนหัวค่ำจะอันตรายมาก เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าส่องสว่างในช่วงตรงนั้น ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้โรงเรียน และชุมชนทั้ง 2 ฝั่ง ไปมาหาสู่กันหรือเดิน ข้ามทำธุระจะมีปัญหาเรื่องอันตรายจากอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ขอให้กรมทางหลวงช่วยพิจารณาเพิ่มงบประมาณในการซ่อมปรับปรุงถนนสาย 2401 จากอำเภอหนองไผ่ ที่จะไปสู่อำเภอชนแดน ตนเดินทางผ่านเส้นทางนี้ตลอดทุกอาทิตย์ จึงขอเป็นตัวแทนประชาชนแจ้งความเดือดร้อนของผิวถนน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ออกสู่ตลาด ถนนจะเสีย แล้วก็มีงบประมาณในการซ่อมแซมทุกปี งบประมาณที่มาในแต่ละปีไม่ค่อยจะทันกับการเสียหาของผิวถนน จึงอยากจะให้ทางกรมทางหลวงได้พิจารณาปรับปรุงตรงนั้นเพิ่มท่อ หรือทำบล็อก หรือว่าเสริมถนนขึ้นมาให้พ้นปัญหาในส่วนของน้ำหลากในช่วงฤดูน้ำฝน

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #วันเพ็ญพร้อมพัฒน์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

กระแสดีไม่หยุด !!! พล.อ.ประวิตร สานต่องานสำคัญเพื่อคนอีสาน ชาวมุกดาหารตอบรับ เชียร์เป็นนายก คนที่30 แก้ภัยแล้ง มีน้ำใช้ให้อยู่ดีกินดี

, ,

กระแสดีไม่หยุด !!! พล.อ.ประวิตร สานต่องานสำคัญเพื่อคนอีสาน
ชาวมุกดาหารตอบรับ เชียร์เป็นนายก คนที่30 แก้ภัยแล้ง มีน้ำใช้ให้อยู่ดีกินดี

เมื่อ 2 ก.พ.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่อง จาก จ.ยโสธร ในช่วงเช้า โดยในช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่ จ.มุกดาหาร บริเวณตลาดอินโดจีนมุกดาหาร ต.ศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.มุกดาหาร เพื่อติดตามโครงการก่อสร้าง ปรับปรุงพื้นที่ ตลาดอินโดจีน งบประมาณ 94 ล้านบาทเศษ ซึ่งงบประมาณดังกล่าวได้ถูกพับตก ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อน จึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยยกระดับรายได้ และคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึง จะสามารถช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวชายโขง และการค้าชายแดน และยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้างถนนสาย “มุกดาสนุก สุขชายโขง” งบประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง และรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้อีกด้วย

พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิด โครงการ”แล้งนี้ต้องมีน้ำ” ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จากแม่น้ำโขง ณ จวน ผวจ.มุกดาหาร งบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรที่อยู่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำโขง สามารถสูบน้ำในแม่น้ำ เพื่อทำการเกษตร ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และภาวะฝนทิ้งช่วง

ทั้งนี้ยังได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “เติมน้ำ เติมบุญ เติมทุน” พัฒนาอาชีพให้เกษตรกรสวนยาง ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ณ ศาลากลาง จ.มุกดาหาร เพื่อจัดการระบบน้ำในสวนยาง ให้มีประสิทธิภาพ โดยการส่งเสริมการขุดเจาะน้ำบาดาล และติดตั้งระบบสูบน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่เกษตรกร ชาวสวนยาง

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มีโอกาสพบปะข้าราชการ และพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับ โดยได้นำความปรารถนาดีจากรัฐบาล ที่มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือน และยืนยันจะให้ความช่วยเหลือ ทุกความเดือดร้อน ของประชาชนอย่างเต็มที่ และรวดเร็ว พร้อมทั้งขอบคุณข้าราชการและเป็นกำลังใจ ให้ทุกคนที่ได้เสียสละ ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้การบริการและให้ความช่วยเหลือพี่น้อง ประชาชนในพื้นที่ด้วยดี ที่ผ่านมา


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ ยโสธร-มุกดาหาร ติดตามการบริหารน้ำ พอใจความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่ม ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 58,000 ครัวเรือน

,

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ ยโสธร-มุกดาหาร ติดตามการบริหารน้ำ พอใจความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่ม ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 58,000 ครัวเรือน

เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคอีสาน จ.ยโสธร และจ.มุกดาหาร ตรวจติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อการเกษตร และพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยมี ผู้ว่าราชการ จ ยโสธร และ ผู้ว่าราชการ จ.มุกดาหาร เลขา สทนช. และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ภาพรวมสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำยังเกิดขึ้น ในบางพื้นที่ที่ฝนทิ้งช่วง สรุปความคืบหน้าการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 61-65 จ.ยโสธร มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 61,103 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 33,053 ครัวเรือน สามารถจุน้ำเพิ่ม 37 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ได้รับการป้องกันกว่า 2,500 ไร่ สำหรับ จ.มุกดาหาร มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 51,290 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 25,089 ครัวเรือน สามารถจุน้ำเพิ่ม 11.5 ล้าน ลบ.ม. และสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้เพิ่มเกือบ 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี โดยดำเนินทั้งการก่อสร้างแหล่งน้ำ ระบบส่งน้ำ การเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำ และระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่

จากนั้นพล.อ.ประวิตร ได้ลงตรวจความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน บ.หนองบึง ต.ห้องแซง อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร และพบปะทักทาย และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พอใจการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำภาพรวมที่ผ่านมา โดย กำชับ สทนช. ถึงการบริหารจัดการน้ำภาพรวม จำเป็นต้องดำเนินการคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน ให้กระจายในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่ฝนทิ้งช่วง โดยต้องพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งน้ำบนดินและน้ำใต้ดินไปพร้อมกัน ให้เชื่อมโยงกับการบริหารจัดการน้ำภาพใหญ่ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะหลายโครงการที่ดำเนิการไปแล้ว จำเป็นต้องวางแผน ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่มากขึ้นในอนาคต ลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ และยกระดับการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ยังได้กำชับ ขอให้ทุกส่วนราชการ เพิ่มความเข้มข้นดำเนินการตาม 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคอีสานภาพรวมที่จะเกิดขึ้น พร้อมย้ำ ขอให้มุ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความโปร่งใส

อย่างไรก็ตาทบ่าย พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินทางไป จ.มุกดาหาร ตรวจติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ และติดตามโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง เพื่อการเกษตร รวมทั้งความคืบหน้าการก่อสร้างปรับปรุงตลาดอินโดจีน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

“ส.ส.สงขลา” พปชร. ขอนายกฯ อนุมัติงบกลางฉุกเฉิน เร่งทำหินเรียงป้องกันคลื่น แก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างถาวร

, ,

“ส.ส.สงขลา” พปชร. ขอนายกฯ อนุมัติงบกลางฉุกเฉิน เร่งทำหินเรียงป้องกันคลื่น แก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างถาวร

ร้อยตำรวจเอกอรุณ สวัสดี สมาชิกสภาผู้แทนเขต 4 จังหวัดสงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงปัญหาที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง ในตำบลท่าบอน ระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร โดยช่วงมรสุมทุกปีระหว่าง เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม และมกราคม คลื่นลมแรงจากทางฝั่งตะวันออกทำให้เกิดมีมรสุม และการกัดเซาะชายฝั่ง ทำให้ต้องซ่อมแซมบ้าน, ถนน ปีละไม่ต่ำกว่า 10 ถึง 20 ล้านบาททุกปี แต่พอซ่อมเสร็จ แล้วปีหน้าก็ซ่อมอีก ซ่อมอยู่อย่างนี้ งบประมาณน่าจะเป็นหลายร้อยล้านบาทแล้ว

“วันนี้ชาวบ้านเขาไม่อยากได้เงินชดเชย ไม่อยากได้ค่าซ่อมแซม แต่อยากให้ป้องกันแบบถาวร ผมจึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ของบกลางฉุกเฉินเร่งด่วน โดยทำหินเรียงป้องกันคลื่น เพราะได้พิสูจน์แล้วว่า ใช้ได้จริง ชาวบ้านก็เห็นด้วย ยอมรับกับแนวทางนี้”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อรุณสวัสดี
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร.เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาการคมนาคมให้ชาวปากพนังด่วน หลัง ปชช.เดือดร้อนมานาน

,

ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร.เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาการคมนาคมให้ชาวปากพนังด่วน หลัง ปชช.เดือดร้อนมานาน

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาฯ ถึงความเดือดร้อนของประชาชนในตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง กว่า 200 กว่าคน ที่มีความเดือดร้อนในการคมนาคมสัญจร ซึ่งโครงการสะพานข้ามคลองแบบถาวร ที่ใช้สัญจรเพื่อเข้ากับทางหลักออกหมู่บ้านชำรุด จึงต้องใช้สะพานไม้ไผ่ ต่างคนต่างก็ทำสะพานเข้าบ้านตัวเอง ซึ่งเป็นปัญหาหลายปี ตนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบตามที่ได้รับปากกับประชาชนเอาไว้ด้วย

นอกจากนี้ การปรับปรุงซ่อมแซมถนนสายบ้านเคียนด้วน-ศาลหลวงต้นไทร ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ถนนมีสภาพชำรุดทรุดโทรม เป็นหลุม เป็นบ่อ ไม่สามารถใช้งานในการสัญจรได้มาเป็นระยะเวลานาน โดยชาวบ้านบางส่วนได้ทำดินลูกรังมาถมกันใช้เอง จึงขอฝากไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชลประทาน ช่วยดูแลให้พี่น้องประชาชนด้วย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #สัณหพจน์สุขศรีเมือง
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2566

‘พล.อ.ประวิตร’ตามติดแก้ปัญหาน้ำ ลุ่มท่าจีนแม่กลอง จ.นครปฐม-ราชบุรี ปลื้มปชช.แห่ต้อนรับ รุกแก้ปัญหาอุทุกภัยแบบยั่งยืน เสียงหนุนนายกฯคนที่ 30

, ,

‘พล.อ.ประวิตร’ตามติดแก้ปัญหาน้ำ ลุ่มท่าจีนแม่กลอง จ.นครปฐม-ราชบุรี ปลื้มปชช.แห่ต้อนรับ รุกแก้ปัญหาอุทุกภัยแบบยั่งยืน เสียงหนุนนายกฯคนที่ 30

เมื่อเวลา 10.00 น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.นครปฐม และราชบุรี เพื่อติดตามการดำเนินการโครงการด้านทรัพยากรน้ำ ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ภาคกลางเขต 3 ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี ติดตามการดำเนินงานแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำท่าจีน จากนั้นจะไปติดตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว ที่วัดกลางบางแก้ว ต.นครชัยศรี อ.นครชัยศรี และสะพานคลองบางแก้ว

ทั้งนี้ จ.นครปฐม มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตลุ่มน้ำท่าจีน ปัญหาน้ำท่วมยังเป็นปัญหาหลัก เนื่องจากมีระบบระบายน้ำในชุมชน ไม่เพียงพอ รวมทั้งมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ การบุกรุกลำน้ำ ในพื้นที่หลายอำเภอ ซึ่งรัฐบาลได้มีการสนับสนุน โครงการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่ปี61-65 โดยมีพื้นที่ได้รับการป้องกัน 14,732 ไร่ พื้นที่ได้รับประโยชน์ 29,679 ไร่ รวม 80,192 ครอบครัว และแผนงานโครงการสำคัญ ซึ่งจะได้รับประโยชน์อีก 922,206 ไร่

พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการต่างๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การระบายน้ำท่าจีน และการบริหารจัดการน้ำในภาวะเสี่ยง ที่จะเกิดอุทกภัยให้มีผลกระทบต่อประชาชน น้อยที่สุด พร้อมทั้งเร่งรัดฟื้นฟู ชาวบ้าน สวนผลไม้ อาทิ ส้มโอ เป็นต้น ที่ได้รับความเสียหายที่ผ่านมา เพื่อให้เกษตรกรมี รายได้เพิ่มขึ้น และมีความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้นโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ภายในวัดตุ๊กตา ตำบางบางกระเบา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ได้มีการพบปะพี่น้องประชาชน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในวันนี้ ได้มาเยี่ยมชาวนครชัยศรี เนื่องจากได้รับรายงานจากหน่วยงานราชการ และในพื้นที่ว่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมแม่น้ำท่าจีน ได้มีการสั่งให้ไปแก้ไขในเบื้องต้นที่จะต้องบริหารจัดการน้ำ ที่ทำให้เกิดความยั่งยืน โดยจะมีการสร้างประตูระบายน้ำ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมอีกในอนาคต รัฐบาลได้พยายามดูแลประชาชนทุกคน เพื่อให้ได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆให้น้อยที่สุด

“ในส่วนโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว ผมรู้ว่าทุกคนก็อยากจะให้มีการก่อสร้างโดยเร็วที่สุด ผมก็ได้พยายามเร่งรัดไปแล้ว เพื่อให้เกิดการดำเนินการและเป็นไปตามแผนงานที่เราได้วางไว้ โดยจะต้องแก้ปัญหาให้กับชาวอำเภอนครชัยศรีที่ได้รับความเดือดร้อนให้ได้”พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆแก้ไขปัญหาอุทกภัยในแม่น้ำท่าจีนในฤดูกาลต่างๆ เช่น ในฤดูแล้งในแม่น้ำท่าจีนก็จะมีน้ำเค็มรุกเข้ามาท่วมที่อยู่อาศัยของประชาชน ก็จะต้องมีการสร้างประตูระบายน้ำเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ทัังนี้ตนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่มาต้อนรับ รัฐบาลมีเป้าหมายในการทำงานที่จะยึดถือความผาสุกของประชาชนเป็นสำคัญ และจะมีการแก้ไขปัญหาน้ำให้สำเร็จตามเป้าหมาย ขอยืนยันว่า รัฐบาลทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้มีการพัฒนาอย่างถาวรต่อไป สุดท้าย ตนขออวยพรให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม มีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคภัย มีความสุขความเจริญ คิดประสงค์สิ่งใดก็ให้สมความปรารถนาทุกประการ

ทั้งนี้ การลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมของ พล.อ.ประวิตร ในวันนี้มีข้าราชการและประชาชนมาต้อนรับ และให้กำลังใจ พร้อมขอถ่ายรูป เข้าสวมกอด หอมแก้ม จำนวนมาก โดยประชาชนต่างอวยพรให้เป็นพล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยด้วย มีความเชื่อมั่นในภาวะผู้นำที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2566

พระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะนครปฐม ให้พร “พล.อ.ประวิตร” ขอให้ลุงป้อมเชื่อมประสานคนไทยให้รักกัน

,

พระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะนครปฐม ให้พร “พล.อ.ประวิตร” ขอให้ลุงป้อมเชื่อมประสานคนไทยให้รักกัน

เวลา 11.55 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะได้เดินทางมากราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร โดยมีประชาชนประมาณ 20 คน มายืนรอให้กำลังใจ พร้อมถ่ายรูปร่วมกัน ทั้งนี้ ภายหลังกราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์เสร็จ พล.อ.ประวิตร ได้เข้าไปกราบพระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และรองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร

โดยพระเทพมหาเจติยาจารย์ได้มอบพระพุทธรูปพระร่วงโรจนฤทธิ์จำลองให้พล.อ.ประวิตร พร้อมให้พรว่า ขอให้ลุงป้อมมีอายุยืน มีกำลังกาย กำลังใจ พระร่วงโรจนฤทธิ์คุ้มครองรักษา ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นเครื่องเเชื่อมประสานคนไทยให้เกิดความรักความสามัคคีกัน

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตรได้ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนว่า วันนี้มาขอพรอะไรในช่วงเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ โดยตอบเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้งเลย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2566