โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 13 กุมภาพันธ์ 2023

“พล.อ.ประวิตร” ลุยพื้นที่เมืองกาญจน์แก้ไขปัญหาน้ำ-ที่ทำกินให้ประชาชน ชูเป้าหมายให้พี่น้องทุกพื้นที่”มีน้ำ มีที่ดิน ไม่มีจน” สร้างความมั่นคงในชีวิต

,

“พล.อ.ประวิตร” ลุยพื้นที่เมืองกาญจน์แก้ไขปัญหาน้ำ-ที่ทำกินให้ประชาชน ชูเป้าหมายให้พี่น้องทุกพื้นที่”มีน้ำ มีที่ดิน ไม่มีจน” สร้างความมั่นคงในชีวิต

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ขับเคลื่อนแผนพัฒนาแหล่งน้ำ-มอบที่ทำกิน แก้ความยากจน ก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำให้ชาวบ้าน/เกษตรกร ทั้งจังหวัด

เมื่อ 13 ก.พ.66 ,14.00 น.
พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส ,รมว.ศธ. ,รมช.คลัง ,รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามการพัฒนาทรัพยากรน้ำ และแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นายกรัฐมนตรีร กล่าวว่า ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี และได้ร่วมประชุมหารือและรับฟังการบรรยายสรุป จาก ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ., รองเลขาฯสทนช., อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล, กรมชลประทาน ,ผอ.สคทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปภาพรวม จ.กาญจนบุรี อยู่ในพื้นที่ ลุ่มน้ำแม่กลอง และลุ่มน้ำท่าจีน ปัญหาน้ำหลากจากเทือกเขาต้นน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร สาเหตุจากลำน้ำระบายได้ช้าจากมีสิ่งกีดขวาง และลำน้ำตื้นเขิน รวมทั้งปัญหาภัยแล้งเกิดจากภาวะฝนน้อย และฝนทิ้งช่วง ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และความต้องการจากการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนโครงการต่างๆ ทั้งงบปี61-65 ,งบกลางปี65 และงบบูรณาการปี66 รวมทั้งอีก 3โครงการสำคัญ วงเงิน 16,669 ล้านบาท ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์ 75,469 ครัวเรือน ได้แก่ โครงการขยายความจุอ่างเก็บน้ำลำอีซู และโครงการผันน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ระยะที่1 และโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ รวมทั้งดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล และขยายระบบส่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะ อ.เลาขวัญ และอ.ห้วยกระเจา ซึ่งประสบภัยแล้ง อย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดเรียกว่าเป็น “อีสาน จ.กาญจนบุรี”

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดตาม 10 มาตรการฤดูแล้ง อย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งรัดการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำอีซู และโครงการอื่นๆ เพื่อทำให้หลุดพ้นจาก คำว่า อีสาน จ.กาญจนบุรี ให้ได้ และบรรเทาความเดือดร้อน ให้กับพี่น้องประชาชน โดยเร็ว

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานพิธีมอบสมุดประจำตัว และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินทำกิน(ส.ป.ก.4-01) จำนวน 10 อำเภอ รวม 2,978 ไร่ (คทช.ในเขตป่าสงวน 8,030 ไร่ ได้มอบไปแล้ว) โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับหนังสืออนุญาตดังกล่าว ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดิน และความยากจน ด้วยการกระจายสิทธิ์ การถือครองและนำไปสู่ความมั่นคงในที่ดินทำกิน ป้องกันการบุกรุก และจะส่งผลให้ชาวบ้าน/เกษตรกร มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับ อย่างอบอุ่น เป็นกันเอง โดยได้รับฟังข้อคิดเห็นต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ที่จะแก้ไขปัญหาทุกความเดือดร้อน ของประชาชน เพื่อให้มีความอยู่ดีกินดี ทุกครัวเรือน ทุกพื้นที่ ให้ได้ ซึ่งก็มีชาวบ้านจำนวนมาก มาขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่มีความห่วงใยและสามารถแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องน้ำ ที่ดินทำกินและอื่นๆได้เป็นผลสำเร็จ โดยกล่าวสะท้อนความรู้สึกออกมาว่า ท่านเป็นคนใจดี มีเมตตา กับประชาชนทุกคน มีภาวะผู้นำโดดเด่น เป็นศูนย์รวมความสามัคคี และประสานงานได้ทุกกลุ่ม โดนใจคนเมืองกาญจน์ เหมาะเป็นนายกฯ คนต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566

เกณิกา มั่นใจ “มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง” แก้ปัญหาความยากจนตรงจุด//ประชาชนตอบรับนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้ง เชื่อมั่นลุงป้อมทำได้จริง-เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

,

เกณิกา มั่นใจ “มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง” แก้ปัญหาความยากจนตรงจุด//ประชาชนตอบรับนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้ง เชื่อมั่นลุงป้อมทำได้จริง-เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ประชาชนตอบรับนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้ง เชื่อลุงป้อมทำได้จริงจากผลงานที่ผ่านมา

13 กุมภาพันธ์ 2566 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสระบุรีเขต 3 เผยว่า หลังจากที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเพิ่งเปิดนโยบายไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาวัน ตนเองเร่งลงพื้นที่สำรวจปัญหาภัยแล้งที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี และรับฟังปัญหาของประชาชน พร้อมทั้งชูนโยบาย “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน”

นโยบาย “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน” เป็นการสานต่อนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เติมน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ เพิ่มแหล่งน้ำสำรอง และแหล่งน้ำทางเลือก แก้ปัญหา น้ำแล้งน้ำท่วม การจัดทำผังน้ำชุมชน จัดระเบียบทางน้ำทั่วประเทศ ยกระดับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมเผชิญภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งจะเป็นการลดความสูญเสียทั่งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งหลังจากการลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชน ที่เป็นกลุ่มเกษตรกร ซึ่งมีปัญหาเรื่องน้ำ ไม่มีน้ำทำไร่ทำนา บางจุดมีฝายแล้วแต่ยังตื้นอยู่ทำให้น้ำแห้งประชาชนเคยเสนอขุดรอกให้ลึก ได้มีน้ำริมคลองใช้
ตนจึงได้ชูนโยบายแก้ปัญหาน้ำแล้ง เพื่อให้ทราบถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพี่น้องเกษตรกร ต่างตอบรับและบอกว่าน่าจะแก้ปัญหาความยากจนได้ตรงจุด และเชื่อว่าทำได้จริง
เพราะเห็นผลงานในการจัดการน้ำ และแก้ปัญหามาแล้วในหลายพื้นที่

หากแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เกษตรกรจะทำเกษตรได้ทั้งปี มีน้ำไว้ปลูกผัก ทำสวน เลี้ยงสัตว์
ประชาชนในหลายหมู่บ้านจะมีเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
น.ส.เกณิกา กล่าว

นอกจากนโยบาย ที่ 1 “ป้อม 700”
นโยบายที่ 2 “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน” และ
นโยบายที่ 3 “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน”
พรรคจะทยอยนโยบายอื่นอีก โดยมั่นใจว่าทำได้จริงทุกข้อพรรคประชารัฐพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล และลุงป้อมพร้อมเป็นนายกฯ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566