โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 8 กุมภาพันธ์ 2023

พปชร.เปิดโฉมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชุดใหญ่ 38 คน 5 ภาค คลอดนโยบายแก้จน 10 กพ. นี้พร้อมเปิดไทม์ไลน์เดินสายพบ ปชช.

,

พปชร.เปิดโฉมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชุดใหญ่ 38 คน 5 ภาค
คลอดนโยบายแก้จน 10 กพ. นี้พร้อมเปิดไทม์ไลน์เดินสายพบ ปชช.

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 16.00 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค ร่วมกันเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จำนวน 38 คน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ซึ่งจะเป็นตัวแทนของพรรคในการลงรับสมัครรับเลือกตั้งที่จะมาถึงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งล้วนเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของประชาชนในการเข้าไปช่วยเหลือและรับฟังปัญหาที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายของพรรค เนื่องจากพรรคให้ความสำคัญในทุกพื้นที่ในการดูแลและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

นายวิรัช กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีและขอต้อนรับว่าที่ผู้สมัครทุกคนเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐ ที่พร้อมจะช่วยกันก้าวข้ามความขัดแย้ง ตนขอฝากทุกคนต้องเร่งทำงาน ลงพื้นที่เพื่อนำนโยบายของพรรคไปสู่พี่น้องประชาชน เพราะใกล้เวลาเลือกตั้งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาพรรคได้อบรมว่าที่ผู้สมัครไปแล้วกว่า 300 คน และในวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ พรรคจะเปิดนโยบายเพิ่มเติม หลังจากครั้งแรกได้เปิดนโยบาย “เพิ่มเงินบัตรพลังประชารัฐ 700 บาท” ซึ่งหลังจากนี้ทุกคนจะขยายนโยบายและวิธีเพื่อนำเสนอให้ป้อม700 ไปอยู่ในใจประชาชนให้ได้

“วันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร มีทั้งอดีต ส.ส. อดีตผู้นำท้องถิ่น ซึ่งมีความเข้าใจและเข้าถึงปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จึงเชื่อมั่นว่าจะได้รับความไว้วางใจในการเข้ามานั่งในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันนโยบายสำคัญของพรรคมาสู่การพัฒนาประเทศให้ประชาชนมีความกินดี อยู่ดี ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ซึ่งขณะนี้มีนโยบายแรกที่สำคัญ คือ การเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการประชารัฐเป็น 700 บาท เป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมาและจะมีนโยบายอื่นๆ ออกมาเร็วๆนี้”นายวิรัช กล่าว

ทั้งนี้พรรคจะจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.กาญจนบุรี บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว ในวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ นี้ และในวันอังคาร ที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเดินปราศรัยครั้งแรกในพื้นที่เขต “ป้อม” ปราบศัตรูพ่าย ทั้งนี้การลงพื้นที่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ต้องการไปปราบใครที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แต่เป็นการปราบความเดือดร้อนของประชาชน อะไรที่เป็นปัญหาของประชาชน ก็คือศัตรูของพรรค

ด้านนางนฤมล กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ พรรคพลังประชารัฐเตรียมแถลงนโยบายแก้จนให้กับประชาชน ส่วนนโยบายด้านอื่นๆ พรรคมีการประชุมทุกวัน หลังจากนี้ก็จะค่อยๆทยอยเคาะออกมาทุกสัปดาห์ สำหรับในสัปดาห์หน้าก็จะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. เพิ่มเติมเกือบครบทุกเขต

“ทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ ยังมีทั้งนักวิชาการ ผู้ประกอบการ และนักธุรกิจ โดยเราร่วมกันทำงาน ช่วยกันดูหลายมิติ ในส่วนของนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้นทางท่านหัวหน้าพรรคก็ได้มอบหมายให้เน้นในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ และการแก้ปัญหาความยากจนให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เพื่อแก้จนอย่างยั่งยืน”นางนฤมล กล่าว

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และทีมโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า วันนี้พรรคได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในทุกภาค จำนวน 38 คน ซึ่งทุกคนจะเป็นตัวแทนของหัวหน้าพรรคที่จะลงพื้นที่ไปสื่อสารให้กับประชาชนว่า หัวหน้าพรรคมีความห่วงใยประชาชนแค่ไหน ซึ่งวันนี้ทุกคนในพรรคพร้อมแล้วที่จะดูแลประชาชนและสื่อสารให้นโยบายของพรรคเข้าถึงใจประชาชน

สำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในวันนี้ ประกอบด้วย พื้นที่ กรุงเทพฯ , ภาคกลาง , ภาคเหนือ , ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ รวมจำนวน 38 คน

กรุงเทพฯ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1. ดร.ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล 2. นาวาอากาศเอก บัญชาพล อรัณยะนาค 3. นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ 4. นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ (ฟิล์ม) 5. นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล ภาคกลาง จำนวน 4 คน ประกอบด้วย สระบุรี 6. นายอรรถพล วงษ์ประยูร
7. ดร.เกณิกา อุ่นจิตร์ 8. นายองอาจ วงษ์ประยูร กาญจนบุรี 9. นางลำยอง ยิ้มใหญ่หลวง

ภาคตะวันออก จำนวน 2 คน ประกอบด้วย จ.ระยอง 10. นายกฤษฎา เอกกำลังกุล จ.จันทบุรี
11. นายชรัตน์ เนรัญชร

ภาคอีสาน จำนวน 20 คน ประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์12. นายนภดล อังคสุภณ 13. นายสุเทพ ใสงาม14. นายปกรณ์ ทรงประโคม 15. นายวรณัฐ ศรีสุริยชัย 16. นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร 17. นายสมคิด สินไธสง 18. นายบรรจง ศรีหาบุญทัน 19. นายอิทธิศักดิ์ ปาทาน 20. นายเจษฎากร เขียนนิลศิริ สุรินทร์ 21. นายเจ้าจอม เตียวเจริญโสภา จ.ยโสธร 22. นายธวัชชัย นิจพาณิชย์ จ.อุบลราชธานี 23. ดร.จำลอง พรมสวัสดิ์ จ.มุกดาหาร 24. นายวิริยะ ทองผา จ.สกลนคร
25. นายชัยมงคล ไชยรบ จ.เลย 26. นายจรูญ พาณิช 27. นายสันติภาพ เชื้อบุญมี
จ.ร้อยเอ็ด 28. นายเอกรัฐ พลซื่อ 29. นางรัชนี พลซื่อ จ.อุดรธานี 30. นายโกเมนทร์ ทีฆธนานนท์ 31. นายชัยฤทธิ์ เขาวงศ์ทอง

ภาคเหนือ จำนวน 2 คน ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ 32. นางรัตนประภา ดิศวัฒน์ จ.ลำพูน
33. พล.ต.ต.กริช กิติลือ

ภาคใต้ จำนวน จำนวน 5 คน ประกอบด้วย จ.ประจวบคีรีขันธ์ 34. นายสมพงษ์ ทั่งศรี
จ.สงขลา 35. นายญาณพง เพชรบูรณ์ 36. นายธีรพงษ์ ดนสวี 37. นายอดิสัณห์ ชัยวิวัฒน์พงศ์
จ.พัทลุง 38. ดร.พลกฤษณ์ คล้ายวิตภัทร

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติดโครงการน้ำลดผลกระทบชาวปทุมระยะยาว เสียงเชียร์หนุนนั่งนายกคนที่30 ผู้สมัครผนึกทีมสู้เป็นปากเสียงปชช

,

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติดโครงการน้ำลดผลกระทบชาวปทุมระยะยาว
เสียงเชียร์หนุนนั่งนายกคนที่30 ผู้สมัครผนึกทีมสู้เป็นปากเสียงปชช

วันที่8 กุมภาพันธ์ 2566 – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำทั้งระบบโดย มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครบ ทั้ง7 เขต ประกอบด้วย นายเสวก ประเสริฐสุข เขต 1 นายนพดล ลัดดาแย้ม เขต2 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล เขต3นายยุทธวัตน์ หาญเกียรติกล้าเขต4 นายวิรัช พยุงวงศ์ เขต5 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสงเขต 6นางสาวกฤษณา วงศ์คำ เขต7 มารอต้อนรับ ทั้งนี้นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้บรรยายสรุปถึงสถานการณ์น้ำในภาพรวม และแผนงานด้านทรัพยากรน้ำใน จ.ปทุมธานี ณ ห้องประชุมบัวหลวงปทุมธานี ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดประปทุมธานี

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า เป็นการเดินทางมา จ ปทุมธานี เป็นครั้งที่ 2หลังจากที่ เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ได้มาเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือเยียวยา และแก้ไขปัญหาให้กับ ประชาชน จากการ เผชิญปัญหาอุทกภัย น้ำท่วม น้ำหลาก โดยดำเนินการโครงการป้องกันอุทกภัยและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญอย่างเป็นรูปธรรม เพราะจ. ปทุมธานี เป็นพื้นที่สำคัญที่เป็นรอยต่อของกรุงเทพ การวางแผนแก้ไขต้องเร่งดำเนินอย่างบูรณาการ ทั้งการระบายน้ำ และการดำเนินโครงการด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ยังได้มอบหมายให้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่สทนช.จังหวัด ,กรมชลประทาน ,กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมทางหลวง ร่วมทำงานแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งการสูบน้ำ การระบายน้ำ การพัฒนาแหล่งน้ำ การเตรียมความพร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ระบบระบายน้ำ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา และการแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ควบคู่การเตรียมแผนเผชิญเหตุ รองรับภัยพิบัติในการช่วยเหลือประชาชนให้ได้ ทันท่วงที

ส่วนในพื้นที่พัฒนาคลองหมายเลข 3 ของ จ.ปทุมธานี บริเวณโรงเรียนวัดเวฬุวัน ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้ กำหนดแนวทางการพัฒนาเพิ่มศักยภาพ ของคลอง หมายเลข3 เป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิม สมัยอยุธยา ซึ่งประกอบด้วย 3คลองย่อย ได้แก่ คลองบ้านพร้าว คลองน้ำอ้อม และคลองบางหลวงเชียงราก จำเป็น ต้องวางแผนรองรับการระบายน้ำท่วมขัง ลดปัญหาน้ำเน่าเสีย พร้อมทั้งใช้เป็นเส้นทางคมนาคม พร้อมวางแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นระยะต่างๆ

ขณะเดียวกันยังได้ติดตามการก่อสร้างสถานีสูบน้ำ และอาคารประกอบโครงการสถานีสูบน้ำถาวร ปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยได้ให้กรมชลฯ ให้เร่งก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จ ตามแผนงาน เพื่อรองรับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึางจะสาทารถบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้มากถึง 62,300 ไร่

“ ในการพบปะประชาชน บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมีชาวบ้านรอต้อนรับอย่างหนาแน่น และได้ขอให้สื่อมวลชนเปิดพื้นที่ทำข่าวให้ ประชาชนได้เห็นตนเองอย่างชัดเจน เพื่อขอพูดคุยกับประชาชน โดยขอขอบคุณที่ ประชาชนมารอต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมย้ำความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีความตั้งใจอย่างจริงจัง ที่จะบำรุงสุขให้ประชาชนอย่างเต็มที่ และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกคน ให้อยู่ดีกินดีเป็นความมุ่งหมายของรัฐบาลโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” พล.อ.ประวิตร

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2566