“พปชร.“ดันนโยบายพรรคฯสำเร็จ รัฐคลอดแพคเกจยานยนต์ EV “ส.ส.ภาดาท์” หนุนปชช.เข้าถึงยานยนต์สะอาดดันไทยฐานผลิตฟื้นศก.
พปชร. ปลื้มผลักดันนโยบายพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV หลังครม.ไฟเขียว ส่งเสริมการผลิตและใช้ในประเทศ “ภาดาท์”ส.ส.กทม.พรรคพปชร. ชูผลงานคลอดแพคเกจEV สำเร็จ หนุนประชาชนเข้าถึงยานยนต์สะอาดตามเทรนด์ของโลกที่ช่วยทั้งลดฝุ่นPM2.5 และก๊าซฯคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยลดโลกร้อน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกิดฐานการผลิตEV สู่การเป็นฮับในภูมิภาค มั่นใจการใช้จะเติบโตขึ้น
ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ขอขอบคุณรัฐบาล ที่ได้นำนโยบาย พรรคพลังประชารัฐในหลายเรื่องมาสู่การเดินหน้าขับเคลื่อนเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการอนุมัติให้มีการผลักดัน กระตุ้นการใช้ยานยนตำไฟฟ้าในประเทศไทย( EV) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.ที่ให้ความสำคัญ กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความยั่งยืนต่อการพัฒนาประเทศ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากมติของคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่เห็นชอบแพคเกจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อกระตุ้นการใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า 3 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถกระบะโดยครอบคลุมทั้งการให้เงินอุดหนุน และการปรับลดภาษีฯต่างๆ ในการเอื้อให้เกิดการใช้และการผลิตในประเทศ นับเป็นความสำเร็จของนโยบายพรรคพปชร.ที่ผลักดันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ไทยได้ก้าวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สะอาดที่สอดรับกับกระแสของโลก เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน(PM2.5)และลดภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตในภูมิภาค(EV Hub)
“ ทั่วโลกกำลังมุ่งไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV เนื่องจากจะมีส่วนสำคัญในการลดภาวะโลกร้อนเพราะจะลดการใช้รถยนต์สัปดาปที่ใช้น้ำมัน โดยไทยเองจะต้องค่อยๆ เปลี่ยนผ่านเพื่อให้ก้าวทันกระแสโลกและต้องเตรียมความพร้อม รองรับซึ่งพรรคพปชร.มุ่งมั่นที่จะดูแลฐานการผลิตรถยนต์ของไทยไปสู่ EV เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดรับกับกระแสโลกพร้อมๆ ไปกับสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้ยานยนต์สะอาดเพื่อลดฝุ่นPM2.5”น.ส.ภาดาท์กล่าว
ทั้งนี้นโยบายพรรคพปชร.ที่ผ่านมาได้ตระหนักถึงปัญหาฝุ่นPM2.5 โดยเฉพาะใน กทม. ที่ค่าเฉลี่ย ฝุ่น PM 2.5 อยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชน เนื่องจากระบบขนส่งในกรุงเทพที่มีรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปเป็นจำนวนมาก ซึ่งนโยบายที่ออกมาล่าสุดทั้งในเรื่องของเงินอุดหนุนรถยนต์คันละ 70,000 – 150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน ,การลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0%
ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 16 กุมภาพันธ์ 2565