โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: พรรคพลังประชารัฐ

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและบุคคล

,

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและบุคคลในครอบครัว

ร่วมแสดงออกด้วยการติดสัญลักษณ์ ‘ริบบิ้นขาว’ สื่อว่า ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ทุกรูปแบบจากสถิติประเด็นปัญหาสังคมที่เกิดกับผู้หญิงและเด็ก ทั้งการถูกทำร้าย ล่อลวง ละเมิด คุกคาม ข่มขืนกระทำชำเรา พบว่ากว่า 80% เกิดจากคนใกล้ชิดหรือคนรู้จัก ดังนั้น ปัญหาความรุนแรงไม่ใช่เรื่องไกลตัว และบ้านไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ของทุกคน

หากพบเห็นความรุนแรงในครอบครัวสามารถติดต่อหน่วยงานรัฐหรือมูลนิธิต่างๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการดูแลช่วยเหลือ เช่น สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1300 ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือสังคม One Stop Crisis Center (OSCC) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หรือ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ เครือข่ายพลเมืองเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Citizens Alliance) ช่องทางออนไลน์ FB page : SDG Citizens ประชาชนคนรุ่นเปลี่ยน

ช่องทางพิเศษ! สำหรับพี่น้องชาวบางซื่อ-ดุสิต ที่มีสภาพไม่ปลอดภัย ต้องการการดูแลช่วยเหลืออย่างจริงจัง ติดต่อทีมงาน ส.ส.อุ๋ม ธณิกานต์ ได้ที่ Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้าด้วยค่ะ)
หรือ โทร.065-694-2245
หรือ Facebook อุ๋ม ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์

#ยุติความรุนแรงในครอบครัว
#อุ๋มธณิกานต์ใส่ใจความปลอดภัยผู้หญิง
#เรื่องผู้หญิงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 25 พฤศจิกายน 2564

“รมว.ดีอีเอส” ปรับบริการ 1212 สู่ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์

,

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอีเอสได้ปรับโฉมบริการโทร 1212 OCC สู่ “ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์” เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค และประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพและกลโกงทางออนไลน์ ให้เข้าถึงกระบวนการช่วยเหลือเยียวยาได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยขยายขอบเขตการรับเรื่องร้องเรียนไปถึงปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ปัญหาการฉ้อโกง เว็บไซต์ผิดกฎหมาย และแชร์ลูกโซ่ พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ให้มากขึ้น

โดยครอบคลุมทั้ง ขยายการทำงานในการป้องกันและจัดการปัญหาออนไลน์ไปยังภาครัฐ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่จะทำให้การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเป็นไปได้เร็วขึ้น, ภาคเอกชน ที่เป็นบริษัทด้านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม กูเกิล และยูทูบ, ภาคประชาสังคม เช่น สภาองค์กรของผู้บริโภค

นายชัยวุฒิกล่าวว่านอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและจัดการปัญหาและข้อร้องเรียนหรือภัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางออนไลน์ ที่บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การป้องกัน จัดการ และแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตลอดจนขยายช่องทางการรับแจ้งเรื่อง ของศูนย์ผ่านช่องทาง Line และสำนักงานสถิติจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มีจุดรับเรื่องร้องเรียนเพิ่มขึ้น เป็นต้น

ขณะที่ ล่าสุดเตรียมจัดตั้งศูนย์ปราบปรามมิจฉาชีพทางออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพทำงานร่วมกันกับตำรวจ ธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม แพลตฟอร์มโซเชียล และ กสทช. มุ่งพันธกิจในการเร่งรัดติดตามการป้องกันปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดติดตามดำเนินคดีผู้กระทำผิด ลดอุปสรรคความล่าช้าในกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานและแกะรอยเส้นทางการเงินของบัญชีมิจฉาชีพ ตลอดจนหาแนวทางดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุให้รวดเร็วที่สุด

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า จากการประชุมวานนี้ (23 พ.ย. 64) ร่วมกับตัวแทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ข้อสรุปหลักๆ เพื่อจัดทำแนวทางแก้ปัญหา ได้แก่ จะมีการหารือกับสมาคมธนาคารไทย และแบงก์ชาติ เพื่อพิจารณาแนวทางการป้องกันในการเปิดบัญชีแทนผู้อื่น และบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายกับการรับจ้างเปิดบัญชี (บัญชีม้า) ซึ่งถือเป็นต้นตอร้ายแรงของปัญหามิจฉาชีพและกลโกงทางออนไลน์ในปัจจุบัน

“เรื่องการเปิดบัญชีแทนผู้อื่น อาจกำหนดโทษที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งกำหนดให้ผู้ที่นำบัญชีไปจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด เจ้าของบัญชีจะมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุก 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ขณะที่นายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือคิง ก่อนบ่าย กล่าวว่า เชื่อว่ากระบวนการทำงานของศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ซึ่งทางกระทรวงดิจิทัลฯ ผลักดันให้เกิดขึ้นครั้งนี้ จะช่วยแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี เพราะโดยส่วนตัวซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ไม่อยากให้มีประชาชนตกเป็นเหยื่อขบวนการเหล่านี้อีกต่อไป พร้อมกันนี้อยากเสนอแนะให้มีการพัฒนาเป็นแอปพลิเคชั่น เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงศูนย์ร้องเรียนได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น

สำหรับกรณีของตนเองซึ่งมีบุคคลในครอบครัวถูกหลอกลวงทางออนไลน์ก่อนหน้านี้ จากการติดตามความคืบหน้ากับตำรวจเพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิด ทำให้รับทราบปัญหาด้านกระบวนการในการติดตามเส้นทางบัญชีโอนเงิน เนื่องจากธนาคารกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่าใช้เวลาราว 2 เดือนต่อ 1 บัญชี ขณะที่ขบวนการมิจฉาชีพมีการโอนต่อไปยังหลายบัญชี ดังนั้นกว่าจะได้ข้อมูลเพื่อประกอบพยานหลักฐานยื่นศาลต้องใช้เวลาเกินปี ไม่ทันการณ์สำหรับการสกัดกั้นการไหลออกของเงิน และการติดตามเงินคืนผู้เสียหาย เพราะส่วนใหญ่หัวหน้าขบวนการอยู่ในต่างประเทศ

โดยในการแถลงข่าวปรับโฉมบริการโทร 1212 OCC สู่ “ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์” มีดาราและ Influencer ชื่อดังมาร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ธันวา สุริยะจักร, ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี, คิง ก่อนบ่าย, เส้นด้าย พิมพ์ลดา เเววไทสง, ไวท์ ศุทธิ เรืองวิทยาโชติ, เบส อนาวิล ชาติทอง, สุระ รพีสิริรัตน์, เหม่เหม ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล, สิงโต สกลรัตน์ พันเทศ พ.ศ. 2542 และตามประมวลกฎหมายอาญาร่วมด้วย” นายชัยวุฒิกล่าว

นอกจากนี้ เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างหน่วยงาน โดยจะมีการจัดทำช่องทางสื่อสารกลางผ่านออนไลน์ ที่มีระบบความมั่นคงปลอดภัยระดับมาตรฐานสากล พร้อมกำหนดตัวตนของบุคคลที่จะอยู่ในเครือข่ายประสานงานการรับแจ้งความคดีด้านนี้ไว้อย่างชัดเจน เพื่อลดระยะเวลาในขั้นตอนติดตามขอข้อมูลประกอบพยานหลักฐานที่จะนำไปสู่การดำเนินคดี เพราะยิ่งฝ่ายสอบสวนสืบสวนได้รับข้อมูลล่าช้าจากธนาคารในเรื่องเส้นทางการเงินที่เหยื่อหลงเชื่อโอนไปบัญชีมิจฉาชีพ หรือจากผู้ให้บริการมือถือ ซี่งมีรายชื่อผู้ลงทะเบียนใช้บริการส่ง SMS หลอกลวง โอกาสที่จะติดตามเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายจะยิ่งหมดไป เพราะมีการโอนกระจายต่อไปบัญชีอื่นๆ อย่างรวดเร็ว และหลายครั้งปลายทางอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ยากต่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า จำนวนประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น กิจกรรมและการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านออนไลน์จึงเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลการสำรวจทั้งในมุมของพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย และสถิติมูลค่า e-Commerce ของประเทศไทย ที่ดำเนินงานโดย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ พบว่า จำนวนชั่วโมงของผู้ใช้งานอิเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุดเฉลี่ย อยู่ที่ 11 ชั่วโมง 25 นาทีต่อวัน

สำหรับกิจกรรมยอดนิยมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวไทยคือ Social media ทั้งการใช้งานด้านการทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เช่น SMEs มีการใช้ช่องทางของแอปพลิเคชั่นธนาคารในการรับชำระสินค้าและบริการ อยู่ที่ 58.56% และมีการใช้ Social commerce เป็นช่องทางการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ถึง 71.83% เป็นต้น

ขณะที่ ตัวเลขสถิติการรับเรื่องร้องเรียนผ่าน 1212 OCC ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนเรื่องร้องเรียน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ล่าสุดในปี 2564 ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว 49,996 ครั้ง ปัญหาที่ถูกร้องเรียนเข้ามามากที่สุด คือปัญหาการซื้อขายของทางออนไลน์ 67.11 % รองลงมาคือ ปัญหาเว็บไซต์ผิดกฎหมาย 23.06 % และหากลงรายละเอียดของปัญหาการซื้อขายของทางออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่มักเป็นปัญหาการสั่งซื้อสินค้าแล้วไม่ได้รับสินค้า หรือได้รับสินค้าไม่ตรงตามที่สั่งไว้มากถึง 47% ตามมาด้วย สินค้าไม่ได้มาตรฐานตามที่โฆษณา 29% เป็นต้น

“จากตัวเลขข้างต้น เราจะเห็นว่าโลกออนไลน์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างปฏิเสธไม่ได้ และแน่นอนว่า เมื่อคนทั่วโลกหันมาทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ภัยคุกคามทางออนไลน์ ทั้ง การฉ้อโกง หลอกลวง ปัญหาในรูปแบบต่างๆ ก็เพิ่มตามมาด้วย ทำให้ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในการเข้าไปดูแลคุ้มครองผู้บริโภคกันอย่างเข้มข้นและเอาจริงเอาจังกับการเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาผู้บริโภคออนไลน์ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่” นายชัยวุฒิกล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 พฤศจิกายน 2564

“สัณหพจน์” ยก “ศาลาดินโมเดล” แก้ปัญหาผักตบชวา ลุ่มน้ำปากพนัง

,

“สัณหพจน์” ยก “ศาลาดินโมเดล” แก้ปัญหาผักตบชวา สร้างรายได้คนลุ่มน้ำปากพนัง

ส.ส.พปชร.เขต 2 นครศรีฯ จี้หน่วยงานรัฐ เร่งแก้ปัญหา “ผักตบชวา” ลุ่มแม่น้ำปากพนัง แนะใช้ “ศาลาดินโมเดล” สร้างมูลค่าผักตบชวา เป็นทางออก ช่วยลดความเดือดร้อน พร้อมสร้างรายได้ยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้หารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีปัญหาผักตบชวาในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร และอ.ปากพนัง เมื่อวันที่ 10 พ.ย.64

ล่าสุด ตนได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนอีกครั้ง เนื่องจากผักตบชวาที่เป็นปัญหาดังกล่าว ได้ลุกลามกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องกระทบกับพี่น้องประชาชนในบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ทั้งในเรื่องการทำมาหากินและผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง

ทั้งนี้จากการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้มอบนโยบายและกำชับ 5 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง,กรมชลประทาน,กรมเจ้าท่า,คณะทำงานฯระดับจังหวัด เร่งรัดกำจัด และแปรรูปเพิ่มมูลค่าของผักตบชวา ในพื้นที่ที่เกิดปัญหา ซึ่งพบว่า ได้ดำเนินการจัดเก็บผักตบชวารวมทั้งสิ้น 4,513,836 ล้านตันแล้วนั้น

ดังนั้นตนจึงอยากฝากไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.นครศรีธรรมราช ได้เร่งดำเนินการจัดเก็บผักตบชวาในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ ก่อนที่ปัญหาดังกล่าวจะลุกลามกระทบต่อระบบนิเวศในแม่น้ำลำคลอง รวมทั้งชายฝั่ง ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่

นอกจากนี้ ตนขอเสนอให้ มีการนำ “ศาลาดินโมเดล” มาใช้ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยการนำผักตบชวา ไปแปรรูปและใช้ประโยชน์สร้างรายได้และอาชีพให้กับประชาชน ซึ่งมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จแล้วในพื้นที่ ต.ศาลาดิน อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม

“ศาลาดินโมเดล จ.นครปฐม โดยกลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทานมหาสวัสดิ์ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแหล่งน้ำลำคลอง โดยทางกลุ่มได้นำผักตบชวามาแปรรูปเป็น “ดินพร้อมปลูกผสมผักตบชวา” เพื่อส่งขายสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ที่ผ่านมากลุ่มฯ ได้รับซื้อผักตบชวาสับตากแห้งจากชาวบ้านในราคากก.ละ 20 บาท ซึ่งชาวบ้านที่ทำผักตบมาขายให้กับกลุ่มฯ จะมีรายได้ตั้งแต่ 2,000 – 6,000 บ./เดือน ปัจจุบันทราบว่า กลุ่มฯ มียอดขายดินพร้อมปลูกกว่า 5,000 ถุง/เดือน และยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด” ดร.สัณหพจน์ กล่าว

สำหรับตัวอย่างดังกล่าว สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาผักตบชวาในลุ่มน้ำปากพนังได้ โดยนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในพื้นที่ ซึ่งกระทบต่อการทำประมงพื้นบ้าน และผลกระทบต่อระบบนิเวศในแม่น้ำลำคลองและชายฝั่งแล้ว ยังช่วยให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำมีรายได้ที่ยั่งยืน และเป็นการสร้างแรงจูงใจให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมต่อการอนุรักษ์แหล่งน้ำได้อีกด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand
เมื่อวันที่ : 24 พฤศจิกายน 2564

“สุริยะ” หนุนไทยก้าวสู่ฮับอุตฯการแพทย์ปี’70 เตรียมชง ครม.เร็วๆนี้

,

“สุริยะ” หนุนไทยก้าวสู่ฮับอุตฯการแพทย์ปี’70
เตรียมชงครม.เร็วๆนี้ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ

“สุริยะ” หนุนขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ Medical Hub ในปี 2570 มอบ”สศอ.”เร่งจัดทำแผนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เสนอ”ครม.”เห็นชอบเพื่อขับเคลื่อนตามเป้าหมายเร็วๆ นี้ หวังฟื้นเศรษฐกิจไทย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และบริการการแพทย์ครบวงจรเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต (S-Curve) ที่รัฐบาลมุ่งเน้นในการเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth )และรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะผลักดันไทยไปสู่ศูนย์กลางทางการแพทย์(Medical Hub)ในปี 2570 ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เร่งดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ที่จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเร็ว ๆ นี้

“9 เดือนที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์มีอัตราการส่งออกเติบโต 22.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้เข้ามามีบทบาทในวงการแพทย์ รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 และการที่สังคมไทยได้เข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์แบบ หรือ Complete-Aged-Society ในปี 2564 จึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้ความต้องการสินค้าและเครื่องมือแพทย์เพิ่มสูงขึ้นและอนาคตก็จะมีขึ้นต่อเนื่องและไทยต้องเตรียมศักยภาพไว้รองรับเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”นายสุริยะกล่าว

ทั้งนี้ประเทศไทยปัจจุบันมีศักยภาพในอุตสาหกรรมการบริการทางการแพทย์และอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ที่เริ่มมีการลงทุนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมสมัยใหม่มาพัฒนาเพื่อให้เป็น Smart Hospital ของประเทศไทยโดยสศอ. อยู่ระหว่างการจัดทำร่างแผนปฏิบัติการที่จะมาช่วยสนับสนุน การดำเนินงานดังกล่าว ได้แก่
1. ร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ที่มุ่งเน้น ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องมือแพทย์ในอาเซียน ภายในปี 2570 โดยจะพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยให้มีความสามารถในการแข่งขัน สร้างความมั่นคงภายในประเทศ ยกระดับเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรม คุณภาพและมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ในระดับสากล
2. ร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ มุ่งส่งเสริมให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตอุปกรณ์ และระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะในอาเซียน โดยมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองภายในปี 2570 โดยจะยกระดับ Supply-Chain-ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เดิมไปสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะทั้งระบบ โดยในระยะแรกจะเน้นพัฒนาในกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม คือ Smart Home, Smart Factory, Smart Hospital & Health และ Smart Farm

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand
เมื่อวันที่ : 23 พฤศจิกายน 2564

อธิรัฐ ขอบคุณในความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ลอยกระทงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

,

“อธิรัฐ ขอบคุณในความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ให้คืนลอยกระทงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยถึงความปลอดภัยของประชาชนในคืนลอยกระทง 2564 กรมเจ้าท่าได้จัดชุดเฉพาะกิจออกตรวจสอบความปลอดภัยและตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยทางน้ำ และศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางน้ำ ณ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา จำนวน 41 ศูนย์ และศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางน้ำ กรมเจ้าท่า ณ ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการโทรทัศน์วงจรปิดทางน้ำ (CCTV) เพื่อดูแลความปลอดภัยมากขึ้นเป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับพื้นที่ กรุงเทพมหานคร กรมเจ้าท่า ได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรือทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองแสนแสบ โดยจัดเรือตรวจการณ์ทั่วไป จำนวน 2 ลำ เรือรักษาการณ์ประจำพื้นที่ 5 จุด จำนวน 8 ลำ บริเวณท่าเรือพระราม8 (ฝั่งธนบุรี), ท่าเรือตลาดยอดพิมาน, ท่าเรือริเวอร์ซิตี้, ท่าเรือไอคอนสยาม และท่าเรือเอเชียทีค เจ้าหน้าที่ 196 นาย ในส่วนภูมิภาค จัดเรือตรวจการณ์ทั่วไป จำนวน 76 ลำ เจ้าหน้าที่ 753 นาย รวมทั้งสิ้น 949 นาย โดยบูรณาการร่วมกับกองทัพเรือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองบังคับการตำรวจน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้มงวดกวดขันให้ผู้ประกอบกิจการ ผู้ครอบครองโป๊ะเทียบเรือ เจ้าของเรือและผู้ควบคุมเรือ ปฏิบัติตามประกาศกรมเจ้าท่าโดยเคร่งครัด เน้นย้ำขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามที่สาธารณสุขกำหนด

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้ออกตรวจตรา อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในคืนวันลอยกระทง เป็นไปตามแผนด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 พฤศจิกายน 2564

“รมช.อธิรัฐ – ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ” เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ

,

“รมช.อธิรัฐ – ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ” เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ บรรเทาความเดือดร้อนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมพื้นที่โคราช ต่อเนื่อง

ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะลงพื้นที่ อ.ประทาย จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เป็นการเยียวยา สร้างขวัญกำลังใจ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประสบภัยให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้โดยเร็ว

โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,200 ชุด ตามจุดต่างๆ ดังนี้ ศาลาประชาคมบ้านสี่เหลี่ยม ต.กระทุ่มราย จำนวน 373 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านเขว้า ต.กระทุ่มราย จำนวน 222 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านโนนไผ่ล้อม ต.กระทุ่มราย จำนวน 247 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านกระทุ่มราย ต.กระทุ่มราย จำนวน 216 ชุด และ ศาลาประชาคมบ้านดอนกลาง ต.กระทุ่มราย จำนวน 142 ชุด

ด้าน ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ (เขต7 จังหวัดนครราชสีมา) พร้อมด้วย นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ได้ลงพื้นที่ อ.คง จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้นำชุมชนเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เป็นการเยียวยา สร้างขวัญกำลังใจ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประสบภัยให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้โดยเร็ว

โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด ตามจุดต่างๆ ดังนี้ ศาลากองทุนบ้านมะค่า ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 200 ชุด, วัดบ้านโจด ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 130 ชุด, วัดปริยัติไพศาล ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 232 ชุด และวัดบ้านขาม ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 407 ชุด“ด้วยความห่วงใยจาก ครอบครัวรัตนเศรษฐและทีมงาน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 22 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส. จอมขวัญ” ผนึกชมรมชาวปักษ์ใต้สมุทรสาคร ช่วยเหลือผู้สูงอายุยากไร้

, ,

“ส.ส. จอมขวัญ” ผนึกชมรมชาวปักษ์ใต้สมุทรสาคร

สร้างบ้าน-มอบเงินทุนให้ผู้สูงอายุยากไร้ในพื้นที่ ต.โคกขาม

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส. สมุทรสาคร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับ พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม, พ.ต.ท.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง รอง ผกก.ป. สภ.บ้านแพ้ว พร้อมด้วย นายสากล ชลคีรี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสมุทรสาคร และทีมงาน ส.ส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ ม.9 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ พร้อมมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค ประกอบด้วยข้าวสารอาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นต่างๆ รวมถึงมอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งให้กับป้าอร ผู้สูงอายุยากไร้ เพื่อใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หลังพบว่าได้รับความเดือดร้อนด้านความเป็นอยู่และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย

“การลงพื้นที่ช่วยเหลือในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชมรมชาวปักษ์ใต้สมุทรสาคร ที่รับหน้าที่สร้างบ้านให้กับป้าอรทดแทนหลังเก่าที่ได้รับความเสียหาย เราจะไม่ทิ้งกัน ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ”

ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม ในฐานะประธานชมรม สมาคมชาวปักษ์ใต้สมุทรสาคร ได้ให้ความช่วยเหลือสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับป้าอรเพื่อชดเชยกับหลังเก่าที่เสียหาย โดยจะเร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน และกำหนดส่งมอบบ้านให้ป้าอรในวันที่ 11 ธันวาคมนี้

#จอมขวัญกลับบ้านเกาะ
#ส.ส.สมุทรสาคร
#พรรคพลังประชารัฐ
#พปชร.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand
ออกอากาศเมื่อวันที่ : 22 พฤศจิกายน 2564

“ธรรมนัส” ชู พปชร. ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” พร้อมสู้ศึกเลือกบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

,

“ธรรมนัส” ชู พปชร. ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” พร้อมสู้ศึกเลือกบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ยันส่งผู้สมัครครบ 400 เขต หวังมีชัยชนะได้ที่นั่ง ส.ส.มากขึ้นแน่นอน

พปชร.พร้อมสู้ศึกเลือกบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หลังในหลวงโปรดเกล้าฯ รธน.แห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้แล้ว ย้ำส่งผู้สมัครครบ 400 เขต หวังมีชัยชนะได้ที่นั่งส.ส.มากขึ้นแน่นอน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2564 แล้วนั้น ทำให้ขณะนี้การเลือกตั้งแบบใหม่บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และมี ส.ส.แบบเขต 400 คน, ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ตนเองขอยืนยันว่า ทางพรรคฯที่มีท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคฯ มีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งแบบใหม่นี้ และพร้อมที่จะส่งผู้สมัครลงแข่งขันรับเลือกตั้งทั้ง 400 เขตทั่วประเทศอย่างแน่นอน

ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมา ท่านหัวหน้าพรรค และตนเองพร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และบรรดาแกนนำของพรรคฯได้ร่วมกันลงพื้นที่พบปะทั้งสมาชิกพรรคและผู้แทนว่าที่ผู้สมัครของพรรคทุกภาคอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเตรียมพร้อมและมีว่าที่ผู้สมัครครบหมดทุกจังหวัดแล้ว และ ในทุกจังหวัด ได้ดำเนินการเลือกตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้งนั้น ครบเกือบหมดทุกเขตแล้ว ดังนั้น ตามกลไกของพรรคได้ถูกวางไว้เรียบร้อยหมดแล้ว จึงพร้อมมากสำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้า

“ทางท่านหัวหน้าพรรคฯ รวมถึงผมและอาจารย์แหม่ม ได้ลงพื้นที่ไปพบปะสมาชิกพรรคและตัวแทนพรรคแทบทุกวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำนโยบายของพรรคฯที่ท่านพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคฯ เน้นย้ำยึดมั่นเชิดชูในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมุ่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ล่าสุดก็ไปที่ขอนแก่น ที่ถือว่าเป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน ซึ่งภาคอีสานถือว่ามีประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มี ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญเก่าถึง 132 ที่นั่ง ดังนั้นพรรคจึงให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ดังกล่าวที่กำลังจะมาถึงในอนาคต และมั่นใจว่า จะได้รับชัยชนะและได้ที่นั่งส.ส.ในภาคอีสานและจังหวัดอื่นทั่วประเทศมากขึ้น “ ร้อยเอกธรรมนัสกล่าว

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวอีกว่า พรรคฯมีความเป็นปึกแผ่น เข้มแข็ง และในฐานะที่เป็นพรรคฯแกนนำของรัฐบาล ก็ได้มีการขับเคลื่อนผลงานผ่านกลไกรัฐถึงพี่น้องประชาชนเห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนทุกมิติรอบด้าน ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในความมุ่งมั่น ตั้งใจในผู้แทนทุกพื้นที่ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้และอื่นๆ จึงมั่นใจว่า พรรคพปชร.จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และมีชัยชนะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 22 พฤศจิกายน 2564

“สัณหพจน์” เสนอ สธ. เร่งจัดเครื่องมือแพทย์เสริม รพ.ปากพนัง

,

“สัณหพจน์” เสนอ สธ. เร่งจัดเครื่องมือแพทย์เสริม รพ.ปากพนัง บริการประชาชนลุ่มน้ำปากพนัง

สัปดาห์หน้าสร้างเสร็จแล้ว! ส.ส.พปชร. เขต 2 นครศรีฯ เสนอ สธ. เร่งจัดเครื่องมือแพทย์เสริม รพ.ปากพนัง เติมเต็มศักยภาพการรักษาประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ จ.นครศรีฯ พร้อมรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19ในประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ โรงพยาบาลปากพนัง จะแล้วเสร็จตามสัญญาของผู้รับเหมารายใหม่ ภายหลังจากการก่อสร้างมากกว่า 10 ปี เพิ่งจะแล้วเสร็จ

ทั้งนี้เมื่อ รพ.ปากพนังเสร็จสมบูรณ์ พี่น้องประชาชนต่างหวังว่า รพ.ปากพนังจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 อำเภอ ลุ่มน้ำปากพนัง ประกอบด้วย อ.ปากพนัง (97,649 คน) อ.เชียรใหญ่ (42,139 คน) และอ.หัวไทร (63,641 คน) รวมประชากรประมาณ 203,429 คน (ข้อมูลประชากรปี 2563) ได้เข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ อ.เมือง ซึ่งอยู่ห่างไกลหลายสิบกิโลเมตร
แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการที่ตนได้ร่วมรับมอบรถตู้เอนกประสงค์และห้องความดันลบให้กับ รพ.ปากพนัง ซึ่งบริจาคโดยนายเฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ และมี นพ.สมเกียรติ วรยุทธการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากพนังเป็นผู้รับมอบ จึงพบว่าแม้ รพ.ปากพนังจะสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ยังคงขาดอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์อีกเป็นจำนวนมาก

“แม้ รพ.ปากพนังจะสร้างเสร็จในวันที่ 28 พ.ย.64 ที่จะถึงนี้ แต่พบว่ายังคงขาดเครื่องมือและอุปกรณ์อีกจำนวนมาก เช่น เครื่องเอกซเรย์ เครื่องมือผ่าตัด (ห้องผ่าตัดจำนวน 4 ห้อง) และอื่นๆ ที่จะรองรับการให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“ดังนั้นตนจึงอยากเสนอขอความช่วยเหลือไปยัง กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากที่ผ่านมา รมช.สธ.ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้าง รพ.ปากพนัง เพื่อเร่งจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือเป็นจำนวนมาก สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์อย่างเต็มที่ในการดูแลพี่น้องประชาชนพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง” ดร.สัณหพจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังนั้น ตนอยากขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนสามารถติดต่อขอเข้ารับวัคซีนจาก รพ.ในพื้นที่ใกล้เคียงโดยเร่งด่วน เพื่อบรรลุเป้าหมายการรับวัคซีนในพื้นที่ให้ได้ 70% ของจำนวนประชากร เตรียมพร้อมรับการเปิดการท่องเที่ยว อ.ปากพนัง ตามแผนการเปิดการท่องเที่ยวของจังหวัด ในระยะที่ 2 วันที่ 16 ธ.ค.64

ที่สำคัญ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ดังกล่าวยังช่วยให้พี่น้องประชาชน สามารถป้องกันการเกิดอาการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด-19 หากมีการติดเชื้อได้

ล่าสุดทาง รพ.ปากพนัง ได้จัดการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยทุก 500 คนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน จะได้รับสิทธิร่วมชิงรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้า 1 ชิ้นทันที

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 21 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.มานัส” เสนอสภาฯเยียวยาผู้เลี้ยงโค-กระบือ จ.พิษณุโลก

, ,

“ส.ส.มานัส” เสนอสภาฯเยียวยาผู้เลี้ยงโค-กระบือจ.พิษณุโลก รับผลกระทบโรคระบาดลัมปีสกินเกษตรกรเสียหายวงกว้าง

นายมานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ ได้นำเสนอในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงปัญหาและความเดือดร้อนจากการล้มตายของโคและกระบือ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือในพื้นที่ จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานใด

“การนำปัญหานี้มานำเสนอต่อในที่ประชุมสภาฯ เพราะต้องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคและกระบือ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ดูแลทุกข์สุขของพี่น้อง คือหน้าที่ของเรา ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส.พลังประชารัฐ”

ในฐานะตัวแทน ส.ส. ในพื้นที่ อยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ผ่านการสนับสนุนงบประมาณส่วนการในการเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคและกระบือในพื้นที่ จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคและกระบือประสบกับปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม และปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากโคและกระบือแต่ละตัวราคาหลักหมื่นขึ้นไป จึงทำให้เกษตรกรหมดทุนในการประกอบอาชีพ

#มานัสอ่อนง่าย
#ส.ส.พิษณุโลก
#พลังประชารัฐ
#พปชร.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 21 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.มานัส” เสนอสภาฯเยียวยาผู้เลี้ยงโค-กระบือ จ.พิษณุโลก

,

“ส.ส.มานัส” เสนอสภาฯเยียวยาผู้เลี้ยงโค-กระบือจ.พิษณุโลก รับผลกระทบโรคระบาดลัมปีสกินเกษตรกรเสียหายวงกว้าง

นายมานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ ได้นำเสนอในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงปัญหาและความเดือดร้อนจากการล้มตายของโคและกระบือ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือในพื้นที่ จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานใด

“การนำปัญหานี้มานำเสนอต่อในที่ประชุมสภาฯ เพราะต้องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคและกระบือ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ดูแลทุกข์สุขของพี่น้อง คือหน้าที่ของเรา ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส.พลังประชารัฐ”

ในฐานะตัวแทน ส.ส. ในพื้นที่ อยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ผ่านการสนับสนุนงบประมาณส่วนการในการเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคและกระบือในพื้นที่ จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคและกระบือประสบกับปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม และปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากโคและกระบือแต่ละตัวราคาหลักหมื่นขึ้นไป จึงทำให้เกษตรกรหมดทุนในการประกอบอาชีพ

#มานัสอ่อนง่าย
#ส.ส.พิษณุโลก
#พลังประชารัฐ
#พปชร.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 21 พฤศจิกายน 2564

“รมว.ดีอีเอส” หนุนผู้ประกอบการไทยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี พัฒนาศักยภาพธุรกิจ

,

“รมว.ดีอีเอส” หนุนผู้ประกอบการไทยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี-นวัตกรรมพัฒนาศักยภาพธุรกิจพร้อมเข้าสู่ศก.ดิจิทัล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ตนได้เป็นประธานในงานแถลงข่าวและพิธีเปิด “กิจกรรมส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบ (Smart Economy Showcase) ในพื้นที่จังหวัดสงขลา” ซึ่งจัดโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า โดยตนได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการชาวไทยทุกระดับ ได้ใช้โอกาสในการเข้าร่วมงาน เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิตให้คิดอย่างดิจิทัล รวมทั้งใช้โครงข่ายที่ภาครัฐได้จัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ในการเพิ่มทักษะการเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพการค้าธุรกิจ สร้างความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นคง

“ในงานดังกล่าวเราได้นำแพลตฟอร์มที่เหมาะสม มามอบโปรโมชั่นพิเศษให้กับผู้ประกอบการชาวสงขลา
facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 พฤศจิกายน 2564