โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ดร. อธิรัฐ รัตนเศรษฐ

“รมช.อธิรัฐ” ติดตามการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำในฤดูแล้ง พร้อมรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ภาคเหนือ

,

“รมช.อธิรัฐ” ติดตามการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำในฤดูแล้ง พร้อมรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ภาคเหนือ

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี นายภูเมศ สุขม่วง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 นายพงษ์ธร ชำนิกูล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ นายชัยโรจน์ คงบรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ ณ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 จ.เชียงใหม่

นายอธิรัฐ กล่าวว่า กรมเจ้าท่า ได้ดำเนินการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำในฤดูแล้ง พร้อมรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี และนครสวรรค์ แม่น้ำหลัก 13 สายที่สำคัญ คือ แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม แม่น้ำน่าน แม่น้ำกก แม่น้ำอิง แม่น้ำโขง แม่น้ำยวม แม่น้ำปาย แม่น้ำเมย แม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสาละวิน สรุปผลการดำเนินการดังนี้

  • ปี 64 : ขุดลอกแล้ว จำนวน 63 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุด 1,565,686.34 ลบ.ม.
  • ปี 65 : ขุดลอกแล้ว 124 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุด 3,610,859.92 ลบ.ม.
  • ปี 66 ดำเนินการขุดลอก 18 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุด 900,000 ลบ.ม.
  • ขุดลอกต่างตอบแทน ปี 65 : ปริมาณวัสดุที่ได้จากการขุดลอกรวม 1,713,561.18 ลบ.ม. สามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้ถึง 68,542,447.2 บาท

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการวิจัยเพื่อออกแบบระบบป้องกันตลิ่งพังโดยประยุกต์ใช้พืชพรรณเพื่อรักษาระบบน้ำอย่างยั่งยืน โดยสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 ร่วมกับ ภาควิชาครุศาสตร์โยธา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ดำเนินการบริเวณแม่น้ำแม่แตง ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการวิจัย หากโครงการฯ แล้วเสร็จ จะสามารถใช้เป็นแนวทางและรูปแบบมาตรฐานเบื้องต้นในการขุดลอกรักษาร่องน้ำ ป้องกันการกัดเซาะพังทลายของตลิ่งโดยใช้พืชพรรณที่เหมาะสมสอดคล้องกับพื้นที่ รักษาระบบทางน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อให้กรมเจ้าท่าหรือหน่วยงานราชการใช้ในการปฏิบัติตามภารกิจได้ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 ธันวาคม 2565

'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ

‘รมช.อธิรัฐ’ เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ” หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ

, ,

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า

ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า เร่งแก้ไขปัญหาคุมเข้มด้านความปลอดภัยในการปฎิบัติหน้าบนเรือ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก การแก้ไขต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการท่าเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือ ตัวแทนของบริษัทเจ้าของเรือ ตัวแทนของบริษัทเจ้าของสินค้า ผู้ปฏิบัติงาน(คนงาน) โดยให้ปฏิบัติดังนี้

  1. กำกับดูแลการปฏิบัติงานของคนงานให้ปฏิบัติตามข้อบังคับและคู่มือความปลอดภัย อบรม ฝึกซ้อม ให้เกิดความพร้อมในการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยตลอดเวลา
  2. ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ภายในเรือ การประเมินความเสี่ยงของเส้นทางและสภาพภูมิอากาศ
  3. การกำกับดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานต้องใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา
  4. การฝึกเจ้าหน้าที่เรือให้มีความรู้อย่างเพียงพอในการจัดการในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างถูกต้อง
  5. บริษัทที่จ้างคนงาน บริษัทเรือลำเลียงต้องแจ้งข้อมูลคนงาน ได้แก่ บัญชีรายชื่อ จำนวน ให้แก่นายเรือทราบ โดยนายเรือมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและความปลอดภัยในขณะที่มีการปฏิบัติงานบนเรือปฏิบัติตามปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยในการขนถ่ายสินค้า การบริหารจัดการความปลอดภัย และมาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้จากกรณีเกิดอุบัติเหตุคนงานเรือถ่านหินกลางทะเล เกาะเชือกขนของลงระหว่างเรือ ร่วงตกกระแทกเรือทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดกลางทะเล ช่วงระหว่างทางเดินเรือ เกาะสีชัง เกาะลอยศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากการลำเลียงคนงานที่ขึ้นไปทำงานสินค้าบนเรือสินค้า ชื่อ AGRI WARRIOR สัญชาติ ปานามา หลังจากคนงานปฏิบัติงานสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการลำเลียงคนงานที่อยู่บนเรือสินค้ากลับลงมายังเรือเล็กเพื่อกลับขึ้นสู่ฝั่ง โดยลงมากับตาข่ายที่ใช้ขนอุปกรณ์ลงจากเรือสินค้าขณะหย่อนลงมายังเรือเล็กเชือกตาข่ายเกิดขาดทำให้คนงานตกลงมายังเรือเล็กที่รอรับอยู่ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย และเสียชีวิตจำนวน 1 ราย

นายอธิรัฐ กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากการขาดความระมัดระวังและไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน การขนถ่ายสินค้าระหว่างเรือกับเรือ โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการขนถ่ายสินค้า ขาดการกำกับดูแลตามมาตรการด้านความปลอดภัยในการขนถ่ายสินค้า การบริหารจัดการความปลอดภัย และจากการประเมินความเสี่ยง พบปัญหาเกิดจากบริษัทผู้ประกอบการไม่ได้ให้ความสนใจด้านความปลอดภัย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ภายในเรือให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน และความประมาทของผู้ปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ ได้มอบให้กรมเจ้าท่าโดย นายปรีชา เพชรเลิศ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชลบุรี ร่วมกับ ผู้แทนสำนักงานการจราจรและความปลอดภัยทางทะเล, กองบังคับการตำรวจน้ำศรีราชา และศรชลจังหวัดชลบุรี เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ ดังนี้:

  • โรงพยาบาลวิภาราม จำนวน 1 ราย
  • โรงพยาบาลสมเด็จฯ จำนวน 2 ราย
  • โรงพยาบาลชลบุรี จำนวน 1 ราย
  • รักษาตัวหายกลับบ้าน จำนวน 1 ราย
  • ผู้เสียชีวิต ญาติได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลยังวัดบางนา

'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 สิงหาคม2565

รมช.อธิรัฐ เร่งช่วยเหลือปชช.น้ำท่วม 14 อำเภอ ประสานหน่วยงานระบายน้ำ

,

“รมช.อธิรัฐ”เร่งช่วยเหลือปชช.น้ำท่วม 14 อำเภอ ประสานหน่วยงานระบายน้ำออกจากพื้นที่

“รมช. อธิรัฐ” ห่วงใยพี่น้องประชาชนพื้นที่น้ำท่วมโคราช 14 อำเภอ ประสานจังหวัดและท้องถิ่นเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมเตรียมรับมือกรณีเกิดสถานการณ์น้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา รายงานสรุปข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดนครราชสีมา ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 จังหวัดนครราชสีมา ได้รับอิทธิจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมขังฉับพลัน พื้นที่การเกษตรเสียหายได้แก่ อำเภอบัวใหญ่ คง สีดา บัวลาย พิมาย ชุมพวง โนนแดง โชคชัย หนองบุญมาก ปักธงชัย ลำทะเมนชัย โนนไทย เมืองนครราชสีมา สูงเนิน ด่านขุนทด และอำเภอปากช่อง รวม 14 อำเภอ 74 ตำบล 536 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,693 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 92,897 ไร่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ

1. เร่งรัดการระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบแก่เกษตรกรโดยเร็วที่สุด โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสำรวจพื้นที่ในจุดที่ได้รับความเสียหาย เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน
2. ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยทุกครัวเรือน
3. ดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน ได้แก่ การขุดลอกท่อระบายน้ำ ดูดเลน การทำความสะอาดร่องน้ำ การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ฯลฯ เพื่อบรรเทาสถานการณ์

จากสภาพอากาศในช่วงนี้ที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ตนได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์น้ำ เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันบริเวณแม่น้ำ ลำน้ำสายหลัก และสาขาในพื้นที่

เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการ และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เลี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ รวมทั้งให้ตรวจสอบระบบการแจ้งเตือนประชาชนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำหลากได้ทันท่วงที

#พรรคพลังประชารัฐ #พปชร
ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 27 กรกฎาคม 2565

“อธิรัฐ” เยือน สปป.ลาว หารือเชื่อมต่อทางรถไฟ หนองคาย – เวียงจันทน์

, ,

“อธิรัฐ” เยือน สปป.ลาว หารือความร่วมมือ เชื่อมต่อทางรถไฟ หนองคาย – เวียงจันทน์

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ประชุมหารือโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างไทย – ลาว – จีน (ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์)ร่วมกับ
นายเวียงสะหวัด สีพันดอน รัฐมนตรีโยธาธิการและขนส่ง ผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ณ กรมโยธาธิการและขนส่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการรถไฟ จีน-ลาว ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างนครคุนหมิงกับนครหลวงเวียงจันทน์ ที่จะส่งเสริมการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างลาวและจีนให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งอยู่ใกล้กับจังหวัดหนองคาย โดยเส้นทางรถไฟดังกล่าวมีความสำคัญในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมื่อมีการเชื่อมต่อโครงข่ายโดยสมบูรณ์จากจีน ลาว มายังไทย ซึ่งขณะนี้ไทยได้มีแผนเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟหนองคายไปยังสถานีรถไฟเวียงจันทน์ ด้วยการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1

นายอธิรัฐ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่าย สปป.ลาว ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย – ลาว – จีน ความคืบหน้าการดำเนินงานรถไฟไทย – ลาว การขนส่งสินค้าข้ามแดนทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง พร้อมทั้งได้มีการหารือแนวทางการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชื่อมต่อรถไฟ หนองคาย – เวียงจันทน์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสะพานมิตรภาพไทย – ลาว (หนองคาย – เวียงจันทน์) ในปัจจุบัน ห่างจากสะพานเดิมประมาณ 30 เมตร โดยสะพานแห่งใหม่จะมีทางรถไฟขนาดทางมาตรฐานและขนาดทาง 1 เมตร และ 1.435 เมตร อีกทั้งยังสามารถรองรับรถยนต์ได้ด้วย โดยฝ่ายไทยจะเป็นผู้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดการก่อสร้าง ซึ่งจากการหารือร่วมกัน ผู้แทน สปป.ลาว แจ้งว่าฝ่ายลาวยินดีให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ โดยขอให้ฝ่ายไทยออกแบบและจัดทำรายงาน EIA เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการประชุมหารือร่วมกันในการประชุมครั้งถัดไป

ในการนี้ คณะผู้แทนไทย ยังได้เดินทางไปศึกษาดูงาน การให้บริการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารบนเส้นทางรถไฟจีน – ลาว ณ โครงการท่าบกท่านาแล้ง (Dry port) และเขตโลจิสติกส์ (Logistics Park) นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อเตรียมความพร้อมการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างระบบรางของไทย และโครงการรถไฟลาว – จีน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 มิถุนายน 2565

“รมช.อธิรัฐ -ส.ส.ทัศนียา “มอบผ้าห่มกันหนาวของให้ ปชช. 1,900 ชุด

,

“รมช.อธิรัฐ -ส.ส.ทัศนียา “มอบผ้าห่มกันหนาวของให้ปชช. 1,900 ชุดบรรเทาผลกระทบภัยหนาว 6 หมู่บ้าน อ.ประทาย จ.นครราชสีมา

ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย ส.ส.ทัศนียา​ รัตนเศรษฐ (เขต7​ จังหวัดนครราชสีมา) ลงพื้นที่ อ.ประทาย จ.นครราชสีมา เยี่ยมและให้กำลังใจพี่น้องประชาชน พร้อมมอบผ้าห่ม เสื้อแขนยาว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปฏิทิน จำนวน 1,900 ชุด ให้กับประชาชนกลุ่มผู้เปราะบาง ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และคนชรา โดยมอบตามจุดต่างๆ ดังนี้

• อบต.หันห้วยทราย ต.หันห้วยทราย จำนวน 280 ชุด
• ศาลาบ้านเพ็ดน้อย ต.หันห้วยทราย จำนวน 280 ชุด
• ศาลาบ้านหนองช่องแมว ต.หันห้วยทราย จำนวน 280 ชุด
• วัดบ้านโคกสี ต.วังไม้แดง จำนวน 230 ชุด
• วัดบ้านโคกพระ ต.วังไม้แดง จำนวน 280 ชุด
• วัดบ้านโนนภิบาล ต.วังไม้แดง จำนวน 355 ชุด

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 22 มกราคม 2565

รมช. อธิรัฐ มอบเสื้อ-ผ้าห่มต้านภัยหนาว เติมไออุ่น-รอยยิ้มกลุ่มผู้เปราะบางชาวโคราช

,

“รมช. อธิรัฐ”มอบเสื้อ-ผ้าห่มต้านภัยหนาว เติมไออุ่น-รอยยิ้มกลุ่มผู้เปราะบางชาวโคราช

ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยครอบครัวรัตนเศรษฐ และทีมงาน พปชร. ลงพื้นที่มอบเสื้อแขนยาว, ผ้าห่ม และปฏิทินปีใหม่ 2565 ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ใน จ.นครราชสีมา ได้แก่ วัดบ้านโกรก ต.โนนตาเถร จำนวน 150 ชุด, ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหนองม่วง ต.โนนตาเถร จำนวน 200 ชุด, วัดบ้านโคกหนองแวง ต.โนนตาเถร จำนวน 400 ชุด, วัดบ้านป่าตะแบง ต.ดอนยาวใหญ่ จำนวน 170 ชุด และโรงเรียนบ้านดอนยาว ต.ดอนยาวใหญ่ จำนวน 430 ชุด ที่กำลังประสบกับอากาศหนาว โดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มผู้เปราะบาง เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น

“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อตอกย้ำการสร้างสังคมแห่งการให้ เติมไออุ่นและรอยยิ้ม ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้เปราะบาง ที่กำลังประสบภัยหนาวจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น และยังได้มอบตุ๊กตาให้กับกลุ่มเด็กๆ เป็นของขวัญปีใหม่ ด้วยความห่วงใยจากครอบครัวรัตนเศรษฐ”
ทั้งนี้ ยังได้ร่วมพูดคุยและรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน เพื่อนำมาเป็นนโยบายในการช่วยเหลือ และพร้อมเป็นคนกลางประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาและความเดือดร้อนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

#ดรอธิรัฐรัตนเศรษฐ
#สสนครราชสีมา
#พปชร
#พลังประชารัฐ
#https://pprp.or.th/
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 มกราคม 2565

“อธิรัฐ”มอบผ้าห่มให้ชาวนครราชสีมาป้องกันภัยหนาว จัด1,200 ชุด

,

“อธิรัฐ”มอบผ้าห่มให้ชาวนครราชสีมาป้องกันภัยหนาว จัด1,200 ชุดช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางพื้นที่ต.ตลาดไทร

วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 น. ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ (เขต7 จังหวัดนครราชสีมา) และ ดร.อรัชมน รัตนเศรษฐลงพื้นที่ อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา เยี่ยมและให้กำลังใจพี่น้องประชาชน พร้อมมอบเครื่องกันหนาว ซึ่งประกอบด้วย ผ้าห่ม เสื้อแขนยาว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปฏิทิน จำนวน 1,200 ชุด ให้กับประชาชนกลุ่มผู้เปราะบาง ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และคนชราสวมใส่ให้ความอบอุ่นร่างกายเพื่อบรรเทาภัยในช่วงฤดูหนาว โดยมอบตามจุดต่างๆ ดังนี้

วัดเจริญราษฎร์บำรุง ต.ตลาดไทร จำนวน 230 ชุด
วัดโพธิ์ศรีบรรจง ต.ตลาดไทร จำนวน 220 ชุด
วัดบ้านตลาดไทร ต.ตลาดไทร จำนวน 440 ชุด
วัดบุตาหนา ต.ตลาดไทร จำนวน 310 ชุด

#พปชร
#พรรคพลังประชารัฐ
#https://pprp.or.th

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 27 ธันวาคม 2564

อธิรัฐ เพิ่มเส้นทางให้บริการเรือไฟฟ้าอีก 2 เส้นทาง เริ่ม 20 ธ.ค.นี้

,

“อธิรัฐ เพิ่มเส้นทางให้บริการเรือไฟฟ้าอีก 2 เส้นทาง เริ่ม 20 ธ.ค.นี้ พร้อมให้บริการรวม 23 ลำ”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ธันวาคม 2564 นี้ ผู้ให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry ในแม่น้ำเจ้าพระยา จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 เส้นทาง คือ เส้นทาง “Metro Line” จากท่าเรือพระราม 7 – ท่าเรือสาทร และเส้นทาง “City Line” จากท่าเรือปิ่นเกล้า – ท่าเรือสาทร โดยเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายไปถึงสิ้นปี 2564 เช่นกัน จากนั้นในเดือนมกราคม 2565 Metro Line จะปรับเป็น 25 บาทตลอดสาย ส่วน City Line 20 บาทตลอดสาย โดยเพิ่มจำนวนเที่ยวเรือเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารและลดจุดจอดท่าเรือเพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง ทำให้สามารถเดินทางได้เร็วขึ้น สำหรับจำนวนเที่ยวเรือโดยสารที่ให้บริการเพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ดังนี้

1. เวลา และเส้นทาง ที่ให้บริการ Metro Line (3 ลำ)
• วันจันทร์ – วันศุกร์ (12 เที่ยว/วัน) 06.05 น. – 17.45 น.
• วันเสาร์ – วันหยุดนักขัตฤกษ์ (18 เที่ยว/วัน) 07.30 น. – 18.45 น.
• วันอาทิตย์ (18 เที่ยว/วัน) 07.30 น. – 18.45 น.

2. เวลา และเส้นทาง ที่ให้บริการ City Line (3 ลำ)
• วันจันทร์ – วันศุกร์ (36 เที่ยว/วัน) 07.00 น. – 18.05 น.
• วันเสาร์ – วันหยุดนักขัตฤกษ์ (36 เที่ยว/วัน) 07.00 น. – 18.05 น.
• วันอาทิตย์ (36 เที่ยว/วัน) 07.00 น. – 18.05 น.

โดยปัจจุบันมีจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้ากับท่าเรือ 4 จุด ได้แก่ สายสีม่วงเชื่อมที่ท่าเรือพระนั่งเกล้า, สายสีน้ำเงินเชื่อมกับท่าเรือบางโพ และท่าเรือราชินี, สายสีเขียวเชื่อมที่ท่าเรือสาทร และในอนาคต สายสีส้มจะเชื่อมได้ที่ท่าเรือศิริราชและท่าราชวงศ์ ซึ่งหากดูการเติบโตของผู้ใช้บริการท่าเรือสาทร เดิมมีประมาณ 1,000 คน/วัน แต่เมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผู้ใช้บริการเพิ่มเป็นกว่า 20,000 คน/วัน เชื่อว่าการคมนาคมทางน้ำจะช่วยกระจายประชาชนเชื่อมกับรถไฟฟ้าได้ตลอดแนว และนอกจากนี้ในปี 2565 ผู้ให้บริการมีแผนต่อเรือโดยสารไฟฟ้ารุ่นใหม่เพิ่มอีก 15 ลำ เป็นเรือขนาดเล็ก รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 150 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สามของปี 2565 เป็นเรือที่สามารถลอดสะพานได้ในช่วงที่แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง จะทำให้สามารถให้บริการได้ตลอดทั้งปี เป็นการส่งเสริมการเดินทางทางน้ำและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 7 ธันวาคม 2564

“อธิรัฐ นำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี สั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้”

,

“อธิรัฐ นำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี สั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยถึงสถานการณ์อุทกภัยและผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตนจึงได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 3 ศูนย์ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่พร้อมยานพาหนะ เรือ ถุงยังชีพและน้ำดื่ม เข้าให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – วันที่ 3 ธันวาคม 2564 ในพื้นที่ 2 จังหวัดที่เกิดน้ำท่วม ได้แก่ จังหวัดชุมพร ที่อำเภอหลังสวน ในพื้นที่ตำบลนาพญา ตำบลบางมะพร้าว ตำบลปากน้ำ ตำบลบ้านพร้าว และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่อำเภอไชยยา ในพื้นที่ตำบลเวียง โดยส่งกำลังเจ้าหน้าที่รวม 30 นาย พร้อมเรือ 8 ลำ รถ 8 คัน นำถุงยังชีพจำนวน 710 ชุด อาหาร 400 กล่อง และน้ำดื่ม 6,100 ขวด มอบให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่แล้ว

ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำให้กรมเจ้าท่าโดยศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำรวจสภาพระดับน้ำในพื้นที่และยังคงให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมความพร้อมทั้งรถ เรือ และชุดถุงยังชีพ เพื่อใช้ในการออกช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 4 ธันวาคม 2564

“รมช.อธิรัฐ – ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ” เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ

,

“รมช.อธิรัฐ – ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ” เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ บรรเทาความเดือดร้อนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมพื้นที่โคราช ต่อเนื่อง

ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะลงพื้นที่ อ.ประทาย จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เป็นการเยียวยา สร้างขวัญกำลังใจ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประสบภัยให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้โดยเร็ว

โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,200 ชุด ตามจุดต่างๆ ดังนี้ ศาลาประชาคมบ้านสี่เหลี่ยม ต.กระทุ่มราย จำนวน 373 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านเขว้า ต.กระทุ่มราย จำนวน 222 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านโนนไผ่ล้อม ต.กระทุ่มราย จำนวน 247 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านกระทุ่มราย ต.กระทุ่มราย จำนวน 216 ชุด และ ศาลาประชาคมบ้านดอนกลาง ต.กระทุ่มราย จำนวน 142 ชุด

ด้าน ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ (เขต7 จังหวัดนครราชสีมา) พร้อมด้วย นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ได้ลงพื้นที่ อ.คง จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้นำชุมชนเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เป็นการเยียวยา สร้างขวัญกำลังใจ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประสบภัยให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้โดยเร็ว

โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด ตามจุดต่างๆ ดังนี้ ศาลากองทุนบ้านมะค่า ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 200 ชุด, วัดบ้านโจด ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 130 ชุด, วัดปริยัติไพศาล ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 232 ชุด และวัดบ้านขาม ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 407 ชุด“ด้วยความห่วงใยจาก ครอบครัวรัตนเศรษฐและทีมงาน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 22 พฤศจิกายน 2564

อธิรัฐ ติดตามผลงานท่าเรือปากเมง นักท่องเที่ยวเพิ่มหลังนายกรัฐมนตรีนำเปิด

,

“อธิรัฐ ติดตามผลงานท่าเรือปากเมง นักท่องเที่ยวเพิ่มหลังนายกรัฐมนตรีนำเปิด สร้างบรรยากาศ
ท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงบรรยากาศการท่องเที่ยวหลังจากท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดท่าเทียบเรือปากเมง จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ชาวไทยและชาวต่างชาติทราบถึงความสวยงามของท่าเทียบเรือที่มีเอกลักษณ์เข้ากับทัศนียภาพที่สวยงามของท้องทะเลตรัง จึงกลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางมาเที่ยวชมบริเวณท่าเทียบเรือเป็นจำนวนมาก กลายเป็นแลนด์มาร์คและจุดเช็คอินแห่งใหม่ของจังหวัดตรัง ช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ค้าขาย ผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่เป็นอย่างมาก อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการท่าเรือปากเมงเฉลี่ย ปีละ 67,000 คน คาดว่าหลังจากนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 90,000 คน สามารถสร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของจังหวัดตรัง

ทั้งนี้ตนได้เน้นย้ำให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง เข้มงวดมาตรการป้องกันโรคติดต่อเชื้อไวรัส
โคโรน่า 2019 (Covid-19) ควบคู่กับการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยภายใต้กติกาสาธารณสุข

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 19 พฤศจิกายน 2564

อธิรัฐ ติดตามมาตรการนักท่องเที่ยว “ทะเลตรัง” สร้างเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวไทย-เทศ

,

อธิรัฐ ติดตามมาตรการดูแลนักท่องเที่ยว “ทะเลตรัง” สร้างเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวไทย-เทศ

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดตรัง ณ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามมาตรการความปลอดภัยทางน้ำในการดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละปีจังหวัดตรังมีนักท่องเดินทางมาใช้บริการท่าเทียบเรือโดยสารเป็นจำนวนมาก จากสถิติผู้ใช้บริการ 4 ปี ย้อนหลัง ปี61 จำนวน 225,523 คน ปี62 282,128 คน ปี63 167,636 คน และปี64 192,496 คน เมื่อเปิดประเทศคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานเจ้าท่าฯ กำหนดเพิ่มเติมมาตรการความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้นใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ท่าเทียบเรือปลอดภัย 2.เรือปลอดภัย 3.คนปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้กำชับให้เร่งสำรวจ ตรวจสอบ การปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับอนุญาตแต่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

และวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 เป็นประธานการประชุม ณ สำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 3 เพื่อติดตามความคืบหน้าการบำรุงรักษาร่องน้ำในพื้นที่ภาคใต้ 6 จังหวัดได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวม 166 ร่องน้ำ โดยเฉพาะการดูแลรักษาร่องน้ำเศรษฐกิจ สรุปผลการดำเนินการดังนี้

  • ปี 64 : ขุดลอกแล้ว จำนวน 9 ร่องน้ำ ได้แก่ จังหวัดกระบี่ 5 ร่องน้ำ และ จังหวัดภูเก็ต 4 ร่องน้ำ ปริมาณดินขุดรวม 807,122 ลบ.ม.
  • ปี 65 : ดำเนินการขุดลอก 10 ร่องน้ำ ได้แก่ จังหวัดพังงา 7 ร่องน้ำ จังหวัดสตูล 2 ร่องน้ำ และจังหวัดตรัง 1 ร่องน้ำ
  • ปี 66 มีแผนการขุดลอกอีก 19 ร่องน้ำในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสตูล ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และระนอง
  • ขุดลอกต่างตอบแทนที่จังหวัดพังงา ดำเนินการแล้วจำนวน 2 จุด ที่คลองบางม่วงและคลองดอกแดง เนื้อดินรวม 90,344 ลบ.ม.

ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้สำนักงานพัฒนาฯ ดำเนินการขุดลอกให้เป็นไปตามแผนเพื่อให้เรือสามารถสัญจรเข้า–ออก ได้ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการทำประมง เพิ่มศักยภาพการแข่งขันและการท่องเที่ยว รวมทั้งให้เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ จำนวน 9 นาย รถยนต์ 4 คัน เรือ 2 ลำ ถุงยังชีพ และน้ำดื่ม สามารถออกให้ความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ช.ม.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 พฤศจิกายน 2564