พล.อ.ประวิตร”ผนึกกำลังคนพลังประชารัฐลุยศึกเลือกตั้ง
พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง ใช้ใจบันดาลแรงช่วยเหลือปชช.
วันที่ 30 มกราคม 2566 – พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมระดมทุนพรรค ภายใต้ชื่องาน “พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง” ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ โดยเป้าหมายเพื่อการเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมของพรรค ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การรณรงค์หาเสียงสู่การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพื่อให้พรรค พปชร. เป็นตัวแทนของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร โดยกิจกรรมระดมทุนครั้งนี้ เป็นการเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วน ที่มีอุดมการณ์เดียวกันเข้ามามีส่วนร่วม และเป็นหนึ่งเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ
นายสันติ กล่าวเปิดงานว่า วัตถุประสงค์ในการจัดงานระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมทางการเมืองและกิจกรรมของพรรค ให้เป็นไปตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หมวด 5 รายได้ของพรรคการเมือง ตามมาตรา 64 ในฐานะคณะกรรมการจัดงาน ขอขอบพระคุณท่านหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค และที่สำคัญที่สุด คือ ผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้การสนับสนุน
ในการจัดงานครั้งนี้ จนประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ทุกประการ และขอขอบพระคุณ
ทุกท่านที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าของท่านมาร่วมงาน และทำให้งานประสบความสำเร็จด้วยดี
ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ กิจกรรม ระดมทุน“พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง”ด้วยความยินดี สถานการณ์ ด้านการเมือง ในปัจจุบันสังคมไทย ยังมี ความคิดเห็น ที่แตกต่างกันซึ่งอาจ นำไปสู่ ปัญหา ความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐ ยังคง มุ่งมั่น ยืนหยัดที่จะทำงานการเมือง อย่างสร้างสรรค์โดยมี เป้าหมาย สูงสุด คือการสนับสนุน ระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ ทรงเป็น ประมุข และ รักษาผลประโยชน์ของชาติให้พี่น้องประชาชน ชาวไทยมีความ กินดี อยู่ดี อย่างมีความสุข
“พรรคพลังประชารัฐจะขับเคลื่อนต่อยอดใน 3 พันธกิจหลักของ พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ สวัสดิการ ประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ,เศรษฐกิจ ประชารัฐ สร้างความสามารถ และ โอกาส ที่เท่าเทียม และสังคมประชารัฐ เพื่อความ สงบสุขเข้มแข็ง และ แบ่งปันการขับเคลื่อน นโยบาย ดังกล่าว ได้ผ่านการลงพื้นที่ เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหา ให้กับ ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดมา รวมทั้ง รับฟังปัญหา และ ข้อคิดเห็นจากประชาชน หน่วยงาน และ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ รับทราบ แนวทางในการ แก้ไขปัญหา นำมาสู่การพัฒนา ปรับปรุงที่ตรงกับ ความต้องการของประชาชน แนวทาง การดำเนินงานในรูปแบบดังกล่าว จะทำให้ การพัฒนา สามารถ เข้าถึงเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง”
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนขอยืนยันกับทุกท่านว่าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งสร้างพลัง แห่งความ สามัคคี เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เข้ามา หาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทย ไปสู่จุดหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ทุกคน
นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ยังได้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจเดินหน้าเข้าสู่เวทีการเมือง ด้วยความตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ จนเกิดประโยคที่ว่า “ใจบันดาลแรง”โดยระบุช่วงหนึ่งว่า ชีวิตสมัยเป็นทหารกับการเป็นนักการเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้กองทัพบกเจริญรุ่งเรือง พอเกษียณอายุราชการก็ถูกเชิญไปเป็น รมว.กลาโหม 3 ปี ก่อนจะมีโอกาสเข้ามาเป็นรองนายกฯ และรมว.กลาโหม ซึ่งตนไม่ค่อยทราบว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับนักการเมืองกว่า 10 ปีทำให้พอทราบว่าเป็นอย่างไร ตนเคารพทุกคน เพราะในชีวิตการทำงานของตน ผ่านศึกสงครามมามาก แต่พยายามทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และประชาชนมาโดยตลอด
“สิ่งที่อยากจะแก้ไขที่สุดคือ เรื่องปัญหาความยากจนทั้งชาวนาชาวไร่เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ เป็นกลุ่มที่เราต้องดูแลให้อยู่ให้ได้เพื่อให้ประเทศก้าวหน้าต่อไป ถ้าถามว่าผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30หรือไม่ ผมก็ต้องบอกว่าพร้อม แต่จะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนเลือกผมก็พร้อมและยินดีที่จะทำ
ทั้งนี้ ภายในงานยังได้จัดเสวนาในหัวข้อ “Thailand in a spinning word – ประเทศไทยในวันที่โลกหมุนเร็ว” โดย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรค และ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ได้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต ที่ต้องรับมือกับการแข่งขันในเวทีโลก รวมถึงกฎเกณฑ์การค้าใหม่ที่ต้องเผชิญ กับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Chang) โดยต้องให้ภาคการผลิตไทยและทุกภาคส่วนเร่งปรับตัว เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 มกราคม 2566