โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 24 มกราคม 2023

“รมว. ตรีนุช” ยกเลิกระเบียบศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน

,

“รมว. ตรีนุช” ยกเลิกระเบียบศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 มาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการลงโทษเรื่องทรงผมได้ส่งผลถึงร่างกายและจิตใจของนักเรียน ศธ.จึงได้มีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) ได้ให้ความเห็นว่า รมว.ศธ.ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดอาจอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 ประกอบกับมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 กำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำไปปฏิบัติได้ ดังนั้น เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมาตนจึงได้ลงนามในระเบียบศธ.ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 และเสนอสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วออกเป็นหนังสือสั่งการหรือหนังสือเวียน กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนหรือนักศึกษาไว้อย่างกว้างๆ เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดที่เป็นผู้กำกับดูแลสถานศึกษา กำหนดให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวไปกำหนดเป็นระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาแต่ละแห่งเอง

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ศธ.ได้ยกร่างแนวนโยบายเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษา ไว้ดังนี้ 1.การไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัด ศธ. และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ. จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ โดยสถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ตามพันธกิจ บริบท และความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา และ 2. สถานศึกษาในสังกัด ศธ.และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ.อาจดำเนินการกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับไว้ทรงผมของนักเรียนได้ โดยการวางระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาและควรระบุบทอาศัยอำนาจของกฎหมายเฉพาะมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 , จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือ ผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชนท้องถิ่น บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นใดที่หัวหน้าสถานศึกษาเห็นสมควร เป็นต้น และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนแล้วแต่กรณี ก่อนการประกาศใช้ และควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนไว้ในระบบสารสนเทศ หรือบริเวณของสถานศึกษา และดำเนินการแจ้งให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสถานศึกษาทราบเป็นการทั่วไป เพื่อให้การปฏิบัติตนของนักเรียนมีความถูกต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดความชัดเจนในการดำเนินการของสถานศึกษา

“ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีข้อต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผม ว่า นักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาว ไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย นักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย และมีข้อต้องห้ามปฏิบัติตน ดังนี้ ดัดผม ย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม ไว้หนวดหรือเครา การกระทำอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น การตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรงสัญลักษณ์หรือเป็นลวดลาย แต่ต่อไปหลังจากมีการประกาศยกเลิกในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เรื่องการไว้ทรงผมของนักเรียนทั้งหมดจะอยู่ที่สถานศึกษา ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ได้มาจากการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย” นางสาวตรีนุช กล่าว.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”นำทีมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครชุดใหญ่ 71 คนล็อคพื้นที่กทม.- ตจว. ประกาศใช้พื้นที่ป้อมปราบศัตรูพ่ายชื่อมงคลปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกทม.

,

“พล.อ.ประวิตร”นำทีมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครชุดใหญ่ 71 คนล็อคพื้นที่กทม.- ตจว.
ประกาศใช้พื้นที่ป้อมปราบศัตรูพ่ายชื่อมงคลปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกทม.

วันที่ 24 มกราคม 2566 เวลา 16.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีมคณะผู้บริหารพรรค ประกอบด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล ในฐานะหัวหน้าทีมกทม. ที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้งหมด 71 คน ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ณ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จากช่วงที่ผ่านมาได้เปิดไปแล้ว 350 คน และจะทยอยเปิดให้ต่อเนื่องให้ครบทุกเขตเลือกตั้ง คาดว่าจะส่งให้ครบ 400 คน ทุกจังหวัด และย้ำให้ว่าที่ผู้สมัครทั้งหมดเร่งลงพื้นที่พบปะประชาชน ให้ได้มากที่สุด ทุกคนได้ผ่านการฝึกอบรมและรู้แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรในการลงพื้นที่ และนำนโยบายของพรรคไปหาเสียง โดยให้อยู่ภายใต้กฎหมายการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด ตามกรอบของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)

“ ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักทาง ชนอกจากความหวังอยู่ที่ผู้สมัครทุกคนที่ต้องลงพื้นที่และเอานโยบายของพรรคไปหาเสียงตามที่ กกต. กำหนด และต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมาย ต้องยึดมั่นในกฎหมาย ฝากทุกคนเพื่อเป็นความหวัง และขอให้ทุกคนจะประสบความสำเร็จด้วยดี

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวย้ำ ขอให้ผู้สมัครลงพื้นที่ให้ครบทุกหลังคาเรือน อย่าฝากความหวังไว้ที่หัวคะแนนเพียงอย่างเดียว โดยเน้นให้พบกับประชาชนด้วยตัวเอง เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวผู้สมัคร ที่จะเดินหาเสียงเลือกตั้งที่จะมาถึง ด้วยความมุ่งมั่น และอดทน ซึ่งนโยบายของพรรค ฝากให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคนดำเนินการตามที่ได้ประกาศไว้กับประชาชนโดย พปชร.จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่

ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวเสริมว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมที่จะไปปราศรัยเป็นที่แรกในกทม. พื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ในเร็วๆนี้ ซึ่งได้มีการหารือกับหัวหน้าทีมกทม. เพื่อประกาศว่า พปชร. พร้อมแล้วที่จะรับใช้คนกทม. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 71 คน พื้นที่กทม. จำนวน 28 คน 1. นายธิชดล สกุล 2. ดร.ภูมิพิชัย ธารดำรง 3.น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ 4. ร.อ.รชฎ พิสิษฐบรรณกร 5.นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ 6.นายสฤษดิ์ ไพรทอง7.นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ 8.นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ 9.น.ส.น้ำฝน ไพรทอง 10.ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น 11.นางนฤมล รัตนาภิบาล 12.นายรังสรรค์ กียปัจจ์ 13.นายกานต์ กิตติอำพน 14.น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง 15.นายกิตติภูมิ นีละไพจิตร์ 16. ดร.คมสัน พันธุ์วิชาติกุล 17.นายศิริพงษ์ รัสมี 18.นายพีระพงษ์ รัสมี 19.นางนาถยา แดงบุหงา 20.นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ 21.นายศันสนะ สุริยะโยธิน 22.นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ 23.นายรพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา 24.นาวาตรีนิธิ บุญยรัตกลิน 25.พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง 26.ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช 27.ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ 28.นายเอกชัย ผ่องจิตร์

พื้นที่ภาคเหนือ รวม 7 คน จ.แพร่ 29.นางสาวอาทิตยา อินนะไชย 30.นายสุรสิทธิ์ เพชรปิตุพงษ์
31.นางปอรวัลย์ มุดเจริญ จ.ตาก 32.นายชิงชัย ก่อประภากิจ จ.พิษณุโลก 33. นายเอกพงษ์ กุลเจริญ จ.นครสวรรค์
34.นายธนรัชต์ วิเชียรรัตน์ 35.นายนัยศาลิน ถนอมมิตรวัฒนา

พื้นที่ภาคกลาง รวม 7 คน จ.นครปฐม 36. นายศิรวริศ สวนแก้ว 37. นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม
38. นายมนตรี บุญประคอง จ. กาญจนบุรี 39.นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ 40.นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ 41.พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ 42.นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์

พื้นที่ภาคใต้ รวม 1 คน จ. นครศรีธรรมราช 43.ดร.นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ พื้นที่ภาคตะวันออก (รวม 5 คน)
ระยอง 44. นายพายัพ ผ่องใส จ. ฉะเชิงเทรา 45.ดร.รัฐสภา นพเกตุ 46.พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ
จ. ชลบุรี 47.นายเพิ่มพงศ์ วงศ์ทรายทอง จ.ปราจีนบุรี 48. นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์

พื้นที่ ภาคอีสาน รวม 23 คน จ. ศรีสะเกษ 49. นายสุรณัฐ แนบเนียม 50. ดร.อภิชา ระยับศรี
จ . อุดรธานี 51. นายวิฑูรย์ นามคุณ จ. สุรินทร์ 52. ว่าที่ร้อยตรีศักดินันท์ ศุภนิมิตรมนตรี 53. นายพิเชษฐ์ สุทธิศิริวัฒนะ
54. นางสาวณชณฆ์ ตรงใจ จ. ชัยภูมิ 55. นายพีระพล ติ้วสุวรรณ จ. นครราชสีมา 56. ดร.กาญจนา เปรมภิรักษา
57. นายสุกฤษณ์ วัชรมาลีกุล 58. พ.ต.อ.ปริวัฒน์ นาคำ เขตสูงเนิน จ. เลย 59. นายชูศักดิ์ บัวระภาสิริ จ. สกลนคร
60. นายอภิวัฒน์ มีชัย จ. กาฬสินธุ์ 61. น.ส.พาวิไล พิมพะสาลี 62. นายสิทธิศักดิ์ พัฒนชัย จ. ร้อยเอ็ด
63. นายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล จ. ขอนแก่น 64. นายอัษฎางค์ แสวงการ 65. นายพัฒนา นุศรีอัน
66. นายปัญญา ศรีปัญญา 67. นายณรงค์เลิศ สุรพล 68. นายสมใจ ชาญจระเข้ 69. นายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์,
70.นายไพฑูรย์ ผิวผาง 71. นพ.กันณพงศ์ อัครไชยพงศ์


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มกราคม 2566

“รองวิรัช”ปลุกกระแสบัตรสวัสดิการประชารัฐ 700 บาท ระดมว่าที่ผู้สมัครชูแคมเปญหาเสียงพร้อมรับศึกเลือกตั้ง

,

“รองวิรัช”ปลุกกระแสบัตรสวัสดิการประชารัฐ 700 บาท ระดมว่าที่ผู้สมัครชูแคมเปญหาเสียงพร้อมรับศึกเลือกตั้ง

วันที่ 24 มกราคม 2566 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ได้เปิดการฝึกอบรม ว่าที่ผู้สมัครรุ่นที่ 5 ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 90 คน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อดำเนินการให้ว่าที่ผู้สมัครทั่วประเทศเตรียมความพร้อม ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเน้นให้ว่าที่ผู้สมัครนำนโยบายที่ได้เปิดไปแล้ว นำไปใช้ในการรณรงค์หาเสียง ในพื้นที่ โดยเฉพาะการเพิ่มบัตรสวัสดิการประชารัฐ เป็น 700 บาท ซึ่งเป็นนโยบายที่เข้าถึงประชาชน เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันและมีส่วนสำคัญให้ว่าที่ผู้สมัครของพปชร. ได้รับชัยชนะเสียงจากประชาชน เข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)

“ทั้งนี้พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร. ได้ประกาศเพิ่มสวัสดิการในบัตรประชารัฐ ที่ 700 บาทต่อเดือน นับเป็นนโยบายที่จะช่วยดูแลประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งยอมรับว่าในช่วงเวลานี้ทุกอย่างต้องตื่นตัว เพราะใกล้เวลาเลือกตั้งเข้ามาทุกที่ แม้ว่าขณะนี้มีนโยบายเดียวที่ออกมาก็ไม่เป็นปัญหา แต่ไม่เกินสัปดาห์หน้าคาดว่าจะมีการประกาศนโยบายใหม่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนตามเป้าหมายของพรรค ที่ผ่านมาเราก็ใช้แคมเปญ 700 บาททั่วไทย ขณะที่สื่อเอง ก็มีการนำไปสื่อสารขยายผล ในข้อความใหม่ ที่ว่า “ป้อม 700 ” เป็นสโลแกนที่เข้าใจง่ายดี เชื่อว่าจะส่งผลให้ประชาชนเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ในนโยบายแรกของพรรค” นายวิรัชกล่าว

อย่างไรก็ตาม การอบรม ว่าที่ผู้สมัคร ในข้อกฎหมายเพื่อการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะจะมีส่วนให้การลงพื้นที่หาเสียง ไม่มีปัญหาในการถูกข้อร้องเรียน และการดำเนินกิจกรรมรณรงค์หาเสียงเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ยังเป็นการสานสัมพันธ์ของว่าที่ผู้สมัครให้มีความเป็นหนึ่งเดียว ในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการหาเสียงและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวผู้สมัคร โดยนโยบายการเพิ่มบัตรสวัสดิการ700 บาท ได้เริ่มให้ว่าที่ผู้สมัคร มีการออกแบบป้าย เพื่อใช้ประกอบในการรณรงค์หาเสียงอย่างเป็นทางการในพื้นที่ต่างๆ แล้วทั่วประเทศ


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มกราคม 2566