โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวประชาสัมพันธ์

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ติดตามปริมาณน้ำ “สิงห์บุรี-อ่างทอง-อยุธยา” กำชับหน่วยงานแจ้งเตือนเข้าเยียวยาความเดือดร้อนปชช.ทุกพื้นที่เสี่ยง

,

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ติดตามปริมาณน้ำ “สิงห์บุรี-อ่างทอง-อยุธยา”
กำชับหน่วยงานแจ้งเตือนเข้าเยียวยาความเดือดร้อนปชช.ทุกพื้นที่เสี่ยง

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อเร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากพายุ”โนรู” บริเวณ เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท พร้อมเดินทางต่อไปยัง บริเวณพื้นที่ประตูน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี และสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เพื่อติดตามสถานการณ์เขื่อนป้องกันตลิ่ง และ เดินทางต่อเนื่องไปยัง วัดโบสถ์(ล่าง) อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจ ติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณ แม่น้ำน้อย โดยมีนาย นิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัด.พระนครศรีอยุธยาให้การต้อนรับ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม น้ำหลาก จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้พบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับ และให้กำลังใจชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท ในการช่วยเหลือประชาชน อย่างเต็มที่

พล.อ.ประวิตร ยังได้สั่งการจังหวัด กรมชลประทาน ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเร็วที่สุด ตามนโยบาย 13 มาตรการรับมือฤดูฝน รวมทั้ง ให้เร่งรัดการก่อสร้างคลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา และมอบหมายให้ ก.เกษตร ,ก.การคลัง เตรียมให้ความช่วยเหลือ เยียวยา ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ อย่างทั่วถึง รวมทั้งได้กำชับ สทนช. เร่งขับเคลื่อนแผนป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งระยะสั้น ระยะยาว อย่างเป็นระบบ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ ให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ครอบคลุมทุกพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้ง ได้กล่าวยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลมีความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ครั้งนี้ อย่างเต็มที่ ทุกครัวเรือน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ โดยเร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากความเดือดร้อน และมีความอยู่ดี กินดี ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ตุลาคม 2565

พล.อ.ประวิตร’ ห่วงประชาชนพื้นที่ปลายเจ้าพระยารับมวลน้ำเพิ่ม เร่งหน่วยงานผันน้ำเข้าทุ่งพร้อมแผนเบี่ยงน้ำลดผลกระทบน้ำท่วมขัง

,

พล.อ.ประวิตร’ ห่วงประชาชนพื้นที่ปลายเจ้าพระยารับมวลน้ำเพิ่ม
เร่งหน่วยงานผันน้ำเข้าทุ่งพร้อมแผนเบี่ยงน้ำลดผลกระทบน้ำท่วมขัง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหารเดินทางลงพื้นที่ภาคกลาง จ.ชัยนาท และ อยุธยา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง หลังเพิ่มปริมาณการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา โดยรับฟังสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง จากศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ณ สำนักงานชลประทานที่ 12 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส.ส.จังหวัดชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ สมาชิกพรรคพลังประรัฐ ร่วมติดตามลงพื้นที่ด้วย โดยมีประชาชนชาวจังหวัดชัยนาทร่วมต้อนรับและขอหอมแก้มให้กำลังใจ นำพวงมาลัยผ้าขาวม้า ผ้าขาวม้าผูกเอว และให้กำลังใจพล.อ.ประวิตร

สำหรับภาพรวมปริมาณน้ำปี 2565 มากกว่า ปี 2564 โดยใกล้เคียงกับปี 2554 อันเกิดจากมรสุมและพายุที่พาดผ่านไทยหลายลูก ปริมาณน้ำยม น่านและปิงรับน้ำมากขึ้น ส่งผลการบริหารการระบายน้ำเจ้าพระยา โดยศูนย์อำนวยการน้ำส่วนหน้า จ.ชัยนาท ได้พิจารณาให้ความสำคัญควบคุมความสมดุลไม่ให้กระทบพื้นที่อุทกภัยวงกว้าง

พล.อ.ประวิตร’ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงาน ที่สนับสนุนรับมือสถานการณ์น้ำและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ พร้อมทั้งสั่งการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ( สทนช. )จังหวัด กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกันติดตาม 13 มาตรการในการรับมือฤดูฝน โดยขอให้พิจารณาเร่งเบี่ยงน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เข้าคลองระพีพัฒน์ออกทะเลโดยตรง รวมทั้งขอให้หน่วยน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ลงทุ่งรับน้ำในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ และให้ผันน้ำเข้าทุ่งรับน้ำ 10 ทุ่งที่จัดเตรียมไว้ เพื่อลดปริมาณน้ำลงพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง และขอให้เร่งระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้ สทนช.เร่งขับเคลื่อนแผนป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งควบคู่กันไป เพื่อแก้ปัญหาน้ำระดับพื้นที่และกักน้ำไว้เพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง พร้อมทั้ง กำชับให้กรมชลประทานเร่งก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล – บางไทร ให้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ จว.อยุธยา ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

พร้อมทั้งขอให้กระทรวงมหาดไทย โดยทุกจังหวัด ที่ประสบอุทกภัย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงการคลัง ร่วมพิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ทั่วถึง และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยทั่วถึง ในการบริหารจัดการสมดุลน้ำไปพร้อมกัน พร้อมกับขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ร่วมบริหารจัดการน้ำและลงดูแลช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากนั้นในบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร’และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.เสนา จว.อยุธยา ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่วัดโบสถ์


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ตุลาคม 2565

พล.อ.ประวิตร’ กำชับหน่วยงานรัฐ เข้มมาตรการประมงผิดกฎหมาย ย้ำหยุดการกระทำทุจริตเรียกรับประโยชน์สร้างความเชื่อมั่นตามกฎ IUU

,

พล.อ.ประวิตร’ กำชับหน่วยงานรัฐ เข้มมาตรการประมงผิดกฎหมาย
ย้ำหยุดการกระทำทุจริตเรียกรับประโยชน์สร้างความเชื่อมั่นตามกฎ IUU

วันที่ 30 กันยายน 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/65 เพื่อติดตามเสริมประสิทธิภาพการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายให้ดียิ่งขึ้น โดย พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมติดตามความคืบหน้า แนวทางและมาตรการในการพัฒนาการประมงของไทยให้ปลอดสัตว์น้ำและสินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมง IUU โดยมีการให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทุกระดับมากขึ้น การลดการใช้โฟมหรือวัตถุที่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติก สืบเนื่องจากผลการประชุมระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ที่เน้นให้ไทยยังคงดำเนินการแก้ไขปัญหาในมิติต่างๆของการประมงตามหลักวิทยาศาสตร์และหลักสากล เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนของการทำประมงต่อไป รวมทั้งการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกุ้งไทย ที่มุ่งเพิ่มผลผลิต 80,000 ตัน ในปี 66 และ (ร่าง) แผนพัฒนาด้านการประมงในพื้นที่แม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน ปี 66-70

ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบ มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการแจ้งเป้า ตรวจสอบและดำเนินคดีเรือที่ต้องสงสัย ซึ่งกำหนดหน่วยปฏิบัติงาน ขั้นตอนการดำเนินงานและกรอบเวลาในแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจนขึ้น และเห็นชอบการบังคับใช้กฎหมายกับการทำประมงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ( ศร.ชล.) กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการถอนรายชื่อเรือประมงทำประมงผิดกฎหมายออกจากบัญชี

พล.อ.ประวิตร’ ได้กำชับ ศร.ชล.และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังต้องทำงานหนักร่วมกัน ดำรงความเข้มงวดกวดขันมาตรการต่างๆในการป้องกันและแก้ไขการทำประมง IUU อย่างจริงจังต่อเนื่องกันไป รวมทั้งทำงานร่วมกับต่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำต้องไม่มีคอรัปชั่น เอื้อหรือเรียกรับประโยชน์จากเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานอย่างเด็ดขาด โดยจะต้องมีการกำกับตรวจสอบและประเมินมากขึ้น เพื่อมิให้สถานะการทำประมงของประเทศ กลับไปสู่จุดต่ำสุด ที่ละเลยการปฏิบัติจากหน่วยที่มีอำนาจหน้าที่ดังเช่นที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ขอให้พัฒนาบุคลากรในแต่ละองค์กรให้มีความเข้าใจและมีความสามารถสูงขึ้น เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำประมงให้ถูกต้องตามหลักสากล และเป็นการช่วยรักษาฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืนร่วมกันในทุกภาคส่วน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 กันยายน 2565

พล.อ.ประวิตร ผลักดัน “กองทุนดีอี” ต่อยอด 5G เส่งเสริมเศรษฐกิจ-สังคม อนุมัติใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการศึกษาภาคประชาชนตามนโยบายรัฐบาล

,

พล.อ.ประวิตร ผลักดัน “กองทุนดีอี” ต่อยอด 5G เส่งเสริมเศรษฐกิจ-สังคม
อนุมัติใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการศึกษาภาคประชาชนตามนโยบายรัฐบาล

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน น.ส.สดุดี กิตติสุวรรณ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) และคณะ เข้าพบ นายคาโตะ คัทซึโนบุ (Mr.KATO Katsunobu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และขอบคุณที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนกระทรวงแรงงานในด้านต่างๆ และทั้งสองฝ่ายยินดีจะสนับสนุนภารกิจที่เกี่ยวข้องร่วมกัน ณ ห้องรับรองกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ดูแลแรงงานไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงแรงงานมีสำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ทำหน้าที่ขยายตลาดแรงงานและคุ้มครองแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น

“และในวันนี้เปิดโอกาสให้เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือข้อราชการด้านแรงงาน และขอบคุณที่ได้ดำเนินการตามความตกลงด้านแรงงาน ได้แก่ บันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคในญี่ปุ่น และเอ็มโอยูด้านข้อมูลพื้นฐานเพื่อการจัดระบบและการพำนักของแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ รวมทั้งขอบคุณที่ให้ความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในการร่วมกันพัฒนาทักษะแรงงานไทย การขยายตลาดแรงงานไทยในญี่ปุ่น โดยกระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นยินที่กระทรวงแรงงานของไทยจะสนับสนุนให้มีคนไทยเข้าไปฝึกงานและทำงานในสาขาทักษะเฉพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาผู้ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) มีความพร้อมในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมในสาขาที่ญี่ปุ่นมีความต้องการ” นายสุชาติ กล่าว

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่จะส่งเสริมให้แรงงานไทยมีโอกาสทำงานในต่างประเทศมากขึ้น ในส่วนของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2564 มีแรงงานไทยแจ้งความประสงค์จะมาทำงานที่ญี่ปุ่น จำนวน 3,867 คน มากเป็นอันดับ 4 รองจากอิสราเอล เกาหลีใต้ และไต้หวัน แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญที่แรงงานไทยต้องการจะมาทำงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานมีความพร้อมที่จะขยายตลาดแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ทั้งการพัฒนาทักษะแรงงานไทยให้มีคุณสมบัติทั้งทักษะอาชีพและภาษาตามที่ญี่ปุ่นกำหนด

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานมาตรฐานแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น ที่ให้ความคุ้มครองแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ในเรื่องการให้คำปรึกษาการช่วยเหลือและตรวจเยี่ยมผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคและแรงงานไทย นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือในการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการจัดทำความตกลงประกันสังคม ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือให้สามารถดำเนินการสำเร็จลุล่วงอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกันตนต่อไปด้วย

ด้าน นายคาโตะ คัทซึโนบุ กล่าวว่า ในนามรัฐบาลญี่ปุ่นขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยและคณะที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะกระชับความร่วมมือด้านแรงงานในวันนี้ แรงงานไทยมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของญี่ปุ่น เนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยมาฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคและมีแรงงานไทยเดินทางมาทำงานในประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ส่วนประเด็นข้อหารือต่างๆ ในวันนี้จะได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 กันยายน 2565

“รมว.สุชาติ” สานความร่วมมือรัฐบาลญี่ปุ่นด้านแรงงาน เปิดเจรจาขยายตลาดแรงงาน-สวัสดิการความคุ้มครอง

,

“รมว.สุชาติ” สานความร่วมมือรัฐบาลญี่ปุ่นด้านแรงงาน
เปิดเจรจาขยายตลาดแรงงาน-สวัสดิการความคุ้มครอง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน น.ส.สดุดี กิตติสุวรรณ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) และคณะ เข้าพบ นายคาโตะ คัทซึโนบุ (Mr.KATO Katsunobu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และขอบคุณที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนกระทรวงแรงงานในด้านต่างๆ และทั้งสองฝ่ายยินดีจะสนับสนุนภารกิจที่เกี่ยวข้องร่วมกัน ณ ห้องรับรองกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ดูแลแรงงานไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงแรงงานมีสำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ทำหน้าที่ขยายตลาดแรงงานและคุ้มครองแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น

“และในวันนี้เปิดโอกาสให้เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือข้อราชการด้านแรงงาน และขอบคุณที่ได้ดำเนินการตามความตกลงด้านแรงงาน ได้แก่ บันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคในญี่ปุ่น และเอ็มโอยูด้านข้อมูลพื้นฐานเพื่อการจัดระบบและการพำนักของแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ รวมทั้งขอบคุณที่ให้ความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในการร่วมกันพัฒนาทักษะแรงงานไทย การขยายตลาดแรงงานไทยในญี่ปุ่น โดยกระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นยินที่กระทรวงแรงงานของไทยจะสนับสนุนให้มีคนไทยเข้าไปฝึกงานและทำงานในสาขาทักษะเฉพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาผู้ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) มีความพร้อมในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมในสาขาที่ญี่ปุ่นมีความต้องการ” นายสุชาติ กล่าว

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่จะส่งเสริมให้แรงงานไทยมีโอกาสทำงานในต่างประเทศมากขึ้น ในส่วนของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2564 มีแรงงานไทยแจ้งความประสงค์จะมาทำงานที่ญี่ปุ่น จำนวน 3,867 คน มากเป็นอันดับ 4 รองจากอิสราเอล เกาหลีใต้ และไต้หวัน แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญที่แรงงานไทยต้องการจะมาทำงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานมีความพร้อมที่จะขยายตลาดแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ทั้งการพัฒนาทักษะแรงงานไทยให้มีคุณสมบัติทั้งทักษะอาชีพและภาษาตามที่ญี่ปุ่นกำหนด

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานมาตรฐานแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น ที่ให้ความคุ้มครองแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ในเรื่องการให้คำปรึกษาการช่วยเหลือและตรวจเยี่ยมผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคและแรงงานไทย นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือในการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการจัดทำความตกลงประกันสังคม ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือให้สามารถดำเนินการสำเร็จลุล่วงอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกันตนต่อไปด้วย

ด้าน นายคาโตะ คัทซึโนบุ กล่าวว่า ในนามรัฐบาลญี่ปุ่นขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยและคณะที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะกระชับความร่วมมือด้านแรงงานในวันนี้ แรงงานไทยมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของญี่ปุ่น เนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยมาฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคและมีแรงงานไทยเดินทางมาทำงานในประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ส่วนประเด็นข้อหารือต่างๆ ในวันนี้จะได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 กันยายน 2565

พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง

พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง

,

เมื่อ 28 ก.ย.65 ,16.30 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. รักษาราชการแทน นรม. ได้เปิดโอกาสให้ นายประพาส โง่กสูงเนิน ประธานสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (อสส.) และสภาประชาชน 4ภาค พร้อมตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมรวม 15คน เข้าพบ ณ ห้องรับรอง 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ในขณะนี้ บริเวณพื้นที่ ถ.ราชดำเนิน และถ.พิษณุโลก จำนวน ประมาณ 20,000 คน โดยนายประพาสฯ ได้ยื่นหนังสือเพื่อขออนุญาตเข้าพบ พล.อ.ประวิตรฯ และชี้แจงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องผู้ชุมนุม ทุกกลุ่ม ทั้งเรื่องหนี้สิน ที่ดินทำกิน และปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เช่นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และคนพิการ เป็นต้น เพื่อขอให้รัฐบาลพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้กฎหมาย อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความเห็นใจ และความห่วงใยต่อกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมได้ขอบคุณผู้ที่มาชุมนุมกัน ด้วยความสงบ ซึ่งตนเข้าใจดีถึงความรู้สึกของทุกคน นอกจากจะได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆแล้วยังต้องเดินทางจากบ้านมาไกล และต้องมาพักอาศัยในเขตเมืองที่ไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตตนเอง เนื่องจากมีความจำเป็น เพื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ยินดีรับฟังปัญหาความเดือดร้อน พร้อมข้อเสนอ/ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม โดยรับปากจะรีบนำไปหารือในรัฐบาลเพื่อ เร่งแก้ปัญหาขจัดความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ให้ได้ยุติ ที่เป็นธรรม โดยเร็วที่สุด ต่อไป

พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กันยายน 2565

พปชร.ติวเข้ม ส.ส. ชี้แจงข้อปฏิบัติตามกฎ กกต. เตรียมพร้อมรักษากฎก่อนเลือกตั้ง 180 วัน

,

พปชร.ติวเข้ม ส.ส. ชี้แจงข้อปฏิบัติตามกฎ กกต. เตรียมพร้อมรักษากฎก่อนเลือกตั้ง 180 วัน

วันที่ 28 กันยายน 2565 – ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคได้จัดประชุมชี้แจงและทำความเข้าใจในประกาศกฎระเบียบของ กกต. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีความเข้าใจและพร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ซึ่งในที่ประชุมมีนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.จังหวัดกำแพงเพชร เขต 3 ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรเข้าร่วมให้ข้อมูลหลังจากที่เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนหน้านี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อปฏิบัติให้เป็นไปตามขอบเขตของกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งในการประชุมของพรรคในวันนี้ มี ส.ส. และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพียง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กันยายน 2565

“พล.อ.ประวิตร”เคาะงบหนุนพัฒนาศักยภาพกีฬาทั้งประเทศ นำวิทยาศาสตร์การกีฬาสู่การเตรียมความพร้อมนักกีฬาสู่สนามแข่งขัน

,

“พล.อ.ประวิตร”เคาะงบหนุนพัฒนาศักยภาพกีฬาทั้งประเทศ

นำวิทยาศาสตร์การกีฬาสู่การเตรียมความพร้อมนักกีฬาสู่สนามแข่งขัน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม”กองทุนกีฬา” สนับสนุนงบให้ สมาคมและกีฬาจังหวัด ทั่วประเทศ มุ่งพัฒนานักกีฬา ต่อเนื่อง เน้นยกระดับมาตรฐานมวยไทย สู่สากล ควบคู่สวัสดิการ/ความปลอดภัย ย้ำ ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา ให้เต็ม โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความยินดี กับ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ที่ได้รับความเห็นชอบ จาก คณะรัฐมนตรีให้ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ต่ออีก 1สมัย(วาระ 4ปี) และได้มอบนโยบายในขับเคลื่อนการพัฒนาการกีฬา ให้มีความก้าวหน้า อย่างต่อเนื่อง ต่อไป

ทั้งนี้จากในการประชุมได้รับทราบผลการให้การสนับสนุนของกองทุน ประจำปี2565 วงเงิน 4,204 ล้านบาท และรับทราบรายงานการสนับสนุนงบประมาณ โครงการอุปกรณ์กีฬา กิจกรรมกีฬา และวิทยาศาสตร์การกีฬา แก่สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด อาทิ โครงการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา จำนวน 50จังหวัด โครงการจัดกิจกรรมกีฬา จำนวน 31จังหวัด และโครงการนักวิทยาศาสตร์การกีฬาของสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด จำนวน 77จังหวัด เป็นต้น รวมถึงรับทราบรายงานโครงการพัฒนากีฬามวยไทยให้มีความนิยมและมีมาตรฐานเดียว โดยร่วมกับสหพันธ์กีฬามวยไทยที่ IOC รับรอง

นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบการปรับกรอบวงเงินการสนับสนุนระบบการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ทั้งในระดับชาติ นานาชาติ และปรับเพิ่มเติมการสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และการสนับสนุนอุปกรณ์กีฬามวยและเวทีมวยมาตรฐาน สำหรับการแข่งขันและการฝึกซ้อมเพิ่มเติม จากที่กกท.ได้ดำเนินการแล้วในปี64 เพื่อให้นักกีฬามวย มีความปลอดภัย ลดการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิต และเป็นการกำกับเวทีมวยให้ได้มาตรฐาน ทั่วประเทศ ตามที่สหพันธ์ (IFMA) กำหนด รวมทั้งได้เห็นชอบการสนับสนุนเงินรางวัลให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคม จำนวน 9รายการ จาก 8สมาคมกีฬา เป็นเงิน 10,038,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ในการสร้างผลงาน และชื่อเสียงประเทศชาติให้ดียิ่งขึ้น ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำ ผู้จัดการกองทุนกีฬา ให้เร่งดำเนินการตามมติ ในวันนี้ โดยเคร่งครัด อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ภายในกรอบเวลาที่กำหนด พร้อมกำชับ กกท.ให้บริหารงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ของกองทุน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา เพิ่มศักยภาพนักกีฬา อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาการกีฬาของไทยให้มีผลงานก้าวหน้า และสามารถสร้างความสุขให้คนไทย ได้ต่อเนื่อง ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กันยายน 2565

พล.อ.ประวิตร รับช่วย"คุณยายสมบูรณ์" ชาวดำเนินสะดวก มอบ ผวจ.ราชบุรี เร่งดำเนินแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยให้ถูกต้อง

พล.อ.ประวิตร รับช่วย”คุณยายสมบูรณ์” ชาวดำเนินสะดวกมอบ ผวจ.ราชบุรี เร่งดำเนินแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยให้ถูกต้อง

,

เมื่อ 26 ก.ย.65 พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. รักษาราชการแทน นรม. ได้สั่งการแล้วไปยัง ผวจ. และนายก อบจ.ราชบุรี ให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือคุณยาย สมบูรณ์ มีทะนาน อายุ 85 ปี ซึ่งมีฐานะยากจน และมีสภาพความเป็นอยู่ที่น่าเวทนา ต้องทำมาหากินเลี้ยงชีพโดยลำพัง ด้วยการนำกล้วยไปขายโดยการพายเรือไปตามลำคลองพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี และเกือบประสบอุบัติเหตุจากน้ำรั่วซึมเข้าในเรือ อย่างรวดเร็ว โชคยังดีมีชาวบ้านได้มาพบเห็นเหตุการณ์ และเข้าให้ความช่วยเหลือได้ทัน ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ในวันนี้

ภายหลังทราบว่า ปัจจุบัน คุณยายสมบูรณ์ ต้องใช้ชีวิตอย่างน่าลำเค็ญ เนื่องจากฐานะความยากจน และไม่มีใครดูแล โดยคุณยายอาศัยอยู่กับพี่สาว ซึ่งมีอายุมากถึง 99 ปี และมีสภาพนอนป่วยอยู่ที่บ้าน และยังต้องประสบกับปัญหาการถูกผู้มีอิทธิพลหลอกให้ขายที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินมรดก กว่า100ปี พร้อมให้โอนกรรมสิทธิ์ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา คุณยาย สมบูรณ์ ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยจะขอความช่วยเหลือ จาก พล.อ.ประวิตร มาแล้วตั้งแต่ปี 2563 โดยตั้งใจเขียนจดหมายจะขอความช่วยเหลือ แต่ครั้งนั้นจดหมายของคุณยายไปไม่ถึง พล.อ.ประวิตร โดยไม่ทราบสาเหตุ

และในวันนี้ทันที ที่ พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบข่าวเรื่องความทุกข์ยากของคุณยายสมบูรณ์ จึงได้สั่งการในทันที ให้ ผวจ.ราชบุรีและนายก อบจ. พร้อมด้วยท้องถิ่น เร่งลงไปให้ความช่วยเหลือคุณยาย อย่างดีที่สุดในทุกเรื่อง และให้คุณยายผ่านพ้นวิกฤตชีวิตครั้งนี้ไปให้ได้ ด้วยความเป็นธรรม และยั่งยืน ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิต ของคุณยาย กับพี่สาวที่กำลังล้มป่วยอยู่ในขณะนี้ ให้ดีที่สุด โดยเร็ว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 กันยายน 2565

“อธิรัฐ” สั่งการกรมเจ้าท่าเตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู” เข้าไทย 28 ก.ย. – 1 ต.ค. นี้

, ,

“อธิรัฐ” สั่งการกรมเจ้าท่าเตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู” เข้าไทย 28 ก.ย. – 1 ต.ค. นี้

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พายุ “โนรู” ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 26 ก.ย.65 พายุไต้ฝุ่น “โนรู” บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 ก.ย.65 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น โดยจะส่งผลกระทบทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มี “ฝนตกหนัก” หลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งกับมีลมแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 1 ต.ค.65

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

นายอธิรัฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ตนจึงได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค ที่ 1-7 และ สำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษา ทางน้ำ 1-8 ทั่วประเทศ เตรียมการรับมือพายุไต้ฝุ่นโนรู ดังนี้
1. จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กรมเจ้าท่า
2. เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ รถ เรือ อุปกรณ์การช่วยเหลือผู้ประภัย
3.จัดเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุประจำศูนย์และให้กำชับเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
4. ออกประกาศให้ระมัดระวังการเดินเรือ ช่วงวันที่ 27 ก.ย. – 1 ต.ค.65 โดย
– เรือที่มีความยาวต่ำกว่า 12 เมตร ไม่ควรออกจากฝั่งหรืองดการเดินเรือ
– เรือที่มีความยาวมากกว่า 12 เมตร ให้ใช้ความระมัดระวังการเดินเรือในระยะนี้
และให้ตรวจสอบความพร้อมของตัวเรือ เครื่องยนต์เรือ ตลอดจนเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ประจำเรือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานและให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพตลอดเวลาขณะอยู่ในเรือ

นายอธิรัฐ กล่าวอีกว่า ตนได้กำชับให้หน่วยงานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 กันยายน 2565

พล.อ.ประวิตร ไม่ทอดทิ้ง นร.หญิง โรงเรียน จ.เพชรบูรณ์ ถูกละเมิดทางเพศ สั่ง ศธ.เร่งช่วยเหลือ ทุกกรณี อย่างถูกต้อง เป็นธรรม โดยเร็วที่สุด ย้ำ ห้ามเกิดเหตุซ้ำอีก เด็ดขาด

,

พล.อ.ประวิตร ไม่ทอดทิ้ง นร.หญิง โรงเรียน จ.เพชรบูรณ์ ถูกละเมิดทางเพศ สั่ง ศธ.เร่งช่วยเหลือ ทุกกรณี อย่างถูกต้อง เป็นธรรม โดยเร็วที่สุด ย้ำ ห้ามเกิดเหตุซ้ำอีก เด็ดขาด

เช้าวันนี้ (24 ก.ย.65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม.เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. รักษาราชการแทน นรม. ได้มีคำสั่งด่วนไปแล้ว ให้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. และผู้เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือ ดูแลรักษาทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ของนักเรียนหญิง โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.เพชรบูรณ์ ที่ถูกละเมิดทางเพศจากกลุ่มนักเรียนรุ่นน้อง ของโรงเรียนเดียวกัน เมื่อคืนวันที่ 24 ส.ค.65 และเป็นข่าวในเวลาต่อมา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้สร้างความสะเทือนใจและเกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์สถาบันการศึกษาและสังคมไทย เป็นอย่างยิ่ง และจากเหตุการณ์ ดังกล่าว รมว.ศธ.ได้มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงไปแล้ว พร้อมทั้งได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการป้องกัน และการกวดขัน เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ เกิดขึ้นซ้ำอีก และได้เข้าให้ความช่วยเหลือเด็กนักเรียนหญิง และผู้ปกครอง ที่ได้รับผลกระทบ ทันทีแล้ว จากความเดือดร้อนต่างๆ รวมถึงการส่งนักจิตวิทยา เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ดูแล บำบัดรักษาด้านจิตใจด้วย

พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความห่วงใย และเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเกิดกับเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และเกิดเหตุขึ้นในสถานศึกษา รวมทั้งยังเป็นพื้นที่ควบคุมการกักตัวนักเรียน เพื่อดูแลรักษาผู้ที่ติดโรคโควิด-19 ด้วย จึงได้กำชับ ศธ.ให้เข้าช่วยเหลือ เยียวยานักเด็กนักเรียนหญิงดังกล่าว ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ อย่างดีที่สุด มีความถูกต้อง และได้รับความเป็นธรรม ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว โดยให้สามารถเข้ารับการศึกษาต่อเนื่องได้ อย่างปกติ และมีอนาคตที่ดีทางการศึกษาได้ต่อไปด้วย พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักเรียน ผู้ปกครองและสังคมไทยในการดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเร็ว และจะต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีกอย่างเด็ดขาด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่:
24 กันยายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” ระดมหน่วยงานเสริมศักยภาพ SME ไทย ย้ำเป็นฐานสำคัญการขับเคลื่อนฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ

,

“พล.อ.ประวิตร” ระดมหน่วยงานเสริมศักยภาพ SME ไทย
ย้ำเป็นฐานสำคัญการขับเคลื่อนฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อปรับและแก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการและอนุกรรมการต่างๆให้สมบูรณ์ เร่งส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้สามารถเป็นส่วนสำคัญการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เป็นส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่สำคัญของไทย

อย่างไรก็ตามที่ประชุมรับทราบแผนการใช้งบประมาณรายจ่าย ปี 2566 และร่วมพิจารณา ปรับแก้ไของค์ประกอบคณะอนุกรรมการต่างๆ ให้เหมาะสม โดยได้ย้ำผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ถือเป็นส่วนสำคัญของการระบบฐานการผลิต เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญมาตลอด และต้องการส่งเสริม ผลักดันให้อยู่รอด เข้มแข็งขึ้นและเติบโตแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยต้องการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องลงไปดูแลสนับสนุนและให้การช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
” ในช่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ จำเป็นต้องเร่งการบูรณาการให้ทุกหน่วยงานวาง กลไกที่มีอยู่ ขับเคลื่อนเพื่อเสริมความแกร่งให้กับผู้ประกอบการ SME อย่างจริงจัง พร้อมทั้งขอให้ความสำคัญกับตรวจสอบและประเมินผลการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มากขึ้นในภาพรวม”


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่:
23 กันยายน 2565