โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: สื่อออนไลน์

“พล.อ.ประวิตร” ลงพบปะปชช.ชาวน่านรับผลกระทบพายุมู่หลาน เร่งติดตามเยียวยาผู้ประสบภัยแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย

,

“พล.อ.ประวิตร” ลงพบปะปชช.ชาวน่านรับผลกระทบพายุมู่หลาน เร่งติดตามเยียวยาผู้ประสบภัยแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย

“พล.อ.ประวิตร” นำคณะผู้บริหาร เยี่ยมชาว จ.น่าน ติดตามฟื้นฟู และเยียวยา ผู้ประสบภัยพายุ”มู่หลาน” มอบถุงยังชีพให้กำลังใจผู้ประสบภัย ประชาชนแห่ต้อนรับอบอุ่น เตรียมแผนผุดโครงการสะพาน อุตรดิตถ์-น่าน เชื่อมโยงภูมิภาค ส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ เพื่อให้ ประชาชนอยู่ดี กินดี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พปชร. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ( พปชร. )นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒวรรักษ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พปชร. นายสุรชาติ ศรีบุษกร ส.ส.พปชร. จ.พิจิตร ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้บรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ พร้อมด้วยเลขาฯ สทนช. และอธิบดีกรมชลประทาน นำเสนอการรายงานข้อมูล และความก้าวหน้าโครงการต่างๆ ในการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ทั้งนี้ มีนายวรวิทย์ อินต๊ะใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย จ.น่าน นำเสนอข้อมูลความเสียหายของจังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชัน “มู่หลาน” และการแก้ปัญหาช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนในช่วง ที่ผ่านมา พร้อมหาแนวทางในการจัดการบริหารจัดน้ำเพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชน

ทั้งนี้พบว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลทำให้เกิดภาวะน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่ง จ.น่าน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งอาคารบ้านเรือน ถนน และสะพาน ได้รับความเสียหาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ผ่านงบกลางให้กับ จ.น่านไปแล้ว 2ครั้ง จำนวน 98 โครงการ วงเงินกว่า 120 ล้านบาท โดยเร่งทำการฟื้นฟู เยียวยา และซ่อมแซมสถานที่เสียหายให้กลับมามีสภาพใช้งานได้เหมือนเดิม โดยเร็ว และได้รับฟังความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ระหว่าง บ้านผาเวียง อ.ฝากท่า จ.อุตรดิตถ์-บ้านปากนาย อ.นาหมื่น จ.น่าน จาก ผอ.แขวงทางหลวงน่าน ที่ 1

“ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้รับการดูแลจากผู้ว่าราชการจังหวัด และได้มีการของบกลางเพิ่ม เพื่อขยายวงเงินในการช่วยเหลือ โดยได้ประสานไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทั่วถึง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ยังได้เร่งรัดให้หน่วยงานติดตามดูแล ความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง” พล.อ.ประวิตรกล่าว

พล.อ.ประวิตร กลาวว่า รัฐบาลมีความห่วงใย ต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทุกครัวเรือน จากภาวะน้ำท่วมที่ผ่านมา จากผลกระทบพายุดีเพลสชั่น จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สทนช. ,กรมชลประทาน ,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย และจ.น่าน ให้เร่งปฏิบัติตามแผนรับมือฤดูฝน 13มาตรการ พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแหล่งน้ำกักเก็บขนาดใหญ่ช่วยเหลือพื้นที่แล้งซ้ำซาก 4อำเภอได้แก่อ.ท่าช้าง อ.เชียงกลาง อ.ท่าวังยา และ อ.ปัว และเร่งแก้ปัญหาการขาดแคนน้ำอุปโภคบริโภคนอกเขตชลประทาน พร้อมดำเนินการกับผู้บุกรุกป่า อย่างจริงจัง ทั้งนี้ในช่วงงบประมาณปี 61-64 รัฐบาลได้ดำเนินโครงการมาแล้วกว่า 1แสนกว่าไร่ มีผู้ได้รับประโยชน์ราว 3แสนกว่าครัวเรือน

พล.อ.ประวิตร ยังได้ลงพื้นที่ไปยัง อบต.ไชยสถาน อ.เมือง เพื่อติดตามความก้าวหน้า โครงการก่อสร้างฝายกั้นลำน้ำซาว ซึ่งท้องถิ่นได้รับประโยชน์ อย่างมากจากโครงการนี้ ซึ่งมีตัวแทนชาวบ้าน ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาล ที่ให้ความช่วยเหลือ อย่างจริงจัง เห็นผล พร้อมพบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ด้วยความประทับใจ

นอกจากนี้ยังได้ เดินทาง เพื่อติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จากพายุดีเปรสชั่น “มู่หลาน” ที่ ต.บ่อ อ.น่าน จ.น่าน โดยได้มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน1,000 ครัวเรือน เพิ่มเติมจากที่รัฐได้ให้การช่วยเหลือไปแล้ว พร้อมกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน และจริงใจที่จะให้ความช่วยเหลือ อย่างดีที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้รัฐบาลปัจจุบัน สามารถพัฒนาประเทศ ต่อไปได้ โดยมีเป้าหมายให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 สิงหาคม 2565

“รมช.อธิรัฐ”ลงพื้นที่เยี่ยมปชช.ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เบื้องต้นในอ.ลำทะเมนชัย

, , ,

“รมช.อธิรัฐ”ลงพื้นที่เยี่ยมปชช.ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เบื้องต้นในอ.ลำทะเมนชัย

“รมช.อธิรัฐ”เยี่ยมประชาชนมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่ได้รับผลกระทบอุทกภัย อ.ลำทะเมนชัย!!! ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา เยี่ยมและให้กำลังใจ ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมมอบข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ที่วัดบ้านหนองโปร่ง เทศบาลตำบลหนองบัววง ศาลาประชาคมบ้านหนองบัวใหญ่ เทศบาลตำบลหนองบัววง และศาลาวัดศิริชัย เทศบาลตำบลหนองบัววง

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและยั่งยืน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”พอใจผลการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาที่ทำกิน กลุ่มเกษตรกรส่งคำขอบคุณช่วยพัฒนาอาชีพยกระดับรายได้

, , ,

“พล.อ.ประวิตร” พอใจผลการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาที่ทำกิน
กลุ่มเกษตรกรส่งคำขอบคุณช่วยพัฒนาอาชีพยกระดับรายได้

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้มอบหมาย ให้พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานบอร์ด บจธ. (ธนาคารที่ดิน)ในการติดตาม โครงการบริหารจัดการที่ดิน อย่างยั่งยืน 12 พื้นที่ 8จังหวัด” เพื่อช่วยเหลือดูแล พี่น้องเกษตรกร ในการพัฒนาที่ดินทำกิน เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามหลักศาสตร์พระราชาพร้อมมีการตรวจเยี่ยมเกษตรกร 8 จังหวัด 12 วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งเกษตรกรให้การตอบรับและ กล่าวขอบคุณ พลเอกประวิตร และหน่วยงาน บจธ. ที่ได้ให้ความช่วยเหลือ เพราะโครงการนี้ จะส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรทุกครัวเรือนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถมีรายได้เลี้ยงตนเองอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้จากการตรวจเยี่ยมที่ผ่านมามีตัวแทนเกษตร พอใจกับการดำเนินโครงการดังกล่าว ส่วนใหญ่เน้นย้ำว่า โครงการต่างๆมีส่วนสำคัญ ต่อการสร้างความเป็นอยู่ทีดีขึ้น ในพื้นที่ ทั้งการพัฒนาอาชีพ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการสร้างรายได้ที่มั่นคง สะท้อนความเห็นได้จาก นางสุมิตรา จันทราพูน สมาชิกวิสาหกิจชุมชนศาสตร์พระราชาบ้านมั่นคงเมืองแม่สอด ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ได้กล่าวว่า นับเป็นความช่วยเหลือของพล.อ. ประวิตร ที่ได้เร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการร่วมกันเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้แก่ชุมชนของเรา อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สอด สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล กำแพงเพชร การประปาส่วนภูมิภาคแม่สอด องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 33

“โดยในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 นายสมชัย เจริญกิจรุ่งโรจน์ ผวจ.ตาก นัดประชุมทุกภาคส่วนงานที่รับผิดชอบร่วมหารือแนวทางการบูรณาการพัฒนาพื้นที่ ในพื้นที่ พี่น้องเราต้องขอขอบคุณทาง บจธ. ที่ช่วยประสานงานในทุกๆเรื่องให้ จากเรื่องที่เราคิดว่ายากก็เป็นเรื่องง่าย ต่อไปเราก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากระบบโครงสร้างพื้นฐาน ถนนดี มีน้ำบริโภค มีน้ำใช้ในการเกษตร มีไฟฟ้าส่องสว่าง แค่นี้พวกเราก็พอใจแล้ว ขอบคุณ บจธ. และทุกๆ หน่วยงาน”

นอกจากนี้ยังมี ผู้แทนสมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปฏิรูปที่ดินบ้านห้วยม่วงเพื่อการผลิตลำไยคุณภาพ โดยนายศักยะ ตั้งอยู่ ยังออกมาขอบคุณนโยบายรัฐบาล รองนายกรัฐมนตรีพลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ บจธ. ช่วยเหลือให้พี่น้องกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีที่ดินที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และตั้งใจที่จะรักษาที่ดินสืบทอดไว้ให้กับลูกหลาน ตามนโยบายของรัฐที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดิน และลดปัญหาความยากจนของประชาชน

อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินโครงการดังกล่าว สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ได้ร่วมประสานงานกับทุกหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคร่วมบูรณาการสนับสนุน และพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน ให้แก่กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่โครงการฯ เพื่อเร่งสร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจชุมชนเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่นๆ ได้ในอนาคต โดยผลจากการที่ บจธ. ได้จัดให้ผู้บริหารส่วนราชการต่างๆ ได้ร่วมกันตรวจเยี่ยมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรคในพื้นที่ พลเอกประวิตร ได้สั่งการทันที ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 สิงหาคม 2565

“รมว.สุชาติ”ประกาศรับสมัครช่างฝีมือไทย ป้อนU.A.E 15 อัตรา เปิดรับ 22 ส.ค.-15 ก.ย.

,

“รมว.สุชาติ”ประกาศรับสมัครช่างฝีมือไทย
ป้อนU.A.E 15 อัตรา เปิดรับ 22 ส.ค.-15 ก.ย.

“รมว.สุชาติ ” เปิดรับสมัครช่างฝีมือ โดยกรมจัดหางาน เพื่อไปทำงานประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (U.A.E) จำนวน 15 อัตรา ระยะเวลาจ้างงาน 3 ปี ฟรีค่าโดยสารเครื่องบินไป-กลับ อาหาร 3 มื้อ สมัครได้ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.-15 ก.ย. 65 ไม่เว้นวันหยุดราชการ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานเปิดรับสมัครคนหางานเพื่อไปทำงานกับนายจ้างบริษัท CROWN EMIRATES COMPANY LTD. ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (U.A.E.) ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตกระป๋องและบรรจุภัณฑ์อะลูมิเนียม จำนวน 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ตำแหน่งช่างไฟฟ้า ช่างกล พนักงานควบคุมเครื่องจักร/ช่างเครื่อง และพนักงานฝ่ายผลิต รวมจำนวน 15 อัตรา มีระยะเวลาจ้างงาน 3 ปี โดยนายจ้างจะจัดหาที่พัก อาหารวันละ 3 มื้อ พร้อมจ่ายค่าโดยสารเครื่องบินจากกรุงเทพฯไปดูไบ และตั๋วขากลับหากทำงานครบตามสัญญาจ้าง ซึ่งผู้สนใจสามารถยื่นใบสมัครทางไปรษณีย์ลงทะเบียนด่วนพิเศษ (EMS) ได้ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม-15 กันยายน 2565 โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ

“ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแรงงานไทยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศมาโดยตลอด เพราะนอกจากแรงงานไทยสามารถมีรายได้ดูแลครอบครัวเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองได้แล้ว ยังได้รับประสบการณ์นำกลับมาต่อยอดพัฒนาตนเองและประเทศด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว

สำหรับคุณสมบัติและตำแหน่งงาน ที่บริษัท CROWN EMIRATES COMPANY LTD. ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (U.A.E.) แจ้งความต้องการเป็นเพศชาย อายุ 20-35 ปี จำนวน 4 ตำแหน่ง 15 อัตรา ดังนี้
1.ตำแหน่งช่างไฟฟ้า (Electrician) จำนวน 4 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 3,000 ดีแรห์ม (AED) หรือประมาณ 29,430 บาท จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือเทียบเท่าขึ้นไป (ปวส.) หรือเทียบเท่าขึ้นไป สาขาช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างเมคคาทรอนิกส์
2.ตำแหน่งช่างกล (Machine Technician) จำนวน 6 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 2,500 ดีแรห์ม (AED) หรือประมาณ 24,525 บาท จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขึ้นไป (ปวช.) ขึ้นไป สาขาช่างกลโรงงาน สาขาช่างยนต์ ช่างซ่อมบำรุง
3.ตำแหน่งพนักงานควบคุมเครื่องจักร/ช่างเครื่อง (Machines Operator/Machinist) จำนวน 2 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 2,500 ดีแรห์ม (AED) หรือประมาณ 24,525 บาท จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขึ้นไป (ปวช.) ขึ้นไป สาขาช่างกลโรงงาน สาขาช่างยนต์ ช่างซ่อมบำรุง
4.ตำแหน่งพนักงานฝ่ายผลิต (Operator) จำนวน 3 อัตรา ค่าจ้างเดือนละ 1,900 ดีแรห์ม (AED) หรือประมาณ 18,639 บาท จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย (ม.6) ขึ้นไป หรือเทียบเท่า (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2565 : 1 ดีแรห์ม เท่ากับ 9.81 บาท) ทั้งนี้ทุกตำแหน่งหากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ การรับสมัครเป็นการดำเนินการเพื่อจัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศ โดยวิธีรัฐจัดส่ง คนหางานไม่เสียค่าสมัครหรือค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ไปทำงานจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ได้แก่ ค่ารูปถ่าย ค่าทำหนังสือเดินทาง (กรณียังไม่มี) ค่าตรวจสุขภาพและค่าตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และค่าสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 4,000 บาท โดยนายจ้างจะเดินทางคัดเลือกด้วยตัวเอง โดยการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ ขอให้ทราบว่ากรมการจัดหางานดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส โปรดอย่าหลงเชื่อผู้ไม่หวังดีแอบอ้างว่าสามารถช่วยให้ไปทำงานได้ เพราะอาจถูกหลอกเสียเงินฟรี

ทั้งนี้ ผู้ที่มีความประสงค์สมัครงาน สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร และศึกษารายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas และ www.lib.doe.go.th หรือเฟซบุ๊ก : แรงงานไทยไปต่างประเทศโดยรัฐจัดส่ง และนำส่งเอกสารหลักฐานทางไปรษณีย์ลงทะเบียนด่วนพิเศษ (EMS) หรือบริการรับส่งพัสดุของบริษัทเอกชน ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม-15 กันยายน 2565 โดยระบุชื่อที่อยู่ผู้รับ “กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ฝ่ายจัดส่งไปทำงานไต้หวันและประเทศอื่น ๆ ชั้น 12 อาคารสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400 โทร 0-2245-1034” หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2245-1034 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร 1694

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 สิงหาคม 2565

“รมต.สมศักดิ์” เปิดงานไกล่เกลี่ยหนี้สิน ครั้งที่ 77 จ.ชลบุรี

,

“รมต.สมศักดิ์” เปิดงานไกล่เกลี่ยหนี้สิน ครั้งที่ 77 จ.ชลบุรี

เตรียมเปิดอิมแพ็คก.ย.นี้เปิดช่องปชช.แก้หนี้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม” และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิด“มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 77 และยุติธรรมพบประชาชน” จ.ชลบุรี เป็นจังหวัดสุดท้ายของโครงการไกล่เกลี่ยหนี้ 4 ภาค

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ไกล่เกลี่ยหนี้ให้ประชาชน ครบทั้ง 77 จังหวัด โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้ารับการไกล่เกลี่ยหนี้สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการจัดงาน 77 ครั้ง สามารถช่วยเหลือประชาชนไกล่เกลี่ยหนี้สินสำเร็จ 61,195 ราย มูลค่าหนี้ 12,882 ล้านบาท สามารถลดค่าใช้จ่ายประชาชน 5,592 ล้านบาท

สำหรับประชาชนที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการในครั้งที่ผ่านๆ มา ทางกระทรวงยุติธรรมจะจัดงานขึ้นอีกครั้งในวันที่ 8-11 กันยายน 2565 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งจะมี 18 สถาบันการเงินต่างๆ เข้าร่วมงาน อาทิ กยศ. และธนาคารออมสิน เป็นต้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกหล่นให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและยั่งยืน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”เดินเครื่องยกระดับผังเมืองใหม่ทั้ง6ภาค เน้นใช้พื้นที่รับพัฒนาเศรษฐกิจสร้างประโยชน์เพื่อ ปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”เดินเครื่องยกระดับผังเมืองใหม่ทั้ง6ภาค
เน้นใช้พื้นที่รับพัฒนาเศรษฐกิจสร้างประโยชน์เพื่อ ปชช.

“พล.อ.ประวิตร” ผลักดันการปรับผังเมืองประเทศสู่ระดับสากล รองรับการพัฒนาเมือง เศรษฐกิจ สังคม เพื่อประโยชน์และการกินดีอยู่ดีของประชาชนสูงสุด !!! พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุม ว่า ที่ประชุมได้ทราบถึงผลการรายงานผลการดำเนินการ วางและจัดทำผังนโยบายการใช้ประโยชน์พื้นที่ ระดับประเทศที่ผ่านการประชุม เชิงปฎิบัติการที่ว่าด้วย ร่างวิสัยทัศน์ และแนวคิดการใช้พื้นที่ของประเทศ “เชื่อมโยงการพัฒนาพื้นที่ทุกมิติ สร้างสรรค์นวัตกรรม พร้อมรับการเติบโตอย่างยั่งยืน” ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 6ภาค ได้แก่ภาคกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ,ภาคกลาง ,ภาคตะวันออก ,ภาคเหนือ ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 2,540 คน รวมถึงการดำเนินการในระดับภาค ที่ได้ดำเนินการเปิดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในประเด็น”ปัญหา ศักยภาพ โอกาสและทิศทางการพัฒนาภาคี” และ “ร่างวิสัยทัศน์ และกรอบนโยบายการใช้พื้นที่ภาค”

ทั้งนี้การดำเนินการระดับจังหวัด ในได้จัดทำแล้วในพื้นที่ 4จังหวัดแล้วได้แก่ จ.นนทบุรี ,จ.ภูเก็ต ,จ.สมุทรปราการ และจ.สมุทรสงคราม โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จครบ ทั้งประเทศ ในปีพ.ศ.2567-2568

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการผังเมือง ในเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการวาง และจัดทำผังนโยบาย ระดับประเทศ ระดับภาค ระดับจังหวัด และผังเมืองเฉพาะ พ.ศ… เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น พร้อมเสนอความต้องการ อย่างเหมาะสมและเกิดความเข้าใจร่วมกันกับภาครัฐในการดำเนินการตามขั้นตอน ต่อไป

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ มท. โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ปฏิบัติตามขั้นตอน อย่างต่อเนื่อง ให้ทันตามกรอบเวลาของแผนงาน เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ สำหรับการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อพี่น้องประชาชน ให้อยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งประเทศ ต่อไป พร้อมขอให้มีการสร้างการรับรู้แก่ประชาชน อย่างต่อเนื่อง เพื่อความเข้าใจร่วมกัน และร่วมพัฒนาไปด้วยกัน ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” หนุนวิสาหกิจร่วมโครงการบริหารที่ดิน พัฒนาที่ทำกินสร้างรายได้เกษตร มั่นคง ยั่งยืน

,

“พล.อ.ประวิตร” หนุนวิสาหกิจร่วมโครงการบริหารที่ดิน
พัฒนาที่ทำกินสร้างรายได้เกษตร มั่นคง ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี . ได้เป็นประธานการประชุมทางไกล และตรวจเยี่ยม “โครงการบริหารจัดการที่ดิน อย่างยั่งยืน 12 พื้นที่ 8จังหวัด” ผ่านระบบ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดย มีสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ.ร่วมประชุม ทั้งนี้ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงาน และปัญหาข้อขัดข้องของวิสาหกิจชุมชน 12 พื้นที่ ใน 8จังหวัด โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรีได้รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามโครงการบริหารจัดการที่ดิน อย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 8 พื้นที่
1.จ.เชียงราย ประกอบด้วย กลุ่มศาสตร์พระราชา วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ,กลุ่มเชียงรายอุ่นไอรักษ์ ,กลุ่มเกษตรกรรมยั่งยืนโยนกนคร
2.จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรยั่งยืนบ้านดงหลวง ,กลุ่มปฏิรูปที่ดินบ้านห้วยม่วงเพื่อการผลิตลำไยคุณภาพ
3. จ.ตาก ได้แก่ กลุ่มศาสตร์พระราชาบ้านมั่นคงเมืองแม่สอด
4.จ.นครราชสีมา ได้แก่ กลุ่มไร่นาสวนผสมเกษตรกรฐานรากช่องโคพัฒนา
5. จ.จันทบุรี ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนา
6. จ.ฉะเชิงเทรา ได้แก่ กลุ่มเกษตรประมงธรรมชาติ
7. จ.เพชรบุรี ได้แก่ กลุ่มแก้วกล้า
8. จ.สุราษฎร์ธานี ประกอบด้วย กลุ่มรวมพลังสร้างอาชีพวัดประดู่ ,กลุ่มสหกรณ์การเกษตรสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้(ชุมชนน้ำแดงพัฒนา)
อย่างไรก็ตามทุกวิสาหกิจชุมชน ต่างมีการดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และประสบผลสำเร็จ เป็นรูปธรรม ชาวบ้านและเกษตรกร มีความสุข อยู่ดีกินดี รวมถึงหน่วยงานของภาครัฐในพื้นที่ ได้ให้การช่วยเหลือสนับสนุน อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น กรมป่าไม้,กรมพัฒนาที่ดิน,กรมส่งเสริมสหกรณ์,องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น,กรมพัฒนาชุมชน,กรมพลังงาน,กรมทางหลวงกองทัพภาค และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ตลอดจนสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เป็นต้น
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ย้ำในที่ประชุมว่าได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสาน บจธ. เร่งให้ความช่วยเหลือโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนตามที่ร้องขอของพี่น้องเกษตรกร เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถทำการเกษตรของตนเองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้มีรายได้ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกล่าวเสริมว่า รัฐบาลมีความห่วงใย ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ในทุกพื้นที่ และพร้อมให้ความช่วยเหลือ อย่างดีที่สุด ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” ดันมาตรฐานมวยไทยผ่านกองทุนกีฬา สร้างสุดยอดนักกีฬาควบคู่รักษาวัฒนธรรมไทย

,

“พล.อ.ประวิตร” ดันมาตรฐานมวยไทยผ่านกองทุนกีฬา
สร้างสุดยอดนักกีฬาควบคู่รักษาวัฒนธรรมไทย

พล.อ.ประวิตร’ ประชุมกองทุนกีฬาฯ หนุนแผนพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ระดับนานาชาติ ยกมาตรฐาน”มวยไทยอาชีพ-การไหว้ครู”อนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างมูลค่าศก. ควบคู่ช่วยเหลือ/เยียวยานักมวยที่ได้รับผลกระทบ ย้ำทุกสมาคมฯ ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา เพิ่มศักยภาพ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ การสนับสนุนแผนงานพัฒนากีฬาด้านต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านกีฬาของไทย ทั้งในด้านการสนับสนุนระบบการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ,การพัฒนาบุคลากรกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ,การสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ,การส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมและเครื่องมือทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา

ทั้งนี้ได้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานกิจกรรมกีฬามวยไทย ได้มีการรายงานถึงการดำเนินโครงการพัฒนากีฬามวยไทยร่วมกับสหพันธ์กีฬามวยไทย(IOCรับรอง) เพื่อส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมขับเคลื่อนกีฬามวยไทยฯ ได้ดำเนินการใน ต่างๆไม่ว่าจะเป็นการยกระดับมาตรฐานกีฬามวยไทยอาชีพ ศึกมวยไทยมรดกคนไทย การจัดรายการแข่งขันมวยไทยรากหญ้า ระดับอาชีพยอดนิยม ,รายการประกวดไหว้ครู และวงปี่พาทย์มวยไทย รวมทั้งรายการส่งเสริมและเผยแพร่มวยไทยในค่ายทหาร (4 กองทัพภาค) เป็นต้น รวมถึงแผนการดำเนินโครงการจัดแข่งมวยไทย ในโอกาสครบรอบ 30ปี การสถาปนาทางการทูต ไทย-คาซัคสถาน ระหว่าง 10-11 ก.ย.65 ณ สาธารณรัฐคาซัคสถานอีกด้วย และยังได้รับรายงานถึงความคืบหน้าโครงการสนับสนุนฟุตบอลรากหญ้า โดยความร่วมมือระหว่างกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และฟีฟ่า ซึ่งสมาคมฟุตบอลฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง ร่วมกับฟีฟ่า เรียบร้อยแล้ว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณนักกีฬาคนพิการ ผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าที่ ที่ทุ่มเทในการแข่งขัน รายการนี้และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อย่างยิ่งใหญ่ ทำให้คนไทยทั้งประเทศมีความสุข และได้กำชับ กกท.และสมาคมกีฬา ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และระเบียบปฏิบัติให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยเคร่งครัด และการบริหารงบประมาณจะต้องเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ต่อการพัฒนากีฬา อย่างเป็นรูปธรรม และเน้นย้ำให้ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาทุกประเภทกีฬา ทั่วประเทศ อย่างจริงจัง เพื่อยกระดับความเป็นเลิศ ในระดับประเทศ และนานาชาติ ต่อไป

อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังพิจารณาและเห็นชอบหลักการจ่ายเงินรางวัลและจัดงานมอบเงินรางวัลแสดงความยินดีแก่ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมฯ ในการแข่งขัน กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่11 ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ห้วง 30 ก.ค.-6 ส.ค.65 ประเทศไทยส่งแข่ง 14 ชนิดกีฬา สร้างผลงานยอดเยี่ยม เป็นอันดับ 2 รองจากเจ้าภาพ โดยทำได้ 117 เหรียญทอง 113 เหรียญเงิน และ 88 เหรียญทองแดง ได้รับอนุมัติ เงินรางวัลรวม 101,420,000 บาท

นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการสนับสนุนสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ เพื่อการจัดการแข่งขันกีฬาจักรยานอาชีพ รายการทัวร์ออฟไทยแลนด์ ประเภท หญิงและชาย ประจำปี2565


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ติดตามแผนรับมวลน้ำเข้าพื้นที่จ.สระบุรี ระดมทุกหน่วยป้องกันอุทกภัย- พร้อมแผนเตือนภัย ปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”ติดตามแผนรับมวลน้ำเข้าพื้นที่จ.สระบุรี
ระดมทุกหน่วยป้องกันอุทกภัย- พร้อมแผนเตือนภัย ปชช.

“พล.อ.ประวิตร” เร่งหน่วยงาน จ.สระบุรี รับมือปริมาณฝนสัปดาห์หน้า ติดตามสภาพอากาศแจ้งเตือนประชาชน ดึงแผน 13 มาตรการ ป้องกันผลกระทบอุทกภัยในระยะสั้น พร้อมเดินหน้าวางระบบจัดการน้ำ ในระยะยาวแก้ภัยแล้ง – อุทกภัยซ้ำซาก ในพื้นที่ เร่งโครงการเสริมคันดิน พร้อมแผนระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบชุมชนท้ายน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑลริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก

วันที่ 15 สิงหาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมด้วยชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลาง ณ จังหวัดสระบุรี โดยมี ส.ส.พรรคประชารัฐ อาทิ น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี นายประทวน สุทธิอำนวยเดช ส.ส.ลพบุรี ร่วมลงพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์และแนวโน้มปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ในสัปดาห์นี้จะมีฝนตกหนักต่อเนื่อง หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลายจังหวัดของภาคเหนือ ได้รับผลกระทบน้ำท่วมฉับพลันจากพายุโซนร้อนมู่หลาน ทำให้ปริมาณน้ำสูง
พล.อ.ประวิตร’ ได้สั่งการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช. )ร่วมกับ กรมชลประทาน รวมทั้ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และฝ่ายปกครองระดับจังหวัด ดำเนินการให้เป็นไปตามแผนรับมือฤดูฝน 13 มาตรการ โดยให้ปรับปรุงกลไกการบริหารจัดการให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เนื่องจากมีฝนตกหนักสะสมต่อเนื่องจากมรสุมในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลพื้นที่หลายจังหวัดมีน้ำท่วมขังสูง โดยเฉพาะพื้นที่ริมลำน้ำสายหลักยังคงต้องเฝ้าระวัง และติดตามสภาพอากาศแจ้งเตือนประชาชนให้ทันกับสถานการณ์ รวมทั้งให้การช่วยเหลือประชาชนทันที เน้นการมีส่วนร่วมมากขึ้น

ทั้งนี้ได้นำแผนการจัดการในระยะสั้นตาม 13 มาตรการรับมือฝน รวมทั้งแผนบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อระบายน้ำจากฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยาให้ได้มากที่สุด เพื่อควบคุมไม่ให้เกินขีดจำกัดที่รับน้ำได้ เพื่อรับมือน้ำต่อเนื่องในภาคเหนือ-ใต้-ออก-ตก ที่ทำการเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล และการซ่อมคันกั้นน้ำบริเวณ 23 ขวา คลองชัยนาท-ป่าสัก โครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษาเริงราง ในการรองรับปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังได้ติดตามการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำป่าสักในเขต จ.สระบุรี ซึ่งเป็นแผนระยะยาว ที่จะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และภาคกลางทั้งหมด ด้วยการบูรณาการทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จ.สระบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของพายุเตี้ยนหมู่ เมื่อปี 2564 ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ และเกิดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน และในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 คาดว่าจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลาง จ.สระบุรี จึงอาจจะได้รับผลกระทบซ้ำอีก จึงขอสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการให้วางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบด้วยการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อเตรียมความจุในการรองรับน้ำฝน พร้อมทั้งเร่งซ่อมแซมคันกั้นน้ำทั้งหมดที่ได้รับความเสียหายจากปีที่แล้วที่ปริมาณฝนมากจนดินอุ้มน้ำเกิดการกัดเซาะจนพังทลาย โดยทราบว่าเบื้องต้นใช้งบประมาณกว่า 3 ล้านบาท ในการซ่อมแซมระยะสั้น ส่วนในระยะยาวที่จะต้องปรับปรุงประตูระบายน้ำทั้งสองฝั่ง ที่จะต้องใช้งบประมาณกว่า 145 ล้านบาท จะนำเรื่องเข้าพิจารณาว่าจะใช้งบใดได้บ้าง เนื่องจากจะทำให้การจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง รวมถึงการพิจารณาก่อสร้างเขื่อนริมน้ำป่าสัก เพื่อลดการพังทลายของตลิ่ง

โดยในระยะสั้นจะต้องเป็นไปตามแผนรับมือ 13 มาตรการอย่างเคร่งครัด ส่วนในระยะยาวทุกหน่วยงาน จะต้องเร่งดำเนินการตาม 9 แผนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ควบคู่ไปกับกลไกการบริหารให้มีความเหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพในการจัดหารบริหารน้ำให้ดีที่สุด พร้อมสร้างการตระหนักรู้และความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับรายงาน และได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจความคืบหน้าการซ่อมแซมซ่อมแซมคันกั้นน้ำบริเวณ 23 ขวา คลองชัยนาท-ป่าสัก โครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษาเริงราง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ได้กำชับให้ดำเนินการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน ให้ทันสถานการณ์ฝนที่อาจตกหนักในช่วงวันที่ 20 ส.ค.นี้ รวมทั้งดูการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณวัดเชิงราก อ.เสาไห้ ซึ่งเป็นแผนจัดการน้ำท่วมระยะยาว ที่หากเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำป่าสักฯ เสร็จเรียบร้อย ก็จะเป็นพื้นที่ที่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ได้อย่างเป็นระบบ

โดยขณะลงพื้นที่ มีประชาชนมาคอยให้กำลังใจ และพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นพล.อ.ประวิตร ก็ได้พูดกับประชาชนว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อมาตรวจโครงการต่างๆ ว่ามีความก้าวหน้าไปอย่างไรบ้าง เนื่องจากทราบว่าชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย และภัยแล้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและเร่งแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซาก ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพทางการเกษตรได้อย่างยั่งยืน เกิดการกินดีอยู่ดีของประชาชน เพราะน้ำคือชีวิต และเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตของทุกคน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 15 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”เร่งแปรรูปน้ำมันปาล์มสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริม 8 ผลิตภัณฑ์รักษาเสถียรภาพราคาเพิ่มรายได้ยั่งยืน

,

“พล.อ.ประวิตร”เร่งแปรรูปน้ำมันปาล์มสร้างมูลค่าเพิ่ม
ส่งเสริม 8 ผลิตภัณฑ์รักษาเสถียรภาพราคาเพิ่มรายได้ยั่งยืน

เร่งส่งเสริมแปรรูปน้ำมันปาล์มสู่ผลิตภัณฑ์สร้างมูลเพิ่ม รักษาเสถียรภาพด้านราคา สร้างรายได้เกษตรมั่นคง!!!พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้มอบหมายให้หน่วยงาน กนป. ดูแลราคาปาล์มน้ำมันให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้เกิดความผันผวน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียและอินโดนีเซีย พร้อมกับเร่งหามาตรการส่งเสริมสร้างมูลค่าเพิ่ม 8 ผลิตภัณฑ์เพื่อทดแทนไบโอดีเซลที่ใช้ลดลงเหลือ B5 ในช่วงวิกฤตพลังงาน

คณะอนุกรรมการทำการวิเคราะห์จัดทำข้อเสนอมาตรการเร่งด่วน ขับเคลื่อนปาล์มน้ำมันสู่พืชเศรษฐกิจมูลค่าเพิ่มแห่งอนาคตของไทย และสร้างสมดุลโครงสร้างราคาตลอดห่วงโซ่อุปสงค์อุปทานที่เป็นธรรมทั้งระบบ และรายงานผลดำเนินการ กนป. ปี 2563 ได้มีการผลักดันให้เพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล ให้ B10 เป็นดีเซลมาตรฐาน และส่งออกน้ำมันดิบส่วนเกินในปี 2564 สูงถึงปริมาณ 6 แสนตันเศษ
โดยคาดว่าในปี 2565 นี้ ยอดส่งออกแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นราว 7 แสนตันเศษ และผลักดันมาตรการเพิ่มมูลค่าน้ำมันปาล์มดิบแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG) 8 ชนิด ได้แก่ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานชีวภาพ น้ำมันจาระบีชีวภาพ น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า สารซักล้างชีวภาพ พาราฟิน สารจำกัดศัตรูพืชชีวภาพ น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ (กรีนดีเซล) และ นำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ เป็นนโยบายรัฐบาลพืชเศรษฐกิจต้นแบบ โดยอยู่ระหว่างการส่งเสริมให้มีการลงทุนผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuels – SAF) ที่สามารถนำน้ำมันไบโอดีเซล เอทานอลจากมันสำปะหลังและกากอ้อย รวมทั้งน้ำมันพืชรีไซเคิล มาใช้เป็นวัตถุดิบในการทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่สามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 80 %และเดินหน้าไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง SAF ของภูมิภาคในปี 2566

อย่างไรก็ตามจากผลงานการกำกับดูแลนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติภายใต้การกำกับอย่างต่อเนื่อง 8 ปีที่ผ่านมา ที่ชาวสวนปาล์มทั่วประเทศชื่นชมผลงานรัฐบาล รักษาระดับราคาปาล์มทะลายให้สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยปี 2562 ราคาเฉลี่ยทั้งปีที่ 3.11 บาท/กก. ปี 2563 เพิ่มเป็น 4.80 บาท/กก. ปี 2564 เพิ่มเป็น 6.66 บาท/กก. และ ปี 2565 คาดว่าจะเพิ่มถึง 7.50 บาท/กก. และมีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบที่คาดว่า มีปริมาณมากถึง 1.5 ล้านตัน ทำให้ในช่วง 4 ปี ระหว่างปี 2562 – 2565 นี้ สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้อีกประมาณ 6 – 7 หมื่นล้านบาท ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลที่สามารถช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์มได้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวนระยะนี้


ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 14 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ประธานฯมูลนิธิป่ารอยต่อถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม

,

“พล.อ.ประวิตร”ประธานฯมูลนิธิป่ารอยต่อถวายพระพร
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม

‘ พล,อ.ประวิตร’ ประธานฯมูลนิธิป่ารอยต่อ5 จังหวัดจัดพิธีเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2565

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะ กรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคลเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรรษา 12 สิงหา 2565 ณ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เขตพญาไท โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิรวมในพิธี

ในโอกาสนี้ ประธานคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 ได้กล่าวถวายราชสดุดีถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้า
สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตในทุกๆด้านอย่างเอนกอนันต์ ทรงส่งเสริมอาชีพ พร้อมยังอนุรักษ์ส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้านที่มีความงดงามหลายสาขา เช่นการปั้น การทอ การจักสาน

นอกจากนี้ ยังทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอนุรักษ์คุ้มครอง และฟื้นฟูและความหลากหลายทางชีวภาพอันเป็นฐานการดำรงชีวิตของพสกนิกรชาวไทยเสมอมา

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 14 สิงหาคม 2565

‘รมว.สุชาติ’ เตรียมเสนอ ครม. เคาะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เร็วๆนี้!!!

,

‘รมว.สุชาติ’ เตรียมเสนอ ครม. เคาะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เร็วๆนี้!!!

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและ และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เเปิดเผยถึง ความคืบหน้าการพิจารณาขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ว่าจะต้องมีการปรับตามสถานการณ์ของเงินเฟ้ออยู่แล้ว โดยดูว่าฐานเงินเฟ้อในประเทศไทยเท่าไหร่ แล้วเอามาเป็นตัวหลัก ซึ่งเรื่องนี้มีไตรภาคีจังหวัดที่จะพิจารณาก่อน มีทั้งลูกจ้างนายจ้างและฝ่ายรัฐบาลอยู่ใน ไตรภาคี ที่จะสุ่มตัวเลขมาว่า พอใจที่ตัวเลขเท่าไหร่ ส่วนกลางจะมาพิจารณาอีกทีว่า ที่ไตรภาคีเสนอมานั้นเหมาะสมหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ได้ให้นโยบายกระทรวงแรงงานไปว่า การปรับค่าแรงอยากให้กระชับ ให้ช่วงสั้น ยังมีหลายกลุ่ม ส่วนการประกาศใช้ปกติ หลายคนอยากให้พูดในวันที่ 1 มกราคม แต่ในความเป็นจริงเราต้องยอมรับว่าของสินค้าต่างๆขึ้นราคาไปแล้ว ถ้าเราไปประกาศก่อน แล้วไปมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม อาจจะทำให้มีการขึ้นราคาสินค้าอีกรอบหนึ่ง ซึ่งจะไม่มีผลอะไรในการที่เราได้ปรับค่าแรง

นายสุชาติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้พูดคุยกับนายจ้างและผู้ประกอบการเขายอมรับในตัวเลขนี้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการเหล่านี้ไปจำนวนมากหลายหมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันประกันสังคมรถหย่อนไปแล้วถึง 6 รอบ แต่ละรอบเป็นหมื่นล้านบาท ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อพยุงให้มีการจ้างงาน ลดค่าใช้จ่าย ลดค่าของชีพ ตามนโนบายของพรรค พปชร. ในการบรรเทาความเดือดร้อนของ ประชาชนในทุกกลุ่ม เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง พปชร. พร้อม ให้ความร่วมมือเป็นกลไกผลักดันผ่าน กระทรวงแรงงานฯในการขับเคลื่อนการยกระดับีมือแรงงานให้สอดคล้องกับาภวะการผลิต และบริการที่เปลี่ยนไป วันนี้จึงต้องขอความร่วมมือนายจ้าง ซึ่งเขาให้ความร่วมมือ จะพยายามกลับให้เร็วกว่า 1มกราคม

ส่วนการปรับค่าจ้างนั้น จะดูพื้นที่โซนอุตสาหกรรมหลักๆ ก่อน เช่น จังหวัดภูเก็ต กรุงเทพมหานคร พื้นที่อีอีซี ซึ่งโซนเหล่านี้ถือเป็นหัวแถวอยู่แล้ว แต่จะปรับกี่เปอร์เซนต์ ต้องพิจารณาให้เหมาะสม เท่าที่ดูตัวเลขคร่าวๆ ประมาณ 5-8% ให้รับได้ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

” เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งตอนนั้นยังใช้มาตรา 75 อยู่ หากปรับในตอนนั้นนายจ้างจะเอาเงินที่ไหนจ่าย และสุดท้ายอาจจะต้องตกงานกัน แต่เมื่อเราประคับประคอง นายจ้างและลูกจ้างจะอยู่ได้ โดยคาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในเดือนกันยายนนี้”นายสุชาติกล่าว

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 12 สิงหาคม 2565