โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: สื่อออนไลน์

“รมช.สันติ”กดปุ่มลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ทั่วประเทศเริ่ม 5 ก.ย.นี้

,

“รมช.สันติ”กดปุ่มลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ทั่วประเทศเริ่ม 5 ก.ย.นี้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร. )เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนประชารัฐสวัสดิการ ว่าที่ประชุมได้ข้อสรุปในการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ “บัตรคนจน” รอบใหม่ โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 -19 ตุลาคม 2565 โดยจะเปิดลงทะเบียนผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะสาขาของธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) การธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย รวมถึง อำเภอ หน่วยงานท้องถิ่น อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สำนักงานเขต ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเปิดในลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย

“วันที่ 19 ตุลาคม 2565 จะเป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียนบัตรคนจน จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติโดยระบบเอไอ ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงาน กับ 38 หน่วยงาน ของภาครัฐ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ซึ่งรวมถึงขั้นตอนการอุทธรณ์สิทธิเร็วที่สุดสิ้นปี 2565 คาดว่าจะพร้อมใช้สิทธิได้เร็วที่สุดในเดือนมกราคม ปี 2566 โดยจะมีการจัดพิธีลงนาม MOU ความร่วมมือโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และแถลงข่าว ในวันที่ 16 สิงหาคม นี้ ที่กระทรวงการคลัง ”

สำหรับจุดรับลงทะเบียนได้มีการจ้างนักศึกษาที่จบใหม่ 2-3 ปี และยังไม่มีงานทำ ประจำหน่วยลงทะเบียน ตำบลละ 5 คน ทั่วประเทศ รวมทั้งหมดกว่า 30,000 คน โดยอัตราค่าจ้างในระดับปริญญาตรี จำนวน 15,000 บาทต่อเดือน ระดับปวส. จำนวน 11,500 บาทต่อเดือน และระดับ ปวช. 9,500 บาทต่อเดือน ใช้งบการจ้างงานรวมจำนวน 750 ล้านบาท ระยะเวลาการจ้างงาน 45 วัน และอบรมอีก 6 วัน

ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ในบัตรคนจนรอบใหม่จะใช้บัตรประชาชนใบเดียวเพื่อให้เกิดความสะดวก โดยจะเพิ่มจำนวนหรือไม่นั้นต้องดูที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต้องเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเข้าไปดูแลปากท้องประชาชนในทุกกลุ่ม ให้มีความกินดีอยู่ดีในทุกมิติตามแนวทางของพปชร. ซึ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นนโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐ ในการเข้าไปช่วยประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้เข้าถึงสวัสดิแห่งรัฐ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นการเข้าไปดูแลระบบเศรษฐกิจฐานากให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีประชาชนลงทะเบียนครั้งนี้ จะมี 15-16 ล้านคน จากเดิมที่มี 13 ล้านคน อย่างไรก็ตามตัวเลขของประชาชนที่เพิ่มหรือลด จะไม่ตายตัวเพราะทุกปีจะมีการตรวจคุณสมบัติ


ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 12 สิงหาคม 2565

“รมต.อนุชา”ลงพื้นที่ชลบุรีขับเคลื่อนกองทุนฯ สร้างเศรษฐกิจฐานรากพัฒนาอาชีพ-เพิ่มรายได้

,

“รมต.อนุชา”ลงพื้นที่ชลบุรีขับเคลื่อนกองทุนฯ
สร้างเศรษฐกิจฐานรากพัฒนาอาชีพ-เพิ่มรายได้

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ซึ่งจัดขึ้นโดยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) โดยมี นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เครือข่ายหมู่บ้าน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน

นายอนุชา กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนงานกองทุนหมู่บ้านฯ มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน รวมถึงการสร้างกิจกรรมในชุมชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาการประกอบอาชีพ ส่งเสริมการผลิตสินค้าและบริการในชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ การจัดสวัสดิการ และการแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านและชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศให้เกิดความเข้มแข็งบนพื้นฐานของความพอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ภายใต้แนวคิด BCG Economy Model เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

โครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “สร้างเสริม ส่งต่อ สู่อนาคต” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ผลการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านฯ รวมถึงการเปิดโอกาสให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชน รวมถึงเครือข่ายได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ถ่ายทอดบทเรียนอย่างสร้างสรรค์ นำผลิตภัณฑ์ของกองทุนหมู่บ้านฯ มาต่อยอดทำการตลาดสู่ภาคประชาชนให้แพร่หลายมากขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการแสดงอัตลักษณ์ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแต่ละแห่ง สร้างความภาคภูมิใจจากการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และใช้ศักยภาพในการบริหารจัดการร่วมกัน เสริมสร้างความสามัคคีของชุมชน และทำให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน

กองทุนหมู่บ้านฯ ที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย 14 จังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง สมุทรปราการ สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบรางวัลชนะเลิศแก่ผู้แทนกองทุนหมู่บ้านฯ ใน 3 สาขา ประกอบด้วย รางวัลกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตัวอย่าง รางวัลโครงการตามแนวทางประชารัฐตัวอย่าง และรางวัลเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตัวอย่าง พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการ ‘กองทุนสร้างชุมชน’ สร้างเสริม ส่งต่อ สู่อนาคต ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนที่คัดเลือกมาจากแต่ละจังหวัด และการนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเผยแพร่ผลเป็นบทเรียนแห่งการเรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ

สำหรับกองทุนหมู่บ้านฯ ที่มีการบริหารจัดการและการดำเนินงานที่โดดเด่นในพื้นที่ จ.ชลบุรี ประกอบด้วย กองทุนหมู่บ้านห้วยทวน หมู่ 3 อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นชุมชนในเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถบริหารจัดการกองทุนซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลลัพธ์การดำเนินงานเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนด้วยการเปิดโอกาสและสร้างอาชีพให้กับประชาชนในชุมชน ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย ประมง และรับจ้าง การสนับสนุนของกองทุนฯ เปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจ เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนรวมถึงฐานะทางการเงินของหมู่บ้านดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกองทุนหมู่บ้านบางพลี หมู่ที่ 9 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และมีผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานในแต่ละปีจำนวนมาก โดยกองทุนหมู่บ้านบางพลีได้ตั้งโรงผลิตน้ำดื่มประชารัฐ เพื่อผลิตน้ำดื่มที่สะอาดบริสุทธิ์ ได้มาตรฐานให้แก่ประชาชนและชุมชนใกล้เคียงในราคาถูก ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนในชุมชน สร้างงานสร้างอาชีพให้ประชาชน รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานด้านร้านค้าประชารัฐให้แก่ชุมชนอื่น รวมถึงการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออมเงินและดูแลระบบสวัสดิการชุมชนอีกด้วย


ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” บรรลุเป้าหมายเพิ่มพื้นป่าตามข้อตกลงเอเปก ร่วมฟื้นฟูป่าไม้ 27.9 ล้านเฮกตาร์ใช้หลัก BCG สร้างประโยชน์ ปชช.

, , ,

“พล.อ.ประวิตร” บรรลุเป้าหมายเพิ่มพื้นป่าตามข้อตกลงเอเปก
ร่วมฟื้นฟูป่าไม้ 27.9 ล้านเฮกตาร์ใช้หลัก BCG สร้างประโยชน์ ปชช.

พล.อ.ประวิตร ประชุม คกก.”ป่าไม้แห่งชาติ” เตรียมเสนอเป็นเจ้าภาพ IUFRO 2029 ภายใต้ แนวคิด “Open Connect Balance” มุ่งยกฐานะไทย ขึ้นเทียบเท่าเวทีโลก พอใจผลสำเร็จดูแลป่า ได้ตามเป้า APEC

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่2/2565 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านระบบ VDO CONFERENCE กล่าวถึงความสำเร็จของการดำเนินงานด้านป่าไม้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ได้ 27.9 ล้านเฮกตาร์ เป็นการแสดงเจตจำนงที่จะดำเนินการตามพันธกิจของ APEC เกี่ยวกับการจัดการป่าไม้ นำไปสู่ความยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมการประยุกต์ใช้แนวทาง เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว(BCG) และได้กำชับหน่วยงน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูผืนป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุผลสำเร็จตามกรอบเป้าหมายของAPEC พร้อมให้เร่งดำเนินการต่อเนื่อง ตามที่คณะกรรมการฯ ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดกับประชาชน และประเทศชาติ ตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบการดำเนินงานของภาครัฐ ควบคู่กันไปด้วย

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้าการเสนอตัว เป็นเจ้าภาพจัดประชุม The World Congress of the International Union of Forest Research Organization ครั้งที่ 27 (IUFRO 2029) เป็นการประชุมด้านการป่าไม้ที่ใหญ่ที่สุด ของโลก เป็นการรวมนักวิจัยจากทั่วทุกมุมโลก ประมาณ 5,000 คน และจัดขึ้นเป็นประจำทุก 5ปี โดยคณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ และ ทส.จะดำเนินการในนามประเทศไทย

นอกจากนี้ที่ประชุม ยังได้เห็นชอบ(ร่าง)ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้าม หรือต้องมีหนังสือรับรองและให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองใน”การนำเข้า”มาในราชอาณาจักร พ.ศ… และเห็นชอบ(ร่าง)ประกาศ พณ.เรื่องกำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิดเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองใน”การส่งออก”ไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ…โดยมอบให้กรมการค้าต่างประเทศ ดำเนินการเพื่อเสนอ ครม.ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 สิงหาคม 2565