โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรม ส.ส. และสมาชิกพรรค

เดินหน้าทำงานไม่ต้องรอ กกต.!”อัครแสนคีรี ว่าที่ ส.ส.ชัยภูมิ”ลงพื้นที่ประสานเครื่องจักรฟื้นฟูแหล่งน้ำ รับมือหน้าฝน ลั่น เกษตรกรชัยภูมิต้องก้าวสู่ตลาดโลก

,

เดินหน้าทำงานไม่ต้องรอ กกต.!”อัครแสนคีรี ว่าที่ ส.ส.ชัยภูมิ”ลงพื้นที่ประสานเครื่องจักรฟื้นฟูแหล่งน้ำ รับมือหน้าฝน ลั่น เกษตรกรชัยภูมิต้องก้าวสู่ตลาดโลก

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ชัยภูมิ เขต 7 กล่าวว่า ในช่วงระหว่างรอการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตนก็ได้ลงพื่นที่หนองซ่อ ม.3 บ้านโคกสง่า ตำบลห้วยไร่ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพปกคลุมไปด้วยวัชพืชจำนวนมาก ทำให้กักเก็บน้ำไม่ได้ และยังเป็นด่านรับน้ำด่านหน้าของอำเภอคอนสวรรค์ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่น้ำจากบนเขาภูแลนคาจะไหลมาตรงนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องรีบเอาวัชพืชออก เพื่อให้กักเก็บน้ำได้มากขึ้นทั้งหน้าแล้งและหน้าฝน ตนจึงได้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบเข้ามาดูเพื่อประสานเครื่องจักรฟื้นฟูแหล่งน้ำ โดยเบื้องต้นทราบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถย้ายรถแบคโฮเข้ามาขุดลอกได้ภายในอาทิตย์หน้า

“การผลักดันโครงการเพิ่มพื้นที่ในการกักเก็บน้ำในระดับหมู่บ้าน ผลักดันโครงการกักเก็บน้ำ ป้องกันน้ำท่วมแล้งซ้ำซาก เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องช่วยเหลือเกษตรกร รวมไปถึงแนวทางการลดต้นทุนรายจ่าย เช่น ราคาปุ๋ยแพง อาหารสัตว์แพงด้วย ไฟฟ้าแพง”

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า การเกษตรจะพัฒนาได้ก็จะตัองมีความร่วมมือระหว่างจังหวัด และระหว่างประเทศ เพื่อเป็นช่องทางในการช่วยซื้อขายสินค้าเกษตร เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ให้กับพี่น้องชาวชัยภูมิ
และจะเป็นการยกระดับรายได้เกษตกรชัยภูมิ ตนมีความตั้งใจที่จะทำให้จังหวัดชัยภูมิก้าวออกไปสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งมีความต้องการกินการใช้มหาศาล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มิถุนายน 2566

“ฉกาจ ว่าที่ส.ส.พังงา” เตรียมสานต่อแก้ปัญหาน้ำ-ที่ทำกินให้ปชช.หนุนปรับปรุงผังเมืองจังหวัดสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มรายได้คนท้องถิ่น

,

“ฉกาจ ว่าที่ส.ส.พังงา” เตรียมสานต่อแก้ปัญหาน้ำ-ที่ทำกินให้ปชช.หนุนปรับปรุงผังเมืองจังหวัดสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มรายได้คนท้องถิ่น

นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.พังงา เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า เป้าหมายการทำงานในพื้นที่หลังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตนจะสานต่อนโยบายที่ทำกิน และการแก้ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำตามนโยบายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. ที่ให้ความสำคัญและล่าสุดได้ลงพื้นที่มายังอำเภอกะปง จังหวัดพังงาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำในพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจในจังหวัดตามที่ท้องถิ่นนำเสนอ

“ผมจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามเพื่อการสนับสนุนและผลักดันในการสร้างอ่างเก็บน้ำโดยเฉพาะ ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบล บางทอง, ลำภี ,โคกเคียน ที่ได้เริ่มดำเนินการสำรวจเพื่อออกแบบและประมาณการความเป็นไปได้ ในการที่จะก่อสร้างเพื่อสนับสนุนให้ภาคเกษตรและประชาชนมีแหล่งน้ำใช้ที่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น”นายฉกาจกล่าว
นอกจากนี้ยังจะมีการยกระดับจังหวัดพังงา ให้เป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยว ภายใต้การขับเคลื่อนแบบคลัสเตอร์ที่ควรจะมีการเชื่อมโยงกับจังหวังต่างๆ ในฝั่งทะเลอันดามัน ที่สามารถพัฒนาจากการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์ เกิดการสร้างรายได้ให้กับชาวพังงามากยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบัน

“ต้องมีการเสนอการปรับปรุงผังเมืองใหม่ จ.พังงา เพราะปัจจุบันเป็นพื้นที่สีเขียว ทำให้ไม่สามารถพัฒนาได้เท่าที่ควร ซึ่งเรื่องนี้ ต้องอาศัยการเข้าไปทำหน้าที่ผลักดันในสภาฯ ผ่านการขับเคลื่อนของพรรค ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐจะมีการแบ่งงาน และหน้าที่ความรับผิดชอบภายหลังสภาฯเปิด เพื่อจะได้เดินหน้าในการเข้าไปเป็นปากเสียงให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่”นายฉกาจ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มิถุนายน 2566

“นเรศ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่” ฝ่าศึกเลือกตั้ง ปชช.เทเสียงหนุน เชื่อมั่นในผลงาน ลุยสานต่อโครงการสร้างแหล่งน้ำผลักดัน พ.ร.บ.ลำไยแก้ปัญหาราคาตกต่ำ

,

“นเรศ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่” ฝ่าศึกเลือกตั้ง ปชช.เทเสียงหนุน เชื่อมั่นในผลงาน ลุยสานต่อโครงการสร้างแหล่งน้ำผลักดัน พ.ร.บ.ลำไยแก้ปัญหาราคาตกต่ำ

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 9 จ. เชียงใหม่ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาตนได้รับคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน จนสามารถเป็นหนึ่งในว่าที่ ส.ส. พปชร. อีก 1 สมัย จาก 10 เขตในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งเป็นผลมาจากทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในหลายแห่งที่เป็นนโยบายของพรรค โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มุ่งการแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ จนสามารถมีโครงการแหล่งกักเก็บน้ำให้ประชาชนได้มีน้ำกิน น้ำใช้ เพื่ออุปโภค บริโภคตลอดปีรวมถึงภาคการเกษตร และยังมีโครงการต่อเนื่องที่ต้องสานต่อ อาทิ อ่างเก็บน้ำโป่งจ้อ อ่างเก็บน้ำแม่วาง และโครงการทำน้ำประปา เพื่อประชาชน การจัดหาแหล่งน้ำบาดาล ในโครงการเกษตรแปลงใหญ่ พร้อมกับติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ปอน ซึ่งจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่เข้ามาแก้ไขปัญหา เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนให้กับประชาชนในพื้นที่

นายนเรศ กล่าวต่อว่า เรายังมีแผนที่ต้องเร่งผลักดันในระยะต่อไป ในเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะปัญหาราคาลำไย ที่ต้องเผชิญกับราคาตกต่ำในแต่ละปี จำเป็นต้องมีการผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.ลำไย เพื่อมาดูแลราคาผลผลิตให้ได้รับความเป็นธรรม เช่นเดียวกับสินค้าเกษตรหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นยางพารา มันสำปะหลัง และอ้อย ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการหารือในพรรค ว่าจะวางแนวทางให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ให้สามารถ ออก พ.ร.บ.เพื่อแก้ปัญหาราคาลำไย ของเกษตรกร 8 จังหวัดของภาคเหนือ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ในฐานะเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหรกรณ์ ได้เข้าร่วมพิจารณาแก้ไขปัญหาราคาลำไยตกต่ำซึ่งเป็นความเดือดร้อนที่เกษตรกรได้รับมาอย่างต่อเนื่อง

“การที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน เนื่องจาก การทำงานที่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ทั้ง การหาแหล่งน้ำ แก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของการประกอบอาชีพ ของพี่น้องชาวภาคเหนือ ทำให้ผมสามารถฝ่าฟัน สนามการแข่งขันเลือกตั้งใน พื้นที่จ.เชียงใหม่ ที่มีความรุนแรงและเข้มข้นของ สองพรรคใหญ่ จนได้รับชัยชนะ และต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เชื่อมั่นในการทำงานของตนและพปชร. จากนี้ไป ยังคงมุ่งมั่น พร้อมทำงานอย่างหนัก เพราะบางพื้นที่ยังต้องได้รับการแก้ไข และเยียวยา เพื่อเข้าไปยกระดับคุณภาพชีวิต ของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น” นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 พฤษภาคม 2566

ผู้กองธรรมนัส ควงว่าที่ ส.ส. เขต 2 พะเยา ‘น้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟตำบลอ่างทอง’

,

ผู้กองธรรมนัส ควงว่าที่ ส.ส. เขต 2 พะเยา ‘น้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟตำบลอ่างทอง’

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)เขต1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง ประจำปี 2566 ‘รวมพลคนอิสานล้านนา สืบสานตำนานบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง’ ณ บ้านปางมดแดง ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา โดยมีนางสาวธนพร ศรีวิราช ภริยา และนายอนุรัตน์ ตันบรรจง ว่าที่ ส.ส.เขต จังหวัดพะเยา ไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่ตำบลอ่างทอง และหมู่บ้านใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ยินดีที่ได้มาร่วมประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของพ่อแม่พี่น้องชาวอีสาน ในพื้นที่ตำบลปางมดแดง ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากหลายจังหวัดของภาคอีสานทั้ง กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ และมหาสารคาม เป็นเวลานาน และเมื่อมีพ่อแม่พี่น้องชาวอิสานเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก ขยายเป็นหลายหมู่บ้านของตำบลอ่างทอง ต่างก็ร่วมกันสานต่อประเพณีบุญบั้งไฟอันดีงามนี้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตนเองพร้อมสนับสนุนให้มีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลอ่างทอง สู่รุ่นลูกหลานในอนาคตสืบไป

สำหรับงานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านปางมดแดง ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลอ่างทอง ระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2566 ภายในงานมีทั้งการประกวดขบวนแห่บั้งไฟ และขบวนเซิ้งแต่ละชุมชน การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เซิ้งและโปงลาง หมอลำ และยังมีการจุดบั้งไฟ เพื่อบูชาพญาแถน (ขอฝน) ณ อ่างเก็บน้ำสาธารณะ (หนองสลาบ) บ้านปางมดแดง หมู่ที่ 4 ตำนลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ อีกด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 พฤษภาคม 2566

“สัมพันธ์ – อามินทร์” คว้าที่นั่งส.ส.เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องจ.นราธิวาส กระตุ้นท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจพื้นที่ดึงคนมาเลย์เข้าไทยกระจายรายได้ ปชช.

,

“สัมพันธ์ – อามินทร์” คว้าที่นั่งส.ส.เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องจ.นราธิวาส กระตุ้นท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจพื้นที่ดึงคนมาเลย์เข้าไทยกระจายรายได้ ปชช.

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา ในจังหวัดนราธิวาส ตนและ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ เขต 2 ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยตนได้รับการแต่งตั้งเป็นสมัยที่ 2 ถือเป็นความไว้วางใจที่ ประชาชนในพื้นที่ได้มอบให้ และพร้อมทำหน้าที่ต่อเนื่อง นอกจากเรื่องการสร้างสันติสุขในพื้นที่ ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน ทำให้สามารถพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง ที่ต้องการสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับประชาชน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับคืนมา เพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชน โดยการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียมาสู่จังหวัดนราธิวาสมากยิ่งขึ้น ที่อาศัยความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ

“ส่วนเรื่องการกินดีอยู่ดีที่มั่นคง ยังเป็นปัญหาที่ต้องเร่งเข้าไป ส่งเสริมอาชีพทางการเกษตร ที่ปัจจุบันเกษตรกร มีการละทิ้งไร่นา จนเป็นนาล้าง ไม่มีการเพาะปลูก จึงจะวางแผนเร่งส่งเสริม ประสานหน่วยราชการ ให้มาสนับสนุน โดยการมอบเมล็ดพันธ์ข้าว เพื่อให้ที่นากลับมาเป็นที่ทำกินได้อีกครั้ง เชื่อมั่นว่า จะทำให้ประชาชน มีอาชีพ และมีรายได้มั่นคงมากขึ้น”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 พฤษภาคม 2566

ว่าที่ ส.ส.อรรถกร ขอบคุณเสียง ปชช.เขต 2 ฉะเชิงเทรา เร่ง ทำงานสางปัญหาราคากุ้งช่วยเกษตรกรรายย่อยทันที

,

ว่าที่ ส.ส.อรรถกร ขอบคุณเสียง ปชช.เขต 2 ฉะเชิงเทรา เร่ง ทำงานสางปัญหาราคากุ้งช่วยเกษตรกรรายย่อยทันที

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ฉะเชิงเทรา เขต 2 หนึ่งในว่าที่ส.ส.พปชร. ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้แทนของชาวฉะเชิงเทรา และเป็นหนึ่งในผู้สมัครที่สามารถฝ่าการแข่งขันสูงในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นให้ได้ทำงานต่อเนื่อง ตนพร้อมทำงานทันที เพราะยังมีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง ซึ่งประสบปัญหาราคากุ้งไม่สอดคล้องกับต้นทุนการเพาะเลี้ยง ทั้งค่าอาหารและปูนในการเพาะเลี้ยงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เข้าร่วมประชุมหารือ กับกลุ่มเกษตรกร เพื่อวางแนวทางร่วมกัน ในการยกระดับราคากลางให้สูงขึ้น คุ้มค่ากับการลงทุนในการเพาะเลี้ยง ควบคู่กับการหาช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับเกษตรกรรายย่อยในระยะต่อไป เพื่อให้ได้ราคากุ้งที่เหมาะสมกับต้นทุน

“พื้นที่ฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งผลิตกุ้งเลี้ยง อีกแห่งหนึ่ง ถือเป็นเศรษฐกิจพื้นฐานของจังหวัด ต้องได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาระยะยาว ให้เกษตรกรอยู่รอดได้”นายอรรถกร กล่าว

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า เราต้องเร่งสานต่อนโยบายการแก้ปัญหาเรื่องน้ำในจังหวัด ทั้งการแก้ไขปัญหาน้ำเค็ม การจัดหาแหล่งน้ำจืด และลดปัญหาน้ำกร่อย พร้อมกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้น้ำสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เพราะพื้นที่ฉะเชิงเทรา มีความหลากหลายทางอาชีพ นอกจากเกษตรกรรม ยังเป็นแหล่งเพาะพันธ์สัตว์น้ำ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมด้วย ทำให้ความต้องการใช้น้ำมีการปริมาณเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 พฤษภาคม 2566

“ทวี สุระบาล” ว่าที่ส.ส. ตรัง ขอบคุณปชช.เทเสียงขึ้นแชมป์อันดับ1 ของประเทศ พร้อมลุยทำงานแก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องดันทุกเรื่องเข้าสู่สภาฯ

,

“ทวี สุระบาล” ว่าที่ส.ส. ตรัง ขอบคุณปชช.เทเสียงขึ้นแชมป์อันดับ1 ของประเทศ พร้อมลุยทำงานแก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องดันทุกเรื่องเข้าสู่สภาฯ

นายทวี สุระบาล ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จ.ตรัง กล่าวว่า ตนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดตรังเขต 2 ที่มอบคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น จนสามารถมีคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. 2566 สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยคะแนนเสียง 63,185 คะแนน เป็นครั้งที่ 2 ที่พี่น้องชาวจ.ตรังให้ความไว้วางใจ จากเมื่อปี 2544 ที่เคยได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเป็นครั้งแรก 65,458 คะแนน นับเป็นคนแรกของรัฐสภาไทยที่ได้คะแนนสูงสุด สองครั้ง ซึ่งเป็นการทำงานลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ยังได้ทำหน้าที่พบปะประชาชน อย่างใกล้ชิดไม่เคยทิ้งพื้นที่

นายทวี กล่าวต่อว่า พี่น้องประชาชนยังพอใจในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะการเพิ่มเบี้ยสวัสดิการ 700 บาท และ และ เบี้ยยังชีพผู้สูงวัย โดยการเพิ่มเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน หรือเรียกว่า‘เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8’

“หลังจากนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เตรียมพร้อม และลงพื้นที่ต่อเนื่อง ไม่เคยปฏิเสธการเข้าถึงประชาชนเพื่อช่วยเหลือในทุกเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง ที่ต้องเร่งเสนอต่อ พรรค เพื่อนำไปผลักดันในสภาฯ ต่อไป “

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤษภาคม 2566

ดร.ลั่น – สฤษดิ์ ไพรทอง ลงพื้นที่เยาวราชหาเสียงโค้งสุดท้าย พบแฟนคลับต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมชูนโยบายท่องเที่ยวแก้เศรษฐกิจปากท้องเร่งด่วน ผลักดันกรุงเทพฯชั้นในสู่จุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมาเยือน ย้ำทำได้ทันทีไม่ต้องรอ

,

ดร.ลั่น – สฤษดิ์ ไพรทอง ลงพื้นที่เยาวราชหาเสียงโค้งสุดท้าย พบแฟนคลับต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมชูนโยบายท่องเที่ยวแก้เศรษฐกิจปากท้องเร่งด่วน ผลักดันกรุงเทพฯชั้นในสู่จุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมาเยือน ย้ำทำได้ทันทีไม่ต้องรอ

ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง หรือ ดร.ลั่น ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรุงเทพมหานคร เขต 1 หมายเลข 11 กล่าวในระหว่างลงพื้นที่หาเสียงย่านเยาวราชว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เสียงสะท้อนที่ได้รับฟังส่วนใหญ่ที่ต้องการให้ทางพรรคฯ ผลักดันเร่งด่วนยังคงเป็นเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนโดยเร็วเช่นกัน

ทั้งนี้ หนึ่งในนโยบายของ พปชร.นั้น จะมีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งอาเซียน เพื่อเร่งนำเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นช่องทางที่เร็วที่สุดในการหารายเข้าประเทศ เพราะการท่องเที่ยวนั้น ไม่ต้องรอการก่อสร้าง รอเพียงแต่นักท่องเที่ยวมาในประเทศ ก็ได้เงินเข้าประเทศทันที ซึ่งกรุงเทพฯเป็นหมุดหมาย และเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้อยู่แล้ว
.
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน มีย่านการค้าและการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นย่านของกินชื่อดังอย่างเยาวราช ย่านศิลปวัฒนธรรมอย่างพระบรมมหาราชวัง และย่านถนนข้าวสาร ซึ่งสามารถพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงต่อยอดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ได้เช่นกัน

พร้อมกันนี้ ดร.สฤษดิ์ ยังได้นำเสนอ นโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน หาก พปชร.ได้เป็นรัฐบาล ที่จะผลักดันทันที เช่น ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท, ลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 6.30 บาท และเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได คือ ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น 3,000 บาทต่อเดือน, อายุ 70 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 4,000 บาทต่อเดือน อายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

สำหรับบรรยากาศในการลงพื้นที่เยาวราช ของดร.สฤษดิ์ ในครั้งนี้ ยังคงมีประชาชน พ่อค้า แม่ค้า และแฟนคลับ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับส่งเสียงเชียร์เหมือนเช่นเคย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 พฤษภาคม 2566

“อุตตม – สนธิรัตน์” แอ่วเหนือให้กำลังใจ “ผู้การกริช” ผู้สมัคร ส.ส. ลำพูน เขต 2 เบอร์ 8 พร้อมปราศรัยย่อยขอคะแนนเสียงอ้อนคนลำพูนเปลี่ยน ส.ส.ใหม่

,

“อุตตม – สนธิรัตน์” แอ่วเหนือให้กำลังใจ “ผู้การกริช” ผู้สมัคร ส.ส. ลำพูน เขต 2 เบอร์ 8 พร้อมปราศรัยย่อยขอคะแนนเสียงอ้อนคนลำพูนเปลี่ยน ส.ส.ใหม่

วันที่ 8 พ.ค. 2566 ที่ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมพบปะแกนนำ และปราศรัยย่อยช่วย “พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผู้สมัคร ส.ส. ลำพูน เขต 2 เบอร์ 8” พร้อมขึ้นรถแห่หาเสียงในพื้นที่เขต 2 และพบปะประชาชน และพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแม่ทองริ้ว โดยบรรยากาศการปราศรัยเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้การตอบรับ และเข้าร่วมรับฟังปราศรัยเป็นจำนวนมาก

โดยนายอุตตม ได้กล่าวช่วงหนึ่งในการพบปะแกนนำว่า วันนี้ตน และนายสนธิรัตน์ ขอมาให้กำลังใจ พล.ต.ต.กริช และทีมงานทุกคนในการหาเสียงช่วงเลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้ายนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าโค้งสุดท้ายนี้ จะมีการแข่งขันกันอย่างหนักมาก แต่ขอให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่ อย่าหวาดกลัวต่อการแข่งขัน และขอให้มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่มีความพร้อมที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล เข้าไปบริหารประเทศ รวมถึงเข้าไปแก้ไขปัญหาในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งเป็นความตั้งใจของพรรคพลังประชารัฐ พล.ต.ต.กริช เป็นคนที่มีคุณภาพ มีทีมงานในพื้นที่ที่เข้มแข็ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถเข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร ในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องเขต 2 ลำพูน โดยเฉพาะปัญหาราคาพืชผลการเกษตรอย่างลำไย ที่ผ่านมา ได้ทราบว่า พล.ต.ต.กริช ได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังและรวบรวมทุกปัญหาที่จะนำไปสู่การต่อสู้และแก้ไขในสภาให้สำเร็จ

จากนั้นนายสนธิรัตน์ ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงไปยังตลาดแม่ทองริ้วพร้อมกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนมาช่วยหาเสียงที่ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน วันนี้ เพราะอยากให้พี่น้องชาวป่าซาง เปลี่ยน ส.ส. เป็นผู้การกริช คนที่จะอยู่รับใช้พี่น้องอย่างใกล้ชิด เพราะ ส.ส.บางคนเขามองว่าพี่น้องเป็นของตาย อย่างไรเขาก็ได้เป็น ส.ส. ทั้งนี้เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มที่ผู้การกริช ตัดสินใจอาสามารับใช้พี่น้อง เชื่อว่าพี่น้องเห็นเขาเดินหาเสียงมาทั้งปี ถามว่าพี่น้องเคยเห็น ส.ส. เก่าเดินหาเสียงเท่าผู้การกริชหรือไม่ ดังนั้นการจะเลือกคนมาเป็น ส.ส. ในดวงใจพี่น้อง ต้องเลือกคนที่อาสามารับใช้พี่น้องอย่างใกล้ชิด และต้องเลือก ส.ส. ในพรรคที่จะได้เป็นรัฐบาล ถ้าพี่น้องเลือก ส.ส. แล้วพรรรคนั้นไม่ได้เป็นรัฐบาล เขาก็มาช่วยพี่น้องได้ไม่เต็มที่

“วันนี้ผมมาในนามตัวแทนพรรค เพื่อบอกพี่น้องว่าคนทั้งวงการการเมืองเขาบอกว่าพรรคอะไรก็แล้วแต่หลังเลือกตั้งจะจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคที่แบเบอร์เป็นรัฐบาล 100% ชื่อพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นหากพี่น้องเลือกผู้การกริช จะได้คนที่ไปเป็น ส.ส.ของรัฐบาลแน่นอน คนที่สามารถเข้าไปขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะลำไย ซึ่งเมืองลำพูนถือว่าเป็นเมืองลำไย และประสบปัญหาราคาตกต่ำมาทุกฤดูกาล นอกจากนี้ หากผู้การกริช ได้เป็น ส.ส.และพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล พี่น้องจะได้นโยบายปุ๋ยคนละครึ่งทันที นอกจากนี้ยังมีบัตรประชารัฐ 700 บาท เบี้ยผู้สูงอายุ 60-80 ปี ได้รับเงิน 3,000-5,000 บาท วันนี้พี่น้องจะรักใครชอบใครเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ถ้าจะเลือกพรรค หรือ ส.ส. ต้องเลือกคนที่จะมาช่วยพี่น้องจริงๆ เลือก ส.ส. ที่จะไปช่วยผลักดันจัดตั้งรัฐบาลนั่นคือผู้การกริช ผมยืนยันว่าพรรคของเราภูมิใจที่ได้คนอย่างผู้การกริช มาเป็นผู้แทนให้พี่น้อง เขาจะอยู่ใกล้ชิด และทุ่มเทให้พี่น้องอย่างแน่นอน“ นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2566

สกลธี ควง บุณณดา ปราศรัยชูนโยบายปากท้องเพื่อพี่น้องย่านฝั่งธน พร้อมย้ำจุดยืนไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112

,

สกลธี ควง บุณณดา ปราศรัยชูนโยบายปากท้องเพื่อพี่น้องย่านฝั่งธน พร้อมย้ำจุดยืนไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคฯ ลงพื้นที่ลานออกกำลังกายชุมชนวัดโมลีฯ ใต้สะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ร่วมกับ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 32 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) หมายเลข 6 เพื่อพบปะประชาชน พร้อมชูนโยบายหลักของพรรคประชารัฐเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องย่านฝั่งธน

​นายสกลธีกล่าวว่า ในย่านนี้จะเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะมีความน่าสนใจที่เป็นชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรื่องราวในชุมชนมากมายที่สามารถนำมาสร้าง Story ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ แต่ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะนำกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านมาช่วยพัฒนาจุดนี้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่นี้ต่อไป

“พรรคพลังประชารัฐย้ำมาตลอดว่าเรามีจุดยืนที่จะไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112 เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรวยขึ้นหรือจนลง ควรมองไปที่นโยบายที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้น ดังนั้นถ้ามีเงื่อนไขว่าถ้าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับเขาแล้วต้องเอาอันนี้ด้วย แล้วทำให้ประเทศลุกเป็นไฟ เราไม่เอาแน่นอน รวมถึงเรื่องนโยบายที่เอาไปใช้แล้วประเทศล่มจมทางเศรษฐกิจ เราก็ไม่เอาเหมือนกัน”

​ด้าน ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และสามารถนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน แม้ลุงป้อมจะโดนบูลลี่ล้อเลียนในโลกโซเชี่ยลอย่างไร ก็ไม่เคยตอบโต้ และบอกสมาชิกพรรคไม่ให้ตอบโต้ ขัดแย้ง และสาดโคลนใส่กัน เพราะท่านเห็นคนรุ่นใหม่เป็นเหมือนลูกหลาน สิ่งที่ลุงป้อมคิดมีเพียงแต่จะทำให้ลูกหลาน ทำให้ประเทศชาติเท่านั้น จึงอยากขอฝากทุกคนในเขตเลือกตั้งที่ 32 บัตรสีม่วงกาเบอร์ 6 บัตรสีเขียวทั่วประเทศกาเบอร์ 37 ด้วย เพื่อความสุขสงบของชาติและเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2566

“ชัยวุฒิ” ควง “ฟิล์ม” ปราศรัยเขตสวนหลวง ชูนโยบายลดค่าครองชีพ พร้อมวลีเด็ด “กระแสพรรคนั้นอยู่ไม่นาน แต่ถ้าเลือกคนที่ทำงาน ผมจะอยู่กับพ่อแม่พี่น้องตลอดไป”

,

“ชัยวุฒิ” ควง “ฟิล์ม” ปราศรัยเขตสวนหลวง ชูนโยบายลดค่าครองชีพ พร้อมวลีเด็ด “กระแสพรรคนั้นอยู่ไม่นาน แต่ถ้าเลือกคนที่ทำงาน ผมจะอยู่กับพ่อแม่พี่น้องตลอดไป”

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 22 เบอร์ 1 พรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่ปราศรัยกับพี่น้องชาวสวนหลวง ที่ศูนย์ยีซา ซอยปานเหล็ง โดยการปราศรัยในครั้งนี้ นายชัยวุฒิ ได้ขอบคุณพี่น้องชาวสวนหลวงที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ และมั่นใจว่าเขตนี้ฟิล์มจะได้รับการเลือกจากประชาชน ได้เป็น ส.ส. เขตสวนหลวง

นายชัยวุฒิ กล่าวถึงนโยบายลดค่าครองชีพว่า ปัจจุบันสินค้ามีราคาแพงเพราะพลังงานมีราคาสูงมาก ทางพรรคจึงมีนโยบายเร่งด่วนในการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ด้วยการลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท ลดค่าแก๊สเหลือถังละ 250 บาท ลดค่าน้ำมันเบนซินลงลิตรละ 18 บาท ดีเซลลดลงลิตรละ 6 บาท และยังมีนโยบายช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเงินเป็น 700 บาท

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า นโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขประเทศเดินไปข้างหน้า มีนักท่องเที่ยว มีนักธุรกิจมาลงทุน มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ให้กับประชาชนชาวกรุงเทพมหานครอยู่อย่างมีความสุข เราคิดต่างกันได้ เราเห็นต่างกันได้ แต่เราต้องทำให้บ้านเมืองสงบสุข เลือกพรรคพลังประชารัฐให้ “ลุงป้อม” ก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกันให้ได้นะครับ พรรคพลังประชารัฐมีอุดมการณ์ชัดเจน สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง มีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทางพรรคเห็นด้วย แต่ถ้าจะไปเปลี่ยนสิ่งใดทำให้บ้านเมืองเสียหาย ทำให้ประชาชนแตกแยก ทำให้ลูกหลานในอนาคตของเราเดือดร้อน พรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมเด็ดขาด นี่คืออุดมการณ์สำคัญของพรรคพลังประชารัฐที่จะมีอยู่ตลอดไป

ด้านนายรัฐภูมิ กล่าวว่า ทุกคนไม่ต้องห่วงโตมาต้องมั่งคงใครที่มีรายได้ไม่ถึง 5 แสนบาทไม่ต้องเสียภาษี พร้อมชูนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ “3 4 5 6 7 8″ โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป จะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท อีกทั้งบัตรสวัสดิการรัฐหรือบัตรประชารัฐ ที่เมื่อก่อนได้รับ 300 บาท ถ้าพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลจะเพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ฟิล์มยังได้ขอกำลังใจจากพี่น้องประชาชนเขตสวนหลวง และทิ้งวลีเด็ดส่งท้ายว่า “วันนี้กระแสพรรคนั้นอยู่ไม่นาน แต่ถ้าทุกคนเลือกคนที่ทำงาน ผมจะอยู่กับพ่อแม่พี่น้องตลอดไป” พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ ใช้เสียงเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เป็นกำลังใจให้ฟิล์ม บัตรสีม่วงกาเบอร์ 1 เลือกฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เขต 22 ส่วนใครชื่นชอบนโยบายพรรคพลังประชารัฐ บัตรสีเขียวกาเบอร์ 37

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566

“ผู้กองธรรมนัส”ปลุกคนพะเยา สร้างพลังร่วมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น หยุดยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขออาสาเข้าสภาฯช่วยแก้ไขปัญหาให้ ปชช. เข้าคูหากาเบอร์ 6 37

,

“ผู้กองธรรมนัส”ปลุกคนพะเยา สร้างพลังร่วมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น หยุดยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขออาสาเข้าสภาฯช่วยแก้ไขปัญหาให้ ปชช. เข้าคูหากาเบอร์ 6 37

ที่บริเวณสนามกีฬาตำบลเชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ นำคณะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาทิ นายไพรัตน์ ตันบรรจง พร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้มาร่วมกันพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนุรัตน์ ตันบรรจง (ออม)ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร.จังหวัดพะเยา ซึ่งมีประชาชนจากหลายตำบลของอำเภอภูซาง มาให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวทักทายประชาชนช่วงหนึ่งว่า ขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจตนเองและผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบเขต คือน้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง เบอร์ 6 และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พร้อมใจกันมาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกคนในวันนี้ ตนเองขอยืนยันว่าในนามพรรคพลังประชารัฐ เรามีแต่นโยบายดีๆ มีประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องทุกคน ซึ่งผู้ปราศรัยหลายท่านได้กล่าวไปหมดแล้ว ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอยู่แล้วก็จะเพิ่มเป็น 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 บาท ตลอดจนการดูแลผู้สูงอายุ ที่จะมีเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน

“พี่น้องครับ วันนี้เดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้าแพง ขณะที่ราคาข้าว ราคายาง ราคาพืขผลผลิตของเราถูก ใช่หรือไม่ ดังนั้นทางพรรคฯ จะช่วยแบ่งเบาภาระดังกล่าว ทั้งจะลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลง ในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย เท่านั้นยังไม่พอเราจะแก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 อีกด้วย แบบนี้ดีหรือไม่ครับ”

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวว่า วันนี้ตนมาเชิญชวนชาวภูซาง เป็นเครือข่ายของคนพะเยา สร้างพลังของชาวพะเยาไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ ชาวพะเยาเราจะสนับสนุนลูกหลานคนพะเยา เพื่อร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองได้ทำงานให้เห็นผลงานชัดเจนทั้งการผลักดันงบประมาณมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถนนหนทางให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้นไปทุกทิศทางของพะเยา ดังนั้นในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้พร้อมใจกันไปกาบัตรสีม่วงเบอร์ 6 และบัตรสีเขียวเบอร์ 37 หรือจดจำง่ายๆ เป็นเลขสามตัวคือ 6 37 เราจะร่วมพัฒนาเมืองพะเยา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทางภาคเหนือให้มีชื่อเสียง เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ด้านนายอนุรัตน์ กล่าวเสริมว่า ขออย่าลืมว่า วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหากาเบอร์ 6 ตนเองจะทุ่มเท ใช้สรรพกำลังทุกอย่าง ใช้ความคิดความอ่าน ใช้มันสมองที่มี ทำงานรับใช้พ่อแม่พี่น้องของเรา ให้ดีที่สุด ชาวบ้านส่วนใหญ่บอกว่า 4 ปีที่ผ่านไปความทุกข์ความลำบากยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นช่วง 4 ปีจากนี้ ตนเองขออาสาเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนด้วยความจริงใจ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566