โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

“ชัยวุฒิ” ลุยหาเสียงตลาดฮอดเชียงใหม่ชูนโยบายพัฒนาพื้นที่ ย้ำถึงเวลาต้องก้าวข้ามความขัดเเย้ง เพื่อความสงบสุขประเทศเดินหน้า

,

“ชัยวุฒิ” ลุยหาเสียงตลาดฮอดเชียงใหม่ชูนโยบายพัฒนาพื้นที่ ย้ำถึงเวลาต้องก้าวข้ามความขัดเเย้ง เพื่อความสงบสุขประเทศเดินหน้า

( 25 มีค 2566 )นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ในตลาดฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือนายนรพล ตันติมนตรี ผู้สมัคร สส. เขต10 บรรยากาศ เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ในตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี จากการดำเนินหลายโครงการที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเราได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่า ที่นี่ก็เป็นพื้นที่เป้าหมายที่เราจะได้รับเสียงจากพี่น้องประชาชน และได้ ส.ส.เชียงใหม่ ของพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เน้นย้ำ ให้สมาชิกพรรคทุกคนชี้แจงประชาชนเข้าใจนโยบายสําคัญของพรรค คือการก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่แบ่งสี ไม่ทะเลาะกันเราต้องช่วยกันทํางาน แล้วก็ที่สําคัญ ความสามัคคี ทําให้บ้านเมืองสงบสุข ถ้าบ้านเมืองสงบสุข ก็จะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารแน่นอน เพราะถ้าเราทะเลาะกันไม่สามัคคีกัน บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ แล้วเราถึงเน้น ให้ทุกคนช่วยกัน ทําความเข้าใจกับประชาชน เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องรักกันสามัคคีกัน ต้องทําให้ได้ นี่คือนโยบายสําคัญของพรรคพลังประชารัฐ

“ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่าอย่ามาใช้ในการหาเสียง เพราะมันเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้ถึงเวลา เราอยากให้การเลือกตั้งเสร็จ มีสภามีตัวแทนพี่น้องประชาชน และให้สภาให้ ส.ส. มาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล มาหาทางออกให้ประเทศไทย ว่าเราควรแก้รัฐธรรมนูญแบบไหนอย่างไร อย่าใช้อารมณ์ ใช้เหตุผลให้ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของท่านไปทําหน้าที่ในสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปในอนาคต”

ทั้งนี้นายชัยวุฒิ ยังได้นำ ผู้สมัคร ทีมพลังประชารัฐ ไปไหว้ศาลหลักเมือง ฮอด ที่วัดพระธาตุอูปแก้วจามเทวี เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนที่จะขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมผู้สมัคร นายนรพล ตันติมนตรี เเละเป๋ คลองเตย เเกนนำเสื้อเเดงคลองเตย ที่ลงพื้นที่ มาช่วย พรรคพลังประชารัฐหาเสียง ด้วย โดย นายชัยวุฒิ ได้เน้นยำโครงการ ที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด รวมถึง บัตรสวัสดิการเเห่งรัฐที่ตั้งใจจะทำต่อไป จากใจท่านพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 มีนาคม 2566

“สกลธี-สนธิรัตน์” นำทีมผู้สมัคร กทม.โซนเหนือ พบ ปชช.ประกาศพร้อมพัฒนา กทม.ด้วยกองทุนพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ขอแค่ให้โอกาส พปชร.

,

“สกลธี-สนธิรัตน์” นำทีมผู้สมัคร กทม.โซนเหนือ พบ ปชช.ประกาศพร้อมพัฒนา กทม.ด้วยกองทุนพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ขอแค่ให้โอกาส พปชร.

พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ เหนือ”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ที่ศูนย์เยาวชนหลักสี่ การเคหะท่าทราย โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 6 เขต ประกอบด้วย ภญ.สุชาดา เบล เวสารัชตระกูล เขตดอนเมือง,น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน),นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ์ เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน),ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขตสายไหม (เฉพาะแขวงออเงิน) เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง) เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจรเข้บัว),นายรังสรรค์ กียปัจจ์ เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน) เขตจตุจักร(ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม),ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เขตบางซื่อ เขตดุสิต (เฉพาะแขวงถนนนครไชยศรี)

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นมิตรกับทุกฝั่ง ไม่ใช่เลือกฝั่งนี้ ทำให้อีกฝั่งชนะ เพราะไม่ว่าใครชนะ แต่ประเทศไทย แพ้เสมอ ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐขอแสดงจุดยืนว่า ไม่ว่าพรรคใดจะชนะ เราพร้อมร่วมสร้างสมานฉันท์ เพราะเราคือคนไทย เราต้องไม่มาต่อสู้กัน ให้เกิดความขัดแย้งเหมือนในอดีต

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเคยบอกกับผมว่า อยากเห็นคนไทยรักกันไม่อยากให้มีความขัดแย้ง การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะต้องเลือกพรรคที่สามารถนำพาประเทศรอดได้ ตนเป็นตัวแทนเศรษฐกิจ ท่านจะต้องเลือกคนและทีมที่สามารถมาแก้ปัญหาปากท้องให้ท่านได้”

ด้านนายสกลธี กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า ขอขอบคุณชาวกรุงเทพโซนเหนือทุกคนที่มาร่วมให้กำลังใจวันนี้ รวมถึงชาวหลักสี่ที่เคยให้โอกาสตนได้มาเป็น ส.ส.สมัยแรกในวัย 29 ปี และตอนที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯ ก็ได้ดูแลพื้นที่นี้เป็นหลัก จึงมีความผูกพันในการทำงานกับพี่น้องโซนกรุงเทพเหนือ วันนี้จึงเหมือนได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง

“สกลธีคนเดิมขออาสาพาพลังใหม่ พลังกรุงเทพฯ ของพลังประชารัฐ ที่จะเข้ามาพัฒนากรุงเทพฯของเรา เพราะเรารู้ปัญหาของชาว กทม.เป็นอย่างดี และพรรคพลังประชารัฐ มี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน”

ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร กทม.ของ พรรคพลังประชารัฐ ได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์
กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า เราต้องการมอบอากาศสะอาด น้ำบริสุทธิ์ เศรษฐกิจดี ต้องควบคู่กับสุขภาพที่ดีให้กับชาว กทม.โดย สิ่งที่เราต้องการแก้ไขคือ ปัญหาฝุ่น PM2.5 และปัญหาโลกร้อน เพื่อลดปัญหาสุขภาพคนในปัจจุบันและอนาคตถ้าประเทศไทยของเราทำการเปลี่ยนเมืองให้เป็นป่า นำสายไฟฟ้าลงดิน,ต้นไม้ฟรี 69 ล้านต้น,รถ EV ลดภาษีทำแล้ว เพิ่มจุดชาร์ต โดยภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน รวมถึงการเปลี่ยนรถเมล์เป็น EV ทั้งหมดภายใน 5 ปี เพื่อให้ชาว กทม.มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้าน ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น กล่าวปราศรัยว่าประเทศไทยของเราได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบแล้ว พรรคพลังประชารัฐจึงทำนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงวัย ไม่เพียงแค่นั้นเรายังทำให้กับคนทุกวัย ทุกบ้าน เพราะทุกบ้านมีผู้สูงวัย ผู้สูงวัยต้องไม่ใช่ภาระ แต่คือคนที่เราต้องดูแล

“จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเราได้บทเรียนหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการรักษาที่ล่าช้า จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อ้อแอ้จึงขอผลักดันเรื่องการรักษาพยาบาลที่จำเป็นจริงๆ ให้ประชาชนได้เข้าถึงง่าย สะดวก ไม่ต้องรอคิวตั้งแต่เช้าได้ตรวจเที่ยง ตรวจบ่ายหรือบางคนต้องมาวันอื่น โรงพยาบาลดี คลินิกดี และทันสมัยต้องมีทุกเขตในพื้นที่ กทม.” ภญ.นพวรรณ กล่าว

ทั้งนี้ บรรยากาศเวทีปราศรัยมีประชาชนมาร่วมรับฟังกว่า 2000 คน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เร่งเชื่อมระบบฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ยากไร้ลดปัญหาซับซ้อนข้อมูล

,

“พล.อ.ประวิตร” เร่งเชื่อมระบบฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ
เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ยากไร้ลดปัญหาซับซ้อนข้อมูล

เมื่อ 24 มี.ค.66 ,10.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ด้านสวัสดิการของรัฐ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบ การดำเนินการออกแบบ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐ และการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และข้อมูลบุคคลด้านอื่นๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อาศัย เป็นต้นได้ดำเนินการเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการจัดทำAPI เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลสวัสดิการที่ได้มีการเชื่อมโยงที่สามารถค้นหาด้วยหมายเลขบัตรประชาชน ที่สามารถแสดงผลบน Dashboard ในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการแสดงความซ้ำซ้อนของสวัสดิการ จำนวน 13 สวัสดิการ ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับสิทธิ ถึง 19,348,391 ราย (27,923,508 สิทธิ) อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กองทุนคุ้มครองเด็ก เบี้ยความพิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น

นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป เป็น 22 สวัสดิการ (เดิม 13 สวัสดิการ) และยังเห็นชอบการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐ โดยมีหน่วยงานหลักที่สำคัญ ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ,สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ และ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ก.ดีอีเอส ,กระทรวงการาคลัง หรือ กค.,กระทรวงมหาดไทย หรือมท.และ กระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.ให้เร่งรัดการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการฯ เพื่อให้ฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ เป็นระบบเดียวกัน ครอบคลุมประชากรที่จะได้รับการช่วยเหลือทุกกลุ่มเป้าหมาย และตอบสนองความต้องการ การให้บริการประชาชนได้ อย่างสะดวกรวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ ตามนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาส และความเสมอภาค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 มีนาคม 2566

พล.อ.ประวิตร” เปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ ร่วมงานด้านยุทธศาสตร์การเมือง ดูแลพื้นที่อีสาน ร่วมสร้างพรรคให้ เข้มแข็ง

,

พล.อ.ประวิตร” เปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ ร่วมงานด้านยุทธศาสตร์การเมือง
ดูแลพื้นที่อีสาน ร่วมสร้างพรรคให้ เข้มแข็ง

วันที่ 23 มี.ค. 66 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร่วมเปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยการทาบทามจากผู้บริหารของพรรค เพื่อที่จะให้ท่านมาช่วยในพื้นที่อีสาน สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะถือว่ามีความชำนาญและมีประสบการณ์ ซึ่งจะทำให้พรรคเกิดความเข้มแข็ง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ พล.อ.ธรรมรักษ์ ที่มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ต้องนับว่าเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าท่านจะอายุมาก แต่อายุไม่ได้มีความสำคัญเทียบเท่ากับสมอง

ด้านนายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐยินดีต้อนรับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ที่จะเข้ามาร่วมในคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์การเมือง ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ทางการเมือง เข้าใจปัญหาของประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งจะนำไปสู่การวางกลยุทธ์ในการหาเสียงพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ท่านมีความศรัทธาในพรรคพลังประชารัฐ จึงได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อผลักดันนโยบายร่วมกัน ที่จะช่วยพัฒนาบ้านเมืองและประเทศชาติ รวมถึงการดูแลพี่น้องประชาชน

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้วางมือทางการเมืองไปแล้ว แต่ในเมื่อ พล.อ.ประวิตร ให้เกียรติมาเชิญไปร่วมทำงาน จึงตอบตกลง รวมถึงตนมีแนวคิดที่ตรงกับนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงการสร้างความปรองดอง เพราะคนไทยเกิดความแตกแยก มีความเหลื่อมล้ำสูง ซึ่งตลอดชีวิตรับราชการตนได้ทำโครงการเกี่ยวกับการสร้างความสามัคคี เช่น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 เรื่องนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นนโยบายสร้างความประนีประนอม รวมถึงโครงการภาคใต้ร่มเย็น

“เมื่อพรรคพลังประชารัฐเต็มใจที่จะทำเรื่องนี้ ผมจึงตัดสินใจมาร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร ส่วนเรื่องสุขภาพตนมั่นใจว่ายังแข็งแรงดีอยู่ ไม่ แก่เกินไป” พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มีนาคม 2566

ชาวบ้านโฟนอิน ขอบคุณ “พล.อ.ประวิตร”หนุนสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง สิ้นสุดการรอค่อยแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภตลอด 30 ปี

,

ชาวบ้านโฟนอิน ขอบคุณ “พล.อ.ประวิตร”หนุนสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง สิ้นสุดการรอค่อยแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภตลอด 30 ปี

เมื่อ 22 มี.ค.66 ,13.30น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะ ประธานกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่เขตตรวจราชการ 1,7,13และ 16 (17จังหวัด) ได้โฟนอิน กับ คณะทำงานกำกับการปฎิบัติราชการในภูมิภาคพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 16 (เชียงราย น่าน พะเยา แพร่) โดยพล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เป็นหัวหน้าคณะฯ นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้รายงานข้อมูลความเป็นมาของโครงการอ่างเก็บน้ำ”แม่ตาช้าง” ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.เมื่อ 28 ก.พ.66 ในหารจัดสรรงบประมาณ 1,325 ล้านบาท เพื่อให้กรมชลประทาน รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในปี67-69 เป็นประเภทเขื่อนดินถมชนิดแบ่งส่วน (Zone Type) สันเขื่อนกว้าง 10 เมตร ความยาว 657 เมตร ความสูง 42 เมตร มีความสามารถกักเก็บน้ำได้ 32 ล้าน ลบ.ม. เป็นแหล่งเก็บกักน้ำต้นทุน เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ของราษฎรในฤดูแล้ง รวมทั้งจะช่วยบรรเทาภาวะอุทกภัยในฤดูฝน และเป็นแหล่งเพาะพันธ์ อนุรักษ์สัตว์น้ำ รวมทั้ง รักษาสภาพต้นน้ำลำธาร ฟื้นฟู สภาพป่าไม้ ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

จากนั้น ได้มีตัวแทนชาวบ้าน 2คน ในพื้นที่ ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ได้โฟนอิน กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และรัฐบาล ที่เห็นความสำคัญและเป็นห่วงพี่น้องชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ มาเป็นเวลาร่วม 30ปีแล้ว โดยได้พยายามผลักดันโครงการอ่างเก็บน้ำ แม่ตาช้าง จนกระทั่งสำเร็จและผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ รู้สึกดีใจ และประทับใจ ที่ลุงป้อม ไม่ทอดทิ้งและมีความจริงใจช่วยเหลือชาวบ้าน ตามที่เคยรับปากไว้ เมื่อครั้งลงพื้นที่ ที่ผ่านมา พร้อมยังได้อวยพรขอให้ท่านเป็นนายกฯคนที่ 30 ด้วย

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอบคุณ คณะทำงานฯ , จังหวัด , หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ ที่ได้ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการร่วมกัน ที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า รัฐบาลมีความห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกพื้นที่ และจะดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อน อย่างดีที่สุด และต่อเนื่องไปตลอด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนให้มีความอยู่ดีกินดี ทุกครัวเรือน และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อย่างเด็ดขาด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มีนาคม 2566

“ชัยวุฒิ” ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ หนุนเทคโนโลยีเข้าถึงเกษตรกร มุ่งสร้างรายได้มั่นคง เร่งปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สู่สังคมปลอดภัย

,

“ชัยวุฒิ” ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ หนุนเทคโนโลยีเข้าถึงเกษตรกร
มุ่งสร้างรายได้มั่นคง เร่งปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สู่สังคมปลอดภัย

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คณะผู้บริหาร และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค มีประชาชนพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนเข้าร่วมจำนวนมากถึง 7,200 คน ที่มาจากจังหวัดเชียงใหม่ น่าน ลำพูน แพร่ แม่ฮ่องสอน และจังหวัดลำปาง เป็นต้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นประชาชนมารอต้อนรับและรอฟังนโยบายของ พล.อ.ประวิตร และคณะผู้บริหาร ที่จะนำเสนอทุกนโยบายที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชน มุ่งสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเชียงใหม่ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน และนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น จำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 5,000 บาทต่อเดือน ตลอดจนนโยบายการแก้ปัญหาที่ทำกิน บริเวณอาคารยิมเนเซียม สนามกีฬาสมโภชน์ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคฯ ได้ผลักดันให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล โดยสามารถให้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้มากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจปัจจุบันต้องอาศัยเทคโนโลยีร่วมกันขับเคลื่อน โดยเฉพาะการจำหน่ายสินค้าเกษตรผ่านระบบออนไลน์ ในพื้นที่บนดอยซึ่งมีพืชผลไม้ทางการเกษตรเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น อะโวคาโด ที่นำออกมาขายได้มากขึ้น

“แม้ขณะนี้คนไทยมีโมบายแบงก์กิ้ง หรือระบบการจ่ายเงินพร้อมเพย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทำให้การขายของออนไลน์และเศรษฐกิจฟื้นฟูมาก แต่เรื่องมิจฉาชีพเราต้องระมัดระวังมากขึ้น เรื่องการโอนเงินผ่านโมบายแบงก์กิ้ง เพราะขณะนี้มีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระวัง ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งปราบปราม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการร่วมรัฐบาลได้มีการจับกุมจำนวนมาก ซึ่ง พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยและได้หารือมาโดยตลอด โดยวันนี้เรามีมาตรการใหม่ ออกพระราชกำหนดกฎหมายใหม่ พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมออนไลน์ โดยการปิดบัญชีทางการเงินของคนร้าย อายัดบัญชีทันที ซึ่งถ้าพี่น้องประชาชนโดนหลอกสามารถแจ้งเลขบัญชีที่ธนาคารได้เพื่อปิดบัญชี ไม่ให้คนร้ายดำเนินการทางธุรกรรมได้” นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มีนาคม 2566

“ธรรมนัส” ชูนโยบาย พปชร.สร้างความเข้มแข็งคนฐานราก ขอบคุณพี่น้องชาวเหนือที่ยังรักกันเหมือนเดิม ย้ำดูแลสวัสดิการ-กินดีอยู่ดี

,

“ธรรมนัส” ชูนโยบาย พปชร.สร้างความเข้มแข็งคนฐานราก
ขอบคุณพี่น้องชาวเหนือที่ยังรักกันเหมือนเดิม ย้ำดูแลสวัสดิการ-กินดีอยู่ดี

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวทีอาคารยิมเนเชี่ยมสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ตนทราบว่ามีพี่น้องชาวเชียงใหม่มานั่งรอพรรคพลังประชารัฐอย่างคับคั่งเหมือนเช่นปี 62 เพื่อมารอฟังการปราศรัยของผู้บริหารพรรค ตนตั้งใจมาหาชาวเชียงใหม่ แต่วันนี้มีพายุโซนร้อนเข้าที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็เข้าใจได้ที่อาจจะไม่ได้เจอกันครบทุกคน ล่าสุด ได้ไปปราศรัยกับพี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายมา ประมาณ 10,000 คน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนมาก แต่พี่น้องก็ยังมีใจมาให้การต้อนรับ และสนับสนุนพวกเรา

“การเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายที่ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน แต่พรรคพลังประชารัฐพูดเสมอว่า เราเป็นพรรคของประชาชน ชื่อพรรคก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นการรวมกันของพลังของคน 2 กลุ่ม นั่นก็คือ การร่วมพลังของประชาชนทั้งแผ่นดินทั้ง 77 จังหวัด ภายใต้การดูแลของรัฐ ก็คือรัฐบาล ประเทศไทยของเรามีโครงสร้างเป็นฐานพิระมิด เริ่มจากฐานรากหญ้า คือ พี่น้องประชาชน นโยบายที่พรรคนำเสนอออกมา คือ ต้องการทำให้คนฐานรากมีความเข้มแข็ง เช่น บัตรประชารัฐ ที่จะมีการเพิ่มเงินจากมูลค่า 300 เป็น 700 บาท ทันทีเมื่อพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ” ร.อ.ธรรมนัส

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายดูแลผู้สูงอายุ 345 678 ที่ทุกวันนี้ผู้สู่งอายุได้รับอยู่ที่ 600 ถึง 1000 บาท แต่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี เอาไปเลย 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท การสร้างความเข้มแข็งให้กับคนฐานรากต่อสิ่งสำคัญที่สุดที่พรรคพลังประชารัฐตั้งใจทำ เพราะเราต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเปราะบาง และพรรคจะดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร ที่สำคัญของชาวภาคเหนือ ทั้งราคาลำไย ที่ได้มีการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดย พล.อ.ประวิตร ให้การสนับสนุนเพราะท่านมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อต้องการให้กินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มีนาคม 2566

สกลธี”มั่นใจ พปชร.” ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที ” ลั่น กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ พร้อมพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

,

สกลธี”มั่นใจ พปชร.” ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที ” ลั่น กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ พร้อมพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเวลา 18.51 น. นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ใช่แค่ ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่เรา “ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที”และพร้อมสานงานที่ทำเอาไว้ และก่องานใหม่ ไม่ต้องเรียนรู้งาน

“พรรคพลังประชารัฐมี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน เพราะเรามีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเรา เป็นผู้จัดการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน จนทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ถึง4 ปี ผลงานที่ทุกคนรู้กันดีก็คือ แก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ”

นายสกลธี กล่าวต่อว่า กทม.มีดีหลายอย่าง ทั้งพื้นที่เกษตร ของดีชุมชนต่าง ๆ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และที่ดีกว่านั้นคือ พลังใหม่ทั้ง 33 คน ที่มาเสนอตัวให้พี่น้องประชาชนได้เรียกใช้ เราขอเพียงแค่โอกาสเป็นเบอร์หนึ่งในใจของคนกรุงเทพฯ และเราจะผลักดันสิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายทำเพื่อประชาชนอย่างแน่นอน

ทั้งนี้นายสกลธี แนะนำผู้สมัครทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง, เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์, เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ , เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์

เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน ,เขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร , เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช, เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ , เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ , เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล

เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค, เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น , เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ , เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาล , เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ,เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร, เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมี , เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา ,เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี, เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ, เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ,เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ

เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน , เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา , เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ , เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล ,เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง , เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ , เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน ,เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

มิ่งขวัญ”ชู แคมเปญ”น้ำมันเพื่อประชาชน”ลดเบนซิน-ดีเซล ลุยลดค่าครองชีพ ลดต้นทุนการผลิตสร้างเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง

,

มิ่งขวัญ”ชู แคมเปญ”น้ำมันเพื่อประชาชน”ลดเบนซิน-ดีเซล ลุยลดค่าครองชีพ ลดต้นทุนการผลิตสร้างเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง

เมื่อเวลา 18.20 น.นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า พลังประชารัฐมีแคมเปญเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งจะเป็นแคมเปญที่ส่งให้พรรคพลังประชารัฐ เข้าไปนั่งอยู่ในใจของประชาชนทุกคย โดยราคาพลังงานจะสามารถปรับลงลด เพื่อช่วยประชาชนได้ ซึ่งเรามีแนวคิดที่จะรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยจะปรับลด 1 ปี นับตั้งแต่เราเป็นรัฐบาล และเมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว ช่วง 3-4 เดือนแรก จะมีคณะกรรมการขึ้นมาปรับโครงสร้างใหญ่ คือ ภาค 2 ที่จะดำเนินการ ซึ่งการปรับลดสามารถทำได้ เมื่อเราเป็นรัฐบาล เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า
ที่สำคัญที่สุด คือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้า ทุกขั้นตอนลดอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภคบริโภคของประชาชนถูกลง หากโครงสร้างถูกปรับเปลี่ยน จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท

“หากนำเอาราคาน้ำมันในวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา มาอ้างอิง โดยที่ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ลิตรละ 44.06 เมื่อปรับลงประมาณ ลิตรละ 18.07 บาท คนไทยจะได้ใช้น้ำมันเบนซินที่ราคาลิตรละ 25.99 บาท เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันราคา 34.44 ต่อลิตร เมื่อปรับลดลงประมาณลิตรละ 6.37 บาท คนไทยก็จะได้ใช้น้ำมันดีเซลที่ราคาลิตรละ 28.07 บาท ทั้งนี้ การลดราคาน้ำมันด้วยมาตรการดังกล่าวประมาณ 1 ปี จะมีมาตรการอื่น ที่จะทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ใช้น้ำมันอย่างมีความสุข”

“ผมจะบอกว่า ปรัชญาของการเก็บภาษีอากร คือ เสมอภาค เท่าเทียม มีเงินมากเสียมาก น้อยก็ตามอัตราส่วน แต่ปรัขญาที่สำคัญที่สุขต้องทอนคืนเป็นความสุขให้พี่น้องประชาขน ดังนั้น แคมเปญเรื่องน้ำมันจะขับเคลื่อนยให้พรรคพลังประชารัฐให้เข้าไปนั่งในหัวใจของพี่น้องประชาชน ถ้าอยากได้น้ำมันราคานี้ อยากได้ต้องรักพลังประชารัฐให้มากๆ เข้าคูหากาคะแนนให้เรา รักทั้งคนรักทั้งพรรค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”ขอโอกาสคนกรุงฯ นำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติ หมดเวลาจะทะเลาะกัน ย้ำ พร้อม แก้ไขปัญหาทุกเรื่องให้ กทม.ดีขึ้น

,

“พล.อ.ประวิตร”ขอโอกาสคนกรุงฯ นำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติหมดเวลาจะทะเลาะกัน ย้ำ พร้อม แก้ไขปัญหาทุกเรื่องให้ กทม.ดีขึ้น

เมื่อเวลา 19.20 น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า ก่อนอื่นขอสวัสดีพี่น้อง ชาวกรุงเทพมหานคร และพี่น้องชาวไทยที่รักทุกคน ผมรู้สึกดีใจ และอบอุ่นที่ได้มาอยู่ท่ามกลางพี่น้องทุกท่านในวันนี้ ซึ่งเป็นการปราศรัยในกรุงเทพฯครั้งแรก ของผม วันนี้ผมมาพร้อมกับผู้บริหารและสมาชิก พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน เพื่อยืนยันให้พี่น้องมั่นใจว่าพวกเราพร้อมแล้ว ที่จะทำงานรับใช้ กรุงเทพมหานคร

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐตระหนักดีว่า กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวม เป็นหน้าตา และศักดิ์ศรีของประเทศ เราต้องช่วยกันดูแล รักษา ให้สะอาด สวยงาม ปลอดภัย น่าอยู่ น่าอาศัย น่าที่จะมาท่องเที่ยว ผมและพรรคพลังประชารัฐ จะมุ่งมั่น ทำงาน ร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อพัฒนา และแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง ที่เป็นประโยชน์ กับ คนกรุงเทพฯ ปัญหาต่าง ๆ ทั้งในเรื่อง การจราจร ติดขัด ปัญหา ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม มลพิษ PM 2.5 การขาด พื้นที่สีเขียวน้ำท่วม น้ำเน่าเสีย ระบบขนส่งมวลชน ปัญหายาเสพติด และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

“พรรคพลังประชารัฐจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว พร้อมกับนำนโยบายที่เป็นประโยชน์มามอบให้กับ พี่น้องประชาชน ทั้งในเรื่อง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การลดราคา น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ดูแลคนไทย ทุกช่วงวัย ทั้งเบี้ยผู้สูงอายุ แม่ และเด็ก ดูแลผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส อย่างเท่าเทียมเพื่อลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม ขอให้ พี่น้องประชาชนให้โอกาส พรรคพลังประชารัฐพวกเราอาสาที่จะนำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติ ของเราหมดเวลาที่เราคนไทยจะมาทะเลาะกันเองแล้วพวกเราคนไทย ต้องจับมือกันนำพาประเทศ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อความสุขของคนไทยทุกคน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

ศ.ดร.นฤมล”เตรียมผลักดันกรุงเทพฯเป็นศูนย์การกลุ่มสื่อสารและดิจิตอล เชื่อ การท่องเที่ยวยังไปได้อีกไกล ขอโอกาส”พลังใหม่”เข้าไปเพิ่มพลังเศรษฐกิจ เพิ่มพลังชีวิตให้กับทุกคน

,

ศ.ดร.นฤมล”เตรียมผลักดันกรุงเทพฯเป็นศูนย์การกลุ่มสื่อสารและดิจิตอล เชื่อ การท่องเที่ยวยังไปได้อีกไกล ขอโอกาส”พลังใหม่”เข้าไปเพิ่มพลังเศรษฐกิจ เพิ่มพลังชีวิตให้กับทุกคน

เมื่อเวลา 18.40 น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า ตนขอเป็นตัวแทนผู้สมัครทั้ง 33 คน มาบอกเล่าว่า เราได้ทำอะไรกันมาบ้าง ทุกคนมีพลังและอยากจะเปลี่ยนผ่าน นำพาสิ่งดีๆ มาสู่พี่น้องชาวกรุงเทพฯของเรา โดยผู้สมัครของเราอยากจะเพิ่มพลังให้คนกรุง โดยเรื่องที่พี่น้องประชาชนต้องการให้เราแก้คือ ปัญหาเศรษฐกิจ เราก็พร้อมที่จะตอบสนองต่อความต้องการของทุกคน

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เราจะกระจายเพิ่มรายได้ให้กับคนทุกกลุ่ม และลดค่าของชีพ ลดค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋า ทุกคนจะต้องมีเงินเหลือเพิ่มขึ้นกรุงเทพมหานครเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ร้อยละ 25 มาจากกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมค่าปลีกและค้าส่ง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมภัตตาคารอุตสาหกรรมโรงงาน อุตสาหกรรมขนส่งและอุตสาหกรรมสื่อสาร โดยเราจะผลักดันให้กรุงเทพฯเป็นศูนย์การของกลุ่มสื่อสารและดิจิตอล โดยการดึงกลุ่มดิจิตอล โนมาด( Nomad)เข้ามาอาศัย เพื่อขยายตัวอุตสาหกรรม โดยการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้อีกมาก เราจะต้องดันนักท่องเที่ยวให้เที่ยวทั่วกรุงเทพ และสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันและขยายเศรษฐกิจ

“กรุงเทพของเราได้รับการโหวตเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มของดิจิตอล โนมาด( Nomad) ว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุด เมื่อดูจากคะแนนของผ่านชุมชนออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มของดิจิตอลโนมาด( Nomad) นักท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่ใช่มาอยู่เมืองไทยเพียงแค่วันหรือสองวัน แต่พวกเขามาอยู่นานเป็นเดือน เป็นปี โดยพวกเขาต้องการที่จะมาเที่ยวในเชิงวัฒนธรรม อยากจะรู้จักชีวิต ความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ และนำวัฒนธรรมเหล่านี้ไปสร้างแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขา”

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า กรุงเทพมหานครมีย่านที่มีชื่อเสียงมากมาย ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องในทุกชุมชน ในทุกเขต นอกจากการเพิ่มพลังเศรษฐกิจแล้วเราจะเพิ่มพลังชีวิต ซึ่ง กรุงเทพมหานครมีจำนวนประชากรกว่า 5.5 ล้านคน แต่หากกลุ่มประชากรที่เข้ามาอาศัยถึง 11 ล้านคน หากเพิ่มประชากรแฝง อาจมากถึง 15 ล้านคน สิ่งสำคัญคือเมืองใหญ่อย่างเดียวไม่พอแต่เมืองต้องมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมรองรับการอยู่อาศัยของผู้คน พลังประชารัฐจะมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชากรที่อยู่และเข้ามาอาศัย โดยการพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพ เราจะมีกลุ่มพัฒนาทักษะ ทุกเขต มีการเรียนฟรี อบรมฟรี รวมถึงสนับสนุนการจ้างงาน และเป็นสื่อกลางระหว่างเอกชนและแรงงาน

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคพลังประชารัฐ ขอโอกาสให้พลังใหม่ ทั้ง 33 คนของเรา ได้เข้าไปช่วยเพิ่มพลังให้กับพี่น้อง กทม.เพิ่มพลังเศรษฐกิจ เพิ่มพลังชีวิตให้กับทุกคน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

“สันติ”ชู นโยบาย วางผังเมืองใหม่ตอบโจทย์ปชช. แก้ปัญหาลดความแออัด ลดต้นทุนค่าขนส่งสร้างศก.ประเทศ

,

“สันติ”ชู นโยบาย วางผังเมืองใหม่ตอบโจทย์ปชช.
แก้ปัญหาลดความแออัด ลดต้นทุนค่าขนส่งสร้างศก.ประเทศ

เมื่อเวลา 17.50 น.นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า พรรคพลังประชารัฐจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่ความสามัคคีของคนในชาติ ลดความเหลื่อมล้ำในทุกรูปแบบ วันนี้พลังประชารัฐมีความตั้งใจที่จะส่งตัวแทนของพรรคครบทุกเขตทั่ว กทม. เพื่อที่ผู้สมัครของเราจะได้ลงไปรับใช้ รับฟังปัญหา เพื่อนำมาแก้ไข และพัฒนาให้ทันกับยุคสมัย

“เรามีความตั้งใจที่จะพัฒนากรุงเทพมหานครให้ก้าวทันนวัตกรรมของโลก รูปแบบการบริหารจัดการ กทม.ที่มีพื้นที่แออัด จึงทำให้การพัฒนาของกรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างคนละทิศละทาง ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจึงได้ส่งผู้สมัครของเราลงไปทำงานในทุกเขต ว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องการวางผังเมือง พี่น้องประชาชนจะรู้ว่าการเดินทางในการใช้ชีวิตประจำวันเผชิญกับรถติดบนท้องถนน ก็เป็นเพราะการวางผังเมืองที่ไม่เคยวางให้สอดคล้องกับประชาชน แต่เป็นการวางโดยตอบสนองผู้มีอำนาจภายในประเทศเท่านั้น แต่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ หากผู้แทนฯของเราได้เข้าไปทำงานผังเมืองพวกนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง

นายสันติ ยังกล่าวต่อว่า พรรคของเราจะพัฒนารถไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกเส้นทาง ทุกพื้นที่ และที่สำคัญเราจะต้องมีบริการ Shuttle Bus เพื่อลดการใช้รถยนต์รถส่วนตัว เพื่อความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน จากหมู่บ้านจะนำท่านมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้าและจากสถานีไปถึงที่บ้าน ทำให้เกิดความอบอุ่นในครอบครัว

“เราจะแออัดการกระจายความเจริญจากกรุงเทพมหานคร สู่จังหวัดชานเมือง เพื่อประชาชนคนทำงานจะไม่ต้องเดินทางไกลในการมาทำงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีความจำเป็น ก็จะต้องขยายสถานที่ตั้งออกไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566