โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

“ศ.ดร.นฤมล” ยกทีมผู้สมัครร่วมระดมสมองเจาะปัญหากทม. เปิดเวที”พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” 9 มี.ค.นี้สู่นโยบายพปชร.

,

“ศ.ดร.นฤมล” ยกทีมผู้สมัครร่วมระดมสมองเจาะปัญหากทม.
เปิดเวที”พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” 9 มี.ค.นี้สู่นโยบายพปชร.

6 มีนาคม 2566 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันที่ 9 มี.ค.นี้พปชร.จะเปิดเวทีเสวนา “พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะเป็นการระดมความคิดเห็นเป็นครั้งแรก และยังมีการจัดต่อเนื่อง ในประเด็นที่จะนำไปสู่นโยบายการแก้ไขปัญหาให้คนกทม.ในทุกมิติ จากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พปชร. เครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการ และประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งกทม. เพื่อร่วมหารือถึง ประเด็นปัญหาและวิธีการขจัดปัญหา แก้ไขปรับปรุง สู่การผลักดัน เพื่อออกนโยบาย นำไปสู่การพัฒนากทม.ให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับสังคม เพิ่มคุณภาพชีวิต ขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตามนโยบายของพปชร.

“ เวทีครั้งนี้จะเป็นการ นำแนวคิด และนโยบายของ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กรุงเทพฯพรรคพลังประชารัฐ ที่ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาสังคม นักกิจกรรม นักวิชาการและประชาชนคนกทม. เพื่อมาร่วมเสนอแนวคิด มุมมอง และวิธีการแก้ปัญหา ที่นำไปสู่การออกแบบการพัฒนาหรือนโยบายในการพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่แต่ละเขต ที่มีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันไป”ศ.ดร.นฤมลกล่าว

โดยเริ่มต้นจาก เป้าหมายการพัฒนากทม. ให้มีที่อยู่อยู่อาศัย และชุมชน ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านสวัสดิการ การประกอบอาชีพ ภายใต้แนวคิด Eco living society เพื่อเพิ่มพื้นที่ความสุขให้คนกทม. โดยจะเป็นในรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมกับชุมชน สะท้อนให้เห็นว่าในบางพื้นที่ เช่นพื้นที่ “บางคอแหลม” มีข้อเสนอนโยบายด้านที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในเมือง ตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

“เรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน เป็นพื้นฐานการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สำคัญ ตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน และเมือง ซึ่งควรจะมีพื้นที่สีเขียว ลานกีฬา สถานพยาบาล โรงเรียนที่ดี ซึ่งเป็นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่มีคุณภาพและเป็นแบบอย่างการขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ “

สำหรับพื้นที่ ที่เป็นชุมชนแออัด อย่าง “บางขุนเทียน” มีข้อเสนอนโยบายเพิ่มคุณภาพชีวิต โดยการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด เพื่อให้ชุมชนมีคุณภาพ โดยเฉพาะปัญหาขยะที่ต้องมีการบริหารจัดการเพื่อพลิกโฉมให้เป็นชุมชนน่าอยู่ ส่วนปัญหาเด็กในชุมชนแออัด ใน”พื้นที่ราษฎร์บูรณะ” มีแนวคิดที่จะสร้างโอกาสการเรียนรู้ ให้เยาวชน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้หลุดพ้นจากความยากจน

อย่างไรก็ตามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทุกพื้นที่ มีความตั้งใจและพร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากความคิดเห็นของหลายกลุ่มคน เพื่อที่จะเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ และแก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการของประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 มีนาคม 2566

“ผู้กองมาร์ค” พลังประชารัฐ นำร่องแก้ปัญหาน้ำเสียในชุมชน คืนสุขภาพที่ดีสู่ประชาชน

,

“ผู้กองมาร์ค” พลังประชารัฐ นำร่องแก้ปัญหาน้ำเสียในชุมชน คืนสุขภาพที่ดีสู่ประชาชน

5 มี.ค. 2566 / ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช (ผู้กองมาร์ค) ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางซื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกได้เสียชีวิต ณ ชุมชมวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ กทม. ซึ่งได้สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เพราะไข้เลือดออกมีสาเหตุมาจากยุงลาย และเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ สาเหตุสืบเนื่องมาจากในน้ำมีขยะสะสมเป็นจำนวนมากซึ่งเกิดจากการปล่อยน้ำเสีย และทิ้งสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ลงสู่แหล่งน้ำในชุมชน ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย และปัญหานี้เกิดขึ้นสะสมมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้รับการแก้ไข ตนจึงได้ติดต่อและประสานงานไปที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านของการบำบัดน้ำเสียจากก๊าซชีวภาพ โรงงานเคมี ปิโตรเคมี และน้ำเสียจากฟาร์มสุกร จึงได้ก่อเกิดการจัดทำโครงการนำร่องบำบัดน้ำเสีย กำจัดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ และแก้ไขปัญหายุงลาย ณ ชุมชนวัดสร้อยทอง โดยทางสำนักงานเขตบางซื่อ ได้ร่วมสังเกตการณ์ โครงการบำบัดน้ำเสียที่ใช้จุลินทรีย์ ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ของประชาชนในชุมชนในการแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโครงการบำบัดน้ำเสียนั้น ก็เพื่อลดกลิ่นเหม็นและลดการเกิดยุงลาย เพราะในส่วนของคลองที่มีน้ำนิ่ง นั้นจะเป็นจุดกำเนิดยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก และการที่จะลดปริมาณการวางไข่ของยุงลาย คือการทำให้น้ำไม่นิ่ง โดยการติดตั้งกังหันตีน้ำ เพื่อเป็นการเติมอากาศบริสุทธิ์ให้น้ำ ทำให้จุลินทรีย์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประโยชน์ที่ได้จากน้ำที่บำบัดเพิ่มเติมคือสามารถนำไปใช้รดต้นไม้ และสามารถที่จะปล่อยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างปลอดภัย ในส่วนของพลังงานที่เราใช้ในการบำบัดน้ำเสียนี้เราได้ใช้พลังงานทั้งหมดจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) และเพื่อลดปัญหาโลกร้อน จึงต้องรบกวนขอความร่วมมือจากประชาชน ว่าอย่าทิ้งขยะ พลาสติก และเศษอาหารลงในน้ำใต้บ้านเรือนและในคูคลองต่าง ๆและทั้งนี้ทางโครงการได้เพิ่มประสิทธิภาพให้โครงการแบบยั่งยืน โดยอบรมให้คนในชุมชนสามารถสร้างถังดักไขมัน (Grease Trap) และถังบำบัดน้ำเสีย (SEPTIC) ด้วยตนเอง (Do it yourself: DIY) เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมัน และน้ำสกปรกจากครัวเรือนไหลลงใต้ถุนบ้านและทางน้ำในชุมชน ซึ่งหลังจากการบำบัดนั้นน้ำจะใสขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง และทำให้กลิ่นเหม็นลดลงแบบสัมผัสได้อย่างชัดเจน ซึ่งทางโครงการเชื่อว่าคุณภาพน้ำจะดีขึ้นตามลำดับ และที่สำคัญที่สุดคือการคืนน้ำสะอาด และสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อสุขภาพและจิตใจที่ดีของประชาชนให้กับชุมชนและประเทศ


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”อวยพรวันนักข่าว ขอให้สื่อทุกคนมีความสุข วอน ช่วยกันนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่สังคมสงบสุข

,

“พล.อ.ประวิตร”อวยพรวันนักข่าว ขอให้สื่อทุกคนมีความสุข วอน ช่วยกันนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง สู่สังคมสงบสุข

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม ขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัว ขอให้ทำหน้าที่อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าว

ทั้งนี้ สื่อมวลชนถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ การสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ดี และถูกต้องให้กับประชาชนจะทำให้สังคมสามารถก้าวข้ามความขัดแย้ง คืนความสงบสุข ปลอดภัยและยั่งยืนให้กับคนไทยทั้งประเทศได้


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“ชัยวุฒิ”ปัดบิ๊กป้อม เเก้เคล็ด ไหว้พระ เป็นมงคลชีวิต มั่นใจนครศรีฯเสียงดี พปชร. ดาวกระจาย ช่วยกันหาเสียง

,

“ชัยวุฒิ”ปัดบิ๊กป้อม เเก้เคล็ด ไหว้พระ เป็นมงคลชีวิต มั่นใจนครศรีฯเสียงดี พปชร. ดาวกระจาย ช่วยกันหาเสียง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเเบ่งพื้นที่กันลงวันนี้เป็นยุทธศาสตร์ดาวกระจายว่า แบ่งกันทํางานเป็นดาวกระจาย ก็คือจะรับเฉพาะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานแต่ละภาคอยู่แล้วตอนนี้ก็เป็นทีมของภาคกลาง และก็ท่านเลขาธิการพรรคออกมาหาเสียง แล้วก็จะไปตามกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่ต้องรอท่านหัวหน้าพรรคไป เรามีเป็นทีมงานที่มีคุณภาพจะช่วยกันลงไปหาเสียงมาพบพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร ลงใต้ มั่นใจจะรักษาฐานที่มั่นได้จ.นครศรีธรรมราชได้หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า จริงๆลุงป้อมนี่ก็มีความผูกพันกับภาคใต้อยู่แล้ว เพราะเรามี ส.ส.ใต้ อย่างที่นครศรีธรรมราชก็มี ส.ส. ของพรรคอยู่ 4 คน แล้วท่านเองก็ลงไปช่วยเหลือพี่น้องในเรื่องการพัฒนา หรือแม้แต่เรื่องช่วยสังคมอย่างโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มีการสร้างตึก ท่านก็ไปช่วยสนับสนุนในการก่อสร้าง ท่านเคยตั้งใจจะเดินทางไปวางศิลาฤกษ์ ก็จะไปไม่ได้เพราะติดภารกิจบางอย่างสําคัญ ถ้าเราอยากไปอยากไปที่นครศรีธรรมราช เพราะว่าท่านมีความผูกพันกับพี่น้องประชาชน
ส่วนการลงพื้นที่ ของพลเอกประวิตร ไปห่มผ้าพระธาตุ เป็นการ เเก้ เคล็ด หรือเสริมดวงหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวไทยพุทธ วันเทศกาลสําคัญมาฆบูชา เราก็ต้องไปทําบุญกันอยู่แล้ว ท่านพลเอกประวิตรก็เป็นคนที่ทําบุญไหว้พระ เป็นปกติอยู่แล้ว ไปที่ไหนก็ต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นมงคลกับชีวิตของท่านแล้วก็ของบริวารของท่านเป็นปกติ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

‘เลขา สันติ’มั่นใจ ปมไม่นับต่างด้าวรวมเขตเลือกตั้ง ไม่กระทบ พปชร. ลั่นนโบายทำได้จริง เสริมโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประชานิยม

,

‘เลขา สันติ’มั่นใจ ปมไม่นับต่างด้าวรวมเขตเลือกตั้ง
ไม่กระทบ พปชร.
ลั่นนโบายทำได้จริง เสริมโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประชานิยม

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค เปิดเผยถึง การแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่า มีความกระทบน้อยมาก เพราะมีเพียงแค่ 8 จังหวัดที่มีจำนวน ส.ส.พึงมี เพิ่ม และลด ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐมองว่าไม่ได้เป็นปัญหาเพราะมั่นใจในนโยบายที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อให้ประชาชนได้มีความรักใคร่สามัคคี และมีพลังในการเดินหน้าต่อสู้กับวิกฤตอื่นๆ ได้

เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส. ในจังหวัดที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. พึงมี เมื่อไหร่นั้น นายสันติ ระบุว่า ต้องรอหลังจากที่มีการยุบสภา พรรคพลังประชารัฐถึงจะพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งคณะผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐสามัคคีกัน และมองว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ไม่ได้มีปัญหา

ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูเป็นประชานิยมนั้น นายสันติ กล่าวว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นนโยบายสร้างเสริมโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แต่ว่านโยบายหลายอย่างที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ต้องมีแรงจูงใจบ้างแต่ไม่ได้ใช้เงินจนเลยเถิดโครงสร้างทางการเงินของรัฐบาล และตนก็อยู่กระทรวงการคลังย่อมรู้ว่า ต้องใช้เงินขนาดไหนระบบเศรษฐกิจของประเทศจึงจะรับได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 มีนาคม 2566

“เลขาสันติ- รองชัยวุฒิ”นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี 7 เขต ขอโอกาสชาวปทุมฯเลือก พปชร.ยกจังหวัด สร้างปรากฎการณ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ทิ้งอดีต จับมือเดินหน้าร่วมพัฒนาประเทศ

,

“เลขาสันติ- รองชัยวุฒิ”นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี 7 เขต ขอโอกาสชาวปทุมฯเลือก พปชร.ยกจังหวัด สร้างปรากฎการณ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ทิ้งอดีต จับมือเดินหน้าร่วมพัฒนาประเทศ

เมื่อเวลา 19.00 น.ที่เวทีปราศรัย ณ สวนบริษัท เคเอสเอส อินเตอร์เทคกรุ๊ป ย่านคลองสาม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำว่าที่ผู้สมัครจังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 เขต ได้แก่ เขต 1 นายเสวก ประเสริฐสุข, เขต 2 นายนพดล ลัดดาแย้ม,เขต 3 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล,เขต 4 นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า,เขต 5 นายวิรัช พยุงวงษ์,เขต 6 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง,และ เขต 7 น.ส.กฤษณา วงศ์คำ ขึ้นเวทีปราศรัยพบประชาชน โดยมี ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัคร เขตบางเขต และ ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตดุสิต และนายทศพล เพ็งส้ม ว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดนนทบุรี พรรคพลังประชารัฐร่วมกิจกรรมเวทีปราศรัย

นายสันติ กล่าวว่า ตนดีใจที่วันนี้ชาวปทุมธานีให้การต้อนรับผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐอย่างอบอุ่น ซึ่งทั้ง 7 คน มีความตั้งใจที่จะเข้ามาพัฒนา และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างแท้จริง ถ้าปทุมธานีให้โอกาสกับตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐทั้งจังหวัด ก็จะเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน

นายสันติ กล่าวต่อว่า ปัญหาต่างๆที่ชาวปทุมธานีเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด หรือน้ำท่วม น้ำแล้งรวมไปถึงราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยแพง หรือแม้กระทั่งการพัฒนาลูกหลานของเรา จะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรมผ่านว่าที่ ส.ส.ทั้ง 7 คนนี้ ที่จะเข้าไปเป็นกระบอกเสียงชั้นเยี่ยมให้กับท่าน และจะเป็นปรากฎการณ์ที่ชาวปทุมธานีสร้างพลังอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เสียงของท่านก็จะดังมากขึ้นอย่างแน่นอน

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ตนขอโอกาสมาพูดคุยกับทุกคน เพื่อเล่าถึงนโยบายดี ๆ ของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องยอมรับว่า จังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม และศักยภาพที่จะพัฒนาไปได้อีกไกล ตนดีใจแทนชาวปทุมทุกคน ที่มีทีมงานที่เข้มแข็งทั้ง 7 คน ตนคงไม่ต้องอธิบาย ว่าทุกคนเข้มแข็งอย่างไร เพราะชาวปทุมธานีน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ มาจากหลายหลายอาชีพที่จะมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อพี่น้องทุกคน แต่วันนี้ยังขาดอยู่อย่างเดียวก็คือ โอกาสจากทุกคน ผมจึงขอให้ชาวปทุมให้โอกาสกับทั้ง 7 คนได้เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องด้วย

“นโยบายที่เป็นสโลแกนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐก็คือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่ได้อยากพูดถึงอดีต แต่ต้องยอมรับว่า 8 ปีที่ผ่านมาคนไทยไม่มีความสุข จนวันนี้เห็นภาพที่ชัดเจนแล้วว่า เราสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว พิสูจน์ได้จากผู้สมัครปทุมธานีของพรรคเรา อย่าง นายกใหญ่ ก็คือแกนนำคนเสื้อแดงมาก่อน ส่วนพี่เกียรติศักดิ์ ก็เคยขึ้นเวที กปปส.มาแล้ว คอการเมืองรู้จักทั้ง 2 คนดี แต่วันนี้ทั้งคู่จับมือกันภายใต้บ้านพลังประชารัฐ ร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง อดีตจะเป็นอย่างไร มันจบไปแล้ว ใครที่ยังไม่ยอมก้าวข้ามจากอดีตก็ปล่อยให้จมอยู่กับแบบนั้น วันนี้เราจะจับมือกันเดินไปข้างหน้า เพื่อพัฒนาประเทศและจังหวัดปทุมธานีไปด้วยกัน

ด้านนายเสวก ประเสริฐสุข หรือ นายกใหญ่ อดีตรอง นายก อบจ.ปทุมธานี ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 กล่าวปราศรัยว่า ปัญหาของชาวจังหวัดปทุมธานีที่เรื้อรังมาโดยตลอดคือเรื่องการคมนาคม ถนน หนทางที่ยังมีปัญหา วันนี้ผมขอโอกาสเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัครปทุมธานีในนามของพรรคพลังประชารัฐ ผมขอเวลาแค่ 4 ปี เพื่อเข้ามาพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของชาวปทุมธานีให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้ ในช่วงที่นายสันติกล่าวถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน หรือ นโยบาย”ดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” เพื่อดูแลสตรีของประเทศ โดยจะดูแลขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 4 ไปจนถึงคลอดบุตร สนับสนุนเงินเดือนละ 10,000 บาท เป็นจำนวน 5 เดือน และให้การช่วยเหลือเงินเลี้ยงบุตรจำนวนเงิน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 ปี เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผู้หญิงที่เป็นเพศแม่นั้น ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างคับคั่ง ซึ่งนายสันติ ได้กล่าวว่า พรรคของเราจะสร้างความมั่นคงให้กับคนไทยทุกคน ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนเลือกตัวแทนของท่านที่มาจากพรรคพลังประชารัฐเข้าไปในสภา เพื่อยกมือให้กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเราได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เราจะทำทันทีที่ได้โอกาส

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”ล่องใต้ร่วมบุญประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเนื่องในวันมาฆบูชา เข้าถึง – สัมผัสวิถีชีวิตชาวนครศรีธรรมราช ก่อนนำมาสู่วางนโยบายดูแลปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”ล่องใต้ร่วมบุญประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเนื่องในวันมาฆบูชา เข้าถึง – สัมผัสวิถีชีวิตชาวนครศรีธรรมราช ก่อนนำมาสู่วางนโยบายดูแลปชช.

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการส่วนตัว สวมเสื้อผ้าลายปาเต๊ะ สีสดใส สไตล์ชาวใต้ ด้วยสีหน้าสดใส และยิ้มแย้มพูดคุยและร่วมถ่ายรูปกับแฟนคลับที่มาทักทายและให้กำลังใจ โดยในช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร มีกิจกรรม ทานน้ำชา “ริมถนน” (จิบชา กินตี แลนก) สี่แยกท่าซัก อ.เมือง และได้เดินทางถึงพระธาตุ พร้อมคณะร่วมประเพณีทำบุญประจำปีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ของจ.นครศรีธรรมราช เนื่องในวันมาฆบูชา พร้อมเยี่ยมชมสวนส้มโอทับทิมสยามของดี ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ชิมอาหารเด็ดผัดหมี่ปากพนัง (ผัดหมี่กะทิ) แกงเขียวหวานเนื้อ น้ำพริกกะปิ ปลาทอด คั่วหมู ต้มส้มปลากระบอก โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ.นครศรีธรรมราช ของพรรคพลังงานประชารัฐ ร่วมต้อนรับ ประกอบด้วย ร.ศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมืองและ นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ

ทั้งนี้โดย พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีสมโภชผ้าพระบฎพระราชทาน ณ โรงเรียนปากพนัง ต่อด้วยเดินทาง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดนางพระยา อ.เมือง พร้อมทั้งได้ทักทายประชาชนที่มาต้อนรับและเป็นกันเอง มีแฟนคลับจำนวนมาก มาขอถ่ายเซลฟี่ และหอมแก้ม พล.อประวิตรตลอดเส้นทาง ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้สัมผัสวิถีชาวบ้านอย่างแท้จริง พร้อมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปสู่แนวทางการวางนโยบายช่วยเหลือต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าความร่วมมือพัฒนาลุ่มน้ำโขงเสริมสร้างใช้น้ำยั่งยืน ย้ำศึกษาประโยชน์ร่วมกันทุกมิติรอบครอบพร้อมสร้างการนับรู้กับ ปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าความร่วมมือพัฒนาลุ่มน้ำโขงเสริมสร้างใช้น้ำยั่งยืน
ย้ำศึกษาประโยชน์ร่วมกันทุกมิติรอบครอบพร้อมสร้างการนับรู้กับ ปชช.

เมื่อ 2 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบ ความคืบหน้ากระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า ภายใต้ระเบียบปฏิบัติ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เรื่องการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อน สานะคาม สปป.ลาว ซึ่งฝ่ายไทยยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบข้ามพรมแดน ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้คณะอนุกรรมการวิชาการ พิจารณาข้อมูลของโครงการให้เกิดความรอบคอบ ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม คุณภาพน้ำ ระบบนิเวศ การประมง ทางผ่านปลา รวมถึงด้านเศรษฐกิจและสังคม

อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานความคืบหน้า การขอรับการสนับสนุนโครงการจัดการประมงข้ามพรมแดน ภายใต้กองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF ครั้งที่8) รวมทั้งรับทราบความคืบหน้า โครงการจัดตั้งกองทุนแม่โขง (Mekong Fund) เพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ในการบรรเทาผลกระทบและเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบข้ามพรมแดนจากการดำเนินการบนแม่น้ำโขง สายประธาน รวมทั้ง ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบ ร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. 2023 ภายใต้แนวคิดหลักร่วมกัน คือ “นวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำและความยั่งยืนของลุ่มน้ำโขง” ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ เชิงนโยบายของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ในการมุ่งเน้นการดำเนินงานตามพันธะกรณีของความตกลง ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเห็นชอบร่างถ้อยแถลงสำหรับนายกรัฐมนตรีในการประชุม”สุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง ตอนล่าง” ครั้งที่ 4และร่างประเด็นสำหรับการหารือในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช., ก.การต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการฯ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และความมั่นคงของประเทศชาติ ภายใต้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสมาชิกฯ พร้อมทั้งให้มีการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนคนไทยในพื้นที่ได้รับทราบ อย่างทั่วถึง ควบคู่กันไปด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มีนาคม 2566

พล.อ.ประวิตร ไม่ประมาท เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำรอยปี65 ถอดบทเรียนฯ ใช้ 12 มาตรการ กำชับทุกหน่วยรับมือฤดูฝนปี66 มุ่งลดผลกระทบ ปชช.ได้ประโยชน์สูงสุด

,

พล.อ.ประวิตร ไม่ประมาท เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำรอยปี65 ถอดบทเรียนฯ ใช้ 12 มาตรการ
กำชับทุกหน่วยรับมือฤดูฝนปี66 มุ่งลดผลกระทบ ปชช.ได้ประโยชน์สูงสุด

ว่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. กล่าวว่าที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ จากเหตุการณ์อุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาปี2565 ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย ราว 2.8 ล้านไร่ ใน 16 จังหวัด ภาคกลาง ซึ่ง สทนช.ได้เสนอโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่เจ้าพระยาใหญ่ และขอรับการสนุนงบประมาณประจำปี66 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง)มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 โดย สทนช. ได้นำผลการถอดบทเรียนฯมาปรับปรุงเป็น 12 มาตรการ ได้แก่
มาตรการที่ 1 การคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงช่วงฝนทิ้งช่วง
มาตรการที่ 2 การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก
มาตรการที่ 3 ทบทวนปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำ /เขื่อนระบายน้ำและจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเชิงบูรณาการ
มาตรการที่ 4 เตรียมความพร้อมซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ โทรมาตร ให้พร้อมใช้งานและปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ
มาตรการที่ 5 เตรียมพร้อม /วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือบุคลากรประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่เสี่ยงในช่วงฝนทิ้งช่วง
มาตรการที่ 6 ตรวจความมั่นคงปลอดภัยคัน ทำนบ พนังกั้นน้ำ
มาตรการที่ 7 ขุดลอกคู คลอง และกำจัดผักตบชวา
มาตรการที่ 8 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตั้งศูนย์ส่วนหน้า ก่อนเกิดภัยและฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่สภาพปกติ
มาตรการที่ 9 เร่งเก็บกักน้ำแหล่งน้ำทุกประเภทช่วงปลายฤดูฝน
มาตรการที่ 10 สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชนในการให้ข้อมูลสถานการณ์
มาตรการที่ 11 การสร้างการรับรู้/ประชาสัมพันธ์ และ
มาตรการที่ 12 ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย และได้เห็นชอบ แผนป้องกัน และแก้ไขภาวะน้ำท่วมปี 2566 ของลุ่มน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อม ไว้ด้วยต่อไป

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน ร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านน้ำ ในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงด้านน้ำ ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งไดักำชับให้ สทนช.เตรียมการวางแผนการกักเก็บน้ำในฤดูฝน ให้มากที่สุด เพื่อไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ด้วย และให้สร้างการรับรู้ และการแจ้งเตือนภัยสถานการณ์น้ำให้ ประชาชนทราบ อย่างทั่วถึง ทันเวลาและต่อเนื่อง นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ขอบคุณ สทนช. และหน่วยงานที่รับผิดชอบ 10 มาตรการฤดูแล้ง ที่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชน ทั่วประเทศ ได้ผลเป็นอย่างดี ที่ผ่านมา

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 มีนาคม 2566

“มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง”!!! “พล.อ.ประวิตร” หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง ช่วยชุมชนให้มีน้ำดื่มฟรี ลดรายจ่ายครัวเรือน

,

“มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง”!!! “พล.อ.ประวิตร” หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง ช่วยชุมชนให้มีน้ำดื่มฟรี ลดรายจ่ายครัวเรือน

เมื่อ 27 ก.พ.66 ,16.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมด้วย รมว.ศธ. ,รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า-บ่าย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม กพต. และพบปะผู้นำศาสนา-ชุมชนในพื้นที่ จ.สตูล ต่อจากนั้นในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางต่อไปยัง จ.ตรัง เพื่อติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ณ บ้านพรุท่อม ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานภาพรวมในพื้นที่ของจังหวัด ต่อด้วย รองเลขาฯสทนช. นำเสนอแผนงานด้านทรัพยากรน้ำและการคาดการณ์สถานการน์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รายงานสรุปโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ซึ่งเป็นโครงการน้ำบาดาลเพื่ออุปโภค-บริโภค งป.ปี65 ความลึกเจาะ 90 ม.ได้ปริมาณน้ำ กว่า 20 ลบ.ม./ชม. ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายจากที่เคยซื้อน้ำดื่มได้ปีละ 1.8ล้านบาท 500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายที่สำคัญแก่ สทนช. ให้เร่งบูรณาการหน่วยงาน ติดตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง อย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับ จังหวัด กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมชลประทาน เร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงและจัดหาแหล่งน้ำสำรอง ทั้งบนดิน ใต้ดิน รองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคต เพื่อยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทั่วถึง จากนั้นได้พบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก และรับฟังข้อคิดเห็นจากชาวบ้าน อย่างใกล้ชิด สร้างความประทับใจให้กับประชาชน และรู้สึกดีใจ ที่ท่านใจดี ให้ความเป็นกันเอง ไม่ถือตัว โดยมีมวลชนจำนวนมาก เชียร์ให้กำลังใจ เพราะเห็นถึง ความทุ่มเท ตั้งใจ เสียสละ ทำงานหนักเพื่อประชาชน อย่างแท้จริง และอยากให้ท่านเป็นนายกฯ คนต่อไปด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร พบปะชาวบ้านอุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้งอีกต่อไป มั่นใจเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

,

พล.อ.ประวิตร พบปะชาวบ้านอุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้งอีกต่อไป มั่นใจเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรราชธานี, จ.หนองคาย และจ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด

โดยในช่วงเช้า เดินทางไปยัง โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรฯ มีนาย วันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัด. ให้การต้อนรับและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ จ.อุดรฯ จากเลขาฯ สทนช. ซึ่ง จ.อุดรฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการปี 61-65 ประชาชนได้รับประโยชน์ 55,586 ครัวเรือน จากงบกลางปี65 ได้รับประโยชน์ 1,045 ครัวเรือน งบบูรณาการฯ ปี66 จะได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน งบตามแผนปฏิบัติการปี 67 ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 53,175 ครัวเรือน และโครงการสำคัญอีก 6แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 43,500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ สทนช. กรมชลประทาน และจังหวัด เร่งบูรณาการบริหารจัดการน้ำให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะ 10 มาตรการฤดูแล้ง ให้เข้มงวดตามนโยบาย พร้อมเร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชียง (ตอนบน) เพื่อช่วยยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ ให้ชาวบ้านและเกษตรกรให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ตลอดปี ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินพบปะ และรับฟังข้อคิดเห็นจาก พี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับจำนวนมาก อย่างใกล้ชิด ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ พล.อ.ประวิตร เป็นที่ระลึก สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้าน ที่มาร่วมกิจกรรมในโอกาสนี้ นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ยืนยันกับชาวบ้าน ว่าจะไม่ให้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งในอีสาน อีกต่อไป ซึ่งได้มีกลุ่มชาวบ้านถือป้ายชูให้กำลังใจลุงป้อม และ อยากหนุนให้เป็นนายกฯของคนอีสานด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“พลเอกประวิตร” นำว่าที่ผู้สมัคร กทม.ขึ้นรถแห่ปราศรัยเขตป้อมปราบฯ พบปะปชช ปักธงชิงคะแนนเสียง กทม.กวาด 12 ที่นั่ง วอน เลือก พปชร.เข้าสภาฯขจัดปัญหา

,

“พลเอกประวิตร” นำว่าที่ผู้สมัคร กทม.ขึ้นรถแห่ปราศรัยเขตป้อมปราบฯ พบปะปชช ปักธงชิงคะแนนเสียง กทม.กวาด 12 ที่นั่ง วอน เลือก พปชร.เข้าสภาฯขจัดปัญหา

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวพรรค พปชร.ใช้ฤกษ์วันวาเลนไทน์ นำผู้บริหารพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ที่รับผิดชอบพื้นที่กทม. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ลงพื้นที่หาเสียงในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นพื้นที่แรก

ทังนี้ก่อนเคลื่อนขบวน พลเอกประวิตร ได้เข้าไปในวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เพื่อสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 จุด เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีประชาชนที่มาทำบุญรอทักทายจำนวนมาก พร้อมกล่าวว่า “ลุงป้อมสู้”ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นรถแห่ปราศรัยหาเสียง และขอให้ชาวกรุงเทพฯ เลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชน ในการขจัดปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทย

ขบวนรถแห่ได้เคลื่อนตัวออกจาก ไปยังวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยตลอดเส้นทาง ได้ผ่านหน้า สน.พลับพลาไชย มุ่งหน้า ถ.หลวง เข้าแยกแม้นศรี เข้าวัดสระเกศฯ ด้านถนนจักรพรรดิพงษ์ โดยคณะของพล.อ.ประวิตร ได้ทักทาย พ่อค้า แม่ค้า ประชาชน ที่มาทำบุญ และจับจ่ายซื้อตลอดสองข้างทาง ซึ่งได้รับการต้อนรับที่ดีจาก กทม.ต่างโบกมือทักทาย พร้อมชูป้ายสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นจำนวนมาก

พล.อ.ประวิตร กล่าวในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งว่า เป็นเป็นครั้งแรกที่ขึ้นรถปราศรัยหาเสียง ที่ลงพื้นที่ในวันนี้เพราะเป็นวันวาเลนไทน์ ต้องการให้ความรัก ก้าวข้ามความขัดแย้ง และแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นนโบบายของพรรคพลังประชารัฐ ในวันนี้ก็ได้รับการต้อนรับจากชาว กทม.เป็นอย่างดี ตนก็ต้องขอขอบคุณทุกคนด้วย ส่วนการเลือกตั้งในจังหวัด กทม.ตนตั้งใจไว้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ 12 คน แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ แต่เราพยายามคัดคนที่มีความรู้ ความสามารถ ที่จะเข้ามาทำงานให้กับประชาชน

ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร กทม.ที่ร่วมขบวนการปราศรัยในวันนี้ ประกอบด้วย นายรังสรรค์ กียปัจจ์ , น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ ,น.อ.บัญชาพล อรัณยะนาค ,น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง , นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ , นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล , นางนาถยา แดงบุหงา ,ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ,พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง

นายกานต์ กิตติอำพน ,ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง,นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ ,ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น,น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ,ดร.สุชาดา เวสารัชตระกูล ,นายศิริพงษ์ รัสมี ,นายพีระพงษ์ รัสมี

นายกิติภูมิ นีละไพจิตร์,นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ,นายเอกชัย ผ่องจิตร์ ,น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน ,นางนฤมล รัตนาภิบาล ,นายศันสนะ สุริยะโยธิน , ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร, นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ,ดร.นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล, นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ,ดร.ภูมิพิชัย ธารดำรงค์, นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ, นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2566