โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: สื่อออนไลน์

“ศ.ดร.นฤมล”ย้ำบัตรประชารัฐ700บ.สอดรับเงินเฟ้อ พร้อมเพิ่มสวัสดิการอื่นๆแก้ปัญหายากจนแบบยั่งยืน

,

“ศ.ดร.นฤมล”ย้ำบัตรประชารัฐ700บ.สอดรับเงินเฟ้อ
พร้อมเพิ่มสวัสดิการอื่นๆแก้ปัญหายากจนแบบยั่งยืน

“ศ.ดร.นฤมล”ย้ำ นโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท/เดือนสอดรับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงหลังฟังเสียงสะท้อนจากการลงพื้นที่ของสส. 200-300 บาทไม่เพียงพอใช้จ่าย ลั่นยังมีสวัสดิการช่วยเหลือ ปชช.อีกเพียบเดินหน้าให้เบ็ดตกปลาแทนให้ปลาแก้ไขปัญหายากจนแบบยั่งยืน แย้มเตรียมประกาศนโยบาย”ที่ดินประชารัฐ”เร็วๆ นี้

วันนี้(19 ม.ค. 66)ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน ของพรรคพลังประชารัฐว่า ในปี 2566 จะมีประชาชนได้รับสิทธิประมาณ 18 ล้านคน คนละ 700 บาทต่อเดือน จะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งงบประมาณดังกล่าวมีการคำนวนแหล่งที่มาของงบประมาณมาจากที่ใดแล้ว ในส่วนของบัตรประชารัฐที่เราได้ทำมาตั้งแต่ปี 61 ไม่ใช่มีแค่เงินรายเดือน 200 หรือ 300 บาทเท่านั้น แต่ยังมีสวัสดิการอื่น ๆ อีก อย่างเช่น ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าเดินทาง จิปะถะ เราพยายามจัดการสิ่งเหล่านี้ให้สอดคล้อง กับความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ บางคนได้ไปก็ไม่ได้ใช้ ค่าเดินทางไม่ได้ใช้ แก๊สหุงต้มไม่ได้ใช้

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เมือปี 2561 ตนก็เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลรับผิดชอบสวัสดิการแห่งรัฐ ในช่วงนั้น เราอยากจะให้พี่น้องประชาชน ผู้ที่มีรายได้น้อย สามารถที่จะมีเงินประทังชีวิตต่อเดือน สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน เขาสามารถไปซื้อ ข้าวสาร น้ำปลา อาหารแห้ง ได้ ในต่างจังหวัดอยู่ได้โดยไม่ลำบาก แต่ปัจจุบันสภาวะ ทางเศษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้อ ไม่ต่างกับประเทศไทย สินค้ามีราคาที่สูงขึ้นมาก ดั้งนั้นเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ก็ไม่เพียงพอ เสียงสะท้อนก็ออกมาจากผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่ลงพื้นที่ไปพบปะกับประชาชนต่างก็บอกเงินไม่พอแล้ว

“พรรคพลังประชารัฐให้ความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ต้องปรับให้สอดคล้องกับสภาวะกับทางเศรษกิจและปัจจุบัน ให้สู่กับสภาวะเงินเฟ้อได้ และจริงๆในนโยบาย ทั้งหมดไม่ใช่มี แค่ 700 บาท เรายังคงมุ่งหน้าทำการแก้ปัญหา ความยากจนอย่างยั่งยืน หมายความว่าต้องมีการฝึกอบรมให้ 700 บาทเป็นการให้ปลาไปเฉยๆ จะต้องมีการ ให้เบ็ดเขาด้วย แล้วก็สอนวิธีตกปลา”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

สำหรับประเทศไทย ถ้าเราจะพึ่งเพียงงบประมาณอย่างเดียว ประเทศไทยก็คงจะเดิน ไปข้างหน้าได้อย่างช้า เราจึงต้องคิดออกนอกกกรอบ งบประมาณรัฐบาลด้วย ในหลาย ๆ ประเทศเขาใช้ศักยภาพตลาดทุน คือ กองทุนเพื่อสังคม ที่ระบุเลยว่า ไปช่วยกลุ่มไหนแล้วก็ระดมทุน เช่น กองทุนพัฒนาชีวิตผู้พิการ กองทุนที่จะช่วยแม่เลี้ยงเดียว กองทุนผู้ที่ติดคุกมีงานทำ กองทุนที่จะช่วยเกษตรไทย เพื่อเป็นกองทุนลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในเศรษกิจระดมทุนจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

“สิ่งที่ภาครัฐทำได้ ก็คือ การจัดโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสม เช่น ถ้ามีการซื้อหน่วยลงทุนก็มาหักภาษีได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าจะไปช่วยเกษตรกร บริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นมา ก็สามารถที่จะเข้าไปดูแลเกษตรกร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ว่าเขาปลูกพืชอะไร เขาใช้ต้นทุนเท่าไร คุณต้องไปทำอย่างไร ให้เขาลดต้นทุน สินค้าที่ได้มา ไปที่ไหน ตลาดที่เรารับคืออะไร แปรรูปแล้วราคาเท่าไร พอเป็นรูปธรรมอย่างนี้ ตัวช่วยต่อไปที่ต้องทำ คือ เชื่อมกับภาคเอกชน เพื่อที่จะหาแหล่งตลาด ทำให้เกิดรายได้กับเกษตรกร ซึ่งรายได้นี้จะต้องคืนผลตอบแทนกลับมาให้ นักลงทุนที่เป็นเจ้าของเงินที่ซื้อหน่วยลงทุน”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล กล่าวด้วยว่า จากนี้พรรคพลังประชารัฐจะมีการแถลงนโยบายออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่านโยบายต่อไปที่น่าจะมีการประกาศก็คือ นโยบายที่ดินประชารัฐ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”เร่งหน่วยงานเยียวยาปชช.จากโครงการพัฒนาของรัฐ ระดมกลไกแก้ปัญหาลดผลกระทั้งระบบเพื่อคืนความกินดีอยู่ดีให้ปชช

,

“พล.อ.ประวิตร”เร่งหน่วยงานเยียวยาปชช.จากโครงการพัฒนาของรัฐ ระดมกลไกแก้ปัญหาลดผลกระทั้งระบบเพื่อคืนความกินดีอยู่ดีให้ปชช

เมื่อ 18 ม.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน การแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ตามข้อเรียกร้อง และความคืบหน้าการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้แก่ การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้ชุมชน ปัญหาที่สาธารณะประโยชน์และที่ดินเอกชนที่ปล่อยทิ้งร้าง ปัญหาที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ ปัญหาด้านคดีความที่ดินทำกินและการบังคับคดี ปัญหาการเข้าถึงกองทุนยุติธรรมและความช่วยเหลือทางกฏหมาย ปัญหาพื้นที่สาธารณะประโยชน์ทับซ้อน รวมทั้งการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาล เป็นต้น โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับผู้เกี่ยวข้อง ทุกกระทรวงให้เร่งรัด ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา อย่างต่อเนื่องและให้ได้ข้อยุติ เพื่อลดผลกระทบของพี่น้องประชาชน โดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ที่ประชุม ได้เห็นชอบตามข้อเรียกร้องของ ขปส.เร่งด่วน ที่ส่งผลกระทบเพิ่มเติมในโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการใก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3สนามบิน และโครงการพัฒนาที่ดินย่านพหลโยธิน ซึ่งส่งผลกระทบด้านการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของโครงการที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย ตามนโยบายของรัฐบาลและ เห็นชอบการเร่งรัดเยียวยาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้ผู้ได้รับผลกระทบ จาก จ.ลำปาง การจัดที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้ราษฎร จ.น่าน รวมทั้งการจัดซื้อที่ดินเยียวยาให้ราษฎร จ.อุบลราชธานี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ

พล.อ.ประวิตร ย้ำว่ารัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก ทุกปัญหาความเดือดร้อน ควบคู่การพัฒนาพื้นที่ ตามความต้องการท้องถิ่น ทั่วประเทศ โดยได้พยายามเร่งรัดให้ทุกหน่วยงาน จากทุกกระทรวง ร่วมกับภาคประชาชน และสร้างการรับรู้ควบคู่กันไป เพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด และลดความเหลื่อมล้ำ โดยยืนยันจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นอันขาด


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

ส.ส.อรุณ พปชร.วอน กรมชลประธานช่วยสร้างคันกั้นน้ำ บรรเทาความเสียหายจากน้ำเข้าท่วมบ้านเรือน -พื้นที่การเกษตร

,

ส.ส.อรุณ พปชร.วอน กรมชลประธานช่วยสร้างคันกั้นน้ำ บรรเทาความเสียหายจากน้ำเข้าท่วมบ้านเรือน -พื้นที่การเกษตร

ร้อยตำรวจเอกอรุณ สวัสดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 4 จังหวัดสงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้แจ้งถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน และเกษตรกรในช่วงมรสุม ทุกๆปี ช่วงเดือนธันวาคม และมกราคม น้ำจากจังหวัดพัทลุงและนครศรีธรรมราช จะไหลลงมาที่ทะเลสาบสงขลา และก็ล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่อำเภอระโนท เกษตรกรได้รับความเสียหาย กว่าสิบกว่าล้านเกือบทุกปี

“ผมขอฝากไปยังกรมชลประธานช่วยสร้างคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วม ระยะทาง 3 กิโลเมตรสามารถช่วยเหลือชาวบ้านเกิดพื้นที่ได้กว่า 35,000 ไร่ และจะช่วยกว่า 700 ครอบครัวไม่ได้รับความเดือดร้อน จากการน้ำเข้าท่วม”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อรุณสวัสดี
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

ส.ส.ชลบุรี พปชร.วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาน้ำทะเลเอ่อล้นเข้าบ้านเรือน ปชช.สร้างความเสียหายต่อยานพาหนะที่สัญจรไปมา

,

ส.ส.ชลบุรี พปชร.วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาน้ำทะเลเอ่อล้นเข้าบ้านเรือน ปชช.สร้างความเสียหายต่อยานพาหนะที่สัญจรไปมา

ร้อยเอกจองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ในเขตอำเภอเมือง,พานทอง,บ้านบึง จังหวัดชลบุรี ซึ่งพบปัญหาน้ำทะเลเอ่อล้นเข้ามาในพื้นที่บ้านเรือน อยู่อาศัยและถนนที่สัญจรไปมา โดยเฉพาะเวลาน้ำทะเลขึ้น เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้ติดชายฝั่งทะเล ไม่ว่าจะเป็นตำบลคลองตำหรุ เทศบาลเมืองชลบุรี และเทศบาลเมืองบ้านสวน และเนื่องจากเป็นน้ำเค็มจากทะเล จึงส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อยานพาหนะที่สัญจรไปมา ตนขอฝากไปยังทุกหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเทศบาลอบต.และจังหวัดชลบุรี ช่วยร่วมกันหาทางออก เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอจากการที่แหล่งน้ำตื้นเขิน และปัญหาการบริการของประปาส่วนภูมิภาคยังเข้าไม่ถึงทุกพื้นที่ทุกครัวเรือน ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเมืองที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมาก จึงขอให้การประปาส่วนภูมิภาคที่รับผิดชอบจังหวัดชลบุรี เร่งสำรวจพื้นที่ที่น้ำประปายังเข้าไม่ถึง และรีบทำการวางระบบน้ำที่มีคุณภาพเข้าไปโดยด่วน รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ขอให้ทำการขุดลอกแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่ตื้นเขิลอยู่เสมอ”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #จองชัยวงศ์ทรายทอง
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

ส.ส.จันทบุรี พปชร.ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการจราจรเร่งสร้างอุโมงค์ทางลอดทางแยก บริเวณเขาคิชฌกูฏ ช่วงประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาท

,

ส.ส.จันทบุรี พปชร.ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการจราจรเร่งสร้างอุโมงค์ทางลอดทางแยก บริเวณเขาคิชฌกูฏ ช่วงประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาท

พันตำรวจโทฐนภัทร กิตติวงศา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดจันทบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงการประชาสัมพันธ์กำหนดการขึ้นเขาคิชฌกูฏ อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ม.ค.ถึง 22 มี.ค. นี้ ซึ่งประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาท เป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยให้ความเคารพนับถืออย่างมากและยังนำรายได้เข้ามาสู่จังหวัดจันทบุรีอีกหลายช่องทาง

“แต่เส้นทางที่เข้าไปพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ นั้นจราจรติดขัดมาก ตรงบริเวณสี่แยกเขาระยา จึงอยากจะเร่งรัดให้มีการสร้างอุโมงค์ทางลอดทางแยก
บริเวณถนนสุขุมวิทสี่แยกเขาระยา เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดอย่างมาก ซึ่งแยกนี้เป็นเส้นทางที่สำคัญในการที่จะมุ่งหน้าสู่จังหวัดสระแก้ว จังหวัดตราดไป สู่ต่างประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ฐนภัทรกิตติวงศา
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

“ส.ส.จองชัย” ขอ “มหาวิทยาลัยบูรพา- กยศ” เร่งจ่ายค่าของชีพจากกองทุนให้ตรงเวลา เพื่อไม่ให้นักศึกษาเดือดร้อน

,

“ส.ส.จองชัย” ขอ “มหาวิทยาลัยบูรพา- กยศ” เร่งจ่ายค่าของชีพจากกองทุนให้ตรงเวลา เพื่อไม่ให้นักศึกษาเดือดร้อน

ร้อยเอกจองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงกรณีที่มีนักศึกษาจากมหาวิลัยบูรพาจำนวนหนึ่ง ได้รับคบามเดือดร้อนมาร้องเรียนกับตน ขอให้แก้ปัญหาที่มหาวิทยาลัยจ่ายเงินค่าของชีพจากกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กยศ.ล่าช้าหลายเดือนเลย แล้วไม่สามารถออกมาให้คำอธิบายที่ชัดเจนกับนักศึกษาได้ทำให้การดำรงชีพของนักศึกษาที่เดือดร้อนอยู่แล้ว เดือดร้อนขึ้นไปอีก เงินไม่พอใช้ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาจ่ายค่ากิน ค่าอยู่ ค่าหนังสือ

ร้อยเอกจองชัย กล่าวต่อว่า จากการที่ได้ตรวจสอบเบื้องต้น มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่าปัญหานี้อาจจะเกิดขึ้นที่สถาบันการศึกษาอื่นๆ ด้วย จึงขอแจ้งไปยังมหาวิทยาลัยบูรพาและ กยศ.ขอให้กำกับดูแลตรวจสอบหน่วยงานย่อย หรือหน่วยงานปลายทาง เช่น สถาบันการศึกษาต่างๆ กำชับให้จ่ายค่าของชีพจากกองทุนให้ตรงเวลา หรือจ่ายโดยเร็ว เพื่อไม่เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีพของนิสิตนักศึกษาที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไปในอนาคต

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #จองชัยวงศ์ทรายทอง
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” พร้อมส่งเสริมด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม ดันออกกฎหมายสืบสานพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนคู่คนไทย

,

“พล.อ.ประวิตร” พร้อมส่งเสริมด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม
ดันออกกฎหมายสืบสานพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนคู่คนไทย

วันที่ 18 มกราคม2566 ณ อาคารมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับคณะสำนักงานการศึกษา พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาเขต 9 โดยมีพระครูปริยัติวีราภรณ์ ประธานเขตการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาเขต 9 รักษาการผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ พร้อมคณะผู้แทนผู้บริหารโรงเรียน ผู้แทนนักวิชาการศาสนา และผู้แทนครู และคณะผู้ติดตามรวม 25 รูป /คน ได้เข้าพบ เพื่อขอบคุณ ที่ให้การสนับสนุน พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2562 และหารือแนวทางการพัฒนาการศึกษาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ของ พ.ร.บ.

พล.อ.ประวิตร ได้กราบนมัสการ แสดงมุทิตาจิต แด่พระครูปริยัติวีราภรณ์ พร้อมคณะ ในโอกาสนี้ ที่ได้มีส่วนร่วมรับรอง/สนับสนุนกฎหมายฉบับดังกล่าว ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นคุณูปการ แก่การจัดการศึกษาของพระสงฆ์ อย่างแท้จริง โดยจะมีอานิสงส์แก่โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา มากถึง 402 แห่งทั่วประเทศ มีจำนวนนักเรียน 31,373 รูป รวมทั้งครูและบุคลากรอีกจำนวน 4,282 รูป/คน และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศอีก หลาย10,000 คน ที่จัดการศึกษาโดยใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 8กลุ่มสาระ ของ ก.ศึกษาธิการ ด้วย

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตรมีความยึดมั่นในพระพุทธศาสนา และมีความศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา มาอย่างยาวนานตั้งแต่เด็กจวบจนกระทั่งปัจจุบัน และมักจะไปร่วมทำบุญ สร้างกุศลตามวัดและสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ อย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นโอกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งที่ท่านได้มีส่วนส่งเสริมและสนับสนุน ให้พระพุทธศาสนา สืบทอดต่อไปได้ถึง 5,000 ปี ตามพุทธทำนาย พล.อ.ประวิตร’ สนับสนุน กม.การศึกษาพระปริยัติธรรม ช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนสืบไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

ศ.ดร.นฤมล” เปิดบ้านพปชร. ต้อนรับ “ฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ” ร่วมขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก-ลดเหลื่อมล้ำพื้นที่ภาคใต้และทั่วประเทศ

,

ศ.ดร.นฤมล” เปิดบ้านพปชร. ต้อนรับ “ฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ”
ร่วมขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก-ลดเหลื่อมล้ำพื้นที่ภาคใต้และทั่วประเทศ

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ พรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ นางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบุคลากรสำคัญที่มีคุณภาพและศักยภาพเต็มเปี่ยมในการเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายหลักด้านสวัสดิการประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ ที่จะขยายผลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการส่งเสริมสตรีให้มีบทบาทเท่าเทียมในสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคฯ ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นทั้งการยกระดับความเป็นอยู่และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

นางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง เป็นทายาททางการเมืองผู้สืบทอดปณิธานของดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนผู้ล่วงลับ นับเป็นผู้หญิงมุสลิมเพียงไม่กี่คนของสังคมมุสลิมที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์การทำงานทางการเมืองมาอย่างยาวนาน ด้วยบทบาททั้งงานในสภาและการทำงานร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ในฐานะอดีต ส.ส.ในระบบเขตของจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครศรีธรรมราช ฯลฯ โดยยึดการทำงานหนักเพื่อคนอื่น เพื่อสังคม เพื่อประเทศชาติ เพื่อศาสนา เป็นที่ตั้ง
“ตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมาพรคคพลังประชารัฐประสบความสำเร็จในการผลักดันนโยบายทั้งบัตรสวัสดิการประชารัฐ การจัดสรรที่ดินทำกินให้พี่น้องประชาชนผู้ยากไร้ การดูแลจัดการเรื่องน้ำ การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ฯลฯ การเข้าร่วมงานของนางฮูวัยดีย๊ะ ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ กอปรกับประสบการณ์การทำงานด้านการเมืองมาอย่างยาวนานจึงนับเป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายตามเจตนารมย์ของหัวหน้าพรรคฯ ที่มุ่งเน้นการดูแลพี่น้องประชาชน ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทุกพื้นที่อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีความต้องการที่แตกต่างกันตามบริบทการดำเนินชีวิตและวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ผ่านมาพบว่าประสบปัญหาและอุปสรรคด้านการทำประมงโดยเฉพาะเรือประมงขนาดเล็กที่รอการช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยพรรคฯ ได้นำข้อเสนอต่างๆ บรรจุเป็นนโยบายในการหาเสียง เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ทางด้านนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง กล่าวว่า ในฐานะที่ทำงานทางด้านการเมืองและลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน สิ่งแรกที่จะทำเมื่อเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐคือการสานต่อนโยบายของพรรคฯ ที่ช่วยเหลือประชาชนได้จนถึงรากหญ้า เช่น นโยบายบัตรสวัสดิการต่างๆ รวมถึงการผลักดันเรื่องเศรษฐกิจชุมชน โดยตนจะเข้าไปส่งเสริมและต่อยอดเรื่องการผลิต การจัดจำหน่าย และการตลาดให้ครบทุกมิติและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
“นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเปิดโอกาสให้ได้ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถตามเจตนารมย์ที่ยึดถือมาโดยตลอด อีกทั้งส่วนตัวมีความสนใจและมีนโยบายในการขับเคลื่อนเพื่อภาคใต้และชาวมุสลิม โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิสตรี เด็ก และเยาวชน ผู้สูงอายุ บทบาทของสตรีมุสลิมในสังคมพหุวัฒนธรรม การส่งเสริมอาชีพในกลุ่มสตรีมุสลิม การขับเคลื่อนเรื่องการศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ พร้อมทั้งนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐต้องให้การสนับสนุน ส่งเสริม และต่อยอดเรื่องการผลิต การจัดจำหน่าย การตลาด โดยคำนึงถึงบริบทที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ อาทิ พื้นที่ภาคใต้มีความโดดเด่นด้านพหุวัฒนธรรม การประมง การเกษตร พรรคฯ จึงต้องเข้าไปกำหนดนโยบายและทิศทางอย่างชัดเจน พร้อมสนับสนุนให้เป็นต้นทุนเพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ต่อยอดเศรษฐกิจที่มาจากฐานรากอย่างแท้จริง” นางฮูวัยดีย๊ะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มกราคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ชูนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บ./เดือน ลุยใช้ทันทีหากปชช.ไว้ใจเลือกพปชร.บริหารประเทศ

“พล.อ.ประวิตร” ชูนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บ./เดือน
ลุยใช้ทันทีหากปชช.ไว้ใจเลือกพปชร.บริหารประเทศ

วันที่ 17 มกราคม 2566 พรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดนโยบายหลักของพรรค และนโยบายบัตรประชารัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีคณะผู้บริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียง

โดยพลเอกประวิตร กล่าวว่า จากการที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี ด้วยอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ เป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพไร้ความขัดแย้งสังคมสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในช่วงที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้รับตอบรับจากพี่น้องประชาชน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของพรรค ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และอื่น ๆ ที่มากมาย

“ ความหวังของคนไทย ที่รอคอยให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทย คือ “สังคมไทยยังคงมีแตกแยกทางความคิด” แต่ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคี โดยเราพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน”โดยประเทศไทยของเราต้องมีแต่ความสงบสุข

การเลือกตั้งที่จะมาถึง ผมขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพ และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ และพร้อมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยทางพรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัย ด้วยคำว่า พลัง สามัคคี ประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร ได้ประกาศพร้อมเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน และพร้อมเริ่มมีผลทันทีหลังจากที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ด้านนายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้ดำเนินการบัตรประชารัฐมาเป็นระยะเวลา 4 ปี เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระดับฐานราก และกลุ่มเปาะบาง โดยในปี 2566 จะมีประมาณ 18 ล้านคน ถือเป็น 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ โดยพลเอกประวิตร มองว่าจำนวนเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน ดังนั้นเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับสิทธิว่า ที่นำไปใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในการซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น ทำให้ประเมินว่า ควรมีการเพิ่มเงินช่วยเหลือ อีกประมาณ 500 บาท ทำให้พี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าเงินที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมในทุกด้าน สอดรับกับการจัดสรรงบประมาณที่ช่วยเหลือประชาชน เพิ่มขึ้น

โดยในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐ จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 หลังจากได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท

“ประชาชนจะได้รับเงินเยียวยา ช่วยเหลือ เดือนละ 700 บาท ทันทีหลังจากที่พรรคพลังประชารัฐได้รับความไว้วางใจ จากพี่น้องประชาชนให้เข้าไปบริหารประเทศ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 มกราคม 2566

คลื่นชาวพะเยา คึกคักแห่รับ’พล.อ.ประวิตร’ จัดสรรที่ทำกินเร่งฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำกว๊านพะเยา

,

คลื่นชาวพะเยา คึกคักแห่รับ’พล.อ.ประวิตร’
จัดสรรที่ทำกินเร่งฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำกว๊านพะเยา

วันที่ 16 มกราคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่จ. พะเยา เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รวมทั้งการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร โดยมี ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร ผู้ว่าราชการจังหวัดให้การต้อนรับ โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าพล.อ.ประวิตร และคณะเดินทางเพื่อสักการะ ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อ.เมือง จ.พะเยา โดยมีประชาชนมาร่วมต้อนรับเป็นจำนวนมาก และได้เข้าประชุมหารือกับ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามผลการดำเนินงาน ตามนโยบายของรัฐบาล และการบริหารจัดการน้ำ ของจังหวัด และการพัฒนา ฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำกว๊านพะเยา

ทั้งนี้ ยังได้เป็นประธานพิธีมอบเอกสาร โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล(คทช.) และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีกลุ่มเกษตรกรที่มีฐานะยากจนได้กล่าว ขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ผ่านผลักดันการหาที่ทำกินให้ประชาชน เพื่อสร้างโอกาสการประกอบอาชีพ มีรายได้มั่นคง ยังชื่นชมท่านเป็นคนใจดี เป็นกันเองใกล้ชิดติดดิน ไม่ถือตัว และมีความจริงใจแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกิน/ที่อยู่อาศัย จนเป็นผลสำเร็จ ที่ผ่านมายังไม่มีใครทำได้นอกจากท่าน การแก้ภัยแล้งก็ได้ผลดี ทำให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ตลอดปี ยอมรับท่านมีภาวะผู้นำ ทำงานได้ผลรวดเร็ว โดนใจชาวบ้านแท้จริง จึงมีความประทับใจที่อยากจะสนับสนุนให้ท่าน เป็นนายกฯคนต่อไป ในการเลือกตั้งสมัยหน้า

พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังโครงการขุดลอก”กว๊านพะเยา” อ.เมือง จ.พะเยา เพื่อตรวจติดตาม ความก้าวหน้าโครงการที่ได้เคยสั่งการไปแล้ว ทั้งนี้ได้รับรายงานจากกรมชลประทาน และกรมประมงที่รับผิดชอบโครงการว่า มีความคืบหน้าไปมาก ตามแผนงาน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กรมชลประทานให้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี67 พร้อมเร่งก่อสร้าง ทำนบดิน ลาดยางความยาว 1.3 ก.ม. รองรับการท่องเที่ยวรอบกว๊านพะเยา และสามารถช่วยเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำ ให้เพียงพอต่อความต้องการทางการเกษตร และอุปโภค-บริโภค ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ มากกว่า 150,000 ครัวเรือน บรรเทาพื้นที่อุทกภัย ได้มากถึง31,776 ไร่


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มกราคม 2566

พล.อ.ประวิตร’ ปลื้มแก้ปัญหาที่ดินทำกินคืบหน้าลำปาง-พะเยา เร่งคุมเข้มยาเสพติด ลดปัญหาฝุ่นภาคเหนือเพิ่มคุณภาพชีวิต

,

พล.อ.ประวิตร’ ปลื้มแก้ปัญหาที่ดินทำกินคืบหน้าลำปาง-พะเยา
เร่งคุมเข้มยาเสพติด ลดปัญหาฝุ่นภาคเหนือเพิ่มคุณภาพชีวิต

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางขึ้นเหนือ จว.พะเยาและลำปาง ติดตามการขับเคลื่อนที่ดินทำกิน และการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี ผวจ.พะเยา และลำปาง รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ โดยรับฟังการบรรยายสรุป ณ ศาลากลาง จว.ลำปาง ภาพรวมพื้นที่ภาคเหนือ ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด จากการเป็นศูนย์กลางชุมทางภาคเหนือ และความคืบหน้าขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้ประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่บุกรุกป่าสงวนและเขตอุทยาน ซึ่งมอบให้ประชาชน สามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างเป็นระบบ

พล.อ.ประวิตร’ กล่าวพอใจ คทช.ลำปาง ในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีความคืบหน้าใน 27 พื้นที่ กว่า 58,000 ไร่ รวม 14,366 แปลง สามารถให้ประชาชนทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนและจัดสรรที่ดินให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินในเขตป่าโดยไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมายได้ถึง 14,366 ราย โดยย้ำขอให้ ทส.และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าไปแก้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าและฟื้นฟูพื้นที่บุกรุกเดิม และให้เข้าไปส่งเสริมพัฒนาอาชีพประชาชนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินและการเข้าถึงแหล่งทุน ให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตบนหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยให้เร่งขยายผลไปยังพื้นที่ต่างๆทุกภาคทั่วประเทศ

พล.อ.ประวิตร’ ยังได้ย้ำ ขอให้เตรียมการรองรับการแก้ปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและ PM 2.5 ในฤดูแล้งที่จะมาถึง โดยกำชับฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยเฉพาะรอบสถานศึกษาและสถานประกอบการชุมชน และที่มีกระจายอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ โดยให้พิจารณา ขับเคลื่อนความเข้มแข็งกลไกภาคประชาชนและจูงใจการมีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งนี้ขอให้ตำรวจ ต้องลงพื้นที่กระจายทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองต่อเนื่องกันไป โดยให้รับฟังการประเมินผลจากชุมชนเป็นระยะๆ

ต่อจากนั้น รอง นรม.ได้เดินทางไป อ.แม่เมาะ มอบหนังสืออนุญาตหรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในการทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าแม่โป่งกว่า 1,200 ไร่ และมอบสุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในที่ดินแปลงรวมกับผู้แทนประชาชนในพื้นที่


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มกราคม 2566

“รองฯวิรัช”วางเป้า พปชร.ร่วมแรงใจผลักดัน “พล.อ.ประวิตร” ขึ้นนายกฯคนที่ 30 มั่นใจใน กทม.ไม่แพ้พรรคอื่นมีลุ้นได้ที่นั่ง ส.ส.จากนโยบายพรรค

,

“รองฯวิรัช”วางเป้า พปชร.ร่วมแรงใจผลักดัน “พล.อ.ประวิตร” ขึ้นนายกฯคนที่ 30
มั่นใจใน กทม.ไม่แพ้พรรคอื่นมีลุ้นได้ที่นั่ง ส.ส.จากนโยบายพรรค

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นการเปิดการอบรม ว่าที่ผู้สมัครรุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องหลายรุ่นของพรรคเพื่อ เตรียมความพร้อมของว่าที่ผู้สมัครในนามตัวแทนของพรรค ลงไปทำหน้าที่รณรงค์ในการหาเสียงในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในปีนี้แน่นอน เพราะฉะนั้นการเตรียมพร้อมที่ดีที่สุด ก็คือการแนะนำให้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวกันอย่างไร

“พรรคพลังประชารัฐเราได้สร้างนายกรัฐมนตรีมาแล้วในการเลือกตั้งปี 62 วันนี้เราก็ต้องร่วมแรงร่วมใจในการที่จะสร้างหัวหน้าพรรคของเรา ร่วมผลักดันให้หัวหน้าพรรรคของเราขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้ การที่จะขึ้นมาได้ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชารัฐจะได้คะแนนเสียงเท่าไหร่”

ทั้งนี้พลังประชารัฐมีว่าที่ผู้สมัครฯส.ส.หน้าใหม่ และอดีตสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 120 ท่าน การที่พรรคจัดกิจกรรมให้ว่าที่ผู้สมัคมาเข้าคอร์สอบรม เพราะเราก็ถือว่า ส่วนนี้ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนของพรรรคพลังประชารัฐ ถ้าส่วนนี้เราได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะช่วยกันให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เริ่มแจ่มใสขึ้น

“เมื่อมี ส.ส.เข้ามาร่วมงานกับพรรคเยอะ ส.ส.ที่ลาออกก็ต้องมี เป็นไปตามธรรมชาติ บางครั้งเราก็จะเห็นว่าขบวนการเปลี่ยนแปลง ก่อนมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นทุกสมัย ครั้งนี้ก็ไม่แปลกหรอก เพราะผมผ่านการเมืองมาหลายครั้งหลายรอบก็เห็นสภาพแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็เป็นสิทธิ ใครจะเข้าใครจะออก แต่ส่วนมากแล้วผมคิดว่า วันนี้เราเข้ามากกว่าออก”

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวีระกร คำประกอบ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ ที่ลาออกจากพรรค พปชร. โดยให้เหตุผลว่าเข้าถึงตัว พล.อ.ประวิตร ยากนั้น เชื่อว่าทุกคนรู้กันว่าธรรมชาติของ พลเอกประวิตร เป็นคนที่มีความโอบอ้อมอารีย์ และใจดี คำพูดนี้จึงค้านกับความรู้สึกของทุกๆ คน ไม่ว่าคนที่อยู่ หรือคนที่ออกไปแล้วก็ตามที

ส่วนของการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ กทม. นั้น ในช่วงนี้ก็อยู่ระหว่างการคัดสรรผู้สมัคร ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นบุคคลที่ยังไม่ได้เปิดตัว หากถ้ารวมในชุด กทม.ที่มีอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่าไม่แพ้พรรคอื่น ในส่วนของนโยบายที่จะนำมาใช้ในการหาเสียง และการทำงานของ พลเอกประวิตร จะเป็นแรงส่งและผลักดันให้ กทม. เรามีโอกาสได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 มกราคม 2566