โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: สื่อออนไลน์

ส.ส.พปชร.เพชรบุรี มอบอุปกรณ์กีฬา ให้นักเรียน ร.ร.บ้านท่าตะคร้อ ส่งเสริมทักษะกีฬาสร้างเสริมสุขภาพ

ส.ส.พปชร.เพชรบุรี มอบอุปกรณ์กีฬา ให้นักเรียน ร.ร.บ้านท่าตะคร้อ ส่งเสริมทักษะกีฬาสร้างเสริมสุขภาพ

, ,

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.สุชาติ อุสาหะ พปชร. จ.เพชรบุรี” นำชุดเสื้อกีฬาและลูกวอลเล่ย์บอล มอบให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าตะคร้อ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักเรียน และใช้ในการใช้สวมใส่เพื่อการฝึกซ้อมในการแข่งขันกีฬา ทั้งนี้ ส.ส.สุชาติ ยังได้ร่วมเปิดคลินิคฝึกสอนการเล่นฟุตบอลขั้นพื้นฐานให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าตะคร้อ ร่วมกับสโมสรกีฬาราชประชาซึ่งนำนักฟุตบอลในสังกัดมาเก็บตัวฝึกซ้อมในพื้นที่ ณ สนามโรงเรียนบ้านท่าตะคร้อ ตำบลท่าตะคร้อ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ส.ส.พปชร.เพชรบุรี มอบอุปกรณ์กีฬา ให้นักเรียน ร.ร.บ้านท่าตะคร้อ ส่งเสริมทักษะกีฬาสร้างเสริมสุขภาพ ส.ส.พปชร.เพชรบุรี มอบอุปกรณ์กีฬา ให้นักเรียน ร.ร.บ้านท่าตะคร้อ ส่งเสริมทักษะกีฬาสร้างเสริมสุขภาพ ส.ส.พปชร.เพชรบุรี มอบอุปกรณ์กีฬา ให้นักเรียน ร.ร.บ้านท่าตะคร้อ ส่งเสริมทักษะกีฬาสร้างเสริมสุขภาพ ส.ส.พปชร.เพชรบุรี มอบอุปกรณ์กีฬา ให้นักเรียน ร.ร.บ้านท่าตะคร้อ ส่งเสริมทักษะกีฬาสร้างเสริมสุขภาพ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 สิงหาคม 2565

รมว.ตรีนุช”เดินหน้านโยบายการศึกษาเสมอภาค ดึงเยาวชนไทยเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มทุกระบบ

รมว.ตรีนุช”เดินหน้านโยบายการศึกษาเสมอภาค ดึงเยาวชนไทยเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มทุกระบบ

,

วันนี้ ( 9 ส.ค. 2565 ) ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ มีการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับชาติเพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการพลิกโฉมการศึกษา (National Consultation for Transforming Education Summit) ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมี นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย นายชิเกรุ อาโอยางิ ผู้อำนวยการ องค์การยูเนสโก สำนักงานกรุงเทพฯ รศ.ดร. จีระเดช อู่สวัสดิ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการพัฒนาการศึกษาหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดร. สัมพันธ์ ศิลปะนาฏ รองประธานสายงาน FTI Academy สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ดร. ไกรยศ ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วม

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวเปิดการประชุมตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการหารือร่วมกันของทุกภาคส่วนเพื่อแลกเปลี่ยนและกำหนดวิสัยทัศน์อนาคตด้านการศึกษา ขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติที่ทำให้บรรลุเป้าหมายวาระการพัฒนาสหประชาชาติ ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 และเป็นการเตรียมความพร้อมในการพลิกโฉมการศึกษาของประเทศไทย ที่จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะ และแสดงแนวทางการศึกษาของไทยต่อที่ประชุม Transforming Education Summit (TES) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2565 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้กำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาไว้อย่างชัดเจน ว่า การขับเคลื่อนด้านการศึกษาๆ ต้องมุ่งเน้นถึงการสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเสมอภาค โดยไม่มีใครตกหล่นจากระบบการศึกษา เด็กไทยทุกคนต้องได้รับการศึกษาภาคบังคับ และเป็นการศึกษาอย่างมีคุณภาพ ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง รวมถึงมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุนการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม

“การพลิกโฉมเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาของไทย เป็นประเด็นที่ท้าทายมาก โดยเฉพาะการฟื้นฟูการศึกษาหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งระบบการศึกษาจำเป็นต้องมีการปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์และโลกในยุคหลังโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลและศธ. ได้รับมือโดยให้เด็กสามารถเรียนรู้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตามบริบทและความเหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การจัดการศึกษาแบบ On-Air, Online, On-Demand, On-Hand และ On-Site ซึ่งการเรียนการสอนแบบ On-Site สำคัญมากที่สุด โดยมีเป้าหมายว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทำอย่างไรเราจะมีบริบทการเรียนการสอนที่เข้าถึงนักเรียน เพื่อให้เข้าถึงกระบวนการเรียนรู้ได้มากที่สุด อีกทั้งมีการบูรณาการ ICT ในการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ และการเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ อาทิ การเรียนรู้ทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ DLTV การเรียนรู้แบบผสมผสานสำหรับผู้ที่อยู่ห่างไกลและยากต่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต มุ่งเน้นให้เด็กเข้าสู่ระบบการศึกษามากที่สุด ได้กลับสู่โรงเรียนอย่างรวดเร็วที่สุด เรียนด้วยความปลอดภัยและไม่เกิดภาวะถดถอยทางการเรียนรู้” รมว.ศธ.กล่าว

นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า การศึกษาในอนาคตควรคำนึงถึงการตอบสนองต่อการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งการยกระดับคุณภาพการศึกษา การพัฒนากระบวนการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับการประกอบอาชีพในอนาคต โดยเฉพาะเด็กอาชีวะ เรารู้ว่ากลไกที่ดีที่สุดคือการที่เด็กได้ทำงานจริงกับสถานประกอบการ หรือ ภาคเอกชน เพื่อจัดการเรียนการสอนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสาขาอาชีพที่รวดเร็ว ตลอดจน มีทักษะในการดำรงชีพ ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะของการเป็นผู้ประกอบการ สำหรับในประเด็นการสร้างโอกาสทางการศึกษา นอกจากป้องกันเด็กตกหล่นจากระบบการศึกษาแล้ว ควรให้ความสำคัญต่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระดับรัฐมนตรีด้านการศึกษาแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 (การศึกษา 2030) ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการรับรองถ้อยแถลงกรุงเทพฯ 2565 สู่การฟื้นฟูการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเพื่อปวงชนและการเปลี่ยนแปลงการศึกษาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ Bangkok Statement 2022 Towards an effective learning recovery for all and transforming education in Asia-Pacific จึงเป็นการเน้นย้ำว่า ประเทศไทยและภาคส่วนต่าง ๆ มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนด้านการศึกษา ไม่เพียงแต่ในระดับประเทศเท่านั้น แต่เป็นการฟื้นฟูและพัฒนาการศึกษาทุกมิติตามเจตนารมณ์ของภูมิภาคและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 อย่างเข้มแข็ง และในการประชุม Transforming Education Summit เดือนกันยายนนี้ ประเทศไทยจะได้แสดงวิสัยทัศน์ นำเสนอถ้อยแถลง รวมถึงรายงานผลการหารือระดับชาติที่ครอบคลุมแนวทางปฏิบัติการทั้ง 5 หัวข้อ ได้แก่ การศึกษาที่ครอบคลุม การเรียนรู้ ทักษะชีวิตและงาน การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล การพัฒนาครู และงบประมาณด้านการศึกษา เพื่อนำไปสู่การพลิกโฉมการศึกษาให้สอดรับกับบริบทโลกยุคปัจจุบัน รวมถึงการนำข้อเสนอไปพัฒนาในการบรรลุตามวัตถุประสงค์ในเรื่องของการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป.

รมว.ตรีนุช”เดินหน้านโยบายการศึกษาเสมอภาค ดึงเยาวชนไทยเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มทุกระบบ รมว.ตรีนุช”เดินหน้านโยบายการศึกษาเสมอภาค ดึงเยาวชนไทยเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มทุกระบบ รมว.ตรีนุช”เดินหน้านโยบายการศึกษาเสมอภาค ดึงเยาวชนไทยเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มทุกระบบ รมว.ตรีนุช”เดินหน้านโยบายการศึกษาเสมอภาค ดึงเยาวชนไทยเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มทุกระบบ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 สิงหาคม 2565

'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ

‘รมช.อธิรัฐ’ เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ” หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ

, ,

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า

ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า เร่งแก้ไขปัญหาคุมเข้มด้านความปลอดภัยในการปฎิบัติหน้าบนเรือ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก การแก้ไขต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการท่าเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือ ตัวแทนของบริษัทเจ้าของเรือ ตัวแทนของบริษัทเจ้าของสินค้า ผู้ปฏิบัติงาน(คนงาน) โดยให้ปฏิบัติดังนี้

  1. กำกับดูแลการปฏิบัติงานของคนงานให้ปฏิบัติตามข้อบังคับและคู่มือความปลอดภัย อบรม ฝึกซ้อม ให้เกิดความพร้อมในการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยตลอดเวลา
  2. ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ภายในเรือ การประเมินความเสี่ยงของเส้นทางและสภาพภูมิอากาศ
  3. การกำกับดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานต้องใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา
  4. การฝึกเจ้าหน้าที่เรือให้มีความรู้อย่างเพียงพอในการจัดการในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างถูกต้อง
  5. บริษัทที่จ้างคนงาน บริษัทเรือลำเลียงต้องแจ้งข้อมูลคนงาน ได้แก่ บัญชีรายชื่อ จำนวน ให้แก่นายเรือทราบ โดยนายเรือมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและความปลอดภัยในขณะที่มีการปฏิบัติงานบนเรือปฏิบัติตามปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยในการขนถ่ายสินค้า การบริหารจัดการความปลอดภัย และมาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้จากกรณีเกิดอุบัติเหตุคนงานเรือถ่านหินกลางทะเล เกาะเชือกขนของลงระหว่างเรือ ร่วงตกกระแทกเรือทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดกลางทะเล ช่วงระหว่างทางเดินเรือ เกาะสีชัง เกาะลอยศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากการลำเลียงคนงานที่ขึ้นไปทำงานสินค้าบนเรือสินค้า ชื่อ AGRI WARRIOR สัญชาติ ปานามา หลังจากคนงานปฏิบัติงานสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการลำเลียงคนงานที่อยู่บนเรือสินค้ากลับลงมายังเรือเล็กเพื่อกลับขึ้นสู่ฝั่ง โดยลงมากับตาข่ายที่ใช้ขนอุปกรณ์ลงจากเรือสินค้าขณะหย่อนลงมายังเรือเล็กเชือกตาข่ายเกิดขาดทำให้คนงานตกลงมายังเรือเล็กที่รอรับอยู่ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย และเสียชีวิตจำนวน 1 ราย

นายอธิรัฐ กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากการขาดความระมัดระวังและไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน การขนถ่ายสินค้าระหว่างเรือกับเรือ โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการขนถ่ายสินค้า ขาดการกำกับดูแลตามมาตรการด้านความปลอดภัยในการขนถ่ายสินค้า การบริหารจัดการความปลอดภัย และจากการประเมินความเสี่ยง พบปัญหาเกิดจากบริษัทผู้ประกอบการไม่ได้ให้ความสนใจด้านความปลอดภัย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ภายในเรือให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน และความประมาทของผู้ปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ ได้มอบให้กรมเจ้าท่าโดย นายปรีชา เพชรเลิศ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชลบุรี ร่วมกับ ผู้แทนสำนักงานการจราจรและความปลอดภัยทางทะเล, กองบังคับการตำรวจน้ำศรีราชา และศรชลจังหวัดชลบุรี เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ ดังนี้:

  • โรงพยาบาลวิภาราม จำนวน 1 ราย
  • โรงพยาบาลสมเด็จฯ จำนวน 2 ราย
  • โรงพยาบาลชลบุรี จำนวน 1 ราย
  • รักษาตัวหายกลับบ้าน จำนวน 1 ราย
  • ผู้เสียชีวิต ญาติได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลยังวัดบางนา

'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ 'รมช.อธิรัฐ' เร่งมาตรการจัดการความปลอดภัยการปฏิบัติงานบนเรือ" หลังเหตุคนงานเรือถ่านหินตกกระแทกเรือ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 สิงหาคม2565

‘รมว.สมศักดิ์’โชว์ความสำเร็จไกล่เกลี่ยหนี้ 5.6 หมื่นราย ปลดล็อคลดภาระประชาชนทั่วประเทศกว่า 5 พันลบ.

‘รมว.สมศักดิ์’โชว์ความสำเร็จไกล่เกลี่ยหนี้ 5.6 หมื่นราย ปลดล็อคลดภาระประชาชนทั่วประเทศกว่า 5 พันลบ.

,

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินนโยบายในการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันดำเนินจัดงานมาแล้ว 70 ครั้ง โดยข้อมูลปัจจุบัน (ณ วันที่ 6 ส.ค. 2565 ) มีลูกหนี้ขอไกล่เกลี่ยแล้ว 59,436 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ จำนวน 56,674 ราย คิดเป็น 95.35% รวมทุนทรัพย์ 11,995 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายประชาชน 5,114 ล้านบาท และเหลือการจัดงานอีก 7 ครั้ง ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว นครนายก สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ตราด จันทบุรี และชลบุรี และจะเสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม 2556

การจัดงานที่จังหวัดนนทบุรีเป็นครั้งที่ 70 นนทบุรีถือจังหวัดเล็กอันดับ 3 ของประเทศ แต่กลับมีความหนาแน่นเป็นรองแค่กรุงเทพฯ มีหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม กว่า 2,000 โครงการ ทั้งนี้ ภายในงานได้จัดนิทรรศการและบริการให้คำปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายผู้ร่วมงาน จำนวน 17,479 ราย ทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 3,431 ล้านบาท

“การจัดงานมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแก้ปัญหาหนี้สิน ยุติหรือระงับข้อพิพาทแทนการถูกฟ้องบังคับคดี ตลอดจนประชาชนจะได้รับบริการที่สะดวก เป็นธรรม และเป็นการลดค่าใช้จ่าย” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ ยังได้มอบป้ายและเงินเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาญา 13 ราย เป็นเงิน 842,079 บาท มอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ย 11 ศูนย์ และร่วมการไกล่เกลี่ยด้วยตนเอง โดยรายแรกเป็นหญิงสาว มีหนี้ กยศ. หลังผ่อนมา 16 ปี โดยกู้มา 179,555 บาท ชำระไป 111,370 บาท แต่ส่งไม่ตามกำหนดมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับทำให้ยังมียอดค้างอยู่ 68,185 บาท ผลการเจรจาได้รับส่วนลดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ 32,039 บาท คงเหลือที่จะต้องชำระ 36,145 บาท โดย กยศ.ให้ผ่อนอีก 96 เดือน งวดละ 400 บาท รายต่อมา เป็นผู้ชาย มีหนี้ กยศ. หลังศาลสั่งฟ้อง โดยกู้เงินมา 244,096 บาท มีดอกเบี้ย 26,817 บาท เบี้ยปรับ 100,584 บาท รวม 371,497 บาท และถูกศาลสั่งยึดห้องชุด คอนโดสุขุมวิทที่ใช้ค้ำประกัน โดยผลการเจรจา ได้ลดเบี้ยปรับ 100% เหลือยอดปิดหนี้ 270,913 บาท และจะได้คอนโดคืน

สำหรับงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มีหนี้ต้องแก้ไข รุกก้าวไปอย่างยั่งยืน” มุ่งแก้ปัญหาหนี้สินในชั้นก่อนฟ้องคดี และลูกหนี้ที่อยู่ในชั้นภายหลังศาลมีคำพิพากษา อาทิ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้เช่าซื้อรถยนต์ โดยภายในงานลูกหนี้จะได้รับข้อเสนอพิเศษจากสถาบันการเงินต่างๆ เช่น ส่วนลดดอกเบี้ย ลดค่าปรับ และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระ เป็นต้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากการลดภาระในการชำระหนี้ ทำให้มีสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ มีความมั่นคงในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น เป็นไปตามนโยบายขอพรรคพลังประชารัฐ ในการที่จะเข้าไปดูแลประชาชน ให้ทุกมิติ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง

สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนยุติธรรม 1111 กด77 / กรมบังคับคดี 0-2881-4999 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 หรือ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 0-2881-4840 และ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ 0-2141-2768-73

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 สิงหาคม 2565

“รมช.สันติ”เร่งเยียวยาผู้ปลูกยาสูบและผู้บ่มอิสระ จ.เพชรบูรณ์ หนุนระบบเศรษฐกิจฐานรากเร่งช่วยเกษตรกรถูกลดโควต้ารับซื้อ

,

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผย ในการเป็นประธาน เปิดโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ฤดูกาลผลิต 2562/2563 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ส.ส.) จังหวัดเพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส. เขต 2 นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส. เขต 1 นายเอี่ยม ทองใจสด ส.ส. เขต 5 นายสุรศักดิ์ ส.ส.เขต 4 ให้การต้อนรับ มีเกษตรกรปลูกยาสูบเพชรบูรณ์และตัวแทนเกษตรกรจากจังหวัดข้างเคียงเข้าร่วม ที่หอประชุมโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ (วังชมภูวิทยาคม) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

“ได้รับทราบสถานการณ์ความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ พร้อมหาแนวทางจัดการปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ อันดับสองของประเทศ หลังจาก ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 อนุมัติงบ 159.69 ล้านบาท เพื่อมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรฯ 8 จังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน จำนวน 14,292 ราย แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใบยา ได้แก่ 1.) ใบยาเวอร์ยิเนีย (ชาวไร่ในสังกัด 2,378 ราย ผู้บ่มอิสระ 54 ราย และชาวไร่ใบสด 1,807 ราย) 2.)ใบยาเบอร์เลย์ (ชาวไร่ในสังกัด 6,562 ราย) และ 3.)ใบยาเตอร์กิ (ชาวไร่ในสังกัด 3,491 ราย) โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระในอัตราร้อยละ 70 ของรายได้ที่หายไป โดยคำนวณเงินช่วยเหลือจากปริมาณโควต้าการผลิตใบยาที่ลดลงในฤดูกาลผลิต 2562/2563 เปรียบเทียบกับปริมาณโควตาที่ได้รับในฤดูกาลผลิต 2560/2561 คูณด้วยร้อยละ 70 ของรายได้ที่หายไป”

ความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรเพาะปลูกยาสูบ มีเกษตรกรที่อยู่ในระบบการเพาะปลูกจำนวนมาก แต่ด้วนสถานการณ์ความจำเป็นในเรื่องการดูแลสุขภาพ ทำให้รัฐบาลต้องลดปริมาณการรับซื้อ ซึ่งเป็นเงื่อนไขของกติกาการค้าโลก ดังนั้นต้องเข้าไปช่วยเหลือเกษตรในด้านต่างๆทั้งการส่งเสริมปลูกพืชทดแทน โดยการให้องค์ความรู้ รวมถึงการเข้าไปเยียวเพื่อให้เกิดการปรับตัวของเกษตรกร ซึ่งถือเป็นกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ที่พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายดูแลประชาในกลุ่มนี้ ให้สามารถมีการสร้างรายได้ และมีอาชีพที่มั่นคง

ทั้งนี้จังหวัดเพชรบูรณ์นับเป็นพื้นที่มีการเพาะปลูกไร่ยาสูบ ในฤดูกาลผลิต 2562 /2563 ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ ยสท.และกรมสรรพสามิต ที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณรับซื้อใบยาสูบของ ยสท.จำนวน 2,337 ราย โดยอยู่ในข่ายที่ได้รับการเงินช่วยเหลือรวมวงเงิน 19.5 ล้านบาทเศษ ปัจจุบันรัฐบาลมีแนวทางสนับสนุนให้มีการเพาะปลูกพืชทดแทนการปลูกพืชยาสูบ ซึ่งเป็นผลมาจากการรับซื้อใบยาสูบลดลง จากการยาสูบแห่งประเทศไทย ในฤดูการผลิต 2562/2563 ส่งผลให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระ จำนวนมากกว่า 50,000 ครอบครัวทั่วประเทศ ถูกลดโควตาการรับซื้อใบยาสูบลงร้อยละ 50

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 9 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช.

“พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาล จ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อ ปชช.

, ,

“พล.อ.ประวิตร” ตรวจงานเจาะบาดาล ป้อนชาวพัทลุงแก้ปัญหาน้ำขาด ดูความพร้อมสถานีจ่ายน้ำบาดาล บริการประชาชนฟรี มีน้ำใช้ตลอดปี เน้นย้ำ “เรื่องน้ำคือชีวิต” ต้องเพียงพอต่อการดำรงชีวิต

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจตรวจติดตาม พื้นที่โครงการก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำบาดาลเพื่อประชาชน ณ บ้านต้นไทร ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง โดยมีนาย กู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจ.พัทลุง ได้รายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่จ.พัทลุง ที่ยังคงประสบปัญหาเรื่องน้ำ ทั้งปัญหาน้ำท่วม ที่เกิดจากน้ำหลากจากเทือกเขาบรรทัด ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน เนื่องจากมีสิ่งกีดขวางตามลำน้ำ

ส่วนการขาดแคลนน้ำที่ประชาชน บางพื้นที่แหล่งน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้เพื่อการทำการเกษตร และอุปโภคบริโภค ซึ่ง สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข ตามแผนงานที่จะพัฒนาโครงการต่างๆในขณะนี้

นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปตรวจบริเวณโครงการฯ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้รายงานถึงความตืบหน้าในการพัฒนาโครงการน้ำบาดาล ที่ได้ทำการขุดเจาะบ่อบาดาล 2บ่อ ได้ปริมาณน้ำ 7ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และ3 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และมีการวางระบบท่อเพื่อกระจายน้ำ สำหรับอุปโภค บริโภค รวมถึงมีการก่อสร้างอาคารบริการน้ำดื่มฟรี ให้กับประชาชน เพื่อให้มีน้ำใช้ ตลอดปี

พล.อ.ประวิตร กล่าวกับ พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับว่า รัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กห. ได้ฝากความปรารถนาดี และความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนชาวพัทลุงทุกคน พร้อมยืนยันจะให้ความช่วยเหลือ ทุกปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน อย่างดีที่สุด และได้พยายามแก้ปัญหาเรื่องน้ำมาโดยตลอด เพื่อประชาชน เพราะน้ำมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ซึ่ง”น้ำก็คือชีวิต”นั่นเอง ดังนั้นจึงหาวิธีแก้ปัญหาน้ำทุกมิติ ให้ดีที่สุด เพื่อต้องการให้ประชาชน ไม่ขาดแคลนน้ำ และมีความอยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืน มั่นคง ตลอดไป

“พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 สิงหาคม 2565

“รมต.อนุชา”ลงพื้นที่ชัยภูมิ ขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้าน สร้างโอกาสพัฒนาอาชีพ ปชช เข้มแข็ง

,

รมต.อนุชา”ลงพื้นที่ชัยภูมิขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านสร้างโอกาสพัฒนาอาชีพ ปชช เข้มแข็ง

รมต.อนุชา ลงพื้นที่ภาคอีสาน ย้ำความสำเร็จกองทุนหมู่บ้านกระจายทุกพื้นที่ ชงโครงการเลี้ยงโค หนทางรอดเกษตรกรหมดหนี้ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด “โครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน” กลุ่มจังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี เลย สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ ขอนแก่น และมหาสารคาม ซึ่งจัดโดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดชัยภูมิ นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 จังหวัดชัยภูมิ นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกฤษณ์พีรัช คมสุรศิษฐ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ คณะผู้บริหารในพื้นที่ สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ เข้าร่วม

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้กับประชาชน ผ่านการขับเคลื่อนของ “กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง” โดยเฉพาะการสนับสนุนแหล่งทุน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตหลายๆ ด้าน กองทุนหมู่บ้านจึงเป็นส่วนที่สนับสนุนแหล่งทุนให้สมาชิกนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ต่อครอบครัวและชุมชน นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยการดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ สามารถพึ่งพาตัวเองได้ภายใต้หลักเศรษฐกิจพอเพียง และนโยบาย BCG เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

“ส่วนสำคัญที่ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ คือ เศรษฐกิจฐานราก ที่มีกลุ่มเกษตรกรเป็นผู้ขับเคลื่อนหลัก รายได้ส่วนมากมาจากเงินจากน้ำ เงินจากดิน เราต้องทำให้ภาคเกษตรมีรายได้เพิ่ม หมดหนี้สิน หลุดพ้นจากความยากจนให้ได้ ปัจจุบันผมได้หารือร่วมกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จัดทำ “โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต” โดยการสนับสนุนเงินทุนตั้งต้นจากทางกองทุนฯ ซึ่งการเลี้ยงโคนั้นใช้เงินไม่มาก ให้วัวกินหญ้า สามารถหาได้ทั่วไป เมื่อนำโคไปขายจะเป็นรายได้ให้ครัวเรือนอีกทางหนึ่ง ที่ผ่านมาเราได้เริ่มนำร่องโครงการนี้ที่ จ.สุโขทัย เป็นระยะที่ 1 จำนวน 1,000 ครัวเรือน จากนั้นจะขยายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ ภายใต้การสนับสนุนเงินทุนของกองทุนฯ เป้าหมายคือ ประชาชนมีรายได้อย่างยั่งยืน หมดหนี้สินได้ในที่สุด” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนความคืบหน้าโครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนในพื้นที่ภาคอีสานที่ประสบความสำเร็จ อาทิ โครงการปั๊มน้ำมันชุมชนของกองทุนบ้านโคกสำราญ หมู่ที่ 1 ต.โคกสำราญ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น ที่ดำเนินกิจการในรูปแบบการบริหารจัดการปั๊มน้ำมัน มีสมาชิกสนใจซื้อหุ้นโครงการปั๊มน้ำมัน จำนวน 173 หุ้น โดยมีการปันผลกำไรให้กับสมาชิก 30% โครงการกองทุนหมู่บ้านหนองแวงไร่ หมู่ 1 ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ดำเนินกิจการในรูปแบบของสถาบันการเงินชุมชน มีสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 240 ราย คิดเป็น 12.28% ของจำนวนประชากรที่มีอยู่ หรือ 72.22% ของจำนวนครัวเรือน โดยดำเนินกิจกรรมเปิดให้มีการปล่อยกู้ให้กับสมาชิก ซึ่งสมาชิกจะต้องถือหุ้นอย่างน้อยคนละ 1 หุ้น เป็นจำนวนเงิน 10 บาท โดยเงินกู้ของสมาชิกจะได้จากเงินค่าหุ้นที่สะสมคูณด้วย 3 แต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท ทำให้เกิดสมาชิกมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อไปประกอบอาชีพ สร้างรายได้อีกทางหนึ่ง เป็นต้น

โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้มอบรางวัลกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตัวอย่าง จำนวน 10 รางวัล, รางวัลโครงการตามแนวทางประชารัฐตัวอย่าง จำนวน 10 รางวัล และรางวัลเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตัวอย่าง จำนวน 10 รางวัล พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของโครงการฯ

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 8 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” ชูผลงานพัฒนาแหล่งน้ำป่าแดดฟื้นพื้นที่ทำกิน แก้ปัญหาค้ามนุษย์ขึ้นชั้นเทียร์2 เพิ่มคุณภาพชีวิตปชช.ทั่วประเทศ

,

“พล.อ.ประวิตร” ชูผลงานพัฒนาแหล่งน้ำป่าแดดฟื้นพื้นที่ทำกิน แก้ปัญหาค้ามนุษย์ขึ้นชั้นเทียร์2 เพิ่มคุณภาพชีวิตปชช.ทั่วประเทศ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า กว่า 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ได้เร่งผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการสร้างและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ยังคงมุ่งมั่นแก้ปัญหาเรื่องปากท้องประชาชน ให้คนไทยกินดีอยู่ดี ตามแนวทางและนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะมุ่งเข้าไปแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม ลดผลกระทบเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนได้มีน้ำใช้ในการอุปโภค-บริโภค และภาคการเกษตร

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างให้หน่วยงานเข้าไปดำเนินการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง ต.ป่าแดด จ.เชียงราย เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคและประกอบอาชีพทางการเกษตร หลังจากที่ประชาชนรอคอยมายาวนานถึง 30 ปี ล่าสุดได้มอบหมายให้คณะทำงานเร่งติดตามและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนให้เป็นผลสำเร็จ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี หรือในปี 2566 จะแล้วเสร็จในปี 2569 เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ ต.ป่าแดด และในพื้นที่ใกล้เคียง มีแหล่งน้ำไว้ใช้อุปโภค-บริโภค และภาคการเกษตร เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี มั่นคง และยั่งยืน ให้กับคนลุ่มน้ำลาวตอนกลาง-ตอนล่าง

นอกจากนโยบายแก้ปัญหาปากท้องที่เป็นเรื่องสำคัญแล้ว พรรคพลังประชารัฐยังให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษย์ชน และการดูแลประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ โดยได้เร่ง นโยบายการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยให้เข้าสู่มาตรฐานสากล เพื่อป้องกันและปราบปรามไม่ให้เกิดกรณีมิให้มีการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเป็นความสำเร็จของทุกหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ร่วมมือกันดำเนินตามนโยบายที่ได้มอบหมาย ทำให้ในปี 2565 ประเทศไทยได้รับการจัดระดับสูงขึ้น เลื่อนจากกลุ่มเทียร์ 2 Watchlist มาอยู่ในกลุ่มเทียร์ 2 ในปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเรื่องการต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ

นอกจากนี้ ยังได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นำมาตรการในการปราบปรามค้ามนุษย์ที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ ปี 2565 พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขจัดการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานในทุกรูปแบบ และร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลีย จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (Counter Trafficking in Persons Center of Excellence) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านวิชาการและแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศที่ทันสมัยในภูมิภาคนี้

“พี่น้องประชาชนยังมีปัญหาและอุปสรรค ต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ รัฐบาลและตัวผมเอง มุ่งหวังให้พี่น้องประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หากมีความทุกข์ร้อนเรื่องอะไร ขอให้บอกทีมงานของผมได้ทุกคนครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 8 สิงหาคม 2565

“ตรีนุช”ลงพื้นที่อุดรธานีเล็งเพิ่มห้องเรียนกีฬาในโรงเรียน สพฐ.

,

“ตรีนุช”ลงพื้นที่อุดรธานีเล็งเพิ่มห้องเรียนกีฬาในโรงเรียน สพฐ.

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการห้องเรียนกีฬา ของโรงเรียนอุดรพัฒนาการ และ โรงเรียนราชินูทิศ 2 จังหวัดอุดรธานี ว่า จากการที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ดำเนินโครงการห้องเรียนกีฬา เพื่อส่งเสริมพหุปัญญา สนับสนุนเยาวชนที่มีความเป็นเลิศด้านกีฬามีโอกาสได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ โดยใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาและโภชนาการเป็นฐาน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ พบว่า ทั้ง 2 โรงเรียนมีเด็กสนใจสมัครเข้าเรียนในห้องเรียนกีฬาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เด็กมีร่างกายสมบูรณ์ มีความสุข ซึ่งขอชื่นชมผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่ทำให้โครงการนี้บรรลุผล

“ ปัจจุบัน สพฐ. มีโรงเรียนในโครงการห้องเรียนกีฬา จำนวน 9 โรงเรียน ใน 8 จังหวัด ซึ่งห้องเรียนกีฬาที่โรงเรียนอุดรพัฒนาการ เปิดรับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-กีฬา และแผนการเรียนศิลป์-กีฬา ส่วนโรงเรียนราชินูทิศ 2 เปิดห้องเรียนกีฬาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สอนประเภทกีฬาฟุตบอลชาย และวอลเลย์บอลหญิง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการได้สนับสนุนอาคารเรียน สนามประกอบ อุปกรณ์การเรียนการสอน ที่พักนักเรียน อาหาร 3 มื้อ และยังมีการจัดงบฯพิเศษเพิ่มเติม เพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสฝึกทักษะการแข่งขัน โดยดิฉันเห็นว่าโครงการห้องเรียนกีฬาเป็นโครงการที่ดี จึงได้มอบหมายให้สพฐ.ได้พิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายผลเพิ่มมากขึ้นทั้งจำนวนโรงเรียน และจำนวนรับนักเรียนกีฬา ตลอดจนประสานกับสโมสรกีฬาต่างๆ เพื่อฝึกหัดและต่อยอดให้เด็กเข้าสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไป ” นางสาวตรีนุช กล่าว.


ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 8 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ยกย่องผลงานนักกีฬาพาราไทยสร้างชื่อให้ประเทศ คว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง “โซโล 2022”เกมส์ ประเทศอินโดนีเซีย

,

“พล.อ.ประวิตร”ยกย่องผลงานนักกีฬาพาราไทยสร้างชื่อให้ประเทศ
คว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง “โซโล 2022”เกมส์ ประเทศอินโดนีเซีย

“พล.อ.ประวิตร” ปลื้มผลสำเร็จ ทัพนักกีฬาพาราไทย ที่อินโดนิเซีย โชว์ผลงานคว้า รองแชมป์เจ้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ !!

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานประธานคณะกรรมการโอลิมปิกส์ แห่งประเทศไทย แสดงความยินทัพนักกีฬาพาราไทย สร้างผลงานในการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 “โซโล 2022″ เกินเป้าหมาย กวาดเหรียญทองได้ 116 เหรียญทอง 111 เหรียญเงิน 90 เหรียญทองแดง ได้เหรียญรวมทั้งสิ้น 317 เหรียญรางวัล จากที่วางเป้าหมายไว้ที่ 70 เหรียญทอง

“นับเป็นความก้าวหน้าของศักยภาพของสมาคมกีฬาทุกประเภท ที่สนับสนุนการฝึกซ้อมเพื่อสนับสนุนนักกีฬา จนประสบความสำเร็จด้วยการนำวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่เข้าไปดูแลการเพิ่มขีดความสามารถจนประสบความสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้”

ขอขอบคุณนักกีฬาพาราไทย ที่คนที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในเวทีการแข่งขันครั้งสำคัญของภูมิภาคอาเซียนเป็นผลสำเร็จ จนสามารถจากการค้าวเหรียญทองได้เป็นอันดับสองรองจากเจ้าภาพในครั้งนี้ และคว้าตำแหน่งรองแชมป์ การกีฬาแห่งประเทศไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนนักกีฬาทุกประเภทต่อไป ทั้งในการนำเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์การกีฬา ในการดูแลนักกีฬาเพื่อเตรียมรับการแข่งขันในรายการกีฬาต่างๆ “

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 8 สิงหาคม 2565

"พล.อ.ประวิตร" ปลื้มผลปราบค้ามนุษย์ ปี’65ถูกจัดอันดับดีขึ้นเดินหน้าคุมเข้มต่อ

“พล.อ.ประวิตร” ปลื้มผลปราบค้ามนุษย์ ปี’65ถูกจัดอันดับดีขึ้นเดินหน้าคุมเข้มต่อ

,

“พล.อ.ประวิตร” ปลื้มผลปราบค้ามนุษย์ ปี’65ถูกจัดอันดับดีขึ้นเดินหน้าคุมเข้มต่อ

“พล.อ.ประวิตร”ปลื้มไทยขึ้นกลุ่มเทียร์ 2 สำเร็จ หลังเร่งดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ต่อเนื่อง!!! พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เปิดเผยว่า นโยบายการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยที่มุ่งยกระดับสู่มาตรฐานสากล อันเป็นการปกป้องมิให้มีการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รัฐบาลมีผลงานก้าวหน้าตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จนในปี 2565 ได้รับการจัดระดับสูงขึ้นเลื่อนจากกลุ่มเทียร์ 2 Watchlist มาอยู่ในกลุ่มเทียร์ 2 ในปีนี้ พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมาตรการในการปราบปรามค้ามนุษย์ ที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ ปี 2565

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังได้มอบหมาย พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด เตรียมการและวางแผนการปฏิบัติเพื่อรองรับภารกิจ ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ทุกจังหวัดได้จัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่คัดกรองและคัดแยกบุคคลและกลุ่มเสี่ยงที่อาจตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ทีมสหวิชาชีพระดับจังหวัดในขั้นตอนภาวะปกติได้ครบทุกจังหวัด

สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเล และพื้นที่ชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงเฉพาะ ทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประมง กองกำลังชายแดน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกสถานที่เพื่อยกระดับความพร้อมในการปฏิบัติเต็มรูปแบบในพื้นที่ 10 จังหวัดเป้าหมาย

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร ให้เร่งผลักดันความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ โดยได้นำผู้บริหารโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์ในประเทศไทย (USAID Thailand CTIP) และ Winrock International ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ร่วมหารือกับคณะทำงานของกระทรวงแรงงาน เพื่อพัฒนาระบบและแนวทางป้องกันช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับและการค้ามนุษย์ และได้นำคณะผู้แทนและภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ (อาทิ Mars Petcare Thailand, Nauticomm, Etneca, Stella Maris, ITF, EJF) เข้าศึกษาดูงานศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) ณ กรมประมง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับแรงงานต่างด้าวในภาคประมง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างจัดทำร่าง MOU เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตการทำงานร่วมกันต่อไป สำหรับรูปแบบการทำงานของรัฐบาลไทยเชิงรุกโดยองค์การระหว่างประเทศและภาคเอกชนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์อย่างใกล้ชิดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงได้รับการชื่นชมจากต่างประเทศ โดยมีความก้าวหน้าและความมุ่งมั่นเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินความพยายามของรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

สำหรับความก้าวหน้าในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (Counter Trafficking in Persons Center of Excellence) เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ทางการออสเตรเลีย โครงการ ASEAN-ACT โดยคณะผู้เชี่ยวชาญจาก RCG ได้นำเสนอผลวิจัยกรอบดำเนินงานและแนวทางการพัฒนาศักยภาพในการต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย เพื่อใช้ในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศที่ทันสมัยในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมและสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ได้ตรวจร่างบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรเลียเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ปคม. คราวหน้าได้ในปี 2565 มีรายงานสถิติการจับกุมคดีค้ามนุษย์ได้แล้ว 151 คดี โดย พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับทุกหน่วยงานยกระดับความเข้มข้นในการสืบสวนปราบปรามและดำเนินคดีเพิ่มมากขึ้น และดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ของรัฐบาล รวมทั้งทุกมาตรการที่กำหนด เพื่อยกระดับประเทศไทยให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

,

เส้นทางผ้าขาวม้าเชื่อมโลก เปิดภาคอีสานแหล่งท่องเที่ยว-ลงทุน บูมเศรษฐกิจอีสาน !!! พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้กล่าวย้ำว่า ผ่านเวทีปราศรัยในจ.หนองคายและพื้นที่ใกล้เคียงว่า พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้จัดกิจกรรมโรดโชว์ (ครั้งที่ 2) ภายใต้แนวคิด”พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” พร้อมกล่าวชื่นชมความอุดมสมบูรณ์ของวัฒนธรรมอันดีงามของคนอีสานในการต้อนรับที่มาเยือนทุกครั้ง สะท้อนจากการผูกผ้าขาวม้ารอบเอว ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่น และเห็นคุณค่าของผ้าขาวม้าที่ถ่ายทอดถึง ความรู้สึกถึง”การเชื่อมโยง”ต่างๆ ทั้งความเจริญทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและผลักดันให้เกิดขึ้น

ดังนั้นผ้าขาวม้า เป็นเสมือนการสร้างเส้นทางนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่น ดินแดนภาคอีสาน ด้วยการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง ที่สามารถเชื่อมจีนเข้า สปป.ลาว ผ่านหนองคาย สู่ภาคอีสาน มาสู่กรุงเทพ และยังเชื่อมต่อลงใต้ไปประเทศมาเลเซีย และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านถนนเชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกกับอันดามัน ด้วยเส้นทาง east-west corridor รวมถึงการเชื่อมโลก ผ่านเส้นทางอากาศ ด้วยสนามบินนานาชาติ อุดรธานี ขอนแก่นและอุบลราชธานี เป็นต้น

“รัฐบาลได้ดำเนินการวางแผนเรื่องเส้นทางผ้าขาวม้าไว้แล้วและทำให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้คนอีสาน เดินทางไปยังทั่วโลกได้อย่างปลอดภัย และต้อนรับผู้คนทั่วโลกเข้าสู่ภาคอีสาน ด้วยเส้นทางคมนาคม บก ราง อากาศ ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ เพราะเราใจถึงพึ่งได้ จะช่วยให้คนอีสาน กินดีอยู่ดี”

นอกจากนี้ ยังได้ชื่นชมพี่น้องชาวอีสานที่มีส่วนร่วมแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ทั้งบนดิน และใต้ดิน อย่างได้ผล ซึ่งใน 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีพื้นที่ใดเลย ประสบภัยแล้ง นับเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจที่รัฐบาล โดยมีพรรค พปชร.เป็นแกนนำได้มอบให้กับคนอีสานด้วยความจริงใจ เพราะรู้ว่า “น้ำ คือชีวิต ของทุกคน” พร้อมยืนยัน มีพรรค พปชร. จะไม่มีภัยแล้งอีกต่อไป“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 สิงหาคม 2565