โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

“พล.อ. ประวิตร” หนุนเพิ่มผืนป่าเศรษฐกิจสร้างประโยชน์ให้ปชช. อนุรักษ์พื้นที่สีเขียว

,

“พล.อ. ประวิตร” หนุนเพิ่มผืนป่าเศรษฐกิจสร้างประโยชน์ให้ปชช. อนุรักษ์พื้นที่สีเขียว ตั้งเป้า ลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศนูย์ ปี 2065

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาลพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2564 ตั้งเป้าขยายพื้นที่ป่าอนุรักษ์ป่าเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายรัฐ เป็นศูนย์ปี 2065 เพิ่มปริมาณพื้นที่สีเขียว ประชาชนใช้ประโยชน์ เพื่อประกอบอาชีพ ควบคู่รักษาสิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน เพิ่มแหล่งต้นน้ำ

พลเอก ประวิตร กล่าวว่า ตามยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย กำหนดเป้าหมายการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก มีมาตรการสำคัญ ได้แก่ การปลูกและฟื้นฟูป่าอนุรักษ์ การปลูกป่าเศรษฐกิจ การเพิ่มพื้นที่พื้นที่สีเขียว และการป้องกันการบุกรุกป่าและเผาป่า ทั้งนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย ซึ่งกำหนดเป้าหมายการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ ที่ 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ณ ปี พ.ศ. 2580 โดยการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกมีบทบาทสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 ตามที่ประเทศไทยแถลงการณ์ไว้ที่การประชุม COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร

พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านการขับเคลื่อนและบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตจากมาตรการการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานอนุกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 30 คน ทำหน้าที่กำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์กลไกหรือมาตรการส่งเสริมการปลูกป่าอนุรักษ์ ป่าเศรษฐกิจ และพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชนบท ในการจัดสรรพื้นที่ปลูก อนุรักษ์ และฟื้นฟู รวมทั้งการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย มอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัด และกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศไทย ร่วมเตรียมการจัดประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference : TCAC) ในเดือนมิถุนายน 2565 มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพื้นที่ และร่วมกล่าวถ้อยแถลงคำมั่นสัญญาร่วมกันในลักษณะแถลงการณ์ร่วม/เป้าหมายการทำงานร่วมระหว่างภาครัฐ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งนำเสนอผลงานหรือโครงการที่มีความโดดเด่นในระดับจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด ทั้งด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแนวคิดการดำเนินการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศให้บรรลุเป้าหมายความเป็น
กลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้
ในปี ค.ศ. 2065

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 ธันวาคม 2564

“พล.อ. ประวิตร” ชู 5จี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มั่นใจดันเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่

,

“พล.อ. ประวิตร” ชู 5จี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มั่นใจดันเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่โตเพิ่ม 5.5 เท่า

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา “5G THAILAND BIG MOVE” โดยมีนาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมในพิธี

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ในนามของรัฐบาล มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานเปิดงานสัมมนา “5G THAILAND BIG MOVE” ในวันนี้ และได้เห็นภาพความร่วมมือร่วมใจแน่นแฟ้น เข้มแข็งของหน่วยงานของรัฐ ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) สำนักงาน กสทช. ร่วมด้วยภาคเอกชนในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และภาคประชาชน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย รอบปีที่ผ่านมา วิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการใช้ชีวิต การทำธุรกิจแบบเดิมไม่สามารถคงอยู่ได้ ท่ามกลางความท้าทายและความผันผวนของโลกที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงทุกประเทศต้องปรับตัว เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักเพื่อต่อสู้กับโลกที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลาท้าทายยุทธศาสตร์ของชาติที่ต้องเปลี่ยนและปรับให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ปรับตัวรับความท้าทายของโลกได้ดี เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการใช้เทคโนโลยี 5จี ที่กำลังกลายเป็นกลไกหลักในการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล พลิกโฉมประเทศ เสริมศักยภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ทั้งด้านการผลิต ด้านการเงิน ด้านการสาธารณสุข และด้านการเกษตร รัฐบาลมีนโยบายนำเทคโนโลยี 5จี ไปใช้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย และรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ด้วยการเข้าถึงบริการสาธารณสุข เกษตรอัจฉริยะ ยกระดับการศึกษา คุณภาพชีวิต และการสร้างงานสร้างรายได้ รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน โดยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 5จี ได้ด้วยตนเอง จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับชาติได้ต่อไปเทคโนโลยี 5จี จะมีความสำคัญมากต่อการการพัฒนาประเทศในโลกวิถีใหม่

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลมีความพยายามผลักดันให้เทคโนโลยี 5จี เกิดการใช้งานอย่างเป็นรูปธรรมในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดกับระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวม และเป็นฐานรากที่มั่นคงของเศรษฐกิจไทยในอนาคต พยายามผลักดันให้เทคโนโลยี 5จี เป็นกลไกในการพลิกโฉมประเทศ ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกสนับสนุนโอกาสให้กับธุรกิจต่างๆ สร้างโอกาสการแข่งขัน ด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งของไทย วันนี้เริ่มมองเห็นศักยภาพของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าเสริมประสิทธิภาพการทำงานในส่วนงานต่างๆ โดยดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบโจทย์การเติบโตในอนาคต คาดการณ์ว่าเทคโนโลยี 5จี จะสร้างเม็ดเงินได้มากกว่า 6.5 แสนล้านบาท และ 5จี จะช่วยเพิ่มมูลค่าจีดีพีให้กับประเทศไทย 5.5 เท่า ภายในปี 2578 แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี 5จี มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองอัจฉริยะแห่งภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแท้จริง ขอให้การจัดสัมมนาในวันนี้ บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทุกประการ เป็นก้าวที่สำคัญของการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยรูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 ธันวาคม 2564

3 ส.ส. เพชรบุรี ต้อนรับพลเอกประวิตร ประธานเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการฯ

, ,

3 ส.ส. เพชรบุรี ต้อนรับพลเอกประวิตร ประธานเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพิ่มประสิทธิภาพ
หน่วยงานพิทักษ์เด็กและสตรี!!!

ส.ส.สุชาติ (เปี๊ยก) อุสาหะ จังหวัดเพชรบุรี เขต 3 ส.ส.กฤษณ์ แก้วอยู่ จังหวัด เพชรบุรี เขต 1 และ ส.ส.สาธิต อุ๋ยตระกูล จังหวัดเพชรบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ร่วมงานพร้อมให้การต้อนรับ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธาน เปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง ของ ตำรวจประจำปีงบประมาณ 2565 ณ โรงแรมดุสิตธานี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร ยังได้เน้นย้ำว่า โครงการดังกล่าว ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งนับเป็นจุดยืนของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ต้องร่วมกันทำงานหนัก จริงจัง และต่อเนื่องกว่าที่เป็นอยู่ โดยยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และเร่งค้นหาเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ตกค้าง และคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะเด็กและสตรี ที่ถูกกักขัง หน่วงเหนี่ยวและถูกบังคับข่มขืนทรมานจิตใจ

โดยที่ผ่านมาการปราบปรามและจับกุมในคดีค้ามนุษย์ ลดลงอย่างชัดเจนต่อเนื่อง แต่พบว่ารายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบออนไลน์มากขึ้น การคัดแยกเพื่อค้นหาผู้เสียหายบังคับใช้แรงงานหรือการบริการ ยังไม่ได้มาตรฐานและยังพบปัญหาทุจริตของเจ้าหน้าที่ซึ่งปล่อยปละละเลยทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นใน ที่ทุกหน่วยงานต้องเข้มรับผิดชอบกำกับดูแลมากขึ้น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 ธันวาคม 2564

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน

, ,

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี และไร้ที่ทำกินจากผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 ย้ำเร่งรัดช่วยเหลือโดยเร็ว

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้พบปะกับตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จ.น่าน และชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 มีผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน โดยพลเอก ประวิตร ได้มอบหมายให้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือพปชร.เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องทุกข์เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือตามขั้นตอน

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส และ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และ
ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย พร้อมข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังปัญหา ซึ่งทราบว่า จนถึงขณะนี้ผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีดังกล่าวนั้น คดียังไม่มีความคืบหน้า แม้พนักงานสอบสวนพื้นที่จังหวัดน่าน ได้ทำสำนวนและมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปยังพนักงานอัยการ จ.น่านแล้ว แต่ชาวบ้านได้รับการประสานว่า อัยการส่งหนังสือกลับให้ตำรวจมีการสอบคดีเพิ่ม ทำให้ชาวบ้านกังวลในกระบวนการแก้ไขปัญหาล่าช้า สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินดังกล่าว

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า เบื้องต้นพลเอกประวิตร ได้มอบหมายให้ตนเอง ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด ให้ประสานงานร่วมกับนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งหาแนวทางประสานงานกับหน่วยงานราชการในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย โดยเร็ว

“เรื่องนี้ผมได้ติดตามมาตลอด ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่านท่านเก่า ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการสั่งไม่ฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการ แต่เนื่องจากตามกฎหมายต้องดำเนินการอย่างรัดกุมรอบคอบ ทางอัยการจังหวัดจึงได้ให้ทางตำรวจสอบสวนให้รัดกุม ซึ่งท่านรองนายกฯ ประวิตร ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย คือท่านประสาน กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ดังนั้นผมเอง ในฐานะที่ดูแลภาคเหนือ 8 จังหวัด และได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลกับท่านประสาน เพื่อเร่งดำเนินการแก้ปัญหา เพราะทราบดีว่าเรื่องนี้ล่าช้ามานานพอสมควร ทำให้พี่น้องที่ถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อน ซึ่งผมได้พูดคุยกันกับประธานพีมูฟและกรรมการมาตลอด จึงขอให้สบายใจ จึงขอฝากทางรองผู้ว่าฯ, นายอำเภอนาน้อย และตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และตำรวจท้องที่ เพื่อการขับเคลื่อน ซึ่งจะไม่ปล่อยให้ล่าช้า เราจะเร่งช่วยเหลือให้อย่างจริงจัง โดยเร็วที่สุด” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” ยกทัพ พปชร.“ธรรมนัส-นฤมล” ขึ้นเมืองน่าน พร้อมเปิดตัว 3 ขุนพล

,

“บิ๊กป้อม” ยกทัพ พปชร.“ธรรมนัส-นฤมล” ขึ้นเมืองน่าน พร้อมเปิดตัว 3 ขุนพลว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า มั่นใจสามารถชิงพื้นที่เมืองน่าน เพิ่มจำนวน ส.ส.ภาคเหนือตามเป้าหมาย

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมศาลากลาง จังหวัดน่าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยมี ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคฯ และ ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ร่วมคณะลงพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีนายวิรัช รัตนเศรฐ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคฯ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ สส บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรค นายสิระ เจนจาคะ สส กทม.นาย จีรเดช ศรีวิราช สส เขต 3 พะเยา และนายภาคภูมิ พิบูลย์มุข รวมถึงนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมคณะข้าราชการในพื้นที่ ให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียงภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เคร่งครัด

จากนั้น นายวิบูรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวรายงานผลการขับเคลื่อนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดน่านและโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจจากการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ผาเวียง ขณะที่ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอภาพรวมบริหารจัดการน้ำตามาตรการกอนช.ในพื้นที่จังหวัดน่าน ตามลำดับ

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งและเก็บกักน้ำในฤดูฝนที่ผ่านมา พร้อมมอบหมาย สทนช.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนจัดสรรน้ำ รวมถึงกำหนดแนวทางและมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง-น้ำหลากในระยะยาว นอกจากนี้รัฐบาล ยังให้ความสำคัญและติดตามในการเร่งรัดพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยง จ.น่าน-พะเยา และการก่อสร้างสะพานและถนนเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ผาเวียง-ปากนาย ตามข้อเสนอของจังหวัดน่าน เพื่อสร้างความเจริญ และความอยู่ดีกินดีของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

จากนั้น พล.อ. ประวิตร พร้อมคณะเดินทางต่อไปยังโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำสระน้ำบ้านศรีเกิด ม.3 ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน โอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยร.อ. ธรรมนัส, ศ.ดร. นฤมล และนายวิรัช ยังได้ร่วมพบปะผู้นำชุมนุมและประชาชนในพื้นที่ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ ในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้แก่ นายสักก์สีห์ พลสันติกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, นายพิชิต โมกข์ศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และนายฉัตรชัย จิตตรง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 โดย 3 ว่าที่ผู้สมัครดังกล่าวแนะนำตัวเอง ซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกันคือการพัฒนาเมืองน่านให้ก้าวหน้าในอนาคต บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของพลังคนรุ่นใหม่ ร่วมแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส เชื่อมั่นว่า ว่าที่ผู้สมัครฯทุกคนล้วนเติบโตมาจากลูกหลานชาวเมืองน่าน และต่างก็มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ จะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพื่อเข้ามาร่วมขับเคลื่อนงานของพรรคอย่างเข้มแข็ง เพื่อจะได้ช่วยกันผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาเมืองน่าน และเชื่อมโยงเครือข่ายพื้นที่ภาคเหนือต่อไปในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายพรรคที่มีเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ขณะที่นางนฤมล กล่าวว่า มีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกับตัวแทนพรรคฯในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองมีโอกาสลงพื้นที่พร้อมด้วยร้อยเอกธรรมนัสหลายครั้ง จึงเห็นความตั้งใจในความต้องการที่จะร่วมขับเคลื่อนพัฒนาเมืองน่านไปพร้อมกันกับประชาชนในพื้นที่ ด้วยการผลักดันนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ในสังคมส่วนรวม ตรงความต้องการ ทั้งในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การพัฒนาฝีมือแรงงาน ส่งเสริมสินค้าในชุมชน เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชน
เพิ่มมากขึ้น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 พฤศจิกายน 2564

พล.อ. ประวิตร ลั่น พปชร. เป็นหนึ่งเดียวหนุน ส.ส. กทม. ลุยทำงานเต็มสูบ

, ,

พล.อ. ประวิตร ลั่น พปชร. เป็นหนึ่งเดียวหนุน ส.ส. กทม. ลุยทำงานเต็มสูบ หวังรับโอกาสจากปชช. เลือก ส.ส. ครองแชมป์อันดับ 1 พื้นที่กทม. อีกครั้ง

พล.อ. ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเวทีพบปะตัวแทนพรรค 30 เขตกทม. พร้อม ส.ส.ในพื้นที่ ตอกย้ำความเชื่อมั่นพรรคเป็นหนึ่งเดียว ดึงคนรุ่นใหม่ทำงานร่วมกับผู้มีประสบการณ์ ลุยทำงานช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาทุกพื้นที่ มั่นใจการเลือกตั้งสมัยหน้า คว้าชัยชนะอันดับ 1 กทม. อีกครั้ง

วันที่ 27 พ.ย. 64 เวลา 17.00 น. ณ ห้องประชุม โรงแรมรอยัลริเวอร์ เชิงสะพานกรุงธน เขตบางพลัด กทม. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นประธานการประชุมสัมมนาสมาชิกพรรค พปชร. กรุงเทพมหานคร (กทม.) และมอบนโยบายพรรค โดยมีผู้บริหารพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และทีมสมาชิกพรรคใน กทม. ให้การร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

เวลา 17.20 น. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ได้ขึ้นเวทีกล่าวต้อนรับตัวแทนพรรคประจำเขต กทม.ในเขตเลือกตั้งที่ 22 27 28 29 และ 30 พร้อมมอบนโยบาย และทิศทางการทำงานของภาค กทม. และคณะทำงานภาค โดยมีนายจักรพันธ์ พรนิมิตร หัวหน้าภาค กทม. เป็นผู้ประสานงานดูแล ส.ส. ภาคกทม. ซึ่งประกอบด้วยทีมที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชนตามแนวทางของพรรค ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ที่จะได้รับโอกาสในการเข้ามาสู่การเป็นตัวแทนของประชาชนอีกครั้งเหมือนกับการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าว แสดงจุดยืนของพรรค พปชร. ให้กับตัวแทน และสมาชิกพรรค ว่า ในการขับเคลื่อนของพรรค ที่ปัจจุบัน เรามี ส.ส.จำนวน 12 คน ถือเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และหวังว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราจะมีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก โดยอาศัยความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวของตัวแทนพรรคทั้ง 30 เขต ในพื้นที่ กทม. โดยย้ำให้สมาชิกทุกคนช่วยกันดูแลและสนับสนุนพรรค เพราะไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ เป็นสถาบันการเมืองที่พร้อมทำงานให้กับประเทศชาติ ประชาชน ยึดมั่นในสถาบันฯ ซึ่ง พรรค พปชร. พร้อมร่วมมือกันทำงาน ในการช่วยเหลือประชาชนให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งตนในฐานะหัวหน้าพรรค จะทำหน้าที่ในการดูแล ส.ส. และพรรคการเมืองให้เป็นปึกแผ่น ส่วนนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนประเทศชาติให้เดินหน้าต่อไป

โอกาสนี้ ร.อ. ธรรมนัส และ ศ.ดร.นฤมล ได้ร่วมพบปะ ส.ส. และตัวแทนพรรค พร้อมให้กำลังใจ ตัวแทนพรรคใน กทม. และทีมงานทุกคน ขอให้มุ่งมั่นขับเคลื่อนการทำงานนโยบายพรรค ตามที่หัวหน้าพรรคได้เน้นย้ำไว้ ซึ่งที่ผ่านมา ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดโควิด-19 ปัญหาอุทุกภัยในพื้นที่ต่างๆ รอบกรุงเทพฯ จึงมั่นใจว่าประชาชนจะมีความไว้วางใจ และมีความเชื่อมั่นที่จะได้รับโอกาสในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะมาถึง เพื่อให้พรรค พปชร. ได้รับชัยชนะ เป็นอันดับ 1 อีกครั้ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 27 พฤศจิกายน 2564

นายกรัฐมนตรีห่วงน้ำท่วมภาคใต้ อธิรัฐ สั่งการกรมเจ้าท่าเร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

,

“นายกรัฐมนตรีห่วงน้ำท่วมภาคใต้” อธิรัฐ สั่งการกรมเจ้าท่าเร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าท่านนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยถึงสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21 – 26 พฤศจิกายน โดยเฉพาะที่จังหวัดชุมพร เกิดน้ำป่าไหลหลากส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ ได้แก่ อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.พะโต๊ะ และ อ.ละแม เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย และถนนสายต่างๆ ที่ติดต่อระหว่างตัวอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านต่างๆ ไม่สามารถสัญจรได้

ตนได้สั่งการด่วนที่สุดให้กรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 และสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 6 ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่รวม 2 ศูนย์ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ รวม 9 นาย รถยนต์ 3 คัน เรือ 2 ลำ และเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำเรือจำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือพระราชทาน01 พร้อมถุงยังชีพ จำนวน 20 ถุง ข้าวกล่อง 100 กล่อง และน้ำดื่ม จำนวน 400 ขวด ออกเดินทางช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่ตำบลนาพญา อำเภอหลังสวน รวมทั้งนำเรือพระราชทาน02 พร้อมข้าวกล่อง 100 กล่อง และน้ำดื่ม 200 ขวด เข้าช่วยเหลือในพื้นตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน และจากอิทธิพลดังกล่าวอาจส่งผลให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจึงให้กรมเจ้าท่าติดตามข้อมูลและประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สำหรับประกาศแจ้งเตือนชาวเรือให้ใช้ความระมัดระวังหรืองดการเดินเรือในพื้นที่เสี่ยงภัยและมีคลื่นสูงในระยะนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 26 พฤศจิกายน 2564

ธรรมนัส-นฤมล เปิดสาขา พปชร.ขอนแก่น ผนึกทีม ส.ส. ขับเคลื่อนนโยบาย

, ,

ธรรมนัส-นฤมล เปิดสาขา พปชร.ขอนแก่น ผนึกทีม ส.ส.ขับเคลื่อนนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง

“ธรรมนัส-นฤมล” นำคณะลุยอีสานไม่หยุด ล่าสุด ร่วมประชุมจัดตั้งสาขาพรรคและคณะกรรมการสาขาพรรคพลังประชารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 ย้ำร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว มีความเข้มแข็ง สามัคคีกัน เพื่อผลักดันขับเคลื่อนนโยบายพรรคฯ เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า และมั่นใจกวาดที่นั่ง ส.ส.เพิ่มมากขึ้น

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองศิลา ตําบลศิลา อําเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคฯ,นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พปชร.ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคฯภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน, นายวัฒนา ช่างเหลา และ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนก่น พปชร. ร่วมประชุมเพื่อจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 โดยสมาชิกพรรคฯที่มีภูมิลําเนาในเขตเลือกตั้ง มารายงานตัว และลงทะเบียนเข้าประชุมเป็นจำนวนมาก ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ดำเนินการคัดเลือกสาขาพรรคกํารเมืองจังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 ตามลำดับ ทั้งการคัดเลือกคณะกรรมการสาขาพรรคฯ กำหนดไม่น้อย กว่า 7 คน โดยให้ที่ประชุมลงมติแบบเปิดเผย(ยกมือ) ก่อนจะเลือกตําแหน่งหัวหน้าสาขา ซึ่งสมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือกเป็นหัวหน้า และมีผู้รับรองเกินกว่า 2 คน ให้ที่ประชุมลงมติโดยการเปิดเผยเช่นกัน จากนั้นเลือกรองหัวหน้า เลขานุการ เหรัญญิก และนายทะเบียนสมาชิกสาขา ให้สมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือก เป็นนายทะเบียนสมาชิก พร้อมผู้ช่วยนายทะเบียน โดยทุกตำแหน่งดังกล่าว ให้สมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือก โดยมีผู้รับรองเกินกว่า 2 คน ให้ที่ประชุมลงมติโดยการเปิดเผยเช่นเดียวกัน เมื่อขั้นตอนเสร็จสิ้นแล้ว ก็มีการกำหนดสถานที่ตั้งสาขาพรรคการเมืองจังหวัดขอนแก่น เขตการเลือกตั้งที่ 1 และสรุปผลการประชุมพร้อมข้อเสนอแนะกํารขับเคลื่อนของสาขาพรรคการเมือง ซึ่งบรรยากาศเป็นอย่างเรียบร้อย

ด้านร้อยเอก ธรรมนัส ได้กล่าวในโอกาสพบปะกับผู้แทนสาขาพรรคการเมืองจังหวัดขอนแก่น เขต เลือกตั้ง ที่ 1 และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ช่วงหนึ่งว่า ขอชื่นชมและยินดีกับการดำเนินการ จัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 และคณะกรรมการสาขาพรรคที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย สะท้อนความรักสามัคคีของสมาชิกพรรคฯ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาพรรคไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับนโยบายของพรรค ที่มีท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เน้นย้ำต้องการเห็นความเข้มแข็ง เป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกรวมถึงส.ส.ทุกคน เพื่อจะได้ร่วมกันผลักดันนโยบายบายของพรรค ที่ยึดมั่นเชิดชูในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมุ่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคได้ทำงานหนักผ่านกลไกของรัฐ ในฐานะแกนนำของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง

“การจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 และคณะกรรมการสาขาพรรคในวันนี้ ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะขอนแก่นถือเป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน ภาคอีสานจะเจริญหรือไม่ให้ดูที่ขอนแก่น และภาคอีสาน ถือว่ามีประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มีส.ส. ตามรัฐธรรมนูญเก่าถึง 132 ที่นั่ง การที่จะยกระดับพัฒนาภาคอีสาน จึงจำเป็นต้องพัฒนาขอนแกน่ให้เจริญก่อน ดังนั้นพรรคจึงให้ความสำคัญดังกล่าว และการจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 วันนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคต ซึ่งตามระยะเวลาของรัฐบาลที่เหลือปีกว่าๆ ผมในฐานะแม่บ้านของพรรค และ ส.ส.ของพรรค จะทำงานร่วมกันกับ ส.ส.ของพรรคและคณะทำงานทุกฝ่ายอย่างเข้มข้นต่อไป จึงขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในนโยบายของพรรคฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ภายใต้การนำของท่านหัวหน้าพรรค ที่มีเป้าหมายทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชน ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคฯ ได้เน้นย้ำมาตลอดว่า ทุกคนต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เดินไปข้างหน้า เพื่อความเป็นปึกแผ่นของพรรคฯและเป็นที่พึ่งพาได้ของประชาชนต่อไป ” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ขณะที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคฯ ได้เน้นย้ำเช่นกันว่า ขอให้ตัวแทนแทนพรรคและสมาชิกพรรคฯมั่นใจว่าภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร พรรค พปชร.จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และมีชัยชนะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน จึงพร้อมเปิดโอกาสให้ ส.ส.ของพรรคฯแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายพรรค ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีประโยชน์ต่อประชาชน และช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองอย่างเข้มแข็งต่อไป

ร้อยเอกธรรมนัส ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ด้วยว่า วันนี้พรรคฯมีการประชุมเพื่อหาตัวแทนและเลือกสาขาระดับภาค จากก่อนหน้านี้มีตัวแทนสาขาภาคเหนือและภาคใต้แล้ว จึงดำเนินการในส่วนภาคอีสานที่จังหวัดขอนแก่นในวันนี้ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตามวัตถุประสงค์ของพรรค

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 พฤศจิกายน 2564

“ดร.ส้ม” สืบสานประเพณีไทย นำทีมพรรค พปชร.ลอยกระทงรัฐสภา

, ,

“ดร.ส้ม” สืบสานประเพณีไทย นำทีมพรรค พปชร.ลอยกระทงรัฐสภา

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 เวลา 17.00 น. บริเวณรัฐสภา ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 ปทุมวัน บางรัก สาทร และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางกอกน้อยและบางพลัด พปชร. และนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร.

ด้วยชุดแต่งกายผ้าไทย ร่วมกิจกรรมประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2564 ในงาน“รัฐสภาร่วมใจ สืบสานวัฒนธรรมไทยลอยกระทงวิถีใหม่”เพื่อสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่ทรงคุณค่าของไทย โดยในปีนี้ได้นำกระทงของพรรค พปชร.ที่ประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติร่วมลอยกระทงในวันนี้เพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและแม่น้ำลำคลอง

ดร.พัชรินทร์ กล่าวว่า สำหรับบรรยากาศงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2564 บริเวณรัฐสภาเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาเที่ยวชมงานเป็นจำนวนมาก ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวด ซึ่งกิจกรรมในวันนี้การแสดงดนตรีไทย และแสดงผลงานประกวดกระทงสืบสานประเพณีวิถีไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย บูทขายสินค้าซึ่งมีประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากได้เป็น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 19 พฤศจิกายน 2564

“ธรรมนัส-นฤมล” นำทีมพปชร.ขึ้นเหนือ ร่วมพบปะตัวแทนพรรคฯ

,

“ธรรมนัส-นฤมล” นำทีม พปชร.ขึ้นเหนือ ร่วมพบปะตัวแทนพรรคฯประจำจังหวัดเขตเลือกตั้ง จ.น่าน โดยมี สมาชิกพรรคฯและ ส.ส.พื้นที่ใกล้เคียงให้การต้อนรับคึกคัก

ที่ 18 พฤศจิกายน 2564 เวลา 16.30 น. ที่บริเวณห้องประชุม น่านกรีนเลควิว รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา เขต 3 และนายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 ร่วมประชุมและพบปะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จังหวัดน่าน เพื่อคัดเลือกตัวแทนพรรคฯประจำจังหวัดเขตเลือกตั้งใน เขต 1 เขต 2 และเขต 3 โดยมีคณะกรรมการกกต.จังหวัดน่าน ร่วมสังเกตการณ์ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอให้ผู้รับคัดเลือกตัวแทนพรรคฯประจำจังหวัดเขตเลือกตั้ง และสมาชิกพรรคฯจังหวัดน่านเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคฯ ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคฯที่มีเป้าหมายและจุดยืนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพรรคพลังประชารัฐ มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนผ่านกลไกในหน่วยงานภาครัฐ ในฐานะแกนนำของรัฐบาลจนประสบผลสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายที่เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด

“วันนี้ผมขอแสดงความยินดีกับผู้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรคฯ ซึ่งทุกท่านล้วนมาจากตัวแทนพี่น้องในพื้นที่ ซึ่งรับทราบปัญหาและความเดือดร้อนของชาวบ้านอยู่แล้ว ทั้งเรื่องที่ดินทำกินในเขตป่าสงวน ปัญหาการใช้น้ำ และพื้นที่กักเก็บน้ำ รวมทั้งปัญหาเตาเผาขยะของหมู่บ้านสะปัน ที่พรรคฯเชื่อว่าเป็นเรื่องที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยทีม ส.ส.ในพื้นที่ที่มีการทำงานด้วยความตั้งใจ สอดคล้องกับการทำงานเป็นทีมร่วมกับทางพรรค ที่จะทำให้เห็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองน่านให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ พัฒนาเจริญก้าวหน้าเพื่อชาวเมืองน่านในอนาคต” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

ขณะที่ ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้มาพบปะพี่น้องชาวเมืองน่านอีกครั้ง และเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาเมืองน่านไปพร้อมกันกับประชาชนในพื้นที่ โดยพรรคฯพร้อมเปิดโอกาส ส.ส.พรรคฯได้โชว์ฝีมือ และศักยภาพในการทำงานได้ตรงตามความสามารถ ตามเป้าหมายสำคัญ เพื่อลดความยากจนให้กับประชาชนในระยะยาว รวมทั้งต่อยอดนโยบายของพรรค เช่นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ดูแลประชาชนอย่างเหมาะสมและเป็นระบบ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการสนับสนุนจากประชาชน โดยมี ส.ส.ของพรรคร่วมขับเคลื่อนผลักดันกับรัฐบาลเพื่อให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 19 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.ไพลิน” เสนอสภาฯ แก้ปัญหาประมงชายฝั่ง อ.พระสมุทรเจดีย์

, ,

“ส.ส.ไพลิน” เสนอสภาฯแก้ปัญหาประมงชายฝั่งอ.พระสมุทรเจดีย์ รับผลกระทบจากมวลน้ำเหนือ หนุนเป็นเขตภัยพิบัติขอรัฐเยียวยา

“ส.ส.ไพลิน” หารือ สภาฯ ช่วยเหลือเกษตรกรประมงชายฝั่ง อ.พระสมุทรเจดีย์ รับผลกระทบมวลน้ำเหนือ ปริมาณฝนเพิ่ม ส่งผลน้ำทะเลจืด กระทบการเลี้ยงสัตว์น้ำ สูญเสียรายได้ เตรียมส่งเรื่องพิจารณา เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เฉพาะเขต เพื่อเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือ และเยียวยา ผ่านกลไกช่วยเหลือของภาครัฐ

นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ เขต7 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวประมงชายฝั่ง และกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ในพื้นที่อ.พระสมุทรเจดีย์ กำลังเผชิญปัญหาความเสียหายจากภัยพิบัติ ส่งผลสัตว์ที่เลี้ยงและเพาะพันธ์เสียหายเป็นจำนวนมาก กระทบต่อการประกอบอาชีพ ซึ่งตนในฐานะที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าว ได้นำเรื่องเสนอเพื่อหารือกับสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องไปยังรัฐบาลและหน่วยที่เกี่ยวข้องในการเข้าช่วยเหลือ และเยียวยาชดเชยความเสียหายอย่างเร่งด่วน พร้อมให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการประกาศในการเป็นพื้นที่ ภัยพิบัติเฉพาะ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ เนื่องจาก เป็นพื้นที่รับน้ำจากภาคเหนือไหลผ่านกรุงเทพฯ และไหลลงสู่อ่าวไทยบริเวณ จ.สมุทรปราการ ประกอบกับมีปริมาณฝนจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณความเค็มของน้ำทะเลลดลง “ที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ ไม่ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ จึงไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือและเงินเยียวยาจากภาครัฐได้ จำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการนำหัวแร่ธาตุทดแทนน้ำทะเล เพื่อเพิ่มปริมาณความเค็มในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น”

จากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ที่ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาน้ำทะเลเจือจาง (น้ำทะเลจืด) ทำให้เกษตรกรผู้
เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อาทิ กุ้ง และหอย ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 14,680,000 บาท ปัจุบันที่มีผู้เพาะเลี้ยงทั้งสิ้น 1,754 ราย หรือกว่า 38,926 ไร่ แบ่งเป็นประมงชายฝั่ง 1,086 ราย คิดเป็นพื้นที่เพาะเลี้ยง 22,495 ไร่ และประมงน้ำจืด 668 ราย คิดเป็นพื้นที่เพาะเลี้ยง 16,431 ไร่

นอกจากนี้ยังได้เตรียมนำปัญหาดังกล่าวยื่นเสนอต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณามาตรการการเยียวยาชดเชยความเสียหาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ดังกล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 18 พฤศจิกายน 2564

‘บิ๊กป้อม’ ห่วงประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ นำ ‘ธรรมนัส-นฤมล’ ลงพื้นที่

,

‘บิ๊กป้อม’ ห่วงประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ นำ ‘ธรรมนัส-นฤมล’ ลงพื้นที่ชุมพร-สุราษฎร์ธานี มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย พร้อมเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อบูรณาการข้อมูลสารสนเทศแจ้งเตือนภัยพิบัติให้ประชาชนรับมือได้ทันท่วงที

‘บิ๊กป้อม’ กระชับแผนป้องกันอุทุกภัยภาคใต้ ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
ร่วมกับ เลขาฯ ธรรมนัส – ดร.นฤมลฯ บูรณาการหน่วยงานวางแผนป้องกัน ผลกระทบระยะยาว พร้อมเปิด ‘ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าภาคใต้’ เชื่อมโยงข้อมูล ประเมินสถานการณ์ลดความเสี่ยง ภัยพิบัติ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนรับมือได้ทันท่วงที พร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในพื้นที่

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมศาลากลาง จังหวัดชุมพร พล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และคณะส.ส.พปชร. ลงพื้นที่ตรวจราชการและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วม พร้อมทั้งติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ โดยมีนายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด คอยให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง และ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวรายงานโครงสร้างอำนาจหน้าที่คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ และ ดร.สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กล่าวรายงานคาดการณ์สภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้บริหารสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และเลขาธิการกรมป้องกันและกรมบรรเทาสาธารณภัย บรรยายสรุปสถานการณ์อุทุกภัย และแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหา โดยขณะนี้ ชุมพร มีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหลังสวน อำเภอสวี และอำเภอท่าแซะ รวม 15 ตำบล 66 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,876 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย ระดับน้ำลดลง

พลเอก ประวิตรฯ มอบนโยบายว่า ขณะนี้ภาคใต้ของประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมา อิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้มีสถานการณ์ฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่หลายจังหวัด ซึ่ง จ.ชุมพร เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบกับสถานการณ์อุทกภัย โดยเฉพาะบริเวณ อ.หลังสวน อ.สวี อ.ท่าแซะ อ.ทุ่งตะโก และ อ.เมือง โดยรัฐบาลมีความห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย ในวันนี้จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดบูรณาการความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย รวมทั้งเร่งสำรวจความเสียหาย ฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบตามเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจาก กอนช. ได้คาดการณ์ว่า ยังคงมีพื้นที่เสี่ยงในบริเวณภาคใต้ซึ่งจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจุบันมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลายแห่ง เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสูงสุดในการรับมือกับสถานการณ์น้ำ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ และจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตาม ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำและอำนวยการหน่วยงานในพื้นที่ ในการบริหารจัดการมวลน้ำช่วงฤดูฝนภาคใต้ปี 2564 ให้เกิดความเป็นเอกภาพและสามารถคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว พร้อมมอบหมายให้ทุกหน่วยงานใช้ข้อมูลจากศูนย์บริหารจัดการน้ำฯ ในการวางแผนบริหารจัดการน้ำหลาก เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป

เวลา 15.30 น. พลเอก ประวิตรฯ พร้อมคณะเดินทางไปมอบถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด ให้กับผู้ประสบภัย ที่โรงเรียนอนุบาลสวี จ.ชุมพร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วม ทั้งนี้ พลเอก ประวิตรฯ ยังได้พบประชาชนและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนเพื่อนำไปพิจารณาประสานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที

เวลาประมาณ 16.30 น. พลเอก ประวิตรฯ พร้อมคณะได้เดินต่อไปยังห้องประชุมตาปี ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 ตำบลหนองไทร อ.พุนพิน จ. สุราษฎร์ธานี โดยมีนาย นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและแผนเผชิญเหตุให้การช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัย ตลอด 24 โดยมีเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สรุปแนวทางการบริหารจัดการน้ำของจ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่ ปภ.รายงานว่า สุราษฎร์ธานี มีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอนสัก อำเภอท่าชนะ อำเภอเกาะสมุย และอำเภอกาญจนดิษฐ์ รวม 7 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 373 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

จากนั้น พลเอกประวิตรฯ ได้เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศจากทุกหน่วยงานใช้คาดการณ์และวิเคราะห์สภาพอากาศปริมาณลำน้ำ แหล่งเก็บกักน้ำ พื้นที่น้ำหลาก และแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในภาคใต้ รวมทั้งอำนวยการร่วมกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (บกปก.ก.) เพื่อแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และเพื่อแจ้งเตือนประชาชนรับมือได้ทันท่วงที

สำหรับศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ดังกล่าว มีรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สนทช.) ทำหน้าที่ผู้อำนวยการ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 17 พฤศจิกายน 2564